อารัมภบท

 

            จิรัตยกแก้วไวน์ในมือขึ้นมาจิบช้าช้า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองไปรอบตัวอย่างผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบ เสียงดนตรีที่ดังมาจากฟลอร์เต้นรำเบื้องหน้าเรียกให้ชายหนุ่มหันความสนใจไปหา หากเขายังคงพอใจที่จะนั่งนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ลุกออกไปเต้นรำแบบที่แขกคนอื่นทำ

            สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดสีขาวพริ้วไหวที่กำลังเต้นรำอย่างสนุกสนานกับผู้เป็นเจ้าของงานแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

            วิรัลพัชรไม่ใช่คนที่ชอบออกงานสังคมนัก ดังนั้นเมื่อน้องสาวของเขาขออนุญาตมางานวันเกิดเพื่อนร่วมคณะ จิรัตและวิปัศจึงถูกส่งมาทำหน้าที่พี่ชายที่ดี

            หน้าที่ของชายหนุ่มคือมาส่งน้องสาวและกลับไปรายงานความเรียบร้อยให้กับผู้เป็นมารดาเท่านั้น

            เพื่อนร่วมคณะของวิรัลพัชรผลัดกันเดินมาทักทายเขา มีบ้างที่สาว ๆ เหล่านั้นชวนชายหนุ่มออกไปเต้นรำ แต่เขายังคงปฏิเสธอย่างสุภาพ

            จิรัตดึงสายตากลับไปยังฟลอร์เต้นรำอีกครั้ง ก่อนจะแทบสำลักไวน์ในมือ

            วิรัลพัชรเปลี่ยนคู่เต้นรำแล้ว และคราวนี้น้องสาวของเขากำลังเต้นรำกับใครคนหนึ่งที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี

จิรัตขมวดคิ้วเข้าหากัน รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่เริ่มคุกรุ่นของตัวเอง

ใช่ว่าเขาจะหวงน้องสาวขนาดที่ไม่อยากให้เจ้าตัวเต้นรำกับคนที่ไม่เคยพูดคุยด้วย

หากชายหนุ่มที่เป็นคู่เต้นรำของวิรัลพัชรในตอนนี้ต่างหากที่ทำให้เขาไม่สบายใจ

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เจ้าของดวงตาคมเข้มที่กำลังพาน้องสาวของเขาขยับไปตามจังหวะเพลงนั้นเป็นคนที่ไม่ว่าใครในงานก็ต้องรู้จัก

คุณชายเล็ก หรือ หม่อมราชวงศ์ชนเทพ ศิวาดล

ชายหนุ่มเผลอกำแก้วไวน์ในมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว

ทำไมถึงมีคนของศิวาดลในงานนี้ได้

จิรัตรับรู้ได้ถึงความปวดหัวที่แล่นริ้วขึ้นมาตามขมับโดยเฉพาะเมื่อยังคงมองต่อไป

สายตาของหม่อมราชวงศ์หนุ่มที่มองมายังวิรัลพัชรในอ้อมแขนเต็มไปด้วยความอ่อนหวานเสียจนคนที่แอบมองอยู่อยากถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้มใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อน้องสาวของเขามองตอบด้วยสายตาแบบเดียวกัน

และก็ใช่ว่าจะมีแต่เขาที่จับจ้องไปยังสองหนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำด้วยกันอยู่กลางฟลอร์ หม่อมราชวงศ์ชนเทพและวิรัลพัชรคงไม่รู้ตัวว่า ตอนนี้สายตาแทบทุกคู่ในงานกำลังจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสองอยู่

จิรัตนิ่วหน้ายามที่มีเสียงซุบซิบพอให้ได้ยินประปรายดังมาจากรอบตัวเขา

ศิวาดลกับพงศ์ศุลี

มีใครในงานนี้บ้างที่ไม่แปลกใจ

“แค่เต้นรำด้วยกันเอง ต้องมองด้วยสายตาหนักใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” น้ำเสียงขบขันที่ดังมาจากด้านข้าง เรียกให้ชายหนุ่มต้องหันไปมอง ก่อนพบกับน้องชายคนรองที่กำลังส่งยิ้มมาให้

“ผู้ชายคนนั้นคือคุณชายชนเทพแห่งวังศิวาดล”

“ผมรู้” วิปัศตอบยิ้ม ๆ ชายหนุ่มยกแชมเปญในมือขึ้นดื่ม แม้จะยังไม่ละสายตาไปจากน้องสาวเช่นเดียวกับคนเป็นพี่ “ยายพัชรไม่ได้เต้นรำกับคุณชายคนเดียวเสียหน่อย พี่จีไม่เห็นต้องเครียดไปเลย”

จิรัตยังคงนิ่ง

“ถ้าคนของทางนั้นไม่รู้ และถ้าเราไม่บอกคุณแม่คุณพ่อ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก” น้องชายของเขาบอกต่อ

“พี่เป็นห่วงยายพัชร” ชายหนุ่มหลุดปากออกไป

“ห่วงเรื่องอะไรครับ ผมได้ยินมาว่าคุณชายชนเทพเป็นสุภาพบุรุษพอตัว คงจะไม่ล่วงเกินน้องสาวเราหรอก” คนพูดชะงักไปเล็กน้อยอย่างเพิ่งนึกอะไรได้ 

“เอ... หรือพี่จีกลัวยายพัชรจะชอบพอกับคุณชายชนเทพ”

คราวนี้วิปัศหลุดหัวเราะออกมาจริง ๆ ก่อนเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม

“ผมว่า... ไม่มีใครตกหลุมรักคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกหรอกนะครับ”

คำพูดของน้องชายทำให้จิรัตผ่อนคลายลงในที่สุด ชายหนุ่มคลึงแก้วไวน์ในมืออย่างใช้ความคิด ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนยังคงจับจ้องไปที่หนุ่มสาวกลางฟลอร์เต้นรำเช่นเคย

ความคิดมากมายวิ่งวนไปมาในหัวของเขา ก่อนจะสรุปออกเป็นรอยยิ้มหยันที่มุมปาก

คุณชายชนเทพและวิรัลพัชรคงไม่เขลาพอที่จะตกหลุมรักอีกฝ่ายหรอก

ความรัก... ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายขนาดนั้น

และแม้แต่พระพรหมก็คงมิอาจดลบันดาลให้ ศิวาดล กับ พงศ์ศุลี มารักกันได้

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับขึ้นมาอย่างเชื่อมั่น

ทว่าหลังจากนั้นอีกเพียงไม่กี่เดือน

จิรัตจึงเพิ่งรู้สึกตัว

ว่าบางที... เขาต่างหากที่รู้จักความรักน้อยเกินไป

  

-----------------------------------------