“สรณ์!” ผมสะดุ้งเฮือก หลุดจากห้วงความคิดที่คิดวนเวียนอยู่มาทั้งวัน “เป็นอะไรทำไมวันนี้ดูเหม่อๆ”

“เจ้…”

“เดี๋ยวนะ ทำเสียงแบบนี้ไปทำอะไรไม่ดีมา”

ผมเบะปาก น้ำตาคลอหน่วยมองพี่ชายสุดที่รักที่ไม่เคยปิดบังอะไรได้เลยเพราะเจ้าตัวคอยสังเกตน้องเสมอ ความใส่ใจที่ได้รับมาตลอดทำให้ผมไม่เคยคิดจะปิดบังอะไรกับเจ้เลย

“สรณ์ขอโทษ…” เสียงผมสั่นเครือ น้ำตาหยดแหมะ ความรู้สึกดาวน์ที่เป็นมาทั้งวันเหมือนได้ปลดล็อกเพียงแค่มีคนที่ถามและพร้อมจะคอยรับฟัง

“…..”

“สรณ์เผลอไปทำไม่ดีกับนันท์มันอ่ะ”

“ยังไง”

“จูบ”

“ห้ะ! แล้วนันท์มันว่าไง” เจ้ปกเบิกตาโต

“ไม่รู้อ่ะเจ้ ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย บอกตามตรงว่าผมไม่กล้าเจอหน้ามัน เหมือนนันท์มันจะไม่โอเคอ่ะ”

เจ้ส่ายหน้า ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนเครียดแทนผมไปเรียบร้อยแล้ว

“ถ้านันท์มันโอเคนั่นแหละแปลก มึงสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะ…ไม่อยากจะพูดให้มึงเครียดนะสรณ์ แต่ถ้านันท์มันไม่ได้อะไรมึงก็ควรจะเลิกยุ่ง”

ผมพยักหน้ารับ ไม่คิดจะดึงดันเอาความรู้สึกตัวเองไปยัดเยียดให้นันท์มันอยู่แล้ว ผมชอบมันนะเพราะงั้นความรู้สึกของมันเป็นสิ่งที่ผมแคร์ที่สุดแล้ว

“เดี๋ยวเจ้พาไปเลี้ยงหนม อยากกินอะไร”

“ไม่หิวอ่ะ”

“ต้องหิว กินของหวานแล้วจะได้สบายใจ”

“อ่า… ก็ได้ๆ”

“เค เดี๋ยวเจ้โทรเรียกสารถีแป๊บ”

“เดี๋ยวๆ พี่พระพายจะมารับเหรอ เจ้ มันไม่ได้ป่าว เขาจะไปเดตกับเจ้แค่สองคนหรือเปล่า แล้วเจ้จะหิ้วน้องไปด้วยเหรอ ไม่ได้!”

“ไม่เป็นไร” ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงต้องหุบปากลงเมื่อเสียงเรียกเข้าของเจ้ดังขึ้น “มาถึงแล้วเหรอ โอเค น้องปกไปด้วยนะ สรณ์อ่ะ เค น่ารัก~”

“เจ้…”

“ไปแต่งตัว เร็วอย่าให้เขารอ”

“อืมๆ งั้นรอแป๊บสรณ์ไปเปลี่ยนกางเกงก่อน”

 

“เจ้ปก ไม่เห็นบอกเลยว่าเพื่อนพี่เขาจะมาด้วยอ่ะ”

เมื่อมาถึงคาเฟ่ก็ดันมีคนมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เจ้ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรก่อนจะหันไปตีไหล่แฟนตัวเอง

“เล่นอะไรเนี่ยพาย”

“อะไร เราเปล่า นี่มันคาเฟ่ของพี่สาวไอ้สิบมัน”

“ห้ะ บังเอิญเกินไปมั้ง”

“ก็ เรื่องบังเอิญมันก็เกิดขึ้นได้ ไปเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ นั่งโต๊ะไอ้สิบเลยละกัน”

 

“เจ้…”

“เฮ้อ… ไม่เล่นด้วยเดี๋ยวเขาก็เลิกยุ่งไปเองนั่นแหละ” เจ้ปกลูบหลังผม ดันเบาๆ ให้ก้าวเดิน แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยอมๆ ไปก่อน

“อ้าว มาไงวะมึง”

“ขับรถมาอ่ะดิ”

“เฮ้อ… ปกทิ้งมันเถอะไม่เห็นมันจะมีดีตรงไหน”

“ไอ้สิบ” พี่พระพายมองเพื่อนอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของพี่ผม

“เราว่าเราดูดีแล้วนะ”

“อ่า เคๆ ยอมแพ้” พี่สิบทิศหลุดขำ ก่อนสายตาแพรวพราวคู่นั้นจหันมามอง “ดีค่ะน้องสรณ์”

“ดีครับ” ไม่ชอบจริงๆ นะ รู้สึกว่าไอ้พี่นี่ดูแพรวพราวเกินไป “สั่งเลยได้ไหมอ่ะเจ้ หิวแล้ว” ผมถามเพราะแค่อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นหรอก

“อืมๆ”

“พี่เก้าครับ ขอเมนูให้เพื่อนผมหน่อย” พี่สิบทิศกวักมือเรียกคนที่น่าจะเป็นพี่สาว ก่อนคนถูกเรียกจะเอาเมนูมายื่นให้ผมรับแต่ผมก็ส่งต่อให้เจ้ทันที

“เพื่อนสิบเหรอ…น่ารักจัง”

“อะแฮ่มๆ คนนี้ไม่ได้”

“อ้าว ว่าจะเลี้ยงสักหน่อย งั้นสั่งเลยๆ เดี๋ยวพี่เก็บกับสิบมัน”

“ไม่เป็นไรครับ เจ้สัญญาไว้แล้วว่าจะเลี้ยง ใช่ไหมเจ้” ผมปฏิเสธทันที

“เออๆ ถ้าไม่เห็นว่าอกหักนะ”

“เจ้” คนหลุดปากยิ้มเจื่อน ดีนะที่เจ้ไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง

“อะ เอ่อ ไหนดูเมนูหน่อยดิ๊”

“มึงเก็บมาให้กูด้วยล่ะสิบ” พี่สิบทิศหันไปพยักหน้าให้พี่สาวที่เดินกลับไปประจำที่

“ปกบอกจะมากินอันนี้ใช่ป่ะ”

“อื้อๆ เห็นเขาว่าชีสเค้กหน้าไหม้ร้านนี้อร่อยอ่ะ เราสั่งอันนี้ละกัน สรณ์เอาอะไร” ผมที่เท้าคางมองเจ้กับแฟนอย่างเอียนๆ ในความหวานก็เริ่มคิดขึ้นมาว่าตัวเองจะกินอะไรดี สายตามันก็ดันเหลือบไปเห็นภาพเค้กชาเขียวที่คิดว่าถ้าเป็นนันท์มันต้องสั่งอันนี้แน่

“เอาเค้กชาเขียว ชาเขียวนม…”

“มึงไม่ชอบไม่ใช่เหรอ”

“…..” ใช่ ชาเขียวเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเลย แต่คนที่ผมชอบดันชอบมัน พออกหักแล้วคนอื่นเขากินของที่คนหักอกเราชอบไหมวะ ครั้งนี้ที่กินเพราะอยากประชดชีวิตต่างจากความรู้สึกตอนกินมายองเนสเมื่อเช้าลิบลับ

“อ่า งั้นเอาเค้กชาเขียว ชาเขียวนม กับนมสดคาราเมลเพิ่มนะสิบ”

“โอเค ไม่มีใครเอาไรเพิ่มแล้วใช่ไหม มึงอ่ะพาย”

“ไม่อ่ะ ค่อยกินจากปก”

“พาย”

“ค่อยกินต่อจากปกไง เธอกินไม่เคยหมดสักที สั่งไปตั้งกี่อย่าง”

“ก็จริง”

นี่ก็หวานไม่เกรงใจคนอกหักแบบกูเลย!

รอสักพักของที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ ผมตักเค้กชาเขียวเข้าปากอย่างช้าๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นกับรสชาติและกลิ่นของสิ่งที่ไม่เคยรู้สึกชอบ ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบ แต่อยากกินประชดตัวเอง

มึงมันโคตรแย่ไอ้สรณ์ รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนเมา

แก้วสีเขียวอี๋ถูกผมยกขึ้นดูดอย่างลืมตัวจนกระทั่งรสขมปี๋เข้าถึงลำคอถึงได้รู้ว่ายังไม่ได้คนนมกับชาเขียวให้เข้ากัน แต่แบบนี้ก็ดี ขมดี

“ชอบกินแบบนั้นเหรอคะ”

“…..” ผมส่ายหน้า วางแก้วชาเขียวที่ดูดชาเขียวด้านล่างเกือบหมดจนเหลือแต่นมด้านบน ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาอัดวิดีโอลงสตอรี่ “แม่งโคตรขมเลย”

“อยากได้อะไรหวานๆ ไหม” ผมส่ายหน้าอีกครั้งกับคำถามของพี่สิบทิศ มือกดอัพสตอรี่โดยใส่อิโมจิหน้าบึ้ง

ไม่นานไอ้พวกเพื่อนๆ มันก็ส่งข้อความมาแสดงความคิดเห็นและความอยากสอดรู้สอดเห็น

 

ปัณ : แล้วมึงจะกินเข้าไปเพื่อ?

ลภย์ : 5555555

นิน : มึงไม่ชอบชาเขียวไม่ใช่เหรอ

กร : โอรีโอนมสดอร่อยที่สุด

ลภย์ : ว่าแต่เสียงผู้ชายคือใครคะ นัดเจอผู้ชายเหรอ กูจะฟ้องเจ้!

 

“เจ้ ขอสวีทๆ หน่อย จะส่งให้อิลภย์” ผมถ่ายรูปเจ้ที่กำลังอ้าปากรอรับการป้อนเค้กจากแฟนส่งไปให้พวกที่เหลืออิจฉาเล่น

 

ลภย์ : เจ้ๆๆๆๆๆๆๆ อะไรอ่ะหนูจะฟ้องแม่

 

“มันบอกจะฟ้องแม่” ผมชูหน้าจอมือถือให้เจ้ดู เจ้ปกหยิบมือถือจากผมไปอัดวิดีโอส่งกลับ

“ฟ้องโลด แม่กูสนับสนุนให้มีแฟนหล่อค่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ”

 

นิน : เริ่ดอ่ะเจ้ ขอองค์ไหนมาคะ

กร : เจ้ไม่ใช่มึงค่าอินิน

ลภย์ : แงงง แต่อยู่กับพี่พระพายแบบนี้อย่าบอกนะว่าเสียงผู้ที่ได้ยินในสตอรี่เป็นเสียงพี่สิบทิศอ่ะ

 

“อ่า ตอบไหมสรณ์”

“ปล่อยมันไปเหอะเจ้” ผมเก็บมือถือเข้ากระเป๋าอย่างเซ็งๆ ยิ่งมองหน้าคนที่ไอ้ลภย์ถามถึงก็ยิ่งหงุดหงิด มันจะยิ้มเหี้ยไรนักหนา เห็นหน้ากูไหมว่ากูไม่ได้แสดงออกว่าชอบเลยสักนิด

เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นทำให้อีกฝ่ายละสายตาจากผมไปสักที แต่ประโยคที่อีกฝ่ายพูดขึ้นกลับทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายให้ความสนใจไอ้คนที่ไม่ชอบหน้าแทน

“นี่ใช่เพื่อนน้องสรณ์หรือเปล่า ศาตนันท์?”

“ทำไม” อีกฝ่ายยื่นหน้าจอให้ผมดูก็เห็นว่านันท์มันแอดเฟสไอ้พี่สิบทิศนี่ ผมมองภาพตรงหน้าอย่างหงุดหงิด

“ห้ามรับ”

“ทำไมละคะ”

“ไม่ชอบ” โคตรไม่ชอบใจเลย ยิ่งคิดว่านันท์มันอาจจะชอบอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เค้กชาเขียวที่ไม่ชอบกินถูกจ้วงเข้าปากอีกครั้ง เอาให้ขมจนลิ้นชาไปถึงหัวใจเลย!

“อะไรกัน~ พี่เข้าข้างตัวเองได้ไหมเนี่ย”

“อะไรของพี่” ผมขมวดคิ้วมองอีกคนที่ยิ้มกว้างยกมือเกาท้ายทอยราวกับเขินอะไร มีอะไรให้เขินวะ… เดี๋ยว นี่มันคิดว่าผมหวงมันเหรอ

กูหวงนันท์โว้ย นันท์เป็นของกู ถึงเขาจะไม่ได้ชอบกูแต่ยังไงกูก็ไม่มีทางยกนันท์ให้ผู้ชายแพรวพราวอย่างพี่มึงหรอก!

“ปวดหัวอ่ะเจ้ สรณ์กลับก่อนนะ”

“เห้ย เดี๋ยวดิสรณ์”

ผมเดินออกมาโดยไม่คิดสนใจคำท้วงของเจ้ปก จะว่าเสียมารยาทก็เอาเถอะ ผมอยากกลับไปทำใจที่บ้าน แต่แล้วขาที่กำลังจะก้าวออกพ้นร้านกลับต้องชะงักเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซต์คันคุ้นตา

“มาทำไมวะ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่ต้อง! แล้วก็ไม่ได้หมายถึงพี่ด้วย”

“ไปส่งขึ้นแท็กซี่ก็ได้” ผมตวัดสายตาดุใส่อีกฝ่ายอย่างหงุดหงิดเกินขั้น ตื๊อจนน่ารำคาญ คนเขาไม่ชอบดูไม่ออกหรือไงวะ

“สรณ์!” ผมหันขวับกลับมาหาคนที่เรียกกัน เจ้าตัวยกยิ้มก่อนจะลงจากมอเตอร์ไซต์แล้วเดินเข้ามาหา “จะกลับแล้วเหรอ”

“มึงมาได้ไง” ผมไม่ตอบแต่ถามอีกฝ่ายกลับไปด้วยอยากรู้ว่ามาที่นี่ทำไม หรือเพราะไอ้พี่สิบทิศอยู่ที่นี่

“กูเห็นมึงลงชาเขียวน่ากินอ่ะ เห็นเจ้เช็คอินด้วยเลยมาดู”

“อ๋อ”

“สวัสดีครับพี่สิบทิศ” นันท์หันไปยิ้มหวานให้คนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม ไอ้พี่นี่ก็ดันยิ้มตอบด้วย หน้าก็ตรงสเป็กไอ้นันท์แถมมันยังชอบคนยิ้มสวยไอ้พี่นี่ก็ดันยิ้มสวยอีก

“สวัสดีค่ะ เข้าในร้านก่อนสิ นี่ร้านพี่สาวพี่เองเดี๋ยวพี่เลี้ยง”

“โห งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”

“ฮ่าๆๆ สั่งได้เลย” คุยกันจนลืมกูไปแล้วมั้ง

“นี่มึงมาเพราะอยากกินหนมหรืออยากกินอะไรกันแน่นันท์” ด้วยแรงหึงหวงที่ไม่ควรจะมีทำให้ผมโพล่งถามไปแบบนั้น คนถูกถามขมวดคิ้ว ส่ายหน้าอย่างไม่คิดว่าผมจะถามอะไรแบบนี้ออกมา

“ห้ะ มึงถามแบบนี้หมายความว่าไงสรณ์”

“…..” ผมมองหน้าคนตรงหน้าอย่างรู้สึกน้อยใจ ไอ้รอยยิ้มที่เคยยิ้มให้ผมมันดันยิ้มให้อีกคนอย่างง่ายดาย โคตรรู้สึกแย่ “พี่เขาจีบกูอยู่”

“…เออ กูรู้” ผมชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอเอาเรื่องความรู้สึกเข้ามาเล่น “กูรู้อยู่แล้วสรณ์”

ริมฝีปากสวยที่ผมชอบนักหนาเหยียดยิ้ม ก่อนที่นันท์มันจะหันหน้าหนีและเดินหนีไป เหมือนผมแอบเห็นแววตาไหวระริกของมัน

ไอ้เหี้ยสรณ์! มึงมันเหี้ย!

 

“น้องสรณ์”

“พอเหอะพี่” ผมปัดมือใหญ่ที่รั้งแขนผมไว้ออก ก่อนจะรีบตามไปซ้อนมอเตอร์ไซต์ของนันท์

“อะไรของมึงเนี่ยสรณ์!” คนที่ผมกระโดดขึ้นรถมันกะทันหันร้องเสียงหลง หันมามองกันด้วยหน้าบูดบึ้ง

“จะกลับบ้านพอดี กลับด้วย”

“เหอะ ทำไมไม่ไปอยู่กับพี่สิบทิศของมึงล่ะจะตามกูกลับบ้านทำไม”

“ไม่ได้ตามกลับ แต่กลับกับมึงกูไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่ไง แล้วก็ไม่ใช่พี่สิบทิศของกู เขาแค่จีบกูยังไม่ได้คบกัน”

“เหอะ งั้นก็ยินดีล่วงหน้าเลยแล้วกัน”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” คนที่พองลมแก้มใส่กันหันหน้ากลับไปบิดแฮนด์ออกรถอย่างแรงจนผมแทบหงายหลัง “เห้ยๆๆ นันท์ขับช้าๆ มึงขับรถไม่ถนัดไม่ใช่เหรอ”

 

“หรือมึงจะลงแล้วให้พี่สิบทิศของมึงไปส่งล่ะ”

“กูบอกแล้วไงว่าเขาไม่ใช่ของกู”

“งั้นกูจะจีบเขา”

“ไม่ได้!”

 

 



ตอนหน้า น้ำตามาแน่ ฮรุก