#FlyByNightBZ

::::::::

 

 

รถไฟเคลื่อนออกจากชานชาลาไปแล้ว ตอนนี้รอบด้านของเขามีแต่ความเงียบ เสียงนกฮูกดังแว่วมาจากที่ไกล หมอกควันขาวลอยเอื่อยบดบังทัศนวิสัย จนมองเห็นเพียงเทือกเขาสูงที่โอบล้อมเมืองไว้ดังอ้อมกอดของคนรัก

แอสมุนด์ กระชับกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ถืออยู่ไว้มั่น ก่อนจะก้าวออกจากสถานีเล็กๆ ที่มืดสลัว

...

ตามที่เขาได้รับข้อความแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ เขาจะเจอ 'รถม้า' ของคฤหาสน์มาคอยรอรับอยู่ด้านนอก

ทีแรกก็แปลกใจอยู่นิดๆ ว่าคนขับจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเขา ...แต่พอเห็นตั๋วรถไฟที่ระบุสถานีปลายทาง และเวลาถึงจุดหมาย เขาก็เข้าใจ

เขาคือผู้โดยสารคนเดียวในขบวน ที่มาลง ณ สถานีนี้…

ขาเรียวในกางเกงขายาวสีอ่อนก้าวพาตนเองออกไป ด้านนอกสถานีมืดเสียยิ่งกว่าภายใน มีเพียงแสงตะเกียงรุบหรู่และแสงซีดเซียวจากดวงจันทร์บนท้องฟ้า ที่สาดส่องลงมาอาบเคลือบทุกอย่างให้เหลือเพียงแสงและเงาสีขาวดำ

กึก…

เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังแว่วมาจากอีกทางเรียกให้แอสมุนด์หันไปมอง เจ้าของเสียงคือร่างสูงสวมหมวกปีกกว้างหลุบต่ำปกปิดใบหน้า ชุดคลุมตัวยาวสีเข้มปกปิดทั้งร่างไว้จนมองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่คาดเดาจากความสูงใหญ่แล้วคงเป็นบุรุษมากกว่า

“คุณ… ที่มารับผมไปคฤหาสน์ใช่มั้ย”

แอสมุนด์ตัดสินใจทักทายขึ้นก่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงเงียบไม่พูดอะไร

“...”

ไม่มีคำตอบใดจากร่างนั้นนอกจากอาการพยักหน้านิดๆ ราวตอบรับ ก่อนจะหมุนตัวก้าวเดินไปยังรถม้าที่จอดอยู่อีกทาง

ชายหนุ่มเพียงเดินตามไปเงียบๆ นอกจากคนคนนี้ เขาก็ไม่เห็นใครมารอรับคนที่สถานีนี้อีกแล้ว แล้วก็… 'รถม้า' ตรงตามที่ระบุไว้ในข้อความ

ไม่ได้นั่งเสียนาน… ชวนให้คิดถึงอยู่เหมือนกันแฮะ

...

แอสมุนด์เหลือบมองรถม้าคันใหญ่สีดำสนิทเทียมพ่วงด้วยม้าตัวใหญ่สีนิลสองตัวเช่นเดียวกับตัวรถก่อนจะก้าวขึ้นไป ภายในรถกว้างขวางและบุด้วยหนังทั้งเบาะและพนักพิง ทำให้นุ่มสบายกว่าที่คาดไว้จากรูปทรงโบร่ำโบราณของรถ ...แต่ก็เช่นเดิม ดำสนิท...ไปเสียทุกอย่างทั้งคันรถ

ครู่หนึ่ง รถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไป ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่มันเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่นกว่าที่คิด ไม่โคลงเคลง หรือกระเด้งกระดอนเมื่อเจอก้อนหินหรือกิ่งไม้ตามทาง

...แต่ก็เอาเถอะ แบบนี้..ก็สบายดีเสียอีก

ชายหนุ่มเอนพิงพนักและหลับตาลง ในหัวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน…

 

********

 

ยามดึกคืนหนึ่ง ขณะที่แอสมุนด์กำลังท่องไปในกระทู้ของดาร์กเว็บแห่งหนึ่งเพื่อหาเรื่องราวน่าสนใจมาเป็นพล็อตแต่งนิยายเรื่องใหม่อยู่ เขาก็เห็นกระทู้ “I Dare You” อันหนึ่งที่มีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลามจนติดอันดับกระทู้ยอดฮิต ไม่รอช้า เขารีบกดเปิดมันขึ้นมาทันที สายตาไล่กวาดตามข้อความอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจ

เจ้าของกระทู้ลึกลับ เสนอเงินรางวัลจำนวนมหาศาลให้กับใครก็ตามที่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จ

...เพียงแค่เดินทางมาคนเดียว และอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ร้างกลางป่าเขาให้ได้ครบสามคืน

เมื่อกลับออกมา จะได้รับเงินรางวัลโอนเข้าบัญชีไปทันที...

ข้อเสนอสุดเย้ายวน..ที่ไม่ต้องลำบากลำบนอะไรมากมาย นอกเสียจากการเดินทางไปนอนในคฤหาสน์ร้างอันห่างไกลสัญญาณมือถือและไฟฟ้าให้ได้สามคืนเท่านั้น คนที่สนใจให้ส่งรายละเอียดคร่าวๆ ของตนเองรวมถึงเลขบัญชีไปยังอีเมลที่ระบุไว้

หากได้รับคัดเลือก เงินงวดแรกจำนวนห้าหมื่นยูโรจะถูกโอนเข้าบัญชีทันที พร้อมกับตั๋วเดินทางจากที่พักอาศัยมายังเมืองปลายทางที่คฤหาสน์นั้นตั้งอยู่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

เพียงเท่านี้ ผู้คนมากมายก็พร้อมกระโดดเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิตแล้ว

แอสมุนด์ยิ้มมุมปากขณะเปิดเว็บไซต์อีเมลขึ้นมา นิ้วเรียวพิมพ์กรอกข้อมูลส่วนตัวที่เจ้าของกระทู้ต้องการลงไป พร้อมแนบรูปถ่ายครึ่งตัวและเต็มตัวตามที่ระบุไว้ ตามด้วยเลขบัญชีธนาคาร สุดท้ายจึงไล่สายตาตรวจทานข้อมูลอีกครั้ง ก่อนจะกดส่งไป

เขากดพักหน้าจอโน้ตบุ๊ค ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาอะไรกินในห้องครัว เมื่อได้แซนด์วิชง่ายๆ ประกอบด้วยแผ่นขนมปังแบนๆ สองแผ่น ชิ้นแฮมขนาดไม่ใหญ่นัก และชีสเย็นชืดจากในตู้เย็น เขาก็เอามันใส่จานแล้วถือกลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อนๆ อีกแก้ว เท่านี้ มื้ออาหารของเขาก็พร้อมแล้ว

เสียงแจ้งเตือนจากโน้ตบุ๊คเรียกให้เขาหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวคมหลังแว่นทรงกลมเบิกกว้างเมื่อเห็นข้อความตอบกลับอีเมลฉบับล่าสุดที่เขาเพิ่งส่งไป มือรีบขยับกดเปิดขึ้นอ่านอย่างรวดเร็ว

ติ๊ง...

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือเรียกให้แอสมุนด์หันไปมอง เงินจำนวนห้าหมื่นยูโรเพิ่งถูกโอนเข้าบัญชีของเขาสดๆ ร้อนๆ

เขาคือผู้โชคดี... คนที่ได้รับคัดเลือกคนนั้น

มือเรียวคลิกเปิดดาร์กเว็บอันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่า กระทู้ยอดฮิตนั้น..หายไปแล้ว

แอสมุนด์กลับไปอ่านอีเมลตอบรับฉบับนั้นต่อ ในนั้นมีรายละเอียดการเดินทาง และตั๋วต่างๆ ถูกแนบส่งมาให้อย่างครบถ้วนเรียบร้อย เงินงวดแรกที่ระบุไว้ก็ถูกโอนมาให้แล้ว เหลือเพียง..รอให้เขาทำตามสัญญาเท่านั้น

...และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเขาจึงมานั่งอยู่ในรถม้าคันนี้

 

********

 

ภายนอกรถม้ามืดสลัว ถนนถูกปกคลุมด้วยเงาไม้ทึบทึมจนแสงจันทร์ส่องลอดลงมาแทบไม่ได้ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นเพียงเงาของขุนเขาเงื้อมตระหง่านสูงชันอยู่ไกลๆ และเงาไม้มืดทึบตลอดสองด้าน เขาไม่รู้ว่าคนขับรถม้ามองเห็นเส้นทางได้อย่างไร แต่ก็หวังว่ารถจะแล่นไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่นโดยไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน

กึก…

แอสมุนด์สะดุ้งกายขึ้นแล้วเลิกม่านหน้าต่างเพื่อมองออกไป เมื่อครู่เขาเผลอหลับไประหว่างเส้นทางอันคดเคี้ยววกวนและยาวนาน เมื่อมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็พบว่า รถม้าได้หยุดจอดสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์กว้างใหญ่แต่มืดทึมแห่งหนึ่งเสียแล้ว

แอ๊ด…

คนขับรถม้าเปิดประตูออกเป็นสัญญาณให้เขาลงจากรถ แอสมุนด์เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋ามาถือไว้แล้วก้าวขาลงไป  ระหว่างนั้น เขาแอบเหลือบมองใบหน้าใต้ปีกหมวกกว้างนั้นอย่างสงสัย

และพบว่า ใต้ปีกหมวกนั้น ว่างเปล่า…

ชายหนุ่มไม่พูดอะไร เพียงขยับลงมายืนให้เรียบร้อยบนลานหินกว้างหน้าประตูคฤหาสน์แล้วเดินขึ้นบันไดไป เมื่อก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นบนสุด ประตูวิจิตรบานสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ามีซองจดหมายสอดเอาไว้ที่ช่องระหว่างบานประตูทั้งสอง เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนหยิบมันไปอ่าน

...

เนื้อความในจดหมายมีอยู่ว่า:

‘ยินดีต้อนรับผู้ถูกเลือกสู่คฤหาสน์ของเรา

ขอให้คุณปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างอย่างเคร่งครัด’

...

‘ข้อแรก เมื่อเข้าสู่ภายในคฤหาสน์ ขอให้คุณขึ้นไปยังชั้นสอง โดยเดินตามทางที่มีเทียนไขจุดให้แสงสว่าง

ข้อสอง เมื่อเดินไปจนสุดปลายทางนั้น คุณจะพบกับห้องพักของคุณ กรุณาใช้ห้องพักได้ตามอัธยาศัย

ข้อสาม ขอให้คุณพักผ่อน และชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเวลาเที่ยงคืน

ข้อสี่ คุณสามารถรับประทานเครื่องดื่มและอาหารว่างภายในห้องได้มากเท่าที่ต้องการ

ข้อห้า คุณสามารถหยิบใช้ข้าวของและเสื้อผ้าที่อยู่ในห้องได้ตามสะดวก

...

ข้อควรสังเกต *บนเตาผิง*’

มือเรียวพับจดหมายกลับคืนดังเดิมแล้วสอดเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุม ก่อนผลักบานประตูเปิดออก…

หลังบานประตูคือโถงต้อนรับขนาดใหญ่ พื้นปูด้วยแผ่นหินกว้างลวดลายสวยงาม กลางเพดานสูงเบื้องบนแขวนประดับด้วยแชนเดอเลียร์งดงามขนาดใหญ่หากมืดสนิท บันไดเวียนไม้แกะสลักทอดวนสูงขึ้นไปยังชั้นสองทั้งซ้ายและขวา ...แต่มีเพียงฝั่งขวาเท่านั้นที่มีเทียนไขจุดให้แสงสว่างเรียงรายอยู่ตามขั้นบันได

แอสมุนด์เดินขึ้นบันไดฝั่งขวา ตามแสงสว่างอันน้อยนิดที่นำทางไปยังห้องสุดทางเดิน เมื่อผลักประตูเปิดออกก็พบกับห้องพักกว้างใหญ่งดงามและหรูหรา

เตียงไม้โอ๊กดำหลังใหญ่ขนาดคนสามสี่คนนอนได้อย่างสบายนั้นปูลาดด้วยผ้าปูที่นอนสีดำดูนุ่มลื่นน่าสัมผัส แชนเดอเลียร์ระย้ากลางห้องและโคมไฟข้างเตียงเปิดไฟไว้สลัว ผนังด้านหนึ่งถูกยึดครองด้วยเตาผิงขนาดใหญ่ที่มีกระจกกรอบไม้แกะสลักงดงามแขวนประดับอยู่ ถัดออกมาใกล้กันคือชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ดำที่มีตะกร้าผลไม้และเหยือกน้ำวางเตรียมรอไว้ให้แขกได้ดื่มกิน

อืม… อย่างน้อยห้องนี้ก็มีไฟฟ้า ค่อยสบายหน่อย

แอสมุนด์ไม่ได้จะเรื่องมาก แต่ถ้ามีมันก็สะดวกกว่าจริงๆ มือเรียวลองหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู ก็พบว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตดังคาด

...แต่อย่างน้อย เขาก็เอาไว้ตั้งปลุกหรือดูเวลาได้ก็ยังดี

ชายหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะปลายเตียง แล้วหยิบเสื้อผ้าบางส่วนออกมาแขวนใส่ในตู้ ในนั้น มีชุดนอนตัวยาวผ้านุ่มลื่นและผ้าเช็ดตัวผืนหนานุ่มวางเตรียมไว้ให้ เขาจึงเปลี่ยนใจหยิบทั้งสองอย่างติดมือมา และหยิบข้าวของจำเป็นที่เหลือจากในกระเป๋า ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

...

เมื่อแขกพิเศษของคฤหาสน์เข้าห้องพักไปแล้วเรียบร้อย เทียนไขที่เคยส่องสว่างก็ถูกลมพัดให้มืดดับลง ทั้งเคหสถานแห่งนี้ถูกความมืดเข้ากลืนกินอีกครั้ง

แกรก...

เสียงบานประตูห้องพักถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา ไฟฟ้าในห้องหรี่กะพริบคล้ายจะวูบดับ เงาดำเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบไปยังเตาผิงภายในห้อง ก่อนจะวูบหายกลับออกไป

พลันแสงสว่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าก็กลับมาให้แสงสว่างตามปกติ...

 

 

::::::::

#FlyByNightBZ

 

สาระวันนี้

1) ไม้โอ๊ก คือไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้ที่นำมาใช้ทำกางเขนที่ตรึงพระเยซูคริสต์