ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อเห็นข้อความจากคนที่เข้ามาขอไลน์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนทักเข้ามา บล็อกดีไหมวะ ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวพวกไอ้ลภย์ก็มาจู้จี้อีก ปล่อยเบลอไปก่อนละกัน

“เฮ้อ…”

“เป็นอะไรสรณ์~”

“เปล่า มึงอ่ะเมาแล้วป่ะ แก้มแดงๆ” ผมอดจะอมยิ้มไม่ได้ เวลาปกติศาตนันท์มันก็น่ารักจะตายอยู่แล้ว เวลาเมาแล้วแก้มแดงแบบนี้ยิ่งดูน่ารัก

“ใครเมา~ ไม่มี~” ไม่อยากให้ใครมาเห็นเลยว่ะ

“กลับกันเหอะเจ้ นันท์มันเมาแล้วอ่ะ”

“ไอ้ตัวเล็กนี่ไม่ถึงครึ่งกระป๋องมันก็เมาแล้ว แล้วพวกกูยังไม่ถึงคอเลยจะให้กลับแล้วเหรอ”

“ก็บอกแล้วว่าอย่าให้มันกิน งั้นสรณ์กลับก่อนนะ เดี๋ยวมันเรื้อนใส่คนอื่น”

“ส่งบ้านมันนะเว้ย” เจ้ปกสั่งเสียงเข้ม นิ้วชี้ยกขึ้นปาดคอเป็นการเตือนว่าผมห้ามคิดจะทำอะไรไม่ดีกับคนเมาเด็ดขาด

“ค่ะ~ ใครจะไปกล้าทำอะไรน้องแท้ๆ ของเจ้ละคะ” ผมว่าอย่างประชดประชันก่อนจะหิ้วปีกนันท์มันไปขึ้นรถแท็กซี่ เพราะตอนมามากับรถยนต์ของเจ้ อยากกลับก่อนก็ต้องนั่งแท็กซี่กลับแบบนี้แหละ

“นั่งดีๆ หน่อยสิวะนันท์” ผมว่าเมื่อคนเมาเอนตัวไปมาจนเกือบจะนอนราบไปกับเบาะนั่ง แต่แป๊บเดียวเจ้าตัวดีก๊ดีดตัวกลับมามองหน้าผมอย่างหาเรื่อง

“ดุกูเหรออิสรณ์”

“กูเปล่า”

“มึงจะมีแฟนแล้วเหรอ มึงจะทิ้งกูใช่ไหม~” เสียงยานครางมาพร้อมคำพูดตัดพ้อ ปากเล็กๆ นั่นยู่ลงอย่างน่าเอ็นดู “ทิ้งกูไม่ได้นะ”

“ใครจะไปทิ้งลง”

“จริงนะ…” โอ๊ย ตาแป๋วโคตรน่ารัก! “กูค้างบ้านมึงได้ไหม”

“ไม่ได้!” ผมรีบปฏิเสธทันที สภาพมันแบบนี้จะให้มาค้างบ้านผมขืนเก็บความรู้สึกที่มีต่อมันไว้ไม่อยู่จะทำยังไงล่ะวะ

“ฮึก” ปากแดงๆ เบะลงทันที “มึงจะทิ้งกูจริงๆ ด้วย”

โอ๊ย! ก็มึงเป็นแบบนี้ไงใครจะทนไหววะนันท์ ยิ่งเป็นกูที่ชอบมึงอีก ผมกดหัวมนๆ นั่นให้หน้ามันจมไปกับอกตัวเอง ไม่อยากมองหน้ามันต่อแล้ว โคตรอยากจูบ อยากทำอะไรๆ แบบที่รับประกันได้เลยว่าได้โดนเจ้ปกเชือดแน่นอนถ้าเผลอทำลงไปจริงๆ

“มึงเมาแล้วนันท์ เมาแล้วคิดเองเออเองตลอด”

“งื้อ~” เสียงครางหงุงหงิงดังขึ้นมาเบาๆ ก่อนแขนเรียวจะโอบเอวผมเอาไว้ ใบหน้าน่ารักถูอกผมไปมา

ไอ้ท่าทางแบบนี้ น่ารักฉิบหาย!

ใช้เวลาสักพักแท็กซี่ก็พาพวกผมกลับมาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย ผมมองหน้าบ้านตัวเองสลับกับบ้านฝั่งตรงข้ามที่เป็นบ้านของนันท์มันโดยมีเจ้าตัวขี่อยู่บนหลัง

“คิดอะไรให้มากวะ” ผมส่ายหน้า ขาที่กำลังจะก้าวเดินไปยังบ้านฝั่งตรงข้ามต้องชะงักลงเมื่อใบหูถูกกัดเข้าเต็มๆ “นันท์ๆๆ เจ็บๆๆ”

“ออกอ้าอ้างอ้านอึง!” คำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์เพราะหูยังอยู่ในปากมันแต่ผมดันฟังเข้าใจ ‘บอกว่าค้างบ้านมึง!’ เต็มๆ หูเลยล่ะ

“แต่ โอ๊ย! เออๆ ปล่อยๆๆ”

“อย่าต้องให้โมโหนะ! พากูเข้าบ้านมึงเดี๋ยวนี้!”

“ครับๆ”

“ดีมาก~” น้ำเสียงดุๆ กลับมายานครางอีกครั้ง คนบนหลังยิ้มแป้นอย่างพอใจ ซบหน้าลงบนบ่าผมเหมือนเดิม ทีเมื่อกี้ล่ะดุเหมือนหมา กัดเข้ามาได้โคตรเจ็บ ไม่รักไม่ทนนะเว้ย

“อ้าวน้องสรณ์ แล้วเจ้เราล่ะ” เข้ามาถึงในบ้านก็เจอเข้ากับแม่ที่อยู่ในชุดนอนเตรียมนอนแล้ว แต่คงกำลังไล่ปิดไปอยู่

“สรณ์มาก่อนน่ะครับ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะอยู่กันอีกหลายคน พี่พายแฟนเจ้ก็อยู่ด้วย”

“เหรอๆ เจอแล้วเหรอ หล่อไหมล่ะ”

“หล่อมากครับ ดูท่าทางเป็นคนดีเลยนะแม่”

“งั้นก็ดีแล้ว แล้วลูกไม่หนักเหรอนั่น” แม่พยักพเยิดหน้ามายังก้อนที่อยู่บนหลังผม “ทำไมไม่ส่งบ้านน้องนันท์ล่ะ”

“น้องนันท์ของแม่บังคับให้ผมพามานี่น่ะสิครับ แม่ดูกัดหูผมด้วย โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อโดนหมัดเล็กๆ ทุบไหล่เข้าให้ นึกว่าจะหลับอยู่เสียอีก แต่ดันรู้เรื่องขนาดนี้เริ่มคิดแล้วนะว่ามันไม่ได้เมา

“เอ้าๆๆ พาน้องนันท์ไปนอนเถอะลูก” คนเมายกมือไหว้แม่ผม “จ้าๆ เมาขนาดนี้ยังมารยาทดีไม่เปลี่ยน น่ารักจริงๆ”

“งั้นผมไปก่อนนะแม่ หนักโว้ย”

“ไม่หนัก!”

“โอยๆๆ พอแล้วนันท์ สรณ์เจ็บแล้วนะ”

ขนาดแบกมันขึ้นหลังอยู่อย่างนี้ยังจะทุบผมไม่หยุด ผมเลยต้องรีบพาร่างเล็กๆ นี่ขึ้นห้องอย่างไว แล้วโยนมันทิ้งลงเตียง

“สรณ์ใจร้าย~” คนที่นอนทำหน้าบู้บี้ตาจะปิดว่าอย่างติดจะงอแง

“ใครกันแน่ที่ใจร้าย ตีกันจนช้ำไปหมดแล้วเนี่ย คนนะไม่ใช่กระท้อน”

“กระท้อน สรณ์เป็นกระท้อน กระท้อนยิ่งทุบยิ่งหวาน ทุบอีกๆ” คนเมาลุกขึ้นนั่งมาทุบแขนผมแต่คราวนี้ผมรับเอาไว้ได้ทุกหมัด รวบแขนเล็กๆ นั่นเข้าไว้ด้วยกัน

“แขนเล็กแค่นี้แต่หมัดหนัก เล็กจนรวบมือเดียวยังได้เลย เหวอ!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าของแขนทิ้งตัวนอนกะทันหันแล้วมันดันทำให้ผมล้มลงไปด้วยจนเราเกือบจะชนกัน แต่ดีที่ผมเอามืออีกข้างดันไว้ทัน แต่ว่า ไอ้หน้าที่ใกล้กันขนาดนี่มันก็ไม่ดีต่อใจเลย

“อย่าทิ้งกูนะ”

“อะ อืม…” มาถามอะไรเอาตอนนี้วะ หน้าเราใกล้กันแค่คืบ ตัวแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ผมหลับตาลงสะบัดหน้าดึงสติก่อนจะดันตัวขึ้นแต่กลับกลายเป็นว่าไอ้แขนเล็กๆ นั่นไม่รู้หลุดมือผมไปตอนไหนมันยกขึ้นมาคล้องคอผมแล้วรั้งเอาไว้

“อย่าทิ้งนันท์นะ” เสียงหวานเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อกับแววตาแป๋วๆ นั่นทำเอาใจผมสั่นไหวอย่างรุนแรง แผ่นดินไหวมันกี่ริกเตอร์ไม่รู้แต่หัวใจกูสั่นเป็นล้านริกเตอร์แล้วมั้งอิเหี้ย!

“มะ ไม่ทิ้งครับ” เก็บอาการหน่อยไอ้สรณ์!

“ชอบอ่ะ” ยังไงนะ ยังไง! จังหวะนี้จูบได้ไหมวะ ผมหลับตาหันหน้าหนี พยายามหักห้ามใจให้ถึงที่สุด แต่นันท์มันก็ดันบีบแก้มผมให้หันไปมองหน้ามันอีก “มึงพูดครับแล้วมันแอบใจสั่น อ๊ะ!”

ไม่ทนเหี้ยไรทั้งนั้นอ่ะ ใครจะไปทนไหว ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบปากเล็กๆ ช่างพูดนั่นทันทีที่ได้ยินว่ามันเองก็ใจสั่น ใจสั่นแปลว่ามีใจอิเหี้ย!

“นันท์…” ผมเรียกคนใต้ร่างเสียงพร่า ยิ่งโดนอีกฝ่ายมองมาด้วยดวงตาเยิ้มๆ มันยิ่งทำให้ผมอยากทำมากกว่าแค่จูบแบบปากแตะปาก

“เอาอีก” คำตอบรับนั่นราวเสียงสวรรค์ที่บอกให้ผมทำตามใจได้เท่าที่ต้องการ “อึก อื้อ~”

ผมจูบลงบนริมฝีปากที่เฝ้ามองนักหนานี่ ขบเม้มเบาๆ อย่างข่มกลั้นอารมณ์ด้วยไม่อยากให้ร่างเล็กในอ้อมกอดนี่ตื่นกลัว อยากมากกว่านี้ ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากสีระเรื่อ ปากส่งเสียงอ้อนวอน

“อ้าปากได้ไหมคะคนดี”

“อา~” โอ๊ย มันอ้าปากจริงๆ อ่ะ เมื่อไหร่จะเลิกน่ารักวะนันท์ กูจะคลั่งตายแล้ว

ปลายลิ้นร้อยสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่น กวาดต้อนหยดหวานสลับหยอกล้อลิ้นเล็กที่จูบกลับอย่างเงอะงะแต่ก็โคตรน่ารัก

“อึก อื้ม~” และเร้าอารมณ์เป็นบ้า ยิ่งเสียงเฉอะแฉะประกอบกับเสียงครางผมยิ่งจะแทบอ่อนโยนไม่ได้แล้ว อยากจูบหนักๆ อยากดูดดึงลิ้นเล็กๆ นี่ให้แห้งเหือด จะคลั่งตายแล้วศาตนันท์

“งื้ม อื้อ~” เสียงครางหงุงหงิงดังขึ้นพร้อมหมัดเล็กที่ทุบลงบนไหล่ผมเบาๆ ก่อนมันจะตกลงบนหมอน และการกระทำทุกอย่างก็ชะงักไป

ผมผละออกมามองคนใต้ร่างที่นอนหลับหน้าแดงอย่างงุนงง นี่กูจูบนานจนสลบเลยเหรอวะ เดี๋ยวนะ… ผมลดสายตาลงมองยังกลางกายที่รู้สึกได้ว่ามันเปียกๆ

“ศาตนันท์~” โอ๊ย! โคตรเอ็นดู แค่จูบก็เสร็จแล้ว ผมหอมแก้มสีเรื่อไปหนึ่งฟอดอย่างมันเขี้ยว ฟอด~ “อีกฟอดละกัน นี่แน่ะไอ้ตัวดี”

“หงึ”

“หงึอะไรล่ะ” ผมตัดพ้อใส่คนที่หลับไป

แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะ แต่นันท์มันเมา…รอดูพรุ่งนี้แล้วกัน ตอนนี้ผมคงต้อจัดการร่างบนเตียงนี้ก่อน อีกอย่างไอ้หนูของตัวเองมันก็คึกคักขึ้นมาเหมือนกัน

ผมจัดการเปลี่ยนกางเกงให้นันท์ แน่นอนว่าเอาผ้ามาปิดตาตัวเองน่ะสิ ไม่อย่างนั้นมันก็จะทดสอบความอดทนของตัวเองมากเกินไป ดีที่นันท์มันเคยมาทิ้งชุดเอาไว้สมัยเด็กๆ เราเคยนอนด้วยกันบ่อยๆ แต่ตั้งแต่ผมแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกกับมันแค่เพื่อนก็ไม่เคยให้มันมานอนด้วยกันอีก

แม้จะเป็นชุดสมัยมอต้นแต่นันท์มันก็ยังใส่ได้เพราะดูเหมือนมันจะยังไม่โตขึ้นเท่าไหร่ …น่ารักว่ะ น่ารักขนาดนี้ใครเขาจะทิ้ง

“มึงเหอะ อย่าทิ้งกูนะนันท์”

 

+++

 

เช้าวันต่อมาผมตื่นค่อนข้างสายเพราะเป็นช่วงปิดเทอมเลยนอนตื่นสายได้ แต่ก็ไม่เคยสายขนาดนี้มาก่อน คงเพราะเมื่อคืนเพลียนิดหน่อยละมั้ง… ผมอดจะอมยิ้มไม่ได้เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันโคตรดี แค่จูบยังรู้สึกดีขนาดนี้

“นันท์…” ผมหันไปหาคนที่คิดว่าจะยังนอนอยู่ข้างๆ กันแต่พื้นที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า “กลับไปแล้วเหรอ”

“น้องนันท์!” เสียงโหวกเหวกของแม่ที่ดังมาจากด้านล่างทำให้ผมพุ่งตัวออกจากห้องทันที

“เกิดอะไรขึ้นครับแม่!”

“ฮ่ะๆๆ โธ่ลูก” ผมมองแม่ที่ยิ้มขำสลับกับคนที่กำลังยิ้มเจื่อนใส่แม่ ในมือนันท์มีขวดมายองเนสและดูเหมือนว่าไอ้ตัวดีมันจะบีบซอสใส่ตัวเองเข้าจนเลอะหน้าเลอะตัวไปหมด

“น้องสรณ์หยิบทิชชูมาให้น้องนันท์หน่อยลูก”

ผมพยักหน้า รีบหยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ใกล้ตัวเองไปเช็ดให้ไอ้คนที่ยืนหน้ามึนเหมือนทำอะไรไม่ถูกอยู่ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากยามใช้ทิชชูเช็ดใบหน้าน่ารักที่เปื้อนคราบขาวขุ่นของมายองเนส ไล่เช็ดลำคอขาวก็รู้สึกได้ว่าลูกกระเดือกนั่นเคลื่อนลงเบาๆ มันจะจำได้ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น

“เล่นอะไรเลอะไปถึงปากเลยวะ” ผมว่าติดจะดุ แต่กลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวกับภาพตรงหน้า มันคิดดีไม่ได้เลยนะ มือที่กำลังจะเช็ดที่ปากมันให้ต้องชะงักเมื่อศาตนันท์ดันแลบลิ้นเลียมันจนเกลี้ยง “นันท์…”

“กู กูไปอาบน้ำที่บ้านเลยดีกว่า!” มันวางขวดมายองเนสลงก่อนจะวิ่งออกไปจากบ้านผม ทิ้งให้ผมยืนหน้าร้อนอยู่คนเดียว ปากมันเซ็กซี่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“แล้วแซนด์วิชล่ะน้องนันท์ อ้าว… น้องสรณ์กินต่อแล้วกันนะลูก แม่ต้องไปทำงานแล้ว”

“ครับ” ผมตอบรับโดยไม่ได้หันไปมองหน้าแม่ สายตาจ้องแซนด์วิชตัวดี หยิบขวดมายองเนสบีบใส่จนแทบมองไม่ออกแล้วว่ามันคืออะไร แต่ผมก็หยิบมันขึ้นมากินด้วยรอยยิ้ม คนที่ไม่ได้ชอบมายองเนสวันนี้กลับรู้สึกว่ามันอร่อยขึ้นร้อยเท่า

ศาตนันท์…จำได้หรือเปล่าเรื่องระหว่างเราที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แล้วความสัมพันธ์ของพวกเราต่อจากนี้จะเป็นยังไง

ผมเดินขึ้นไปบนห้องอย่างเหม่อลอย ดวงตามองออกไปยังหน้าต่างที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในมือมีจานแซนด์วิชที่มายองเนสล้นทะลัก ตรงข้ามกับห้องผมเป็นห้องของนันท์มัน เรื่องจริงสินะที่เขาบอกว่าไม่เห็นตัวไอ้เห็นชายคาบ้านก็ยังดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเกิดได้เห็นหน้า หน้า!

“แค่กๆๆ นันท์!”

มันดันโผล่หน้าออกมานอกหน้าต่างจริงๆ จนผมที่กำลังเคี้ยวแซนด์วิชอยู่ถึงกับสำลัก คนที่เหมือนจะเห็นผมเหมือนกันเบิกตาโต ก่อนมันจะรีบปิดหน้าต่างหนี ท่าทางนั่นเริ่มทำให้ผมใจแป้ว

“หรือว่ามันไม่โอเควะ… แต่ใครจะไปโอเคกับเพื่อนกันวะ ไอ้สรณ์เอ๊ย!” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกมันปนเปกันไปหมด แซนด์วิชโปะมายองเนสถูกโยนทิ้งลงถังขยะเมื่อมันเริ่มไม่อร่อยขึ้นมาแล้ว

ผมคิดวนเวียนกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ดาวน์ลงทุกที เราเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันมาตั้งแต่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ ไอ้การคาดหวังจะให้มันมารู้สึกเหมือนกันมันย่อมเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว แล้วดันไปทำแบบนั้นตอนมันเมาคิดยังไงก็มีแต่จะโดนเกลียด ถ้ามันจะเกลียดกันก็ไม่ผิดเลย แต่ผมไม่อยากให้มันเกลียดกันเลย ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บปวดในใจ

สิ่งที่พอจะทดแทนให้มันได้ก็คงจะมีแค่การทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น…

 

 

 

 

 

 


 

ตอนต่อไปมีน้ำตานะ เตรียมทิชชู คนแต่งปวดคอหมดแล้วเพราะแต่งไปสะอื้นไป