ร่างเล็กในชุดเดรสสีอ่อนเปิดประตูลงมาจากแท็กซี่ เธอยืนถือกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ อยู่หน้าบ้านหลังโตแถบชานเมือง นัยน์ตามองนาฬิกาที่ข้อมือตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง แสงพระอาทิตย์จ้าทำให้ดวงตาคู่สวยเป็นประกายสีน้ำตาลสดใสเมื่อกระทบกับแสงแดด บรรยากาศวังเวงน่าขนลุก ป่าสนต้นสูงรายล้อมรอบที่มีบ้านแค่ไม่กี่หลัง

หรือจะมาผิดบ้าน เธอถามตัวเองในใจ

พลางใช้มืออีกข้างโทรหาผู้เป็นพ่อ

“ฮัลโหลค่ะคุณพ่อใช่บ้านหลังที่ 85/44 ไหมคะเอมไม่แน่ใจ” สายตาจับจ้องในบ้านนั้นที่เหมือนบ้านร้างไม่มีผิด เธอชักจะเริ่มกลัวซะแล้วสิ แถวนี้ไม่มีรถซะด้วย คิดเสร็จก็มองซ้ายมองขวาอย่างคนระแวง

“หลังนั้นแหละเอม ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เพราะเอมมีเวลาแค่ 2 ปี จัดการให้เรียบร้อยล่ะ” เสียงทุ้มพูดเสร็จไม่ได้สนใจลูกอย่างเธอเลยสักนิด

พลันในหัวของร่างบางคิดไปถึงบทสนทนาเมื่อวานก่อน

มือหนาเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาก็ไม่ได้ทำให้เขาดูดีน้อยลงเลยภายใต้สูทสีเข้มยังคงมีกล้ามเนื้อแข็งแรงดั่งครั้งตอนเป็นชายหนุ่ม ผู้เป็นพ่อโยนเอกสารที่อยู่ในซองสีน้ำตาลให้ลูกสาวได้เปิดอ่านดู เขาเอนพิงพนักเก้าอี้ สองขาไขว้บนโต๊ะอย่างคนไม่รู้กาลเทศะ

‘พ่อเรียกเอมมามีอะไรหรอคะ’ สายตามองไปยังซองนั้น มือเรียวหยิบออกมาดูก็พบกับรูปใบหนึ่งเขาเป็นคนที่มีใบหน้าหล่อคมเข้ม หากแต่แววตานั้นดูหมองเศร้าจนน่าใจหาย เธอเป็นจิตแพทย์ ทำไมเธอจะไม่รู้..ว่าเขาคนนี้มีอะไรอยู่ในใจ

‘พ่อจะให้เอม เข้าไปรักษาคนที่อยู่ในรูปนี้ เอมต้องเอาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทพีรวัฒมาให้พ่อ และเอมรู้ไหมถ้าเอมไม่ทำอะไรมันจะเกิดขึ้น’ ยกขาลงจากโต๊ะพลันเดินย่ามสามขุมมาที่ตัวเธอ มือหนานั้นเชยคางเธอขึ้น สายตาหื่นกระหายอย่างปิดไม่มิด

‘…’

‘หนูจะก็กลายเป็นเมียน้อยของพ่อยังไงล่ะ หืม’

และใช่เขาเป็นพ่อเลี้ยงของเธอ..แล้วเธอจะไปขัดอะไรได้

มืออีกข้างของเขาลูบไปที่แขนเนียนใส ริมฝีปากสีคล้ำเตรียมจะจูบบ่าของหญิงสาวเป็นการบอกลาในค่ำคืนนี้ จมูกนั้นได้กลิ่นกายสาวพลางสูดกลิ่นเข้าปอด เขาอยากจะบดขยี้ดอกไม้งามตรงหน้านัก หากแต่…เธอยังมีประโยชน์กับเขาอยู่

‘ค่ะ เอมจะทำให้ดีที่สุด’ แขนเรียวเล็กดันร่างหนาใหญ่ออก

‘…’

และเอมจะหลุดออกจะหลุดออกไปจากขุมนรกนี้ให้ได้ค่ะ นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้พูดออกไป

ขุมนรกขุมใหญ่นี้ฉุดให้เธอไปไหนไม่ได้ หากว่าแม่ของเธอไม่มารักผู้ชายคนนี้ ในตอนนั้นอนาคตมันจะเปลี่ยนขนาดไหนกันนะ

สายลมพัดพาให้ ‘ชะเอม เอมิกา’ หลุดออกจากภวังค์ มือเรียวกดกริ่งหลายต่อหลายครั้ง ทว่าไม่มีใครมาเปิดสักที แขนเรียวหยิบกุญแจที่เธอได้มาจากพ่อเลี้ยง

ร่างบางเดินเข้ามาอย่างกับบ้านในหนังผีที่เธอเคยดูไม่มีผิด!

นี่มันบ้านของคนอยู่หรอ ใครเขาอยู่กันแบบนี้!

เธอสบถกับตัวเองในใจพลางหันสายตาไปมองเศษไม้ที่วางเกะกะ ใบไม้สีน้ำตาลกองเกลื่อน บ่งบอกว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่สนใจที่จัดการกับมันเลย เธอถอนหายใจ พลางเปิดประตูบานเลื่อนใส

เห้อ ดีขึ้นมาหน่อยนึกว่าจะเจอหยักไย่แล้ว ภายในตัวบ้านสะอาดกว่าที่คิดในจินตนาการ หญิงสาวเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เธอจึงเผลอหลับบนเตียงหนานุ่มไปโดยปริยาย

ขณะนั้นร่างหนาของใครบางคนที่หลบมองการกระทำของเธอตั้งแต่แรก ‘พี พีรวัฒน์’ เดินลงมาจากบันได พลันใช้สายตาคมจ้องมามองเธอ

เธอเป็นใคร? คำถามแรกเกิดขึ้นในหัวของชายหนุ่ม

ร่างหนานั้นสูงใหญ่สีผิวขาวนวลขัดกับหนวดเครายาว ผมเผ้ารุงรัง เหมือนคนบ้า

เขาเพียงแค่คร้านจะดูแลตัวเองเท่านั้น ร่างสูงเดินเข้าไปยังครัว แขนยาวนั้นคว้าขวดไวน์ รสโปรดมาดื่ม ระหว่างรอสาวเจ้าตื่น

นานเท่านานหญิงสาวลุกบิดขี้เกียจ ดวงตาคู่สวยยังไม่ทันตื่นสนิท ก็ต้องเบิกตาโพลง! เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้า

“อะ เอ่อ สวัสดีนะคะ” เสียงเล็กกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“…” นัยน์ตาคมกริบจ้องมองมายังเธอ

ส่งผลให้ร่างบางนั้นเม้มปากแน่น เกิดอาการกระอักกระอ่วนขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาของเขา หรือเป็นที่บรรยากาศรอบข้างกันแน่ แต่ดูถ้า…น่าจะทั้งสองอย่าง

“คือ แบบนี้..”

“ออกไปจากบ้านของฉัน” น้ำเสียงทุ้มแข็งกร้าวบ่งบอกถึงความต้องการของตัวเองชัดเจน เขาพูดเสร็จก็ขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านทันที

ไอ้คนไม่มีมารยาทเธอยังพูดไม่จบเลยนะ! พูดแทรกแถมยังไล่เธอออกมาแบบนี้อีก!