2 ตอน บทที่ 1 เพื่อน?
โดย มัสตาร์ทบลูเบรด
บทที่ 1
เพื่อน?
สองชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวเดินอยู่ริมถนนอย่างเชื่องช้า ดาเนียลและเจนอสคอยระวังหญิงสาวเผื่อว่าเธอจะเป็นอะไรไป เมื่อใกล้ถึงโรงแรมที่เธอพักอยู่ คลอเดียก็เอ่ยบอกสาเหตุที่เธอเป็นแบบนี้
“ความจริงแล้วฉันแพ้เวทเคลื่อนย้ายค่ะ ก็เลยเป็นแบบที่เห็น”
“ได้แจ้งผู้คุมสอบไว้ไหมครับ” เป็นดาเนียลที่เอ่ยถาม เขาพึ่งเคยได้ยินคนที่มีอาการแพ้ต่อเวทมนตร์ประเภทเคลื่อนย้าย มิหนำซ้ำยังเป็นเวทมนตร์ที่ใช้กับอย่างสามัญแบบนี้แล้ว นึกไม่ออกเลยว่าคลอเดียใช้ชีวิตอย่างไรโดยที่ไม่ใช้เวทเคลื่อนย้ายเลย
หญิงสาวตอบพร้อมกับนวดขมับของตัวเอง “แจ้งไปก็ไม่สามารถทำอะไรได้ค่ะ สนามสอบคัดเลือกคือชายหาดทางเหนือของอินโครเชียนใช่ไหมคะ มันห่างจากอาคารรับรองมาก ๆ เลยนะคะ ถ้าไม่ใช้เวทเคลื่อนย้ายแล้วไม่มีทางไปถึงที่นั่นได้อย่างรวดเร็วหรอกค่ะ ความจริงฉันมียาสำหรับบรรเทาอาการแพ้อยู่แล้ว แต่มันหมดเมื่อวานพอดีค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้คลอเดียพักผ่อนเถอะครับ พวกเราขอแอดเดรสสำหรับติดต่อได้ไหม พรุ่งนี้ผมจะเอายามาให้ครับ”
เจนอสพูดแล้วหยิบแอดเดรสในกระเป๋ากางเกงออกมา แอดเดรสเป็นอุปกรณ์สำหรับติดต่อกันโดยใช้เสียง เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการสื่อสารเป็นอย่างมาก ทว่าคลอเดียกลับขมวดคิ้ว เธอไม่มีแอดเดรส
“ฉันไม่มีน่ะค่ะ เอาเป็นว่าบอกพนักงานต้อนรับว่ามาหาคลอเดีย เอลีเรียส ห้อง415แล้วกันนะคะ”
ถึงหน้าโรงแรมพอดี คลอเดียโค้งขอบคุณชายหนุ่มทั้งสองที่เดินมาส่งเธอ แม้ว่าอินโครเชียนจะเป็นเขตการศึกษาที่แทบจะปลอดคดีอาชญากรรม แต่ความมืดของถนนหนทางนั้นเป็นเรื่องจริง การมีคนเดินมาส่งที่พักนั้นมันค่อนข้างรู้สึกปลอดภัยมากเลยล่ะ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อพักผ่อน ส่วนชายหนุ่มทั้งสองเมื่อหญิงสาวจากไปแล้ว แววตาของพวกเขาที่เคยเป็นมิตรกลับเผยความอาฆาตต่อกัน
“มกุฎราชกุมารแห่งเฟลิเรียทำตัวไม่น่าเคารพเลยนะครับ”
“แล้วท่านน่าเคารพหรือ รัชทายาทแห่งวลาดิเวียร์”
เจ้าของเนตรสีมรกตและเจ้าของเนตรสีน้ำตาลปล่อยไอมังกรเพื่อข่มกันและกัน นี่คือสัญญาณการประกาศว่าใครสักคนจะต้องเป็นฝ่ายได้ตัวคลอเดียกลับไปประเทศของตนเอง คลื่นใต้น้ำของวังวนการแสวงหาความยิ่งใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นและสามารถหลบสายตาของเหล่าสภากลางเวทมนตร์มาอย่างยาวนาน ชนวนของสงครามจะเริ่มขึ้นเมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งได้ครอบครองหญิงสาวผู้นี้เอาไว้ ความสามารถของเธอเพียงแค่พบกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมง เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ว่าผู้ใดล้วนหมายปองเธอ
เจนอสหรือชื่อเต็มๆ คือเจเรนอสตา แผ่ไอมังกรเพื่อกดดันดาเนียลให้ยอมแพ้ต่อการต่อสู้เพื่อประกาศศักดาขนาดย่อมๆ นี้ ดาเนียลแม้จะพยายามต้านสักเท่าไรก็ไม่อาจต่อกรได้ ตนยอมหยุดแผ่ไอมังกรโลหะของตนลง เขารู้อยู่แล้ว เชื้อสายของมังกรระดับสี่ไม่อาจต่อกรหรือแย่งชิงกับเชื้อสายของมังกรระดับสองได้
เมื่อเอาชนะได้ เจเรนอสตาก็หยุดแผ่ไอมังกร ริมฝีปากได้รูปขยับพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นเยียบไปถึงหัวใจ มันแฝงไว้ด้วยสันดานที่แท้จริงของคนคนนี้
“นี่เป็นเพียงแค่คำเตือน อย่าคิดแม้แต่จะชิงตัวเธอไป”
เพียงขณะหนึ่งเท่านั้นที่ตัวตนที่แท้จริงของมกุฎราชกุมารผู้นี้เผยออกมา ก่อนที่น้ำเสียงและแววตาจะเปลี่ยนไปเป็นเจนอสที่คลอเดียรู้จัก “พรุ่งนี้มาเจอกันที่นี่ตอนเที่ยงแล้วกัน นายไปซื้อแอดเดรสให้คลอเดีย เดี๋ยวฉันไปเอายาให้เธอเอง แยกกันตรงนี้แล้วกันนะ” เจเรนอสตาจากไปแล้วแต่ดาเนียลยังคงยืนอยู่ที่เดิม มิใช่ว่าเขาไม่อยากกลับที่ยังที่พัก แต่เขากำลังหวาดกลัวจนขาแข็ง
นี่หรือพลังของมังกรระดับสอง
นี่หรือพลังของมกุฎราชกุมารคนปัจจุบันที่เอาชนะมกุฎราชกุมารคนก่อนๆ ได้อย่างเลือดเย็นจนสามารถขึ้นมารับตำแหน่งมกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิมังกรทองตะวันออก จักรวรรดิมากด้วยอำนาจที่เป็นศัตรูกับจักรวรรดิมังกรเงินตะวันตก ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากสองจักรวรรดินี้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตัวคลอเดียไป กองทัพจอมเวทของพวกเขาจะเกรียงไกรเพียงใด
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับการมาถึงของเจเรนอสตาและดาเนียล ทั้งสองรออยู่พักหนึ่งก่อนที่เจ้าของห้องจะมาเปิดประตูให้ แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะอาการแย่ลงกว่าเดิม เธอเปิดประตูออกมาพร้อมกับเสียงไอ
“แค่ก ๆ มาแล้วหรือ เข้ามาก่อนสิ แค่ก ๆ ”
“รีบไปนอนต่อเลยครับ ทำไมอาการดูแย่ลงล่ะครับคลอเดีย” เจเรนอสตาพาหญิงสาวที่อาการทรุดลงไปนอนที่เตียงดังเดิม
คลอเดียนอนลงแล้ว เจเรนอสตาก็หยิบปรอทวัดไข้ที่ตนนำมาด้วยขึ้นมา “ขออนุญาตนะครับ ขอผมวัดไข้หน่อย” ดาเนียลเดินลงมานั่งช้างเตียงของเจ้าของห้องพร้อมกับลากเก้าอี้มาให้เจเรนอสตาด้วย ปรอทวัดไข้ส่งเสียงเตือนเมื่อได้อุณหภูมิที่แน่นอน
“สามสิบเก้าองศาเลยนะครับ ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหมครับคลอเดีย”
“แค่ก ๆ นี่เป็นไข้ประจำฤดูของฉันน่ะค่ะ แค่ก ๆ พักสักระยะหนึ่งก็น่าจะหายดี แค่ก ๆ ขอโทษที่ต้องให้มาเห็นในสภาพนี้นะคะ แค่ก ๆ ๆ”
คลอเดียไอจนหน้าดำหน้าแดงซึ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งสองอดสงสารไม่ได้ ผิวขาวที่กำลังแดงจัดเพราะพิษไข้แบบนี้ทำให้คลอเดียดูน่าทะนุถนอมมากขึ้นไปอีก ดาเนียลเดินไปปรับอุณหภูมิของห้องให้เพิ่มขึ้นเพราะเห็นร่างกายหญิงสาวสั่นไปด้วยความหนาว ก่อนจะเอ่ยบอก
“พวกเราซื้อแอดเดรสมาให้น่ะ คลอเดียควรมีติดตัวเอาไว้นะ มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยในตอนนี้”
“แค่ก ๆ มันน่าจะแพงมากเลยนะคะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”
“ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับเพื่อนใหม่จากแดนไกลนะครับ ไม่ต้องเกรงใจกันนะ สิ่งที่คลอเดียให้พวกเรามีมูลค่ามากกว่าแอดเดรสนี่อีก”
ดาเนียลกล่าวและวางแอดเดรสสีขาวไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ส่วนเจเรนอสตากำลังจัดเทียบยาให้กับคนป่วย เมื่อนึกขึ้นได้เขาจึงหันมาถามจากบริเวณเคาน์เตอร์ครัวของห้องพัก “คลอเดียทานอะไรหรือยังครับ จะได้ทานยา” หญิงสาวส่ายหัวช้า ๆ แล้วค่อยตอบ “ยังค่ะ ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีแรงอยากกินอะไรด้วยค่ะ แค่ก ๆ ”
“ไม่ได้นะครับ ต้องทานยาก่อน ผมจะไปสั่งอาหารให้ รอสักครู่นะครับ คลอเดียไม่แพ้อาหารอะไรใช่ไหมครับ”
“ฉันแพ้เนื้อวัวค่ะ อย่างเดียวเลย แค่กๆ”
หญิงสาวบอกพร้อมกับเอนตัวนอนลงกับเตียงโดยมีดาเนียลเป็นผู้ห่มผ้าให้ คลอเดียเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอโทษที่ต้องมาพบกับสภาพที่ไม่น่าดูนะคะ รบกวนพวกคุณแล้ว”
“ไม่เป็นอะไรครับ พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ เพื่อนไม่สบายก็ต้องมาดูแลสิครับ ตอนนี้นอนก่อนเถอะครับ สักพักอาหารถึงจะมา”
ดาเนียลบอกแทนเจเรนอสตาที่กำลังจะออกจากห้องไปสั่งอาหาร เพราะคลอเดียเป็นสิ่งสำคัญในการคว้าชัยชนะ ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน สำหรับเมื่อวานนั้น รัชทายาทแห่งวลาดิเวียร์มิได้นำพาในสิ่งที่เจเรนอสตาเตือน เพราะสุดท้ายแล้ว ย่อมขึ้นกับการตัดสินใจของคลอเดีย การบังคับเธอไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ควรทำคือการสานสัมพันธ์กับเธอต่างหาก ทำให้ตนเองมีน้ำหนักในใจของหญิงสาวเข้าไว้ เมื่อถึงวันตัดสินแห่งโชคชะตา มันคือกุญแจแห่งชัยชนะอย่างไรล่ะ
คลอเดียถูกปลุกขึ้นมาเมื่อเจเรนอสตากลับมาพร้อมกับถาดอาหารในมือ ถ้วยซุปข้าวโพดสีเหลืองส่งกลิ่นหอมชวนให้คนป่วยเริ่มอยากอาหารขึ้นมาบ้าง มกุฎราชกุมารแห่งเฟลิเรียวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียงที่ดาเนียลเตรียมไว้ ชายหนุ่มทั้งสองนั่งลงข้างเตียงเพื่อสังเกตอาการหญิงสาวบนเตียงที่เริ่มตักซุปข้าวโพดเข้าปาก
“พอทานได้ไหมครับ”
“ทานได้ค่ะ แต่ฉันคงทานได้นิดเดียว ขอบคุณเจนอสนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ ทานอาหารแล้วจะได้ทานยานะ รีบหายไวๆ แล้วไปที่สถาบันกัน”
เชื้อสายมังกรทองลุกไปหยิบยาที่อยู่บนเคาน์เตอร์ครัวที่ตนวางไว้มาเมื่อเห็นว่าคลอเดียวางช้อนลง หญิงสาวกินไม่ถึงสิบคำด้วยซ้ำ เธอรับยามาพร้อมกับแก้วน้ำ ยาจำนวนมากนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ดีทว่ามันคือยาที่จะช่วยบรรเทาอาการลง คลอเดียกลั้นใจกลืนยาลงไปพร้อมกับดื่มน้ำชำระความขมของยาในช่องปาก เธอส่งแก้วคืนให้เจเรนอสตาจากนั้นก็เอนกายลงนอนเช่นเดิม
ดาเนียลพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนป่วยบนเตียงเอาแต่มองไปที่เพื่อนอีกคน “ถ้าคลอเดียหายแล้วพวกเราไปเที่ยวไหมกันครับ วลาดิเวียร์ค่อนข้างใกล้กับอินโครเชียน” ดวงตาสีเลือดไร้แววหันกลับมามองที่คนพูด ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าสายตาที่มองมาที่เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ไอสังหารจางๆ จากด้านหลังก็ทำเขาขนลุกเล็กน้อย
“ไปค่ะ ฉันยังไม่เคยไปต่างประเทศเลย แต่ขอไปหลังจากที่ไปรายงานตัวที่หอพักนะคะ อย่างน้อยก็ขอทำความรู้จักกับรูมเมทก่อน”
“ก่อนหน้านั้นต้องรีบหายก่อนนะครับ คลอเดียนอนได้ล่ะ ถ้าคุณหลับแล้วพวกผมก็จะกลับแล้วครับ ไม่รบกวนคนป่วยแล้ว”
เจเรนอสตาที่ถือถาดอาหารที่เตรียมจะเอาไปส่งคืนเดินมาแตะไหล่ดาเนียล พร้อมกับส่งยิ้มให้กำลังใจคลอเดีย หญิงสาวพยักหน้าก่อนที่ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ ดวงตาสีโลหิตปรือลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่นานคลอเดียก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป สองหนุ่มออกจากห้องพักของเพื่อนพวกเขาอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้รบกวนคนป่วย เจเรนอสเอ่ยกับดาเนียลด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ข้าบอกท่านไปแล้วนะ รัชทายาทแห่งวลาดิเวียร์”
“แล้วอย่างไร สุดท้ายการตัดสินใจมันก็ขึ้นอยู่กับคลอเดีย ข้าทำสิ่งใดผิด ข้าก็ทำแบบท่านนั่นแหละ มกุฎราชกุมารแห่งเฟลิเรีย”
ผู้ถูกยอกย้อนหัวเราะในลำคอ ใช่แล้ว อีกฝ่ายก็แค่ทำแบบที่เขาทำ จากนั้นจึงเอ่ยประโยคที่แทงใจดำขององค์รัชทายาท “มีเวลาอีกตั้งหลายปี ข้าก็ขออวยพรให้วลาดิเวียร์เข้มแข็งพอที่อยู่ถึงตอนนั้นก็แล้วกันครับ” เจเรนอสตาเดินนำไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนถูกแทงใจดำยืนนิ่งกับที่ ดาเนียลกำมือแน่นเพื่อระบายความคับข้องใจ การที่จักรวรรดิใหญ่ทราบเรื่องนี้ก็แสดงว่ามีการแทรกแซงภายในฝ่ายปกครองของประเทศของเขา ให้ตายสิ กำแพงมีหูประตูมีช่องเสียจริง เห็นทีการพาสาวไปเที่ยวบ้านครั้งนี้เขาคงพาไปได้ไม่เต็มที่มากกว่าเดิมเสียแล้ว
ด้วยการดูแลอย่างดีจากเชื้อสายมังกรทองและมังกรโลหะ อาการของคลอเดียดีขึ้นจนหายดีตามลำดับภายในสามวัน ในที่สุดเธอก็ได้มารายงานตัวที่หอพัก หอพักหญิงและหอพักชายนั้นอยู่กันคนละทิศ ดังนั้นหญิงสาวในเสื้อคอเต่าแขนสั้นสีขาวและสวมกระโปรงสีน้ำตาลไร้ลวดลายพร้อมกับคาดิแกนสีน้ำตาลที่ได้รับจากเจเรนอสตาเมื่อเช้าจึงยืนอยู่ที่หน้าหอพักตะวันตก คลอเดียหันซ้ายหันขวาก็พบกับเจ้าหน้าที่หอพักที่ยื่นอยู่ด้านหน้าหอพัก เธอรีบเดินตรงไปหาพี่สาวท่านนั้นทันที
“นักศึกษาใหม่ใช่ไหม มาเกือบท้ายๆ เลยนะ”
“แต่นี่พึ่งสี่วันหลังสอบคัดเลือกเองนะคะ”
“เข้ามาก่อนมา ข้างนอกหนาว”
พี่สาวเจ้าหน้าที่หอพักอธิบายให้คลอเดียฟังว่าทำไมเธอถึงบอกว่าเธอถึงมาเกือบท้าย ๆ นั่นเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่พวกเขารีบกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตนเองเพื่อหนีอากาศหนาวเย็นของอินโครเชียน อีกทั้งปีการศึกษาใหม่นี้ นักศึกษาใหม่ที่เป็นสตรีมีเพียงสิบเจ็ดคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มารายงานตัวกันหมดแล้ว คลอเดียหัวเราะเบา ๆ ก็เธอป่วยนี่นาทำอย่างไรได้ แล้วถ้าเป็นแบบที่พี่สาวเจ้าหน้าที่หอพักบอก เจเรนอสจะไม่อยากกลับบ้านหรือ
หลังจากที่อ่านเอกสารรายละเอียดขอปฏิบัติต่าง ๆ และรับกุญแจห้องแล้ว เจ้าหน้าที่หอพักคนเดิมก็ยกเอากล่องหนังสือสำหรับใช้เรียนมาให้คลอเดีย หญิงสาวขอบคุณแล้วใช้นิ้วของตนวาดบางอย่างลงบนหน้ากล่อง ทันใดนั้นกล่องหนังสือก็ค่อยๆ จางหายไป
“เวทอัญเชิญกลับหรือ เก่งไม่เบาเลยนี่นา”
“ขอบคุณค่ะ”
คลอเดียยิ้มแล้วโค้งขอบคุณ เธอยกกระเป๋ากล่องหนังสีเบจที่ตนถือมาตั้งแต่ออกมาจากบ้านที่เขตรกร้างทางเหนือของทวีปเดินเข้าไปด้านในตึกเพื่อไปยังห้องพักของตนเอง โชคดีอาคารนี้มีเพียงแค่สองชั้น เธอจึงไม่เหนื่อยมากในการขนของหนักๆ ขึ้นบันได ห้องพักของเธออยู่ไม่ไกลจากบันไดกลาง อีกทั้งยังเป็นห้องที่ระเบียงหันไปทางด้านหน้าตึก ดังนั้นจึงสามารถเห็นความคึกคักของเหล่านักศึกษาที่เข้าออกหอพักได้ คลอเดียเดินมาถึงห้องของตัวเองแล้วก็เคาะประตูทว่าไร้เสียงตอบรับและสัญญาณของสิ่งมีชีวิต เธอจึงเดินใช้กุญแจที่พึ่งได้รับมานั้นไขเข้าไป
เมื่อเข้าไปก็พบกับห้องที่ถูกแบ่งเป็นฝั่งซ้ายขวาโดยประตู อีกทั้งดูเหมือนว่ารูมเมทของเธอจะเลือกฝั่งขวาของห้องไปแล้ว เช่นนั้นคลอเดียก็ต้องเป็นฝั่งซ้ายสินะ หญิงสาวเดินเข้าไปยังฝั่งของตนเองแล้ววางกระเป๋ากล่องลงกับพื้นข้างเตียง จากนั้นจึงใช้นิ้วลากที่พื้นพร้อมกับของที่ถูกอัญเชิญไปในมิติพิเศษของเธอที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา คลอเดียเริ่มจัดข้าวของตนเองที่มีไม่มากอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบกับเครื่องแบบของสถาบันที่ทางอินโครเชียนได้เตรียมไว้ให้ เครื่องแบบของอินโครเชียนนั้นเป็นชุดแขนยาวส่วนจะเป็นกางเกงหรือกระโปรงนั้นขึ้นกับวิชาที่เรียน เช่นถ้าเรียนวิชาการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์และการควบคุมธรรมชาติจะสวมเป็นกางเกงเพื่อความสะดวกในเคลื่อนไหวร่างกาย รวมไปถึงถ้ามีวิชาเลือกอื่นที่ต้องขยับร่างกายมากๆ ออกนอกพื้นที่อาคารเรียนก็จะสวมเป็นกางเกง แต่ถ้าเป็นวิชาอื่น ๆ ก็จะสวมเป็นกระโปรงซึ่งเป็นเครื่องแบบปกติของนักศึกษาสตรี ในตอนที่คลอเดียกำลังจะหยิบชุดออกมาดู ประตูห้องพักก็เปิดออก เป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกันเดินเข้ามา ด้านหน้าคือหญิงสาวที่มีเรือนผมสีแดงและดวงตาสีส้มเพลิงร้อนแรง ด้านหลังก็เป็นหญิงสาวที่มีเรือนผมสีแดงเช่นกัน ทว่าดวงตาของเธอกลับเป็นสีเหลืองอ่อนคล้ายกับเสียงของจันทร์เพ็ญ ทั้งสองคงมาจากจักรวรรดิบาล็อตซึ่งเป็นดินแดนของเชื้อสายมังกรไฟ คลอเดียรีบทักทายทั้งสองคน
“สวัสดีค่ะ คลอเดีย เอลีเรียสค่ะ”
“อ่า เมทของเอเลน่าหรือ ฉันชื่ออเดลินเป็นพี่สาวของเอเลน่า ส่วนนี่เอเลน่า เป็นเมทของเธอ”
“เอเลน่าค่ะ พวกเรามาจากจักรวรรดิบาล็อตค่ะ”
เป็นดังที่เธอคิด ทั้งสองมาจากจักรวรรดิบาล็อตจริงๆ คลอเดียถามคำถามที่เธอสงสัย “ทั้งสองคนไม่กลับบ้านหรือคะ เห็นคุณเจ้าหน้าที่หอบอกว่านักศึกษาส่วนใหญ่มารายงานตัวแล้วก็กลับไปที่บ้านเกิดกัน”
“พวกเรามีเชื้อสายมังกรไฟค่ะ อาการหนาวแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ค่ะ”
เอเลน่าตอบ เธอรีบเดินไปที่โต๊ะครัวของเธอเพื่อชงชาต้อนรับเพื่อนร่วมห้องและรับรองพี่สาวของเธอ คลอเดียเลิกสนใจเครื่องแบบของสถาบันแล้วหันมาพูดคุยกับสองพี่น้องเชื้อสายมังกรไฟ อเดลินขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็งๆ คล้ายไม่ชอบใจ
“เธอใช่คนที่อยู่กับเจเรนอสตาวันสอบคัดเลือกหรือเปล่า วันนั้นมันมืดแล้วฉันไม่แน่ใจ แล้วก็เสื้อนั่น ไอมังกรทองเข้มชะมัด”
คลอเดียเอียงหัวเล็กน้อย “ใช่ค่ะ เป็นฉันเอง” เจนอสชื่อจริงคือเจเรนอสตาหรือ แต่เอาเถอะ อีกฝ่ายให้เรียกว่าเจนอส ในเมื่อเจ้าตัวต้องการแบบนั้น เธอก็จะไม่เปลี่ยนวิธีเรียกก็แล้วกัน ดูเหมือนว่าอเดลินจะไม่ชอบเจนอส ทั้งที่มังกรไฟเป็นเชื้อสายเดียวมังกรทองนี่นา แต่จักรวรรดิบาล็อตก็ทรงอำนาจเหมือนกัน แบบนี้อาจหมายความว่าอเดลินมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเจนอสหรือเปล่า คลอเดียขบคิดกระทั่งจมกับความคิดของตัวเอง แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจของอเดลินเอ่ยกับเธออีกครั้ง
“เธอมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเจเรนอสตาหรือ ปกติหมอนั่นไม่ใช้ไอมังกรทองทำอะไรแบบนี้”
“ฉันเป็นเพื่อนกับเจนอสและดาเนียลค่ะ จริงสิคะ มื้อเที่ยงนี้ฉันนัดทั้งสองคนนั้นไปทานข้าวกัน ถ้าไม่รังเกียจไปด้วยกันไหมคะ อเดลิน เอเลน่า”
เมื่อพูดจบก็หันไปยิ้มให้กับคนที่ส่งถ้วยชาให้เธอ เอเลน่าพยักหน้าด้วยความดีใจ ส่วนอเดลินแม้จะทำสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อน้องสาวของเธอไป เธอเองก็ต้องไปเช่นกัน คลอเดียยิ้มแล้วติดต่อไปหาเจเรนอสตาผ่านแอดเดรสที่ชายหนุ่มทั้งสองเป็นผู้ซื้อให้ ดาเนียลสอนเธอใช้แอดเดรสแล้ว ดังนั้นเธอสามารถใช้งานมันได้อย่างราบรื่น
ฝั่งเชื้อสายมังกรเพลิงคนพี่ที่เห็นหญิงสาวไร้ที่มาติดต่อกับมกุฎราชกุมารของเฟลิเรียอย่างสนิทสนมก็อดสงสัยไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรทำไมถึงคนสันดานเสียนั่นถึงให้ความสำคัญกับหล่อนนัก ถ้าจำไม่ผิด คลอเดียเป็นคนแรกที่ผ่านบททดสอบทั้งหมดได้เร็วที่สุดสินะเพราะแบบนี้หรือไม่ หล่อนเลยเป็นที่สนใจของเชื้อสายมังกรทองจอมละโมบนั่น ส่วนมังกรโลหะ เหอะ สุนัขจิ้งจอกชอบฉวยโอกาสนั่น เห็นทีมื้อกลางวันนี้คงสนุกน่าดู อเดลินยิ้มมุมปากอย่างมีแผนในใจ เอเลน่าที่เห็นพี่สาวมีหน้าเช่นก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ จะเกิดเรื่องขึ้นอีกหรือไม่
เวลาเที่ยงมาถึงพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มที่แฝงไปด้วยรัศมีฆ่าฟันระหว่างเชื้อสายมังกรทองและมังกรไฟ คลอเดียงุนงงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าถามเจเรนอสตาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ “เจนอสรู้จักกับคุณอเดลินหรือคะ”
เสียงหวานของคนที่ตนมอบเสื้อคาดิแกนให้เมื่อเช้าเรียกสติของมกุฎราชกุมารแห่งเฟลิเรียให้กลับมา ดวงตาสีมรกตสบกข้ากับดวงเนตรสีเลือดไร้แวว เขาเก็บไอมังกรที่ใช้ข่มขู่อีกฝ่ายลงก่อนตอบคำถามของเธอ
“ใช่ครับ พวกเราเคยเรียนที่แอสคาเดียร์ครับ เป็นสถาบันการศึกษาพื้นฐานของผู้ที่เชื้อสายมังกรแห่งแสงซึ่งอยู่ที่อาณาจักรเกรดาเซีย แต่ก็เรียนจบไปตั้งสี่ปีแล้วล่ะครับ เอาล่ะพวกเราไปหาอาหารเที่ยงกินกันดีกว่าครับ ทางนี้ๆ”
เจเรนอสตาบอกแล้วถือวิสาสะจับแขนของคลอเดียเดินไปยังร้านอาหารที่เปิดอยู่ ทิ้งให้ดาเนียลอยู๋กับเชื้อสายมังกรไฟทั้งสอง อเดลินหันมาคาดคั้นคำตอบจากดาเนียล รัชทายาทแห่งวลาดิเวียร์ถอนหายใจ แต่ดวงตาสีน้ำตาลนั่นกลับเต็มไปด้วยสายตาการต่อต้านไม่ยินยอม
“อยากรู้ก็หาคำตอบเองครับ มกุฎราชกุมารีแห่งบาล็อต”
“นี่แก เป็นแค่เชื้อสายมังกรระดับสี่ ริต่อต้านข้าที่เป็นระดับสามหรือ”
“จะระดับไหนก็ข้าต่อต้านได้ เจ้าสูงส่งนักหรือริมาสั่งข้า เจ้าเป็นใครกัน”
“เหอะ ในเมื่อเจ้าพูดแบบนี้ก็เตรียมใจไว้เถอะ”
มื้อเที่ยงนั้นเริ่มต้นด้วยการให้คลอเดียนั่งตรงกลางระหว่างเจเรนอสตาและดาเนียล อีกฝั่งก็เป็นสองพี่น้องเชื้อสายมังกรไฟ ส่วนใหญ่เป็นคลอเดียที่คนี่เริ่มบทสนทนา
“รูมเมทของทั้งสามคนเป็นใครหรือคะ ฉันเป็นรูมเมทกับเอเลน่าค่ะ”
“ของผมเขาชื่อคีธครับ เขาเป็นเพื่อนของผมเอง มาจากสาธารณะรัฐโพเลสเตร์ครับ ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว” เจเรนอสตอบคำถามหญิงสาว เขาค่อนข้างพึงพอใจที่เห็นปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ที่มีต่อคลอเดียโดยเฉพาะอเดลิน คิดไม่ผิดเลยที่ใส่ไอมังกรทองลงไป จะมายุ่งกับของของเขา ฝันไปเถอะ ต่อเป็นดาเนียลที่ตอบคำถามต่อ “ส่วนของผมคือโลแกนครับ เขามาจากเกรดาเซีย เป็นเพื่อนของผมตั้งแต่สมัยเด็กแล้วครับ” เขาส่งยิ้มให้คลอเดีย และต่อด้วยอเดลินที่เปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง
“ของฉันเป็นรุ่นพี่น่ะ เพราะรุ่นเรามีผู้หญิงแค่สิบเจ็ดคน ฉันเป็นเศษพอดีก็เลยได้ไปอยู่กับรุ่นพี่ที่เป็นเศษ เธอชื่อโจลีนน่ะ อยู่ปีสาม มาจากอาณาจักรอาลิเชียน”
เอเลน่าที่เห็นการกระทำของทั้งคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ เพื่อนอย่างนั้นหรือ ไหนเล่ามิตรภาพ มีแต่ไอข่มกันทั้งนั้นเลยให้ตายสิ จะว่าไปเธอก็ไม่เคยเห็นใครมีเรือนผมสีดำแบบคลอเดียมาก่อน เอเลน่าจึงเอ่ยถามคลอเดียด้วยความสงสัย
“ถามได้ไหมคะว่าคลอเดียมาจากไหน ฉันไม่เคยเห็นสีผมแบบนี้มาก่อนเลย”
“ได้ค่ะ ฉันมาจากเขตรกร้างทางเหนือของเอริเนียค่ะ อืม น่าจะตอนเหนือของเฟลิเรียนะคะ”
คลอเดียตอบแล้วพยายามนึกถึงแผนที่ทวีปตามที่มังกรแห่งชีวิตเคยสอนเธอ เมื่อสองสาวได้ยินดังนั้นพวกเธอก็มิได้กล่าวอะไรต่อ การใช้ชีวิตในเขตรกร้างทางเหนือมันน่าจะลำบากเป็นอย่างมาก เหตุใดคนตรงหน้าพวกเธอถึงดูเหมือนบุตรขุนนางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง ผิวขาวละเอียด ใบหน้าจิ้มลิ้ม คำพูดและน้ำเสียงแสนสุภาพเรียบร้อย หากไม่ถามหรือสงสัยในเรื่องสีผมของคลอเดีย พวกเธอก็คงคิดว่าคลอเดียคงเป็นบุตรีดยุคจากสักประเทศ
“ร่างกายดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ จะเดินทางพรุ่งนี้แล้วนะ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ยาที่เจนอสกับแดนเอามาให้ฉันมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ!”
เจเรนอสตายิ้มแล้วพยักหัว แน่นอนสิ ยานี่เขาใช้เวทเคลื่อนย้ายกลับไปเอากับแพทย์หลวงมาเลย ทั้งสามคนวางแผนว่าจะเริ่มออกเดินทางไปยังวลาดิเวียร์ในวันพรุ่งนี้ การเดินทางที่ไม่ได้ใช้เวทเคลื่อนย้ายจะใช้เวลาประมาณสามวันในการเดินทางถึงเมืองหลวงของวลาดิเวียร์ ดังนั้นถ้าร่างกายของคลอเดียยังไม่แข็งแรงดี พวกเขาก็จะเลื่อนกำหนดการออกไป
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้อย่านอนดึกนะคลอเดีย ถึงจะนั่งรถม้าไปแต่การนอนในรถม้าไม่ดีหรอก”
ดาเนียลกำชับหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ คลอเดียอมลมแก้มป่อง มองดาเนียลด้วยสายตาคาดโทษ “โถ่ ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ เห็นแบบนี้ฉันขี่ม้าเป็นนะคะ อ้อ ฉันกับเจนอสและแดนเราจะไปเที่ยววลาดิเวียร์กันน่ะค่ะ และก็พอดีว่าฉันแพ้เวทเคลื่อนย้ายก็เลยต้องนั่งรถม้าไปกันค่ะ”
คลอเดียบอกกับเอเลน่าและอเดลินที่มีสีหน้าสงสัย และเป็นอเดลินที่เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “พวกฉันไปด้วยสิ คลอเดียจะได้มีเพื่อนผู้หญิงไปด้วยอย่างไรเล่า เนอะ เอเลน่า”
Comments (0)