ท่ามกลางม่านรัตติกาลที่ปกคลุมผืนฟ้า ดวงดาราทอแสงสุกสกาวเคียงจันทรา ภายในถ้ำเป่าชาน เขากวางเฉิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างดุเดือดดังมาจากข้างใน กระบี่สองเล่มปะทะกันจนเกิดเสียงดังเคร้ง! ประกายไฟปะทุขึ้นมาจากการกระทบกันของเหล็กอย่างรุนแรง

หนึ่งคนหนึ่งมารประมือกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม คนหนึ่งคือปรมาจารย์ของยุทธภพ อีกคนคือองครักษ์ของจอมมาร การต่อสู้ครั้งนี้หาใช่การต่อสู้เพื่อปกป้องชาวบ้านแต่อย่างใด เป็นเพียงการต่อสู้เพื่อปกป้องของสิ่งหนึ่งเท่านั้น ทว่าของสิ่งนั้นกลับสามารถสั่นคลอนได้ทั้งยุทธภพ

"องครักษ์ของจอมมารเช่นเจ้ามีฝีมือแค่นี้เองหรือ?" เยว่ชื่อเอ่ยยั่วยุ ดีดตัวกลับไปอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ห่างจากตัวของอวี้เหิงเป็นระยะทางสองจั้ง ตั้งกระบี่เตรียมพร้อมป้องกันการโจมตีที่อาจจะมีมาได้ทุกเมื่อ

"ข้าประมือกับปรมาจารย์ หาใช่ชาวยุทธไร้ชื่อเสียง ฝีมือจะสูสีกันหาใช่เรื่องแปลกไม่"

"เจ้ากล่าวเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้มีฝีมือขนาดนั้น"

"รู้ตัวด้วยรึ" อวี้เหิงยิ้มหยัน "ตอนข้าประมือกับเจ้าทีแรกข้ายังคงสงสัยอยู่เลยว่าเจ้ามีอะไรดี ดูท่าว่าชื่อเสียงของเจ้าจะได้มาจากบารมีบิดาเจ้ามากกว่า บิดาพยัคฆ์จะมีบุตรสุนัขก็ขายหน้า ตั้งฉายาให้เจ้าเสียหน่อยไม่ให้ขายหน้าตัวเองเกินไปเป็นใช้ได้"

แทนที่จะโกรธเยว่ชื่อกลับหัวเราะออกมา "มารอย่างเจ้าถูกพ่อข้าขับไล่ออกจากยุทธภพแท้ ๆ กลับมาเห่าหอนเช่นสุนัขไม่หยุดเสียที ทั้งยังพยายามแย่งชิง 'ลูกแก้วแสง' ของพ่อข้าไปด้วย ทำอะไรไม่เจียมความสามารถตนเองหน่อยหรือ"

ทั้งสองคนใช้ฝีมือและฝีปากในการเชือดเฉือนกัน ภายในถ้ำที่สว่างไสวด้วยพลังของลูกแก้วแสง ต่างฝ่ายต่างมองเห็นกันและกันได้อย่างชัดเจน หนึ่งคนเป็นบุรุษรูปงาม เจ้าของดวงตาดอกท้อเย้ายวน เครื่องหน้าได้รูปสวยราวกับเทพบรรจงสรรสร้าง แสนคนจะมีสักคนที่งดงามมากถึงเพียงนี้ ไปแห่งหนตำบลใดล้วนมีแต่คนเหลียวมอง เด็กเห็นยังต้องหยุดร้องไห้

ส่วนหนึ่งมารหน้าตาดุดัน ดวงตาดุร้ายราวสัตว์ป่า ท่าทางองอาจห้าวหาญ ร่างกายแข็งแรงกำยำ ทว่ากลับเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว ราวกับสิงโตตัวผู้ไร้ฝูงที่ต้องล่าเหยื่อด้วยตัวเอง สมกับที่ได้เป็นองครักษ์ของจอมมาร

อวี้เหิงพุ่งเข้าไปหาเยว่ชื่อ ใช้กระบวนท่าโจมตีอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ คลื่นกระบี่สีดำทมิฬพุ่งเข้าหาเยว่ชื่ออย่างรวดเร็ว เยว่ชื่อกระโดดหลบไปในห้องห้องหนึ่ง คลื่นกระบี่กระแทกเข้ากับผนังถ้ำจนมีฝุ่นคลุ้งตลบ อวี้เหิงรีบตามเข้ามาข้างใน แต่กลับพบเพียงห้องที่ว่างเปล่า

เยว่ชื่อกระโดดขึ้นไปซ่อนตัวบนแง่งหินที่ยื่นออกมาจากผนังถ้ำ เฝ้ามองผู้บุรุกที่มีฝีมือสูสีกับตนเองอย่างหาได้ยากจากด้านบน

"บุกเข้าถ้ำเสือเช่นนี้คงเตรียมตัวตายมาดีแล้วใช่หรือไม่?"

เสียงของเยว่ชื่อสะท้อนก้องภายในถ้ำ ทำให้มารไม่สามารถหาได้ว่าเยว่พูดจากที่ใด เพราะเสียงมันดังออกมาจากทุกทิศทาง

"เสือรึ? เหอะ สู้กันมาตั้งนานเจ้าทำแผลบนตัวข้าสักแผลไม่ได้เลย ไฉนถึงกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเสือ"

อวี้เหิงหลับตา ปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อใช้ในการตามหาตัวของเยว่ชื่อ ไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้นและกระโดดขึ้นมาข้างบน พร้อมกับเงื้อกระบี่ขึ้นสูงแล้วฟันลงมาเต็มแรง

"เป็นลูกแมวคงเหมาะกับเจ้ามากกว่ากระมัง"

เยว่ชื่อยกกระบี่ขึ้นตั้งรับการโจมตี การจู่โจมของอวี้เหิงทรงพลังมาก แต่เยว่ชื่อเองก็ไม่น้อยหน้า เขาตั้งรับแรงกดมหาศาลอย่างไม่หวั่นไหว ทว่าแง่งหินที่เขายืนอยู่ กลับเกิดรอยร้าวก่อนจะร่วงลงมาข้างล่าง เยว่ชื่อรีบผละตัวออกจากการตั้งรับ ใช้กระบี่ดันอวี้เหิงออกแล้วกระโดดไปเหยียบแง่งหินอีกแง่งหนึ่ง

แง่งหินที่เขาเคยเหยียบหล่นลงพื้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือน

เยว่ชื่อมองอวี้เหิงแล้วยิ้มเยาะเย้ย เอ่ยถากถางกลับอย่างไม่น้อยหน้า "องครักษ์ของจอมมารแค่ลูกแมวตัวหนึ่งยังใช้เวลาหนึ่งชั่วยามจัดการไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่เหมาะเป็นองครักษ์เช่นกันกระมัง"

อวี้เหิงโมโหจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ ๆ เขาพุ่งเข้าหาเยว่ชื่อ ทั้งสองคนเริ่มโรมรันกันอีกครั้ง กระบี่ปะทะกระบี่ พลังปราณปะทะพลังปราณ การปะทะกันของทั้งสองคนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เยว่ชื่อดีดตัวถอยไปแผ่นหลังชนเข้ากับผนังถ้ำ อวี้เหิงเมื่อตั้งหลักได้ก็ใช้วิชาตัวเบาร่อนลงพื้นเหมือนเมื่อครู่หาได้ปะทะกับเยว่ชื่อจนกระเด็นออกมา

เยว่ชื่อพอตั้งหลักได้ก็ก้าวออกไปข้างหน้า ใช้กระบี่ชี้หน้าอวี้เหิงราวกับตนเองเป็นผู้มีชัยเหนือกว่า

"เจ้ารู้จักกระบี่เล่มนี้หรือไม่?"

"ปรมาจารย์เยว่กับกระบี่ลี่หยางคู่ใจ เรื่องนี้เลื่องลือไปจนถึงแดนมาร เหตุใดข้าจะไม่รู้"

"ถูกต้อง นี่คือลี่หยางสหายรักของข้า" เยว่ชื่อใช้ริมฝีปากทาบลงบนกระบี่ ริมฝีปากคลี่ยิ้ม ดวงตามองอวี้เหิงเหมือนอยากใช้กระบี่เล่มนี้แทงทะลุหัวใจ

"แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ลี่หยางของข้าชอบลิ้มรสเลือดมารเป็นที่สุด!" เยว่ชื่อเอ่ยจบก็พุ่งเข้าไปปะทะกับอวี้เหิงอีกครั้ง ความรวดเร็วของเยว่ชื่อก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนอวี้เหิงตั้งรับแทบไม่ทัน

"กระบี่ของข้าก็ชอบเลือดมนุษย์เป็นที่สุดเช่นกัน!" อวี้เหิงใช้กระบี่ตั้งรับการโจมตีและผลักตัวเยว่ชื่อออก เยว่ชื่อใช้วิชาตัวเบาในการทรงตัวและเอ่ยกลับ

"แค่ชื่อกระบี่เจ้ายังไม่มี คิดจะเอาเศษเหล็กนั่นมาตีตัวเสมอลี่หยางของข้า ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย"

"เจ้า!!"

เยว่ชื่อใช้กระบี่ตั้งรับการโจมตีของอวี้เหิงที่ถูกเขาถากถางจนหน้าเขียวคล้ำ ก่อนที่อวี้เหิงจะผละตัวออกและโจมตีเข้ามาอีกครั้ง เป็นเช่นนั้นซ้ำ ๆ ยิ่งโจมตีพลังยิ่งรุนแรง เยว่ชื่อถ่ายพลังปราณเข้าไปให้ลี่หยาง ใช้กระบี่ผลักตัวของอวี้เหิงออกแล้วใช้กระบวนท่า ก่อให้เกิดเป็นเกลียวคลื่นคล้ายคลื่นยักษ์พุ่งเข้าใส่อวี้เหิง

องครักษ์มารหลบการโจมตีนี้ได้ทัน เขากระโดดขึ้นไปบนแง่งหิน พินิจวิเคราะห์กระบี่ลี่หยางแล้วเอ่ยออกมา

"น่าสนใจยิ่ง" ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่คล้ายมีปราณมารบริสุทธิ์ปะปนอยู่ด้วย ปราณมารชั้นสูงที่พบได้แค่ในตัวของราชวงศ์ พลังปราณที่สูงส่งและสามารถบัญชาเหล่ามารให้ทำตามที่ต้องการได้

ไม่น่าเป็นไปได้ เหตุใดถึงได้มีปราณมารออกมาจากคนผู้นั้น หรือว่าพลังของลูกแก้วแสงทำให้ประสาทสัมผัสของข้าผิดเพี้ยนไปแล้ว

"ลี่หยางของข้างดงามถึงเพียงนี้ เจ้าจะสนใจหาใช่เรื่องแปลกไม่"

"ผิดแล้ว" อวี้เหิงส่ายหัว แต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม เขารีดเค้นพลังปราณมารวมไว้ที่ฝ่ามือ บีบอัดจนเป็นก้อนพลังปราณสีดำแล้วซัดพลังออกไป เยว่ชื่อจ้องมองก้อนพลังสีดำก้อนนั้นแล้วเบี่ยงตัวหลบ ทว่าในตอนที่เยว่ชื่อมองก้อนพลังปราณก้อนนั้น อวี้เหิงก็เข้ามาประชิดตัว หมายจะสกัดจุดตันเถียน

เยว่ชื่อเห็นอวี้เหิงเข้าพอดีจึงพลิกตัวหลบ ซัดฝ่ามือใส่อากาศเกิดเป็นคลื่นพลังจาง ๆ มองได้ไม่ชัดเจนพุ่งเข้าใส่อวี้เหิง ส่วนตัวของเขาก็ไปยืนอยู่ที่ผนังถ้ำ

อวี้เหิงหลบไปอีกทางแล้วยิ้มออกมา

"นี่หรือปรมาจารย์เยว่ โง่เขลายิ่งนัก"

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างบน เยว่ชื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าแง่งหินข้างบนกำลังถล่มลงมา ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาพริบตัวเดียวเยว่ชื่อจึงหลบไม่ทัน แง่งหินขนาดใหญ่ถล่มลงมาทับตัวของเขาทั้งตัว

"ไว้ได้ลูกแก้วแสงเมื่อใด ข้าจะมาช่วยฝังศพให้เจ้านะ" อวี้เหิงเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ เดินออกจากห้องเข้าสู้เส้นทางหลัก เตรียมเดินลึกเข้าไปเพื่อไปยังห้องที่เก็บลูกแก้วแสง

"ลูกชายของช่างหลิน ฝีมือก็ไม่เท่าไร น่าเสียดาย น่าจะสู้กันได้นานกว่านี้แท้ ๆ " อวี้เหินเดินไปบ่นไป ยิ่งเข้าใกล้ห้องที่เก็บลูกแก้วแสงไว้ ความสว่างภายในถ้ำยิ่งเจิดจ้าจนแสบตา พลังปราณภายในตัวของอวี้เหิงสัมผัสได้ถึงความน่าครั่นคร้ามของของวิเศษ ขนทั่วร่างกายของเขาลุกชัน ทว่ามันก็หาได้ทำอันตรายต่อร่างกายของเขามากกว่านั้น 

หลังเดินมาครู่ใหญ่ ในที่สุดอวี้เหิงก็เดินมาถึงห้องข้างในสุดที่ใช้เก็บลูกแก้วแสง ของวิเศษในอดีตกาลที่ช่างหลินเคยใช้ขับไล่เผ่ามาร

ลูกแก้วแสงชื่อนี้ถูกตั้งมาอย่างตรงตัว ลูกแก้วนี้สามารถเปล่งแสงเรืองรองราวกับแสงอาทิตย์ มีพลังทำให้มารรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง แต่ว่าสำหรับอวี้เหิงที่ทำงานใกล้ชิดจอมมาร ลูกแก้วนี้ไม่ค่อยน่าหวั่นเกรงเท่าไรนัก

ลูกแก้วแสงถูกวางไว้บนผ้าไหมชั้นดีที่กลางห้อง มีครอบแก้วทรงสี่เหลี่ยมครอบไว้ ใต้ผ้าไหมเป็นฐานหินที่ถูกแกะเป็นลวดลายสวยงาม

อวี้เหิงนำผ้าสีดำทึบออกมาจากอกเสื้อ ทำลายค่ายกลที่วางไว้จนหมดสิ้น หยิบครอบแก้วออก แล้วนำผ้าสีดำไปห่อลูกแก้วแสงอย่างทะนุถนอมราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า

แม้อวี้เหิงจะไม่เข้าใจนักว่าเพราะเหตุใดจอมมารถึงสั่งให้เขาเอาลูกแก้วกลับไป แทนที่จะทำลายมันเสียตรงนี้ แต่ว่าหน้าที่ขององครักษ์ของเขามีเพียงการทำตามคำสั่งของจอมมาร อวี้เหิงจึงไม่ได้ถามเพิ่มเติมและทำตามคำสั่งอย่างซื่อสัตย์

ผ้าสีดำที่อวี้เหิงพกติดตัวมากลบแสงสว่างเรืองรองของลูกแก้วแสงจนมิด ภายในถ้ำที่สว่างไสวมืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ทว่ามันก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่เขามากนัก

อวี้เหิงมีความจำเป็นเลิศ เขาจดจำเส้นทางและทิศทางภายในถ้ำได้หมดแล้ว เพียงแค่ใช้มือคลำไปตามกำแพงไม่นานก็หาทางออกไปได้ แต่ว่าทุกอย่างก็หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่

พลังปราณสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่อวี้เหิงจนร่างกายของเขากระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านในสุด ปมห่อผ้าสีดำคลายออก ทำให้ลูกแก้วแสงที่ถูกห่อไว้กลิ้งหลุน ๆ ออกมา แสงสว่างจ้าสาดส่องไปทั่วถ้ำอีกครั้ง

เยว่ชื่อเดินเข้ามาข้างในห้อง ในมือของเขาถือกระบี่ลี่หยาง ร่างกายไร้รอยขีดข่วนราวกับไม่ใช่คนที่ถูกแง่งหินทับ

มันถูกทับไปแล้ว เหตุใดมันยังไม่ตาย!?

อวี้เหิงตกใจไม่น้อยที่พบเยว่ชื่อในสภาพสมบูรณ์ เขาเอามือกุมท้อง เค้นเสียงออกมา

"ไอ้หมาลอบกัด!"

การตะโกนด่าทำให้เขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่ โลหิตสีแดงแปะลงบนพื้นถ้ำ ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วสรรพางค์กายเพราะการโจมตีของเยว่ชื่อทั้งรุนแรงและโดนจุดอันตราย

"ลอบกัดอะไรของเจ้า ถ้ำมืดข้าก็มองไม่เห็นเช่นกัน ข้าแค่ปล่อยพลังไปมั่ว ๆ เจ้าไม่ยอมหลบเอง"

น้ำเสียงของเขาแทบทำให้อวี้เหิงโมโหจนกระอักเลือดออกมาอีกรอบ เขากลืนเลือดข้น ๆ ลงคอแล้วชักกระบี่ข้างกายออกมาแทน

"ที่ข้าเคยดูถูกเจ้าไว้ ดูท่าคงต้องถอนคำพูดเสียแล้ว" อวี้เหิงพุ่งเข้าไปโจมตีเยว่ชื่อทั้งที่ตัวเองยังบาดเจ็บ ทว่าเยว่ชื่อไม่มีความเวทนาใด ๆ ให้อวี้เหิงทั้งสิ้น เขายังคงประมือกับอวี้เหิงเหมือนก่อนหน้านี้ หนึ่งคนหนึ่งมารปะทะกัน ยิ่งจู่โจมยิ่งเห็นได้ชัดว่าเยว่ชื่อเหนือกว่าขึ้นมาแล้ว

เยว่ชื่อใช้กระบวนท่าโจมตีก่อนพุ่งเข้าหาอวี้เหิง อวี้เหิงตั้งกระบี่รับการโจมตีทั้งที่ในปากยังคาวคลุ้งไปด้วยรสโลหิต

"ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดพวกเจ้าถึงต้องอยากได้ลูกแก้วแสงมากกว่าอยากทำลาย?"

"เป็นคำสั่งของจอมมาร หากเจ้าอยากรู้ เจ้าก็ไปถามท่านผู้นั้นดูสิ"

เยว่ชื่อตวัดกระบี่ก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ถาโถม อวี้เหิงกระโดดหลบ ซัดฝ่ามือโจมตีกลับ ทำให้พลังทั้งสองฝ่ายปะทะกันแล้วหายไปในอากาศ

เยว่ชื่อวาดกระบี่ลง ระลอกคลื่นพุ่งเข้าจู่โจมใส่อวี้เหิงอีกครั้ง อวี้เหิงใช้มือหนึ่งสกัดการโจมตี อีกมือหนึ่งปล่อยพลังปราณโจมตีใส่เยว่ชื่อ เยว่ชื่อจึงดีดตัวขึ้นไปข้างบนแล้วทิ้งตัวลงมาพร้อมตวัดกระบี่ อวี้เหิงใช้พลังปราณและกระบี่ของตนเองตั้งรับการโจมตี พลังปราณทั้งสองปะทะกันก่อให้เกิดแรงระเบิดดีดทั้งสองคนออกจากกัน

อวี้เหิงเห็นโอกาสนี้จึงฝืนร่างกายใช้พลังซัดใส่เยว่ชื่อเป็นครั้งสุดท้าย เยว่ชื่อเบี่ยงตัวหลบ ทว่าครั้งนี้หลบไม่พ้น พลังปราณก้อนนั้นกระแทกใส่มือของเขาจนกระบี่หลุดออกจากการกอบกุม

เยว่ชื่อเบิกตากว้าง มองดูกระบี่คู่ใจที่หมุนติ้วลอยคว้างในอากาศ ประกายแสงจากกระบี่สะท้อนเข้าตาเพราะสะท้อนแสงจากลูกแก้ว หัวใจของเยว่ชื่อกระตุกวูบ เขารีบตั้งหลักและพุ่งเข้าไปหมายคว้ากระบี่ไว้ แต่ว่าไม่ทันเสียแล้ว

ปลายกระบี่ลี่หยางปักเข้าที่ลูกแก้วแสงพอดีจนเกิดเสียงดังเปรี๊ยะ เบา ๆ เยว่ชื่อมองกระบี่ปักลูกแก้ว เหงื่อเม็ดโตผุดซึมออกมา ที่หน้าผากคล้ายมีคำว่า "ฉิบหายแล้ว" เขียนไว้

"..."

"..."

ทั้งเยว่ชื่อและอวี้เหิงไม่มีใครพูดอะไรออกสักประโยค พวกเขามองหน้ากันเงียบ ๆ แค่ใช้สายตามองกันก็คล้ายได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่อัดแน่นในใจของอีกคนดังขึ้นมาในหัว

แม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะพยายามจะฆ่าแกงกัน ทว่ายามนี้ทั้งสองคนกลับเป็นเพื่อนกัน

เพื่อนร่วมชะตากรรม… แค่มองตาก็รู้ใจ

"...ทำอย่างไรดี" เป็นอวี้เหิงที่ทำลายความเงียบงัน เขามองดูรอยร้าวบนลูกแก้วที่แผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆ เหมือนน้ำแข็งบนผิวน้ำยามเหมันต์ฤดู

"ข้าจะไปรู้หรือ" น้ำเสียงของเยว่ชื่อในยามนี้ไม่ติดประชดประชันหรือเยาะเย้ยถากถางอีกแล้ว

"กระบี่เป็นของเจ้า"

"จะโทษข้าหรือ? ถ้าเจ้าไม่ซัดพลังปราณใส่มือข้า กระบี่ข้าจะหลุดออกจากมือหรือไม่!?"

"ถ้าเจ้าไม่หลบการโจมตีข้าจะโจมตีพลาดไปโดนมือเจ้าหรือ!?"

ทั้งสองคนเริ่มมีปากเสียงกัน ขณะที่กำลังจะลงไม้ลงมือกันอีกรอบก็มีเสียงดังเปรี๊ยะดังขึ้นมาดึงสติของทั้งสองคนไว้

เสียงนั้นไม่ดังนัก ทว่ามันกลับดึงเยว่ชื่อและอวี้เหิงลงนรก เหงื่อผุดซึมตามใบหน้าและนิ้วมือทั้งที่อากาศเย็น หน้าขาวซีดราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า สภาพของทั้งสองคนในยามนี้ คาดว่าสะกิดเพียงนิดเดียวก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้แล้ว

แตกง่ายกว่าลูกแก้วแสงเสียอีก

อวี้เหิงเห็นท่าไม่ดีจึงใช้โอกาสที่เยว่ชื่อยืนจ้องลูกแก้วแสงค่อย ๆ ย่องหนีออกไป

เยว่ชื่อจ้องมองลูกแก้วจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า หากตาของเขาสามารถซ่อมรอยร้าวได้ เกรงว่าคงจะไม่ต้องกังวลมากเพียงนี้

ทำอย่างไรดี

ดึงกระบี่ออกมาดีหรือไม่…?

เยว่ชื่อเตรียมดึงกระบี่ออกมา ทว่าที่ลูกแก้วกลับมีเสียงเปรี๊ยะ!ดังสนั่น ก่อนจะตามด้วยเสียงเพล้ง! แสงสว่างจ้าราวกับแสงอาทิตย์ระเบิดสาดส่องไปทั่วถ้ำเป่าชาน เยว่ชื่อหลับตาปี๋และใช้แขนเสื้อบังแสงสว่างอีกชั้นหนึ่ง รอจนแสงเจิดจ้านั่นลดน้อยลง เยว่ชื่อจึงค่อย ๆ ลดแขนลง กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตา

ช่วงที่ตาของเขายังพร่าเบลอเขามองเห็นก้อนแสงขนาดใหญ่ มันค่อย ๆ หดลงเรื่อย ๆ รูปร่างเองก็แปลกตา มองไปมองมาคล้ายมนุษย์อยู่บ้าง

รอจนสายตาใช้ได้ดีแล้วเยว่ชื่อก็เห็นว่าแสงพวกนั้นจางลงเรื่อย ๆ ภายในแสงสว่างพวกนั้นมีคนอยู่คนหนึ่ง แม้จะยังไม่เห็นหน้า แต่มองจากด้านหลังก็พอรู้แล้วว่าเป็นบุรุษ

ผู้ใด?

คนผู้นี้หาใช่อวี้เหิงแน่ ๆ เพราะรูปร่างต่างกัน ชายคนนี้มีขนาดตัวและส่วนสูงพอ ๆ กับเขา แตกต่างจากอวี้เหิงที่ตัวสูงกว่า เยว่ชื่อไม่ทันสังเกตเห็นอะไรมากกว่านั้นรอบด้านก็มืดสนิท ไร้ซึ่งลูกแก้วแสงก็ไร้แสงสว่างในถ้ำเป่าชาน

"เจ้า…" เยว่ชื่อยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เอ่ยออกมาแค่นั้นเขาก็เงียบไป ใช้สมองไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าชายผู้นี้คือใคร เข้ามาในถ้ำเป่าชานได้อย่างไร เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่รู้มาก่อนว่าในถ้ำมีชายคนนี้ด้วย แล้วโผล่มาจากไหน เหตุใดถึงมาอยู่ในตำแหน่งที่ลูกแก้วแสงแตกพอดี

หรือว่า...

เยว่ชื่อเบิกตากว้างมากกว่าเดิมกับข้อสันนิษฐานที่ดูมีความเป็นไปได้มากที่สุด และมีความเป็นไปได้น้อยสุดในเวลาเดียวกัน

หรือว่าจะเป็นเทพที่สิงสถิตอยู่ในลูกแก้ว?

"เจ้าคือใคร?" เยว่ชื่อเอ่ยถามน้ำเสียงวางมาดข่มขู่ใส่คนแปลกหน้า

ชายคนนั้นเนื้อตัวเปลือยเปล่า เขาหยิบหยกห้อยที่อยู่ติดตัวตลอดเวลามาถือไว้ แล้วเดินเข้าไปหาเยว่ชื่อช้า ๆ

"เยว่ชื่อ…" น้ำเสียงนั้นทุ้มต่ำไพเราะน่าฟัง เยว่ชื่อได้ยินแล้วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้และตวาดถามเสียงเข้ม

"เจ้าคือใคร ชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร เหตุใดถึงอยู่ในถ้ำเป่าชาน!" เยว่ชื่อเตรียมใช้กระบี่ชี้ตัวชายปริศนา ทว่ากระบี่หลุดออกจากมือเขาไปแล้ว เขาจึงเปลี่ยนมากอดอกเชิดหน้าถาม

ชายคนนั้นชะงัก เขาเม้มปาก สีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยชื่อที่ทำให้เยว่ชื่อตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม

"ลี่หยาง"

"!!!"

“นามของข้า...คือลี่หยาง”