"มึง... กูขอโทษ"

ซวย... บอกได้คำเดียวว่าซวย

"ไม่เป็นไร"

"แต่โทรศัพท์มึงหายนะอิม มันเป็นความผิดกูดิ ถ้ากูไม่ขอให้มึงตั้งกล้องถ่ายแล้วไปที่อื่น มันก็ไม่หายไง"

"เออ ไม่เป็นไรหรอก กูไม่โกรธอะไรแล้ว"

ฉันตบบ่าปลอบนุ่นที่ใกล้จะเบะปากร้องไห้อยู่รอมร่อ เพราะเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น นุ่นยังคงเอ่ยปากขอโทษฉันไม่มีหยุด

โทรศัพท์...มันหายไป

ฉันก็ไม่รู้ว่ามันหายไปได้ยังไง แต่ทันทีที่ฉันเปิดประตูแล้วเข้าไปข้างในที่จุดเดิมที่ฉันเคยวางโทรศัพท์ ก็พบว่ามันไม่มีอยู่อีกแล้ว เหลือเพียงแค่กล่องเก่า ๆ กล่องเดิมที่ฉันเคยหยิบขึ้นมาเป็นที่ตั้งพิงโทรศัพท์ มันยังคงอยู่ที่เดิม ไม่มีร่องรอยการจับต้องหรือขยับเขยื้อน ยอมรับว่าวินาทีแรกที่ได้เห็น ใจฉันหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ฉันกับนุ่นพยายามค้นหาทุกซอกทุกมุม ใต้โต๊ะเรียนของทุกห้องในชั้นเดียวกัน แต่ก็ไม่เจอโทรศัพท์ของฉันแม้แต่เครื่องเดียว

ตอนเย็นของเมื่อวาน เรากลับบ้านไปด้วยความว่างเปล่าและผิดหวัง

โชคดีที่บ้านมีโน้ตบุ๊ก ฉันจึงพูดคุยกับคนอื่น ๆ และตามงานต่าง ๆ ที่อยู่ในแชทกลุ่มของห้องเรียนได้ นุ่นส่งข้อความขอโทษมายาวเหยียด พร้อมทั้งบอกฉันว่าเก้ามีโทรศัพท์อยู่เครื่องหนึ่งที่ยังใช้ได้อยู่ เขาจะเอามาให้ฉันใช้ไปก่อน สเปกเครื่องแตกต่างจากเครื่องเดิมที่ฉันเคยใช้เป็นอย่างมากเพราะตกรุ่นไปเป็นปี แต่ฉันไม่ถือสาอะไรมาก แค่ใช้โทรเข้า-ออก เข้าเฟสบุ๊ก เล่นทวิตเตอร์ ใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลได้ฉันก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่ก็นะ ช่วงเวลาที่ไม่มีโทรศัพท์ติดตัวมันก็พานทำให้เหงาพักใหญ่ไปเลย

แถมฉันก็ต้องโกหกคนที่บ้านไปว่าฉันเปลี่ยนซิมใช้เบอร์ใหม่ ดังนั้น คนที่บ้านจึงเมมเบอร์ของโทรศัพท์จำเป็นเครื่องนี้ไปก่อน ฉันก็โทรไปบอกทันทีที่เก้าเอาโทรศัพท์ที่เครื่องเก่าของเขามาให้ฉันนั่นแหละ

แน่นอนว่าเก้าก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดแล้วด้วย

"พวกมึง... ว่างนักเหรอ ถึงได้เล่นอะไรแบบนี้"

มันไม่ใช่ประโยคด่า แต่ถ้าออกมาจากปากของผู้ชายหน้าคมผิวเข้มใส่แว่นที่มีชื่อเล่นว่าเก้า มันก็จะกลายเป็นมีดคมที่พุ่งปักใส่อกคนฟังไปทุกราย ฉันกับนุ่นที่เถียงอะไรกลับไปไม่ได้ ก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำแล้วฟังไอ้เก้าเทศนาไปแทน

"ดีนะ ที่กูยังเก็บเครื่องเก่าไว้ ถ้ามึงขอช้าไปหนึ่งวัน กูได้ยกให้หลานแทน"

นุ่นที่เป็นคนเอ่ยขอกับเก้าเมื่อคืนก็ทำปากบ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์ มันก็อดที่จะบ่นไม่ได้สำหรับนุ่น สองคนนี้ตีกันบ่อยจะตาย ฉันที่เป็นคนกลางก็ได้แต่คอมห้ามคอยปรามพวกมันทั้งคู่ หรือไม่ก็ปล่อยให้ด่ากันไปเลย ขี้เกียจห้าม แต่ก็ตลก แล้วทำไมสองคนนี้ยังคงนั่งเรียนติดกันได้

"เมื่อวานลงไปข้างล่างตอนกี่โมงนะ" เก้าเอ่ยถามขึ้นมา หลังจากที่ห้องเรียนยังไม่มีวี่แววว่าจะมีอาจารย์วิชาถัดไปเข้ามาสอน

"ตอนสี่โมงกว่า ๆ นั่นแหละ พอห้าโมงก็ขึ้นมาอีกที"

ฉันเป็นคนบอกความจริงกับเก้าไป เขาถอนหายใจออกมา พลางหยิบสมุดวิชาถัดไปขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ แต่มันกลับหยุดมือที่กำลังจับปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน

"ลองไปถามลุงเสกรึยัง?"

ลุงเสกคือลุงภารโรงประจำโรงเรียนของเรา คนที่คอยตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงเรียนและคอยล็อกประตูทุกบานทุกห้องเรียนตอนเย็นอย่างที่ฉันเคยบอกไปนั่นแหละ

เก้าคิดเหมือนกันกับฉันเลย แต่ฉันก็ถามลุงเสกไปแล้วเรียบร้อย

"ลุงเสกไม่เห็นโทรศัพท์สักเครื่อง เขาบอกมาแบบนี้นะ"

ตอนที่ฉันไปถาม ฉันอธิบายทั้งขนาด ยี่ห้อ สีของเครื่อง แม้แต่รอยแตกเล็ก ๆ ที่หัวมุมโทรศัพท์ ฉันก็บอกลุงเสกไป แต่ลุงก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรสักอย่าง ฉันก็ได้แค่คอตกกลับมานั่งซึมที่ห้องเรียน จนกระทั่งเก้ามาที่ห้องแล้วเอาโทรศัพท์เครื่องเก่าของเขามาให้ฉัน

"กล้องวงจรปิดห้องนี้ก็เสีย..."

ทันทีที่เก้าพูดถึงกล้องวงจรปิด ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งที่ติดอยู่ฝั่งมุมห้องสูง มันติดอยู่แบบนั้นก็จริง แต่ถ้าสังเกตให้ดี มันพัง ใช้งานไม่ได้ ซึ่งฉันก็ถามรุ่นพี่นะว่าทำไมโรงเรียนถึงไม่จัดการ และฉันก็ได้คำตอบกลับมาว่าขนาดเด็กขอเงินมาซ่อมพัดลมเพดานที่ห้องเรียน โรงเรียนก็ยังไม่ให้ นับประสาอะไรกับกล้องวงจรปิด ดังนั้น มันก็ติดตั้งแบบหลอก ๆ แบบนั้นมาหลายปีแล้ว

แต่มันก็กลายเป็นสวรรค์สำหรับเด็กที่ชอบความส่วนตัวนะ แบบว่าพวกเขาชอบทำอะไรที่มันค่อนข้างขัดกับกฎระเบียบของโรงเรียน คงเข้าใจกันเนอะ

"ก็ไม่อยากพูดดับความหวังนะ แต่ดูท่าจะได้คืนยาก" เก้าเปิดสมุดของตัวเองแล้วเขียนวันที่ "อาจารย์ธีภพรู้เรื่องนี้รึยัง?"

"มึงก็รู้ว่าอาจารย์ธีภพเป็นคนยังไง บ่นหูชาตายห่า เดี๋ยวอาจารย์ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทั่วโรงเรียนขึ้นมาจะทำยังไง" เป็นนุ่นที่ตอบคำถามนั้น และแน่นอนว่าฉันเห็นด้วยกับที่นุ่นพูด เรื่องนี้มันเริ่มต้นที่ฉันวางโทรศัพท์ทิ้งไว้เอง วางทิ้งไว้หลายนาทีแบบนั้นมันก็มีโอกาสที่จะหายได้ อาจารย์ธีภพก็แสนจะเข้มงวดกับห้องเราเหลือเกิน ฉันได้รู้จักกับอาจารย์ธีภพเพียงสัปดาห์เท่านั้น ฉันจึงรับรู้ได้ทันทีว่าถ้าเกิดเรื่องโทรศัพท์ของฉันหายไป มันจะโด่งดังจนฉันไปที่ไหนในโรงเรียนก็มีแต่คนมอง

ดังนั้น ฉันจึงอยากจัดการเรื่องนี้แบบเงียบ ๆ น่ะ ฉันไม่อยากให้เรื่องราวมันตีแผ่เป็นวงกว้างจนควบคุมไม่ได้

"แล้วทีนี้จะทำยังไง?"

ถ้าเก้าถามฉันแบบนี้ ก็แปลว่ามันจนใจไม่ต่างกัน เรื่องแบบนี้มันจับมือใครดมหาไม่ได้ ไร้หลักฐาน ไร้พยานบอกกล่าว

ก็คงได้แต่...

"ทำใจแหละ กูคงไม่ได้คืนแล้ว ขอบคุณนะมึงที่ให้ยืมโทรศัพท์ เดี๋ยวกูขอเก็บเงินสักพักแล้วจะรีบซื้อเครื่องใหม่ ส่วนเครื่องนี้ก็คืนมึงกลับ"

เก้าพยักหน้ารับคำให้กับฉัน ส่วนนุ่นก็ยื่นมือของมันเองมากอบกุมมือของฉันและทำหน้ารู้สึกผิด ฉันยิ้มกว้างให้เพื่อที่บอกว่าฉันไม่เป็นไร ไม่นานนักอาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี ฉันจึงหันหน้าตัวเองไปทางกระดานพร้อมเตรียมสมุดกับอุปกรณ์ไว้ข้างตัวเพื่อที่จะจดบันทึกตามที่ได้เรียนต่อไป

ฉันก็ได้รับบทเรียน ว่าอย่าวางของมั่วซั่วไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่งั้นคงได้มานั่งซึมคอตกเหมือนฉันในตอนนี้

 

 

 

 

คาบสุดท้ายของวันเป็นชั่วโมงว่างที่ไม่มีอาจารย์เข้าสอน นุ่นฟุบหน้านอนหลับที่โต๊ะ เก้าไปส่งงานกับอาจารย์ธีภพ ส่วนฉันกำลังนั่งวาดรูปโง่ ๆ ลงในสมุดด้านหลังของตัวเองที่โต๊ะเรียนตัวเดิมหลังห้อง ฉันวาดนั่นวาดนี่ไปเรื่อยเปื่อยตามที่ใจอยากวาด แต่ทว่าก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา ทำให้ฉันละความสนใจจากรูปที่กำลังวาดอยู่

"อิม มานี่หน่อย"

เป็นไอ้เก้าที่เรียกฉันจากฝั่งประตูหลังห้อง

"มีอะไร?"

ฉันเอ่ยถามออกไป แต่มันยังคงกวักมือเรียกฉันเหมือนเดิม ฉันจึงตัดสินใจเก็บสมุดกับดินสอไว้ใต้โต๊ะ ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปหาพร้อมกับคำถาม

"มีอะไรวะ?"

"ตามมาก่อน ถึงแล้วค่อยพูด"

ฉันไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่ฉันก็ต้องเดินตามหลังมันไปอย่างว่าง่าย มันไม่ได้พาฉันไปไหนไกล กลับพาฉันไปที่โรงอาหารที่ชั้นล่างสุดของอาคาร ฉันเห็นร่างของอาจารย์ธีภพนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวแรกของแถว อาจารย์กำลังนั่งคุยโทรศัพท์พร้อมมีเอกสารบางอย่างอยู่ในมือ เมื่อพวกเราสองคนมาถึงที่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมบอกลาปลายสายที่สนทนาอยู่ด้วยกัน

"มาแล้วเหรอ?"

"สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้อาจารย์ เขาพยักหน้ารับพร้อมบอกให้เรานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย อาจารย์ธีภพก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาทันที

"เธอทำโทรศัพท์หายใช่มั้ย ชวาลา?"

"คะ?"

เมื่อกี้... ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย?

ฉันหันไปมองหน้าไอ้เก้า แต่ไอ้เก้าส่งสายตาให้ฉันพูดคุยกับอาจารย์ธีภพก่อน

"ค่ะ... เมื่อวานหนูทำโทรศัพท์หาย"

"แล้วทำหายยังไง?"

"ก็เมื่อวาน..." ฉันกลัวสายตาของอาจารย์ธีภพจัง... "หนูตั้งกล้องถ่ายวิดีโอไว้ ตรงที่วางรองเท้าค่ะ"

"..."

"..."

อาจารย์ธีภพถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเขาหยิบสิ่งของชิ้นนั้นขึ้นมาให้ดู ความประหลาดใจปนความดีใจก็เอ่อล้นจนทำให้ฉันเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน

"อาจารย์คะ นั่นโทรศัพท์หนู"

เครื่องเดิมที่ฉันเคยใช้ตลอดมา สีเดิม รอยร้าวเดิม ยี่ห้อเดิม เหมือนเดิมทุกอย่าง!

"เครื่องนี้ใช่มั้ยที่เธอทำหาย?" อาจารย์ถือโทรศัพท์ของฉันขึ้นมาให้เห็นกับตา "นี่ถ้าทินกรเพื่อนเธอไม่เห็นภาพหน้าจอนี่ เขาก็คงไม่รู้ว่ามันเป็นของเธอหรอกนะชวาลา และถ้าเกิดครูไม่เข้าไปตรวจห้องก่อนกลับเมื่อวาน โทรศัพท์ของเธอได้หายจริง ๆ แน่"

ฉันหันไปมองไอ้เก้าอีกครั้ง ส่งสายตาคำว่าขอบคุณไปให้อย่างจริงใจ ก็นะ เมนของฉันบนภาพหน้าจอนั่นก็หล่อโดดเด่นจนถึงขนาดไอ้เก้าจำได้ดีเลยนะเนี่ย สุดยอด!

"แล้วเธอจะถ่ายวิดีโอห้องเรียนตอนเย็นไปทำไม?" อาจารย์ธีภพยังไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันแต่โดยดี

"หนูถ่ายเก็บไว้เฉย ๆ น่ะค่ะ หนูมีความคิดขึ้นมาเล่น ๆ ว่าจะถ่ายวิดีโอลงยูทูปอะไรแบบนี้ค่ะ..." 

นี่อาจารย์เห็นวิดีโอนั่นด้วยเหรอ? ก็แปลว่าต้องมีหน้าอาจารย์โผล่ไปในเฟรมด้วยน่ะสิ?! มันค่อนข้างรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยที่จะมีอาจารย์ธีภพติดอยู่ในวิดีโอด้วย แต่ก่อนที่ฉันจะรู้สึกแปลก ฉันควรกลับไปเช็คด้วยว่าวิดีโอเมื่อวานยังอยู่ดีมั้ย?!

"อาจารย์คะ คือ..."

"อะไรชวาลา?"

"อาจารย์ได้กดบันทึกวิดีโอให้หนูด้วย...รึเปล่าคะ?"

ฉันถามอาจารย์เสียงอ่อน เขาที่เอาแต่มองหน้าฉันมันพานทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กจนติดเก้าอี้ ก็วิดีโอนั่นมันสำคัญกับฉันนี่นา ถ้าเกิดอาจารย์หยิบขึ้นมาแล้วกดออกโดยที่ไม่บันทึกวิดีโอให้ฉันด้วย ฉันคง... รู้สึกเสียดาย 

แต่ถามว่าให้กลับไปทำแบบเดิมอีกมั้ย ก็คงไม่ทำแล้ว...

"อืม"

"..."

"กดให้แล้ว"

"ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ!"

ฉันดีใจจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ ฉันยกไหว้ขอบคุณอาจารย์ธีภพอย่างสุดซึ้งพร้อมกับรับโทรศัพท์สุดรักสุดหวงกลับคืนมาดังเดิม จากนั้นฉันกับไอ้เก้าก็ขอแยกตัวจากอาจารย์ ระหว่างฉันก็ก้าวเดินด้วยอารมณ์ที่ดีจนแทบจะหมุนตัวตอนที่เดินไปด้วย ผิดกับไอ้เก้าที่หน้านิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของฉันเปลี่ยนไปเลยสักนิด

"อย่าลืมคืนโทรศัพท์ด้วย"

"กลับไปห้องเดี๋ยวคืนให้"

"ทีหลังอย่าสะเพร่าวางของแบบนั้นอีก"

"รู้แล้วน่า"

มันด่าฉันรึเปล่านะ แต่ช่างเหอะ เพราะตอนนี้ออดแจ้งเตือนเวลาเลิกเรียนดังพอดี ฉันจะได้กลับบ้านไปดูวิดีโอที่ถ่ายไว้เมื่อวานสักที 

ฉันอยากรู้ ว่า 'เขา' จะโผล่ออกมาให้กล้องถ่ายติดมั้ยนะ?

 

 

 

 

 

 

เวลาหนึ่งทุ่มหลังจากที่ฉันอาบน้ำกินข้าวเสร็จ ฉันก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองทันทีโดยไม่พูดจากับใครก่อนทั้งนั้น แม้แต่กองงานกองการบ้านที่ต้องทำส่งพรุ่งนี้ ฉันก็ปัดพวกมันให้ไปอยู่ไกล ๆ เพราะว่ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ฉันต้องทำน่ะสิ!

ไฟในห้องนอนถูกปิด เหลือแต่โคมไฟที่อยู่บนโต๊ะยังคงเปิด ฉันทิ้งตัวเองลงนอนบนเตียงนุ่มพร้อมเปิดวิดีโอล่าสุดที่ฉันลงทุนตั้งกล้องถ่าย ทำหาย แล้วได้คืนมาอีกครั้งในอีกวัน ฉันกดเล่นวิดีโอและรอดูอย่างใจจดใจจ่อ ต่อให้วิดีโอนี้มีความยาว 30 นาทีกว่า ๆ ฉันก็จะจับตาดูแบบไม่ละสายตาไปทางไหนเด็ดขาด!

ทุกอย่างภายในห้องที่ถูกถ่ายก็ไม่มีความเคลื่อนไหวไปพักใหญ่ นอกจากแสงแดดที่เปลี่ยนทิศทาง แมลงตัวเล็ก ๆ ที่บินโฉบผ่านหน้ากล้อง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เปิดตาค้างดูวิดีโอนี่ไปเรื่อย ฉันจะไม่กรอวิดีโอเด็ดขาด เพราะฉันไม่อยากพลาดทุกวินาทีที่ 'เขา' อาจจะโผล่เข้ามาในกล้องได้ทุกเมื่อ

และแล้ว มันก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ในนาทีที่ 22.02 นาที

โทรศัพท์ที่ฉันตั้งซ่อนไว้ที่เดิมแต่แรกถูกขยับเขยื้อน แล้วกลายเป็นจอดำ ฉันเผลอตกใจนึกว่าโทรศัพท์ของฉันมันค้าง แต่พอฉันเอานิ้วแตะหน้าจอ มันก็ขึ้นแถบว่าวิดีโอนี้กำลังเล่นอยู่ มันทำให้ฉันขนลุกเป็นบ้า แต่ฉันก็ยังอยากที่จะดูวิดีโอนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

ไม่นานนักโทรศัพท์ก็ถูกหยิบขึ้นมา ในวิดีโอก็แสดงเป็นภาพของกล่องเก่าที่ฉันมาตั้งเป็นที่พิงและซ่อนโทรศัพท์ ในตอนแรกฉันไม่เห็นว่าใครเป็นคนหยิบไป เพราะมันคงถูกหยิบมาจากมุมอับของกล้อง 

กล้องยังคงถ่ายแช่กล่องเก่านั่นไว้อยู่นาน ไม่มีท่าทีว่า 'ใคร' ก็ตามที่ถือโทรศัพท์ของฉันจะขยับหรือเปลี่ยนฝั่งกล้อง จนใจของฉันเริ่มลังเลว่าจะกรอวิดีโอดีหรือไม่

แต่ทันทีที่ความคิดนั้นภายในหัวของฉันหยุดลง มุมของกล้องก็ถูกเปลี่ยนฝั่งอย่างทุลักทุเล ภาพในวิดีโอสั่นแต่ยังคงพอรับได้ และเมื่อภาพวิดีโอกลับมานิ่ง ฉันก็ได้รับรู้สักทีว่ามันเกิดอะไรกับโทรศัพท์เครื่องนี้กันแน่

ผมสีขาว กับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล สองสิ่งเหล่านี้มันทำให้ฉันจำ 'เขา' ได้ดี 

และเมื่อกล้องถูกถ่ายใกล้ ๆ ใบหน้าของเขา มันทำให้ฉันแทบที่จะหยุดหายใจ 

งดงาม... ฉันใช้คำนี้ได้รึเปล่านะ? 

ถ้าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพบุตรฉันก็จะไม่แปลกใจเลย

รู้ตัวอีกทีที่มือไปไวกว่าสมอง ฉันก็เผลอกดบันทึกภาพหน้าจอที่มีรูปของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ฉันกดหยุดวิดีโอตรงเวลาที่หยุดให้เห็นหน้าของผู้ชายคนนี้ชัด ๆ  สายตาของเขาราวกับสงสัยว่าที่กำลังมองอยู่นี้มันคืออะไร แม้ว่าเขาจะทำหน้านิ่งหน้าตายก็เถอะนะ แต่ดวงตาของเขามันช่าง... ฉันละสายตาไปไม่ได้เลย

หลงใหล... ฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว

ฉันกรอกวิดีโอในช่วงเวลาเดิมซ้ำ ๆ เพียงเพื่อที่จะดูใบหน้าที่งดงามของผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว ฉันอาจดูเหมือนคนโรคจิต แต่ฉันไม่สนแล้วว่าจะดูตอนจบของวิดีโอด้วยหรือไม่ ฉันไม่สนว่าจะมีอาจารย์ธีภพเข้ามาติดในเฟรมด้วยรึเปล่า สิ่งที่ฉันสนใจและหลงใหล มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

ฉันหลับตานอนโดยที่ยังเปิดภาพของเขาค้างไว้อยู่ 

 

 

 

 

Talk : 

อิมคงแบบ ได้แต่งกลอนชมโฉมแน่นอน เปรียบเทียบซะเป็นเทพบุตรเลย 555555

ว่าแต่ ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าอะไรเนี่ย เขียนมา 3 ตอนแล้วยังไม่มีชื่อเรียกเลย ?

แต่ตอนนี้คืออิมคงนอนหลับฝันดีไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ?

Charming_Synthier