Chapter 25 เรื่องโง่ ๆ ของความรัก

 

เสียงสัญญาแจ้งเตือนประตูและมีคนออกจากห้องของเจ้านาย มิกซ์กลับมาพร้อมเจ้านายอาบน้ำเสร็จพอดี จึงเดินมาดูร่วมกับเป้ที่รุ่นพี่บอดี้การ์ดประจำตัวเจ้านาย

ภาพคนรักของเจ้านายยืนพิงค่อยทรุดตัวซุกหน้ากอดเข่า นั่นทำให้รู้ว่าต้องการเกิดบางอย่างระหว่างทั้งสอง พวกเขามองหน้ากันไปมาเฝ้ามองบรรยากาศอึมครึม เพียงคิดว่าเจ้านายสาวจะตามออกมา จนเวลาล่วงเลยไปพอสมควร พวกเขาถึงรู้ว่าเจ้านายเขาไม่ได้ตามออกมาแน่ มิกซ์บอดกี้การ์ดผู้ดูแลหญิงสาวขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนและเฝ้าตรงนั้น

เมเปิลใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน ยกมือปาดน้ำตา สูดน้ำมูก ก้าวเดินไปข้างหน้าแข็งใจไม่หันกลับไปมอง ตั้งปณิธานเอาไว้ “เมื่อก้าวออกมาแล้ว เมลก็จะไม่พาตัวเองกลับมา พี่ต้องเป็นคนพาเมลกลับมาอีกครั้ง”

“คุณเมเปิลครับ” เสียงเรียกขานจากชายหนุ่มบอดี้การ์ด

“ค่ะ?”

“จะกลับคอนโดใช่ไหม” หลังชายหนุ่มถามจบผายมือนำไปในลิฟต์

เมเปิลเงยหน้าขึ้นยกมือปากคราบน้ำตาเอ่ยคลอขอบเบ้าตา “ค่ะ! แต่ไม่ต้องไปส่งเมลหรอก”

“เอ่อ...ให้ผมทำหน้าที่เถอะนะครับ” ถ้าจะให้บอกว่าใครคือเจ้านายก็คงเป็นผู้หญิงคนนี้ถึงแม้เขาเองจะรับเงินจากเจ้านายอีกคนก็ตาม ถึงมันจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่อาจจะยุ่งได้ มันก็อดเป็นห่วงอยู่ดี

เมเปิลพยายามฝืนฉีกยิ้ม “คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ อาจจะไม่ต้องทำอีกต่อเลยก็ได้นะคะ”

“งั้นผมขอลงไปส่งข้างล่างนะครับ” มิกซ์รู้ว่าต่อพูดแค่ไหน คนตรงหน้าก็ยังยืนยันคำตอบแบบเดิม เขาจำใจปล่อยและค่อยแอบตามไป

 

ชายหนุ่มเดินตามหลังหญิงสาวตาแดงก่ำพาไปส่ง มิกซ์โบกเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาให้หญิงสาว เป้เองขับอีกคนมาจอดรอให้มิกซ์เพื่อขับรถตามไปดูความปลอดภัยของแฟนสาวของเจ้านายพวกเขา

 

“หวัดดีจ้าเพื่อนสาว...” จัสมินเพื่อนสนิทของเมเปิลเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาหยุดทักทายเมื่อเจอสภาพหญิงสาวตรงหน้า “เชี่ย!! ทำไมเพื่อนกูมีสภาพเยี่ยงนี้” แม้จะถูกกลบด้วยเครื่องสำอางก็ตาม ใบหน้าที่เอาแต่ร้องไห้จนหลับมาหลายวันติด

“งานเยอะน่ะมึง” เมเปิลตอบปัดไป “แล้วทำไมมาได้ หลานกูล่ะ” เมเปิลเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนพร้อมกวาดสายตาไปยังประตูเพื่อว่าจะมีเด็กชายตัวน้อย ๆ วิ่งเข้ามา

มองดูยังไงสภาพที่เห็นก็คือร้องไห้แน่ ๆ เมื่อเจ้าตัวไม่คิดจะบอกเธอจึงเลือกจะไม่ซักไซ้ต่อ “วันนี้วันฟรีเดย์ของคุณแม่ค่ะ ยายมันมารับไปเลี้ยงรวมเสาร์อาทิตย์นี้ด้วย เพื่อให้กูกับพี่ภามม์ทำหลานให้เขาอีกคน” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่ายจะพูดในเรื่องนี้อีก

“งั้นวันนี้ไปแฮงเอ้ากับกู” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม

“ก็ได้แหละมึง แต่กินเยอะจนเมาไม่ได้ ต้องปั๊มนม”

เมเปิลพยักหน้าเข้าใจ “งั้นไม่ต้องหรอกมึง”

สองเพื่อนรักกำลังจะคุยกันต่อ โทรศัพท์ภายในดังขึ้น กดรับสายเสียงขอเลขาเธอดังขึ้น “คุณเมเปิลค่ะ คุณอาคิรามาขอพบค่ะ” ใจเธอห่อเหี่ยวลงทันทีเมื่อคนที่ขอพบไม่เป็นคนหวังเอาไว้

หญิงสาวเงียบลงสักครู่ “อืมให้เข้ามาเลย”

จัสมินยังคงโกรธชายหนุ่มคนนี้อยู่ ถึงชักสีหน้าไม่พอใจให้แก่เมเปิล ยอมสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน ยังไม่ตรงนี้คือพื้นที่ของเพื่อนเธอ จะโวยวายรอให้อดีตแฟนเพื่อนมาก่อน ประตูหน้าห้องเปิดให้อีกคนเข้ามา ชายหนุ่มตรงหน้าดูโทรมหมดเค้าโครงความหล่อเหลาแถมสภาพเดียวกับหญิงสาวเจ้าของห้อง

“เชี่ย!!!” จัสมินอุทานดังลั่น “สภาพเดียวกันเลย”

ซันขานรับ “มีใครติดต่อไนน์ได้บ้างไหมครับ ไนน์สบายดีไหม”

เมเปิลถอนหายใจ ความจริงเธอไม่อยากพบหน้าชายหนุ่มตรงหน้า เพราะเป็นคนทำให้เพื่อนเธอเสียใจจนต้องหนีไปไหนก็ไม่รู้ และยังเป็นสาเหตุให้เธอกับคนรักต้องทะเลาะกัน แต่พอรู้ความจริงว่าเหตุการณ์นั้นมันเกิดจากหญิงสาวที่ชื่อวีว่าวางยาปลุกเซ็กซ์จนเกิดเรื่องราวตามมา ความโกรธก็เบาบางลงไปบ้าง

“ไม่เลยค่ะ ไม่มีใครติอต่อไนน์ได้เลยสักคน” เมเปิลเน้นย้ำในคำพูด

“ใช่ค่ะ!! หลังจากเกิดเรื่องยังไม่มีใครได้เห็นหัวมันเลย!!” จัสมินกดเสียงต่ำจิกกัดและตอกย้ำในความผิดของชายหนุ่ม

“งั้นเหรอครับ แต่ถ้าติดต่อช่วยบอกพี่หน่อย ว่าไนน์สบายดี กินข้าวทุกมื้อ นอนหลับพักผ่อนบ้างนะ”

“สบายดีกับผีน่ะสิ คนเพิ่งโดนแฟนนอกใจ กินอิ่มนอนหลับได้มั่ง” เสียงประชด สายจ้องมองไปยังอีกฝ่ายพร้อมจะด่ากราด หากหลุดคำแก้ตัวมาแม้แต่คำเดียว

“ครับพี่ขอโทษ” ซันตอบกลับเสียงอ่อนแรงเจือปนความผิดหวังในตัวเอง “งั้นพี่ไม่รบกวนแล้ว ฝากบอกไนน์ด้วยนะครับว่าพี่ขอโทษและเป็นห่วงมาก ๆ ขอตัวนะครับ” เขารับรู้สายตามองไม่ชอบหน้าเขาในตอนนี้เท่าไหร่

“ถ้าพวกเราติดต่อหรือไนน์ติดต่อมาจะบอกให้นะคะ” เมเปิลบอก

อดีตแฟนหนุ่มของเพื่อนเดินออกไป จัสมินมองค้อน เสียงเขียวใส่เพื่อนสาวทันที “ไปช่วยทำไม!!”

“ก็แค่ตอบไปให้มันจะได้จบ ๆ ไงมึง” เมเปิลบอกเหนื่อยและพร้อมจะหมดแรง

“เออ ๆ ยอม” เมื่อเห็นใบหน้าไม่สดใส หม่นหมองและอมทุกข์จัสมินจึงหยุด ปรับน้ำเสียงตัวเองให้ร่าเริง “มึงออกไปของอร่อยกินกับกู ตบด้วยของหวานร้านโปรดกันมึง...” จัสมินลุกขึ้นไปดึงแขนอ้อนวอน “นะมึง...ไปกับกูเถอะ นาน ๆ จะมีชีวิตอิสระ นะ...เมล...”

“เออ ไปก็ไป แต่กูขอเซ็นตรงนี้ก่อน” เมเปิลก้มหน้าลงไปจัดการเอกสาร

จัสมินยืนค้างตรงที่เดิมกอดอกมองดูขอบเบ้าตาทั้งแดงก่ำและดำคล้ำจากการอดนอน หากเธอไม่อยู่ด้วยเพื่อนเธอคงแอบร้องไห้แน่นอน

 

จบมื้ออาหารกลางวันมีผู้กินเพียงคนเดียวคือคุณแม่คนสวยอย่างจัสมิน ส่วนเมเปิลเขี่ยสลัดในจานไปมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ละความพยายามที่จะปลอบใจลากเมเปิลไปยังร้านขนมหวานร้านโปรดของเพื่อนสาว

“มึงกินนี้เน้อ” จิสมินจิ้มสั่งเค้กชาเขียววาลาให้เพื่อนสาว ส่วนของตัวเองสั่งเป็นเค้กส้มหน้านิ่มแก้เลี่ยนสเต๊กของมื้อก่อนหน้านี้

“อื่อ...กูกินได้หมดแหละ”

เมื่อสั่งขนมและเครื่องดื่มทั้งคู่ก็หาที่นั่ง เมเปิลกลับมาในบรรยากาศที่ตัวเองชื่นชอบ กลิ่นกาแฟ กลิ่นหอมหวานจากวานิลลาของแป้งเครป

มือบางตักเค้กชาเขียวจ่อเข้าปากพลันนึกถึงเรื่องราวในครั้งก่อนเกี่ยวกับคนพี่ขึ้นมา เค้กชาเขียวเคยแสนเอร็ดอร่อยในทุกครั้ง แต่ในวันนี้รสชาติมันขมปี๋จนเธอต้องฝืนกลืนมันลง

“มึงไม่ต้องกินแล้ว จะไม่บอกกูใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น สภาพมึงอยู่ในสภาพเดียวกับพี่ซัน” จัสมินดึงจานขนมเค้กออกไป ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เพราะคนนั้นใช่ไหม คนที่พวกกูไม่เคยจะเห็นหน้า”

พอเพือนรักสะกิดแผล ความอดกลั้นถึงขีดสุด เมเปิลดึงทิชชูมาปิดดวงตาซับน้ำตาก่อตัวขึ้น “อือ...พวกมึงอาจจะไม่ได้เจออีกแล้วล่ะมั่ง” น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกไป

จัสมินขยับเก้าอี้ไปนั่งข้าง ยกแขนโอนหัวเอนมาซบไหล่ “กูไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร และไม่อยากเซ้าซี้ให้มึงเล่า แต่กูเป็นเพื่อนพร้อมให้มึงมาร้องไห้กับกูตลอด ถึงกูจะไม่รู้เหี้ยอะไรเลย กูจะนั่งฟังมึงร้องไห้จนกว่ามึงสบายใจ”

“อือ...ขอบใจนะมึง”

น้ำตาไหลพรากราวกับเขื่อนแตก เม้มปากกลั้นเสียงร้องเอาไว้ให้มากที่สุด ความรู้สึกอัดอั้นตันใจไม่สามารถบอกเรื่องราวแก่ใครได้เลย เธอเอาแต่กดมันเพียงผู้เดียว เฝ้ารอการง้อขอคืนดีจากคนพี่ลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางคอนโดเพียงผู้เดียว จนลืมไปว่าเธอเองยังมีเพื่อนรักที่คอยอ้าแขนโอบกอดโดยไม่ถามแม้สักคำว่าเกิดอะไรขึ้น

“อือ...กูอยู่ตรงนี้นะมึง” จัสมินวางมือตบหัวเพื่อนรักเบา ๆ

เมเปิลร้องไห้จนเมฆหมอกภายในใจจางลง เธอซับคราบน้ำตาลูบใบหน้าเรียกสติให้กลับมาดังเดิมค่อยฝืนฉีกยิ้มให้เพื่อนสาว

“มึงโอเคแล้วนะ” เมเปิลหยักหน้าถึงจะไม่โอเคแต่มันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ “อื้ม ดีขึ้นก็ดีแล้ว งั้นกูเข้าเรื่องจะไม่ถามว่าใครหรือว่ายังไง แค่อยากรู้ว่าร้องไห้มานานแค่ไหนแล้ว”

เมเปิลฟังคำถามจบ เพื่อนที่ดีก็ยังคือเพื่อนที่ดี ไม่คาดคั้นว่าเธอกับพี่โฟร์คบกันมานานไหร่ แต่เลือกที่จะถามแค่ว่า ร้องไห้มานานแค่ไหน จนเธอแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาอีกรอบเพราะความอบอุ่นหัวใจ “สัปดาห์นึงแล้ว”

“...” จัสมินขบกรามแน่นทั้งโมโหคนนั้นและเพื่อนตัวเอง “มันน่าตีนักน่ะ” มือบางฟาดลงไปต้นแขกเมเปิลหนึ่งที

“มึงขออย่างหนึ่งดิ อย่าเพิ่งไปบอกเรื่องนี้กับพวกมัน แค่เรื่องไอ้ไนน์คนเดียวก็พอแล้ว”

“เออ!!! แล้วแต่มึงเลย เอาความจริงในใจกูไหม กูอยากจะตีมึงแรงกว่านี้ พร้อมไปกระทืบเชี่ยนั่นด้วย แม่งทำเพื่อนกูร้องไห้เป็นอาทิตย์” จัสมินเค้นเสียงเกรี้ยวกราดขย้ำนวดมือด้วยความโมโห

“จัส เอ่ยถ้าคนที่มึงจะไปกระทืบ เขาเป็นผู้หญิงและค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ด้วยล่ะ มึงจะว่าไง” เธอถามด้วยเสียงแสนจะเบาบางและไม่มั่นใจ

“กูก็จะกระทืบไม่สนใจว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มึงว่าไงนะ ประเด็นว่าเป็นผู้หญิง คนที่มึงสนิทในช่วงนี้ก็มีแค่พี่โฟร์ แถมยังค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย” จัสมินแสยะยิ้ม “เชี่ย!!! ไอ้เรื่องที่ว่าเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนคือเรื่องมึง แปลกใจอยู่นะ มึงเล่นถามซะกูงงจนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องของมึง" จัสมินนิ่งเงียบเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนยกตัวอย่างในวันนั้น "เข้าใจแหละพี่ไอ้ไนน์เน้อ"

“...”

“...” จัสมินอ้าปากค้างในการกล่าวถึงเพื่อนอีกคน  “ทะเลาะกันเรื่องกับเรื่องไอ้ไนน์ใช่ไหม” เธอจึงย้อนถามกลับไป

“อือ”

สองสาวเพื่อนรักมองหน้าและถอนหายใจพร้อมกันทันที เพราะพวกเธอเข้าใจในความเป็นพี่น้องบ้านนี้ บราค่อนสุด ๆ เอาอกเอาใจจนถึงขนาดเด็กในสังกัดหรือคู่ควงแต่ละคนถึงกับมาดักเจอหน้าเพื่อนเธอ ทั้งด่า ทั้งสาดน้ำ แทบจะโดนผู้หญิงบางคนเกือบตบมาแล้วก็มี มีน้องวีของพี่หนึ่งนี่แหละคงไม่ตามตบเพื่อนตัวเองแน่นอน จัสมินคิดว่าถึงยังไงพี่โฟร์ก็ควรแยกแยะเรื่องนี้ให้ออก เรื่องทั้งหมดมันระหว่างไนน์กับพี่ซันไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกับเพื่อนเธอ

“หาทางคุยกันซะ แล้วหาทางออกด้วยกัน ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เพื่อนห้าคนของมึงจะอยู่ข้างมึงเสมอ” จัสมินบีบมือให้คำมั่นสัญญา และถ้าพี่โฟร์ไม่จัดการในจบภายในเร็วนี้ เธอเองจะแหกอกพี่สาวคนนี้แทนแน่นอน

“ขอบใจมึงนะเพื่อนเลิฟ” เมเปิลรวบตัวจัสมินเข้ามากอด

 

หนึ่งที่ได้รับมอบอำนาจให้ข้ามาดูแลแทนน้องชายในช่วงเจ้าตัวบินไปเรียนต่างประเทศ และรอให้เข้าที่เข้าท่าก่อนจึงโอนอำนาจกลับคืนไป เหลือบตามองลูกพี่ลูกน้องลำดับที่สี่ของบ้าน ทิ้งตัวลงนั่งเหม่ออยู่ตรงโซฟาข้างหน้ามาร่วมกับครึ่งชั่วโมงแล้ว

“มึงมานั่งทำเชี่ยไรเนี่ย ถ้ามึงจะมานั่งรำลึกความหลังคิดถึงคนเก่งของกูเชิญห้องทำงานฝั่งตรงข้าง” เขาบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปยังประตู

“...”

หลังจากหนึ่งพูดจบเขาคิดว่าจะได้รับอะไรตอกหน้ากลับมาตามประสานพี่น้องกันแค่นามสกุล แต่คนตรงหน้านิ่งเงียบและยังเหม่อมองอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ร้อนถึงความสอดรู้สอดเห็นจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานลงมานั่งด้านข้าง

“โฟร์ โฟร์! โฟร์!!” เขาเรียกถึงสามรอบแล้วดังขึ้นกว่าจะหันมามองหน้า แต่ยังไร้เสียงขานรับเหมือนเดิม “มึงเป็นเชี่ยไร โดนทิ้งเหรอวะ” หนึ่งถามด้วยความแปลกใจปนฉงน เพราะคนอย่างน้องสาวเขาเนี่ยจะโดนทิ้ง มีแต่มันแหละทิ้งคนอื่นมากกว่า เปลี่ยนคนควงมากี่คนก็ไม่ได้อยู่ในสภาพสติล่องลอยมาก่อน แถมโทรมจัดด้วย

“มึงกูถามหน่อยดิ มึงเคยทะเลาะกับวีนานแค่ไหนกลับไปคืนดีกัน”

“กูกับน้องไม่เคยเกินข้ามคืนหลังเป็นผัวเมียแล้วนะมึง ถึงโกรธกันแค่ไหนก็ไม่ยอมให้ข้ามคืนเด็ดขาด มันคือสิ่งที่กูกับน้องวีให้ความสำคัญ เราสองคนจะไม่เดินหนีจากกัน”

“...”

“เท่าไหร่?”

“อะไรคือเท่าไหร่”

“มึงกับคนนั้นทะเลาะกันนานเท่าไหร่แล้ว”

“สัปดาห์นึงแล้ว”

หนึ่งถอนหายใจ “ในฐานะพี่มึง เอาเถอะพวกมึงไม่เคยมีใครนับกูว่าเป็นพี่อยู่แล้ว เอาฐานะที่กูอายุมากกว่าก็ได้และแต่งงานมาแล้วหลายปี แถมยังรักหวานชื่นทุกวันคืนตราบสิ้นฟ้าดินสลาย”

“เข้าประเด็นเถอะ กูไม่มีอารมณ์จะมีชื่นชมความรักของคนอย่างมึง” โฟร์โพล่งสวนขึ้นมาแบบไร้อารมณ์ตามที่พูด

“เออ ๆ ...ถ้ามึงยังรักคนนั้นไม่ควรปล่อยเวลาไว้นานขนาดนี้ คนเราสองคนเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันเรื่องปกติ แต่สำหรับคนรักควรปรับความเข้าใจให้เร็วที่สุดหลังจากสงบสติอารมณ์แล้วนะ ความรักคือสายใยเชื่อมโยงคนสองคน ยิ่งสองคนนั้นห่างกันมากเท่าไหร่ สายใยยิ่งเปราะบางและขาดได้ง่ายมากมึง” หนึ่งเอียงคอมอง ใบหน้าน้องสาวเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน “เล่าให้กูฟังหน่อยดิ เพื่อช่วยหาทางได้”

“วันนั้นกูเมาแล้วเผลอหลุดพูดบางอย่างออกไป แล้วคนนั้นก็เดินจากไป แต่เขาบอกว่าจะกลับไปรอกูในที่ของเขานะ”

“บอกเลยว่าคนนั้นเขาคงแคร์มึงมาก ถ้าคำพูดที่มึงพูดออกไปทำร้ายจนเขาไม่สามารถอยู่ตรงนั้นได้ แต่เขายังบอกว่าจะรอมึงแสดงว่ายังมีโอกาส ไปขอโทษและปรับความเข้าใจซะ” หนึ่งวางมือบนหัวยี่ไปเบา ๆ อย่างปลอบใจ โฟร์ทำแค่ปัดมือออก

“กูถามอีกดิ มึงบลาลานความสัมพันธ์ระหว่างน้องวีกับไนน์ยังไงวะ”

ชายหนุ่มอายุมากกว่าเดาสาเหตุได้บ้างแล้ว “ไนน์ยังไงก็คือคนที่พวกเรารักไม่วันเปลี่ยน พอถึงสักวันคนเก่งก็ต้องไปมีคนรัก” พอพูดถึงตรงนี้หนึ่งก็จิ๊ปากอย่างเจ็บใจ หากไม่มีคำร้องขอว่าห้ามทำอะไรไอ้เชี่ยซัน คงได้ลากไปกินยำตีนแทบสักรอบ “แต่สิ่งที่กูทำคือทำให้คนรักของกูรู้ว่า กูรักเขาไม่น้อยกว่าไนน์ ไม่มีใครอยากให้คนที่ตัวเองรักให้ความสำคัญคนอื่นมากกว่า” ทั้งสองมองตากันอย่างเข้าใจ

โฟร์เปรยขึ้นมา “กูแค่ทะเลาะกัน กูยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ แล้วน้องจะเจ็บปวดขนาดไหนวะ โดนคนรักหักหลังขนาดนี้” โฟร์จับจ้องไปยังพี่ชายคนโตของบ้าน

“เจ็บปวดน่ะเจ็บปวดอยู่แล้ว แต่มากแค่ไหนก็ตอบแทนเจ้าตัวไม่ได้หรอก เวลามันจะช่วยเยียวยาเอง สักวันน้องจะต้องกลับมานั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน”

“แล้วมึงคิดว่าน้องจะกลับคืนดีกับมันอีกไหม”

หนึ่งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ไม่รู้ว่ะ แต่คนเรามักจะทำเรื่องโง่ ๆ เวลามีความรักไง ปล่อยให้พวกเขาสองคนตัดสินใจกันเองดีกว่า”

“...”

“แต่ตอนนี้มึงควรไปทำเรื่องโง่ ๆ ของมึงได้แล้ว”

โฟร์ลุกขึ้นยืนเดินไปยังประตู หันมา “ขอบใจมากนะมึง”

หนึ่งตอบรับด้วยการยักคิ้ว พออีกคนหายไป หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาภรรยาตัวน้อยทันที” น้องวีขาพี่คิดถึงหนูจังเลย”

 

เมเปิลขับรถมาจอดยังคอนโดตัวเอง ดับเครื่องยนต์ เอี้ยวหันไปมองบนรถมีกระเป๋าเดินทางอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้า เธอสตาร์ทรถยนต์อีกครั้ง เท้าแตะไปคันเร่งค้างเกร็งไม่กล้าจะเหยียดลงให้มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทุกครั้งที่เธออารมณ์ไม่ดีมักเลือกจะขับไปเรื่อย ๆ แต่ครั้งนี้เธอไม่กล้าจะไปจริง ๆ ในใจคิดเพียงว่าถ้าพี่โฟร์มาหาแล้วจะไม่เจอเธอจะทำไง ถึงจะเป็นการหลอกตัวเองไปวัน ๆ แต่จะให้กลับไปนั่งเฝ้ามองประตูห้องด้วยความหวังจะมีคนมาเคาะหรือกดกริ่งมันก็เจ็บปวดพอ ๆ กัน น้ำตาค่อย ๆ รินไหลมาอาบแก้มอีกแล้ว ทิชชูโดนดึงจากห่อมาซับน้ำตาและสั่งขี้มูกก่อนจะโดนขย้ำไปกองยังเบาะข้างตัว

จมูกที่โดนบีบขับน้ำมูกแดงจนซ้ำ รูตันไปหนึ่งข้างเธอจิ้มปลายดันสูดขึ้นเพื่อให้หายใจโล่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ทันหายใจเต็มที่ น้ำตาเอ่อคลอมาซ้ำอีก

เมเปิลเปรยบ่นกับตัวเองอย่างตัดพ้อ “นี่เหรอความรักที่เฝ้าคอยมาตลอด สุดท้ายก็เป็นเมลเฝ้าคอยพี่อยู่คนเดียว” เสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวต่อก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องไห้ดังก้องภายในรถอีกครั้ง

TBC...