Chapter 9 การคิดไปเองมันเจ็บแบบนี้เอง

 

“เมเปิลแล้วมึงไม่คิดที่คบกับใครเหรอวะ” คิวที่อาสามาเป็นแฟนปลอม ๆ หนึ่งวันขับรถมาส่งเพื่อนสาวยังคอนโดเจ้าตัว เอ่ยถามเมื่อรถจอดสนิท

“กูกำลังชอบคนคนหนึ่งอยู่ คนคนนั้นเหมือนจะชอบกูด้วยล่ะมั่ง” น้ำเสียงตอบอย่างสดใสแต่ยังมีบางอย่างเคลือบแคลงให้เธอกังวลอยู่ลึก ๆ “แต่..ช่างมันเถอะรอให้มันชัดเจนกว่านี้ดีกว่า ถ้าเขาชอบกูจริงนะ”

“ยังมีกูและพวกมันนะมึง” คิวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบมันคือเรื่องปกติของพวกเขาอยู่แล้ว มือหนาย้ายไปผลักหัว “ตอนนี้มึงควรลงรถกูไปได้แล้ว หมดเวลาการเป็นแฟน”

“เออขอบใจมึงมาก ขอให้ผลบุญครั้งนี้ช่วยให้สมหวังในความรักสักที สาธุ...เพี้ยง! เพี้ยง! เพี้ยง!”

เมเปิลพนมมืออธิษฐานหันไปยังคนขับรถ คิวรับมุกพนมมือก้มหัวรับพร้อม เมื่อแม่พระเมเปิลเป่าหัวครบสามครั้ง เจ้าตัวยกมือขึ้นหัวและตามด้วยคำว่า “สาธุ...”

 

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ชายหนุ่มเขมรัฐก็ไม่ได้มาก่อกวนอะไร เพียงแค่มีการลอบมองมายังเธอบ้าง และวันนี้เธอจะได้เจอหน้าคนที่หายไปสองสัปดาห์เต็ม และข้ออ้างเพียงอย่างเดียวคือชวนให้มาออกกำลังกายตามที่เคยพูดกันไว้ คนพี่ตอบสนองทันทีที่ชวน พร้อมด้วยคำต่อท้ายว่า พี่ก็อยากไปเจอเราเหมือนกัน แต่ดีใจยังไม่ถึงสิบวินาที ก็บอกกลับมาอีกว่า จะได้เอาของฝากมาให้ด้วย

 

เมเปิลขับรถมาตามปกติ เข้าไปเปลี่ยนชุดและเดินออกมาและต้องการไปยังลู่วิ่งตามเดิม พบว่าคนพี่มานั่งรอแล้วกำลังกดส่งข้อความหาเธออยู่

“พี่โฟร์” เมเปิลร้องเรียก ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจพร้อมโบกโทรศัพท์ให้ดูว่าไม่ต้องส่งข้อความแล้ว “สวัสดีค่ะ มานานแล้วหรือยัง”

“ไม่นานค่ะ เมเปิลชอบออกกำลังกายแบบไหน”

“วิ่งค่ะ วิ่งอย่างเดียว”

ในจังหวะเมเปิลเดินไปยังลู่วิ่งเธอใช้สายตาสำรวจชุดที่คนน้องใส่รัดรูปเน้นโชว์ส่วนโค้งเว้าตามร่างกาย เน้นและเสริมทรวงอก หญิงสาวใช้สายตาแสดงความเป็นเจ้าของกวาดตาไปรอบและหยุดจ้องคนที่กำลังมองคนของเธอ จนปะทะกับสายตาคู่หนึ่งเอาแต่จ้องอย่างไม่วางเช่นเดียวกับเธอ

“พี่โฟร์ค่ะ มาวิ่งด้วยกันไหม”

“ค่ะ” เธอก้าวไปยืนเคียงข้างและออกวิ่งไปพร้อมกับเจ้าแก้มกลม ฉายานี้เธอตั้งใจเรียกตั้งแต่วันแรกที่คนน้องกินของหวานแล้วชอบใจจะหลับตาปี๋พร้อมเป่าแก้มให้พองลมตามมือทั้งสองข้างตบแก้ม นั่นมันน่ารักสำหรับเธอมาก ๆ “แล้วเรามาออกกำลังกายวันไหนบ้างคะ พี่จะได้มาด้วย”

“หื้ม...หนูแค่คิดว่าพี่แค่มาลองเล่น ที่คอนโดพี่ก็มีไม่ใช่เหรอ” เพราะเท่าที่หญิงสาวจำได้ว่า ก่อนหน้านี้คนพี่โทรหาบอกว่า กำลังออกกำลังกายที่คอนโด

“มันก็มีนั่นแหละค่ะ แต่ไม่มีคนน่ารักให้มอง” โฟร์ตอบพร้อมหันมาสบตาและมองใบหน้าคนน่ารักที่เธอหมายถึง

ร่างบางรู้สึกว่าตรงที่เธอวิ่งมันร้อนพิเศษแอร์ไม่เป่าเข้าหน้าเลยแม้แต่น้อย “ค่ะ” เมเปิลถอดสายตาหลบลู่ลงด้านข้างอย่างความเขินอาย และหากสบตานานกว่านี้คงมีเรื่องขายขี้หน้าด้วยการลื่นล้มไล่ไปลู่วิ่ง

“น้องเมเปิลครับ” เสียงเรียนขานจากชายหนุ่ม นั่นทำให้โฟร์ตวัดสายหันไปมองทันที

หญิงสาวเจ้าของชื่อกดหยุด ถอนหายใจทั้งเหนื่อยหน่ายและหมดความอดทน “คุณเขม คุณต้องการอะไร” เธอใช้น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยถาม

“ผมเฝ้าดูมาร่วมสัปดาห์แล้ว แฟนน้องเมเปิลไปไหนครับ หรือแค่กุเรื่องมาหลอกผม”

“...” กึก! โฟร์ชะงักเมื่อได้ยินว่า แฟนน้องเมเปิล ดวงตาของเธอคล้ายมีสีดำทะมึนมาเคลือบ ก่อนจะเลือนหายไปเสี้ยววินาที และย้ายไปจ้องชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นยะเยือก

“...”

“แฟนกันจริงคงไม่ปล่อยให้คนรักไปไหนมาไหนคนเดียว” ชายหนุ่มยังหยุดพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ “ไหนครับโทรเรียกมาตอนนี้เลย ฝากบอกให้คนนั้นมาตอนนี้เลยครับ”

“ฉันว่าคุณเสียมารยาทมากไปแล้วนะ ขอปรับความเข้าใจของคุณเขม การที่แฟนของฉันไม่ตามประกบ เพราะว่าเขาได้เตือนคุณไปแล้ว คนที่เขามีจิตสำนึกอันดีจะไม่เข้ามาแย่งคนรักของคนอื่น และอีกอย่างแฟนฉันเข้าให้เกียรติและเชื่อใจโดยไม่จำเป็นต้องมาคอยตามเฝ้า การที่คุณมาทำแบบนี้ดิฉันคิดว่าเข้าข่ายคุกคาม นี่คือนับเป็นครั้งที่สอง ขอทำการแจ้งเรื่องนี้แก่ทางฟิตเนส”

หมับ! โอ๊ย!!! เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากชายหนุ่ม เมเปิลถึงกับสะดุ้งสุดตัวทันที และหันไปมองเคลื่อนตาไปยังข้อมือชายหนุ่มโดนกำแน่นจากหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเธอ ไม่แน่ใจคนพี่ขยับไปตอนไหน

“กล้าดียังมาแตะตัวเมเปิล!!” โฟร์คำรามเสียงต่ำอย่างโกรธเกรี้ยว ออกแรงบีบราวกับคีมเหล็กหนีบ และบิดออกด้านข้างตวัดสะบัดข้อมือตัวเอง พร้อมให้มือข้างที่ว่างยกตัวชายหนุ่ม

“อัก!!” เขมรัฐรับรู้การหมุนควงของโลกใบนี้พร้อมกับการกระแทกพื้น

“...” โฟร์จ้องใบหน้าบอดี้การ์ดทั้งสองยืนประกบคนกองอยู่กับพื้น สะบัดหน้าออกคำสั่งให้หิ้วตัวออกไป

“พี่โฟร์ค่ะ” เมเปิลเอ่ยเรียกด้วยสั่นเครือ มือค่อย ๆ เอื้อมไปคนพี่ โฟร์ที่ยังคุกรุ่นคว้ามือคนน้องมาจับออกแรงดึงให้เดินตามมา จนออกมายังด้านนอกมุมไร้ผู้คน หญิงสาวถามด้วยเสียงพยายามข่มความโกรธและควบคุมให้เสียงนั่นเบาที่สุด “มันคือใคร แฟนเรามันคือใคร แล้วเรื่องมันเป็นยังไง”

“คะ ค่ะ เดี๋ยวเมลอธิบายให้ฟังนะคะ แต่ตอนนี้ปล่อยมือก่อนได้ไหมคะ เมลเจ็บค่ะ” หญิงสาวบิดข้อมือเล็กน้อย

“เมเปิลพี่ขอโทษ” โฟร์ปล่อยมืออย่างเร็วบอกด้วยดเสียงอ่อนยวบ กอบกุมขึ้นมาดูพบว่าเป็นรอยแดง แววตาวูบไหว ในใจเกิดความกลัวว่าคนน้องจะโกรธรวมถึงเกลียดที่เธอหลุดเสี้ยวความดำมืดออกมา

“โกรธแทนเมลเหรอคะ” เมเปิลเองก็ไม่ชักมือกลับปล่อยให้คนพี่ลูบรอยนิ้วทั้งห้า

“ค่ะโกรธ พี่ฉีกมันตอนนี้ยังได้เลย” เธอบอกคนของเธอด้วยน้ำเสียงละมุน เพราะในใจก่อนหน้านี้คือเช่นนั้นรวมถึงไอ้คนที่บอกว่าเป็นแฟนด้วย

เมเปิลกลับรู้สึกถึงกับความโกรธของคนพี่ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่ดี อย่างน้อยพี่โฟร์ก็น่าจะรู้สึกหึงหวงเกี่ยวกับเธอมาบ้าง “จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ผู้ชายคนนั้นมาตามตื๊อ เมลเองรำคาญเลยไปขอความเห็นจากเพื่อนในกลุ่ม จัสมินเลยบอกว่าให้คิวมาแกล้งเป็นแฟน และมาจัดการผู้ชายคนนั้นให้”

“คิว? เพื่อนในกลุ่มคนที่กัดกับจัสมินบ่อย ๆ ใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”

“เฮ้ย...โล่งอกไปที คิดว่าใครหน้าไหน” โฟร์คลายความกังวลในหัวทั้งหมด ก้อนถ่วงในใจหล่นร่วงไปยังพื้น “เจ็บมากไหมคะ พี่ขอโทษนะ” เธอยังคงลูบไล้แอบถึงย้ายมือมาวางบนต้นหน้าตัวเอง

“ตอนนี้หายเจ็บแล้วค่ะ ขอบคุณพี่โฟร์มากนะคะที่ช่วยจัดการให้”

คนพี่ใช้มือข้างที่อยู่ติดกับคนน้องโอบข้ามไหล่มาวางบนหัว “รับปากพี่ได้ไหม ถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกพี่คนแรก พี่จะมาจัดการให้ทันทีเลยค่ะ”

“ได้ค่ะ มีเรื่องอะไรจะโทรหาพี่โฟร์คนแรกเลยนะคะ มีข้อแม้เพิ่มอีกอย่างค่ะ พี่โฟร์ต้องมาทันทีด้วยนะคะ” ร่างบางยิ้มกว้างอย่างมีความสุขในการพูดคุย

โฟร์เองยกยิ้มตอบกลับเช่นกัน “สัญญาเลยค่ะ”

“มาสนิทกับเมลมาก ๆ แล้วคนของพี่จะไม่หาเรื่องเมลแน่นะคะ” เธอรวบรวมความกล้าพร้อมใจลุ้นระทึกในการถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแฟนสาวของคนพี่

โฟร์หยุดนวดรอยแดง เลื่อนมือฝ่ามือผ่านหลังมือของคนน้องแล้วกอบกุม “พี่กับคนนั้นเลิกกันแล้วค่ะ เพราะมีคนที่อยากจริงจังและอยากใช้ชีวิตทั้งหมดกับคนนั้น และเป็นคนนั้นมาตลอด” ระหว่างเอื้อนเอ่ยตอบคำถามคนน้อง เธอเองสบตาสื่อความหมายกับหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าทั้งสองค่อย ๆ เคลื่อนใกล้กัน

ครืด ครืด ครืด เมเปิลหยุดจากภวังค์แห่งความหลงใหล จับโทรศัพท์ที่กำลังสั่นในกระเป๋า ในใจสบถเช่นเดียวกับอีกคนว่า ใครวะ!!!

พอหยิบมาดูพบว่า เพื่อนสนิทอย่าง ไนน์

“ว่าไงมึง” เมเปิลปรับเสียงไม่ให้ทั้งอารมณ์เสียและสั่นจากอากัปกิริยาเมื่อสักครู่

[กูรู้เรื่องของมึงจากคนที่กูให้ตามดูแลมึง]

“มึงให้คนตามกูเหรอ”

[เออ กูขอโทษที่ไม่ได้บอกมึง แต่กูกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับมึง โชคดีแล้วที่โฟร์มันอยู่ตรงนั้นด้วย จัดการเรียบร้อยไหมวะ]

“อื้ม...ถ้าไม่ได้พี่โฟร์กูคงแย่ ขอบใจมึงด้วยนะที่ส่งคนมาดูแลความปลอดภัยกู”

[ขอบใจเหี้ยไร เพื่อนกัน เออมึงปลอดภัยก็กูสบายใจ ไปล่ะมึง บาย]

“บะ บาย” เมเปิลยังไม่ทันได้กล่าวลาไอ้เพื่อนตัวดีกดวางสายไปก่อน เธอหันไปยิ้มเจื่อน ๆ เพราะไม่รู้ว่าไปต่อยังไง

โฟร์แอบเสียดาย แต่ครั้งนี้ควรพอก่อน เธอคิดว่าเรื่องราวระหว่างเราสองคนยังมีเวลาด้วยกันอีกเยอะ “นี่เย็นมากแล้ว เกิดเรื่องวุ่นวายด้วย กลับกันเถอะค่ะ”

“ค่ะ”

“พี่ไปส่งนะคะ ส่วนรถนี่เดี๋ยวพี่ให้ลูกน้องขับตามไปค่ะ” คนพี่ถือวิสาสะคว้ามือคนน้องจูงพาไปยังรถส่วนตัว

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนที่เข้าไปหิ้วปีกคนมาก่อกวนออกไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าของพวกเธอทั้งสองคน

“ขับรถน้องตามมาด้วย” โฟร์รับของส่วนตัวของทั้งสองคนมาถือแทน

“คุณเมเปิลผมขอกุญแจรถด้วยครับ”

“ค่ะ” หญิงสาวเปิดกระเป๋าคนพี่ถือไม่ยอมส่งคืน ล้วงหยิบกุญแจส่งให้ชายตรงหน้า

“ไปค่ะ” โฟร์เปิดประตูรถดันตัวเข้าไปในรถใช้มือวางบนศีรษะระวังหัวโขกกับขอบด้านบนอีกด้วย ไม่แค่นั้นยังให้ตัวพาดคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอในฝั่งข้างคนขับด้วย

เมเปิลเม้มปากสนิท ในจังหวะคนพี่โน้มตัวไปด้านในตัวรถเพื่อเสียบตัวล็อกเข็มขัด จมูกของเธอเฉียดแก้มคนพี่ มือจิกเบาะรถแน่น ความร้อนพุ่งมายังใบหน้าและใบหู เสียงดัง คลิก และขยับริมฝีปากกระซิบข้างหูหญิงสาว “ขอบคุณค่ะ พี่โฟร์”

เมเปิลมองใบหน้าคนพี่จากด้านข้าง ว่ากำลังกลั้วยิ้มด้วยความเขิน ใบหูมีสีแดงระเรื่อ ค่อย ๆ ดันตัวออกไปใช้มือขยี้หัวคนน้องจนยุ่งอย่างมันเขี้ยวจนพอใจ ค่อยปิดประตู เปรยบ่นกับตัวเอง “แสบนักน่ะ”

บรรยากาศบนรถทั้งสองต่างเงียบใส่กัน เมเปิลยังเขินที่เฉียดหอมแก้มคนพี่ แถมยังอ่อยไปเต็ม ๆ จึงเสตามองไปยังกระจกด้านข้าง เม้มปากพยายามดึงริมฝีปากที่คอยเอาแค่ยกขึ้นตลอดเวลา

ส่วนคนพี่อารมณ์ดีอย่างพลุ่งพล่าน พยายามบังคับทั้งสมาธิและสติขับรถพาคนด้านข้างให้ไปถึงยังที่พักของน้อง แต่พยายามแค่ไหนสายตามักจะไปตบอยู่ด้านข้าง ในใจด่าตัวเองว่า เป็นเอามากนะโฟร์

เส้นทางการเดินทางสำหรับวันนี้มาหยุดหน้าคอนโดของเจ้าแก้มกลมของเธอ โฟร์เปิดประตูรถก้าวฝั่งคนขับแล้ว อ้อมมาเปิดประตูให้คนน้อง อีกคนมัวแต่เขินระวังก้มหัวตามที่คนพี่ระวังแต่ดันก้มเกินไปชนกับประตูรถ

ปัก! “อือ...” ร้องเสียงบ่งบอกว่าเจ็บ แต่อายมากกว่า

คนมองรีบดึงตัวเข้ามาแนบ โอบศีรษะมาดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ใช้นิ้วแหวกพบว่าไม่เป็นอะไร ใช้จมูกกดจมไปเส้นผมหอมไปหนึ่ง ฟอด “ไม่มีแผลค่ะ มันเขี้ยวสุด ๆ เลยนะเรา วันนี้พี่คงนอนหลับฝันดีนะคะ”

“ค่ะ เมลก็คงหลับฝันดีเช่นกันค่ะ” หญิงสาวร่างบางรับกุญแจคืนจากคนพี่ เธอรู้สึกแค่ปลายนิ้วแตะกันมันสะเทือนไปถึงก้อนเนื้ออกข้างซ้าย

 

หลังจากกลับไปถึงคอนโด นักธุรกิจสาวลงไปนั่งยังโซฟากลางห้องโดยมีลูกน้องคนสนิทรอบรับคำสั่งเพราะเข้าใจในความผิดพลาดวันนี้ “ไปเรียกมันมา”

“ครับ”

เป้ชายหนุ่มบอดี้การ์ดส่วนตัวรับคำสั่งโค้งตัวและถอยหลังผละออกไป ไม่ถึงนาทีเป้ก็มากับบอดี้การ์ดหน้าใหม่ที่เขาสั่งไปทำงานคอยดูแลความปลอดภัยเมเปิล

“มีเรื่องแบบนี้ทำไมไม่รายงาน”

เธอถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกอะไร ตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมารับเพียงรายงานว่าเดินทางไหน กลับถึงคอนโดตอนไหน เท่านั้น

“คือผมไม่ทราบว่าต้องรายงาน คิดว่าดูแลแค่ความปลอดภัยอย่างเดียวและคิดว่ามันไม่สำคัญครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มก้มหน้าตอบ

ปัง!! ฝ่ามือเรียวบางตบลงโต๊ะตรงหน้าอย่างหนัก เป้คนดูแลเจ้านายมาสิบกว่าปีเข้าใจอารมณ์ว่าเจ้านายโกรธสุด ๆ เขาเองก็ผิดที่ไม่แจ้งถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับคุณเมเปิล ด้วยกลัวว่าจะมีการหลุดความลับออกไป

“เรื่องที่สั่งให้ไปคอยดูแลและรายงาน สำคัญหรือไม่สำคัญคนตัดสินใจคือกูนี่ ไม่ใช่มึง เอาออกไปแล้วจัดการต่อด้วย” โฟร์ตะคอกสั่งลูกน้อง

“ครับ / ครับ”

“ส่วนไอ้นั่นฝากส่งไปแผนกอุบัติเหตุหนักด้วย”

“ครับคุณโฟร์” คำสั่งออกมาแล้ว ว่าชายหนุ่มนั้นยังมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้ เพียงแต่อยู่สภาพเฉียดนรกมากที่สุดเท่านั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ลูกน้องของเป้ว่าแบบไหน

 

 

วันต่อมา คนพี่และคนน้องต่างนัดไปออกกำลังกายด้วยกันอีกรอบ โฟร์ที่มาถึงก่อนนั่งรอในรถจนรถของเมเปิลมาถึงเธอถึงเดินไปหา และเข้าไปข้างในพร้อม ๆ กัน หลังจากเปลี่ยนขุดเสร็จกำลังจะเดินไปทางในส่วนโรมยิม

หมับ! หญิงสาวหน้าสะสวย หุ่นเพรียวบาง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยิ่งเสริมความสวยคมชัดให้ดูโดดเด่นอย่างมาก

“พี่โฟร์ค่ะ จำชามได้ไหมคะ นางแบบรุ่นน้องคนสนิทของพี่ไบร์ทนะคะ” นางแบบสาวเดินเข้ามาควงแขนด้วยท่าทางสนิทสนมกับหญิงสาวอย่างมากจนเบียดเมเปิลให้กระเด็นไปเล็กน้อย

“จำไม่ได้ค่ะ” โฟร์พยายามแกะมือที่ยึดติดแน่นราวกับปลาหมึก

“น่าน้อยใจนะ ชามพยายามเข้ามาทักทายพี่ตลอดเลย ทำไมยังจำกันไม่ได้อีกละคะ” นางแบบสาวทำงองุ้มพร้อมช้อนตาขึ้นมอง “ตอนนี้พี่โสดแล้ว ชามจะจีบพี่โฟร์นะคะ” หญิงสาวยึดกอดแขนข้างขวาแน่นดุนดันอกอันอวบอึมบดเบียดอย่างหนัก

เมเปิลขยับมาอีกฝั่ง ยกมือขึ้นจะคว้าแขนอีกข้างของโฟร์มาควงและแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยเธอไม่ได้อยู่ในฐานะอะไรเลยแม้แต่นิด แค่เพื่อนสนิทน้องชายเท่านั้นจึงทำได้แค่ชักมือกลับมาแนบลำตัว

“พี่จำเราไม่ได้จริง ขอความกรุณาปล่อยแขนด้วยนะคะ” โฟร์ข่มอารมณ์กัดฟันบอกแก่นางแบบสาว ถ้าหากคนนี้เป็นผู้ชายคงมีจำทุ่มเหมือนกับไอ้ตัวเมื่อวานแล้ว

“พี่โฟร์ขา พาชามไปออกกำลังกายด้วยนะคะ หนูบังเอิญได้เจอพี่ ใจดีกับหนูนะคะ” นางแบบสาวใช้เสียงสองออดอ้อน มือที่โดนแกะออกก็ตวัดกลับมารัดใหม่อีกครั้ง

โฟร์หันไปมองคนด้านข้างเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรสักคำ “เมเปิลค่ะ ไม่มีอะไรนะ พี่ไม่รู้จักคนคนนี้เลย” ปากก็อธิบาย ส่วนมือแกะอีกคนออก

“เธอเป็นใคร” นางแบบสาวหันมาตวาดเสียงแหลมถาม

“โฟร์!!!”

เมเปิลยังไม่ทันจะตอบกลับไปเสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวเสน่ห์แรงดังมาจากหญิงสาวอีกคนที่กำลังเดินเข้ายังพวกเธอทั้งสาม

เจ้าของชื่อคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้เป็นอย่างดี หันกลับไปมองยังคนที่หน้าตาอันคุ้นชินที่สุด ในใจร้อง เหี้ย พร้อมน้ำตาไหลพราก เสียงก่นด่าตัวเองในใจ ...กำลังจะจัดการได้อยู่แล้ว ตัวมาเสริมมาอะไรตอนนี้...

“ปันปัน...”

หญิงสาวผู้มาใหม่เดินเข้ากระชากคนเกาะแกะอีกคนออก แต่ก็ไร้ผลคนนั้นยึดติดแน่นหนากับแปลงร่างเป็นปลิง เธอยังเปลี่ยนใจย้ายไปอีกฝั่งบดเบียดกระแทกแทรกกลางระหว่างเมเปิลกับโฟร์

“โฟร์นังนี่เป็นใคร” คนมาใหม่ชี้นิ้วพร้อมใช้น้ำเสียงจิกถาม “ปล่อยแขนเดี๋ยวนี้น่ะ”

นางแบบสาวจิกตาใส่ ยื่นหน้ามาถาม “แล้วแกล่ะเป็นใคร มาแสดงความเป็นเจ้าของคุณโฟร์” โฟร์กระตุกแขนรั้งให้อีกคนมาสนใจตัวเธอ ภาวนาในใจว่าอย่าพูดออกมานะ

“อ๋อ ฉันน่ะเหรอ คือคนที่โฟร์ต้องการจะจริงจังด้วย และเพิ่งเลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นคนรัก แค่นี้คงพออธิบายอย่างชัดเจนได้ล่ะนะ”

“ฉันไม่เชื่อหรอก ตราบใดที่พี่โฟร์ไม่พูดออกมา ฉันไม่เชื่อ”

“ขนาดนี้แล้วยังจะไม่เชื่ออีก คนอะไรหน้าด้านหน้าทน”

“หล่อนสิหน้าด้าน พี่โฟร์ยังไม่พูดอะไรเลย มาสมอ้าง”

เมเปิลฟังชื่อจากปากคนพี่ก็พอจะรู้ว่ารู้จักกันอย่างดี เสียงทั้งสองคนขึ้นเสียงใส่กัน เธอรู้สึกราวกับว่าโดนสิบล้อชนเข้าอย่างจัง มันจุกจนแทบกระอักออกมาแล้ว คำว่าที่ว่า “พี่มีคนที่อยากจริงจังและอยากใช้ชีวิตทั้งหมดกับคนนั้น และเป็นคนนั้นมาตลอด” เมเปิลมองว่าตัวเองนั้นโง่มากที่คิดเข้าข้างตัวเอง คิดว่าคนนั้นจะหมายถึงตนเอง ทั้งที่พี่เขาก็ไม่ได้เอ่ยชื่อ และคนนั้นก็เป็นรูปลักษณ์แบบเดียวกับที่พี่โฟร์คบมาตลอด และยิ่งตลอดย้ำคำว่า เป็นคนนั้นมาตลอด มันจะไม่ผิดหรอกถ้าคนนั้นคือเพื่อนสนิท สำหรับตัวเธอที่รู้จักกันและเริ่มจะมาสนิทแบบนี้ได้ไม่นาน จะหมายถึงได้ยังไง ดวงตาเริ่มรู้สึกร้อนพร่า หัวใจในตอนนี้ราวกับเข็มนับร้อยกำลังทิ่มลง กัดปากแน่นสะกดกลั้นเสียงด้วยความเจ็บปวดแทน

เมเปิลก้าวขยับออกถอยออกมาคว้าสิ่งของในล็อกเกอร์และเดินจากมา ถึงการที่มีเธออยู่หรือไม่ก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ ยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ถึงมันยังจะเจ็บ ดีกว่าไปสร้างความยุ่งยากให้แก่คนรักของพี่โฟร์

“เมเปิลค่ะ เมลค่ะ เมล!!” โฟร์ตะโกนร้องเรียกคนเดินจากไป

TBC...

แง ๆ เมเปิลต้องเจ็บปวดมากๆ แน่เลย เรื่องมันกำลังจะไปในทางที่ดีอยู่แล้วเชียว อีฟิตเนสนี่แม่จะเผา