11 ตอน Chapter 11 จากคนที่แอบชอบมาตลอด
โดย T.mines
Chapter 11 จากคนที่แอบชอบมาตลอด
เมเปิลหยี่ตาในตอนรู้สึกตัวยกมือมาทาบศีรษะด้วยอาการปวดและมึนหัว เธอค่อย ๆ เปิดเปลือกตาบวมฉึ่งและหนักอึ้งขึ้นมาอย่างยากลำบาก ภาพเบื้องหน้าไม่ใช่ห้องนอนตัวเอง แต่ก็ไม่รู้สึกผิดแปลกอะไรเกี่ยวกับสถานที่ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินมาเคาะประตู และเปิดเข้ามาในห้อง
“ตื่นแล้วเหรอมึง”
“อือ...มึนหัวมากวะ กูจำได้ว่าโทรหาไอ้ไนน์นิ ทำไมกูมานอนบ้านมึง กลับจากทริปปั๊มลูกเมื่อไหร่” เมเปิลก้มหน้านวดหน้าผากระหว่างถามเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มอย่างจัสมิน
“จ้า...กูลงเครื่องเสร็จขายังทันก้าวเข้าบ้าน ก็ได้รับสายจากไอ้ไนน์ว่ามึงโทรไปร้องไห้กับมัน แล้วเพื่อนแสนดีและประเสร็จอย่างกูคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ถ้าลูกกูมาแล้วมึงมาช่วยกูเลี้ยงเลยนะมึง”
“เออ...แต่ว่ากูหลุดพูดอะไรมามั่งเนี่ย” เมเปิลหยุ้มหัวตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมา
“ก็ไม่เท่าไหร่ แต่กูไม่เคยเห็นมึงเป็นหนักแบบนี้ ไอ้ไนน์แม่งหน้าเสียเลยวะ คนนั้นคือคนที่มึงเลยเล่าให้กูฟังใช่ไหม”
พอได้จัสมินถามถึงอีกคน อกซ้ายโหว่งขึ้นมา ความรู้สึกดำดิ่งก่อนตัวอีกครั้ง เมเปิลหยักหน้าช้า ๆ ตามด้วยความแปลกใจในสีหน้าเพื่อนสาว “อืม... ทำไมมึงทำหน้าแบบนี้ คิดอะไรอยู่” เธอขานรับ เงยหน้าขึ้นมองหน้าจัสมินยิ้มอย่างมีนัย
“แย่งมาสิเพื่อน แย่งมาเลย เราทั้งสวย ทั้งรวย แย่งมาเลย” จัสมินบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้ามุ่งมั่น จ้องมาไปยังคนตรงหน้า
เมเปิลขมวดคิ้ว จ้องใบหน้าคนตรงหน้าด้วยความฉงนก่อนจะแหกปากด่า “นังเพื่อนชั่ว กูหลงมาคบกับมึงได้ไง กูไม่ได้เลวขนาดนั้นน่ะมึง อีเหี้ย!”
“ฮ่า ฮ่า กูรู้ว่ามึงไม่ทำแน่ ไม่งั้นเพื่อนกูคงไม่ต้องมาร้องไห้แบบนั้น กูยุไม่ขึ้นจริงเหรอ...” จัสมินเขย่าแขนรบเร้าอีกรอบ
หญิงสาวจิปาก กระชากแขนตัวเองคืนมาและตอบกลับไป “เออ!! สัด!!!”
จัสมินหัวเราะอีกรอบ “ด่าได้แบบนี้ สบายใจขึ้นบ้างยัง”
เมเปิลชักสีหน้าใส่ “มึงแม่ง...โซคิสแน่นอน ชอบโดนด่าหรือไง”
หญิงสาวเจ้าของบ้านยกยิ้มก่อนจะปรับเข้าโหมดจริงจังระหว่างเพื่อน “กูแค่อยากให้มึงระบายออกมาบ้าง อะไรก็ได้ แต่แบบเมื่อคืนกูไม่ไหวนะมึง เพื่อนกูดูเศร้ามาก พวกกูอยู่กับมึงเสมอ ขอโทษด้วยนะที่กูเอาแต่สนใจเรื่องตัวเอง”
“...มึงจะขอโทษและโทษตัวเองได้ไง มันไม่ใช่ความผิดใคร มันเป็นแค่ความรู้สึกกูคนเดียว กูคิดไปคนเดียว ฝันไปคนเดียว แค่พวกมึงมาในตอนที่กูเสียใจ มานั่งฟังกูร้องไห้ และพากูกลับบ้าน มันพอแล้ว พวกมึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดแล้ว อย่ามาชวนซึ้งแต่เช้า ให้ร้องอีกรอบได้ไหม”
“คนอย่างนั้นไม่เหมาะจะให้มึงเสียน้ำตาให้ เห็นไอ้เชี่ยไนน์เปรย ๆ ว่าอยากรู้ว่าเป็นใคร สักหมัดไหม”
“ห๊ะ!!” เมเปิลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แต่ระบบกระเพาะกลับตีกลับ ลุกขึ้นสับเท้าเข้าห้องน้ำ ลงไปกอดชักโครกทันที ขย้อนน้ำย่อยออกมา
จัสมินเดินเอาขวดน้ำมาวางบนอ่างล้างหน้า ถอยหลังไปยืนเกาะขอบประตู “งั้นมึงอาบน้ำ จัดการตัวเองแล้วลงไปกินข้าวต้มร้อนข้างล่างนะ แล้วค่อยคุยกันต่อ”
“...” เมเปิลใช้เสียงโก่งคออ้วกตอบกลับแทน สะบัดมือไล่เพื่อนให้ออกไป จัสมินมองดูสภาพเพื่อนต่ออีกนิด พอวางใจในอาการแล้วเดินออกไป
เมเปิลอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตัวเองที่มาทิ้งไว้บ้านเพื่อนหลังนี้ มองดูสภาพตัวเองไม่แน่ใจคือลูกหรือเมียอีกคนของบ้านหลังนี้ แต่น่าจะอย่างแรกมากกว่า เมาทีไรเดือดร้อนผัวชาวบ้านชิบหาย หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่เสียบชาร์จบนตัวเตียง และมีสายโทรหลายสายรวมถึงคนที่เพิกเฉยมาหลายวัน
เมเปิลลงมาจากชั้นสอง พบหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังจัดเตรียมชามข้าวต้มด้วยท่าทางอันแสนจะปลาบปลื้ม ความกลัวเข้าครอบงำภายในจิตใจ อาการเมาค้างแทบจะหายทันที ขาเรียวกำลังจะก้าวถอยหลัง
“มึง มากินข้าวต้ม” เสียงหวานเอ่ยเรียกขาน ใบหน้าแสนสวยยกยิ้มหวาน และก้าวขยับลงนั่งยังเก้าอี้
“...” เมเปิลขยับตัวลากเท้าอันแสนจะหนักตามไปนั่งด้วย คนตรงหน้าเท้าคางรอให้ชื่นชมผลงาน มือบางเกร็งมืออันสั่นเทาใช้ช้อนตักข้าวต้มปลา แต่ยังไม่ทันเข้าปาก ตุ๊บ! ช้อนร่วงลงในชามเข้าตามด้วยเสียง อุก!! แหวะ!! โอก!!! เมเปิลคว้าถังขยะที่วางข้างโต๊ะมารองรับน้ำย่อยในกระเพาะจนหมด ตามด้วยยกน้ำเปล่ามาจิบล้างปาก “มึงใส่อะไรเพิ่มในข้าวต้ม”
“คะ คือ...กูแค่อยากให้มึงกินโปรตีนเยอะ ๆ หน่อย กูเลยไปลวกปลามาใส่เพิ่ม กูสาบานเลยนะมึง ตอนกูลวดน้ำมันเดือดแล้วนะ” จัสมินยกนิ้วขึ้นสามนิ้วเหนือหัว
“จัสมินต้องให้กูกราบไหม เลิกเถอะความพยายามนี้ ให้ผัวมึงทำให้กิน จ้างแม่บ้าน จ้างแม่บ้าน มึงจะฆ่ากูหรือไง” เมเปิลเดาไอ้ที่ว่าน้ำเดือดแล้ว เดือดแบบไหนในความเข้าใจของคุณเพื่อน
“มึง...”
“พอจัส อกหักน่ะไม่ตาย แต่อีข้าวต้มชามนี้จะทำกูตายแทน มึงไปส่งกูที่บริษัทเลย”
“เออ ก็กูหวังดีไง...”
รถออกมากลางทาง เธอดูนาฬิกาแล้วยังถึงเวลาเข้างานเลยโทรหาไนน์ ต่อสายไม่นานเหมือนเจ้าตัวถือไว้กับมือกดรับอย่างเร็ว
[ฟื้นแล้วเหรอมึง]
“ฟื้นจากเหล้าแต่เกือบตายเพราะข้าวต้ม”
[เชี่ย!!เมเปิล จัสทำให้มึงกินเหรอ]
จัสมินแวดแทรกมา “เมลมึงหักหลังกู กูแค่จะเพิ่มโปรตีนให้มัน สาบานว่าตอนกูลวกปลาน้ำมันเดือดแล้วนะมึง ไอ้ไนน์มึงเชื่อกู”
เมเปิลจัดการเปิดโฟนคุยพร้อมกันทั้งสามคนและไนน์ตอบอย่างจำนน [เออ...กูเชื่อมึง แต่..]
สองสาวพูดออกมาพร้อมกันทันที “แต่อย่าทำดีกว่า” เสียงหัวเราะก็ดังออกมาพร้อมกันทั้งสามคน พร้อมเสียงสงบลง “พวกมึง เมื่อคืนกูดูงี่เง่ามากไหมวะ”
[บางอย่างก็ทำให้เราดูงี่เง่าได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องความรัก ตอนแรกกูก็อยากรู้ว่าคนนั้นของมึงคือใคร แต่ตอนนี้กูไม่อยากรู้แล้ว และไม่อยากให้มึงไปยุ่งด้วย เพื่อนกูร้องไห้ให้มันครั้งเดียวพอ]
จัสมินนั่งฟังด้วยรู้สึกทะแม่งในคำพูดของเพื่อน “ไนน์! มึงพูดประโยคแรกเหมือนว่ามีเคยมีความรักหรือกำลังมีความรักอยู่เลยวะ”
“เชี่ย!!!” สองสาว
[ก็นะ เออนั่นแหละ]
“มึงพามาแนะนำพวกกูด้วยนะ ผู้โชคร้ายหน้าตายังไง” จัสมิน
“ทำไมมึงถึงบอกว่าคนนั้นโชคร้ายวะ เพื่อนกูแสนดี” เมเปิล
“นี่มึงไม่รู้นิสัยพี่ ๆ มันหรือไง ไม่แน่ใจว่าจะเจอตัวเป็น ๆ หรือเจอศพก่อนกันแน่ ถ้าพี่มันลงมือจริงศพก็หาไม่เจอหรอกว่ะ” จัสมินบอก
[จัสมิน มึงก็...] เสียงจิปากไม่สบอารมณ์เพราะสิ่งที่เพื่อนพูดตรงกับความจริง
“แต่ถ้ามึงบอกว่าคนนี้คือแฟนพวกพี่มึงก็ไม่กล้ายุ่งล่ะมั่ง กลัวน้องน้อยโกรธ กลัวน้องไม่รัก” เมเปิล
[…] ไนน์จิปากใส่อีกรอบ
“กูไม่คุยกับพวกมึงแม่งทิ้งกูหมดเลย มีแฟนมีผัวมีเมียและมีคนรักอย่างอีคิว” เมเปิลบอกพร้อมผลักหัวคนขับรถ
“ถึงกูมีผัวก็ไม่เคยทิ้งเพื่อนนะมึง ยังสั่งผัวแบกเพื่อนกลับบ้านได้เลยมึง” จัสมินตอกกลับ
[เมเปิลที่มึงกับกูเคยคุยกันไว้ คงไม่ได้แล้ว]
“อีเชี่ยไนน์อย่าให้กูเจอนะ แม่จะฟาดให้หลังลาย”
[พวกมึงกูเข้างานก่อนนะ]
“บาย แล้วเจอกัน”
หลังจากวางสายเพื่อนไนน์ รถก็ขับมาถึงบริษัทของเธอ จัสมินขับรถไปจอดถึงหน้าประตู ด้วยเลยเวลาเข้างานมานิดหน่อย จึงถือว่าไม่รบกวนการสัญจร
“เมลมากูขอกอดหน่อย” จัสมินอ้าแขนรอ เมเปิขยับตัวไปสวมกอดตอบ “กูรักมึงน่ะ”
“กูก็รักมึง ขอบใจที่มาส่งนะมึง ไปล่ะน้า...”
บอสเล็กของบริษัทมาในสภาพหน้าไม่แต่ง ตาบวม ผมมัดรวบ ใครมองก็รู้ว่าเมื่อคืนหนักหน่วงอย่างมาก แวะไปยังประชาสัมพันธ์ไหว้วานให้พนักงานขับรถคนที่ว่างช่วยไปเอารถที่จอดไว้ที่ผับเมื่อคืนมาให้บริษัทหน่อย และเดินขึ้นไปยังชั้นทำงานของตัวเอง
ครั้นมาถึงโต๊ะเลขาตรงหน้า “พี่เอ้ค่ะ เมลขอกาแฟเข้ม ๆ อะไรที่มันแก้แฮงค์ด้วยค่ะ” สั่งงานเสร็จเปิดประตูจะเข้าห้องต้องหยุดชะงักด้วยเสียงเรียกของเลขา
“คุณเมเปิลค่ะ มีคนส่งอาหารเช้ามาให้ค่ะ ให้พี่จัดใส่จานให้เลยไหมคะ” เลขาลุกจากเก้าอี้เดินมาหน้าโต๊ะทำงานตัวเอง
บอสเล็กขมวดคิ้วสงสัยว่าใครส่งของมาให้ “ไม่ล่ะค่ะ ยังผะอึดผะอมอยู่เลย เอาไปแบ่ง ๆ กันได้เลยค่ะ” เธอเปิดประตูอ้าออกก้าวเข้าไปหนึ่งก้าวก่อนจะหันมาถาม “พี่เอ้ รู้ไหมว่าใครส่งมาให้”
“คนส่งอาหารบอกว่ามีข้อความฝากมาด้วย ทานให้อร่อยนะคะ จากคนที่แอบชอบคุณ”
“ห๊ะ!!! ว่าไงนะคะ ช่างมันเถอะค่ะ”
เธอก้าวเข้ามาในห้อง พบกองถุงอาหารนับไม่ถ้วนบนโต๊ะกลางห้อง เดินไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง สายตายังจ้องไปยังสิ่งของตรงหน้า ความคิดในหัวตีกันมากมาย แต่เค้นยังไงก็เค้นไม่ออกมาใครส่งมา มือเรียวบางค่อย ๆ หยิบโทรศัพท์ด้วยใจแสนหวาดกลัว
ครืด ครืด ครืด...สายเรียกเข้าจากพี่โฟร์ เมเปิลนั่งชั่งใจอยู่ว่าจะรับมันดีไหม จนเลขาเดินเข้ามาเธอเลือกจะกดปุ่มให้หยุดสั่นและคว่ำหน้าจอลง
“กาแฟค่ะ และก็มีน้ำขิงร้อน ๆ ด้วยค่ะ แต่เท่าที่เอ้ดูอาหารที่ส่งมา มีแต่ของแก้แฮงค์เลยนะคะ”
“อืม...”
“มีเอกสารรายงานการประชุมในช่วงบ่าย พี่เตรียมใกล้เสร็จแล้วอีกสักพักจะเอาส่งให้นะคะ”
“อืม...” เธอขานรับยกกาแฟมาดื่มเรียกความสดชื่นให้ร่างกาย “ได้ค่ะ ของกินพวกนี้เดี๋ยวมาขนออกไปตอนเอาเอกสารมาส่งก็ได้ค่ะ เอาแบ่งกันได้เลย”
นั่นหมายความว่าบอสเล็กของเธอต้องการงานก่อนเพราะกลัวพนักงานในแผนกจะมัวแต่แตกตื่นกับของกินจนเสียเวลางาน “ได้ค่ะ”
ประโยคที่บอกว่าทานให้อร่อยนะคะ จากคนที่แอบชอบ ยังวนเวียนในหัว ความห่อเหี่ยวในใจค่อย ๆ ลดลงพร้อมกับการสั่นไหวในอกซ้ายค่อยเริ่มเพิ่มทีละน้อยเพราะการแจ้งเตือนข้อความจากคนพี่ มือเรียวบางกดเข้าไปอ่าน
FOuR : เมเปิลค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด เรามีเรื่องต้องคุยกัน.
FOuR : รับโทรศัพท์พี่หน่อยนะคะ
FOuR : รับสายพี่หน่อยเถอะ ตอนนี้เราอยู่ไหน
FOuR : พี่คิดถึงเรา ได้โปรดให้พี่ได้อธิบายหน่อย
หลังจากเข้าไปอ่านข้อความเธอลังเลอยู่ว่าจะตอบกลับไปยังไง เรื่องเข้าใจผิดงั้นเหรอ เข้าใจผิดตรงไหน แต่ไม่มีเวลาให้คิดต่อคนพี่ก็โทรมาซ้ำอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ”
[ค่ะ เฮ้ย...ในที่สุดเราก็ยอมรับสายพี่สักที]
“ค่ะ แล้วพี่โฟร์มีอะไรหรือเปล่าที่โทรมาหาเมเปิล”
โฟร์เองชะงักไปชั่วขณะ ด้วยคำแทนตัวเองเป็นชื่อเต็ม [คือพี่มีเรื่องอยากคุยกับเรานะคะ พอจะมีเวลาว่างไหมคะ]
“เอ่อ...”
[นะคะ วันนี้เลยได้ไหม ช่วงเย็นก็ได้]
เมเปิลถอนหายใจเบา ๆ “พี่โฟร์ไม่ต้องอธิบายอะไรเลยก็ได้นะคะ มันเรื่องส่วนตัวของพี่”
โฟร์ยังยืนยันและรบเร้าต่อ [นะคะ ขอพี่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ให้โอกาสพี่ได้ไหมคะ]
หลังจากพูดจบโฟร์เงียบลงรอฟังคำตอบ พออีกคนเงียบเมเปิลเงียบตาม มุมปากขึ้นขยับไป ตอบกลับไป “ก็ได้ค่ะ” ทำให้จบจะได้เจ็บทีเดียว
[ขอบคุณนะคะ แล้วเมเปิลได้รับของกินที่พี่ส่งไปให้หรือยังคะ]
“ค่ะ?” เธอตวัดสายตาไปยังกองถุงอาหารบนโต๊ะทันที ใจตัวเธอวูบกำลังจะร่วงหล่น กลับกระดอนขึ้นมา
[พี่ให้คนไปส่งแต่เช้าแล้ว น่าจะได้รับแล้วนะ แล้วคนส่งได้บอกด้วยไหม] โฟร์เลือกจะหยุดคำพูด ก่อนจะกล่าวต่อมา [ว่าจากคนที่แอบชอบ]
ร่างบางลุ้นไปพร้อมเล็บจิกต้นขาตัวเองว่าคนพี่จะหลุดบอกคำนี้ออกมาไหม ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที เธอกัดริมฝีปากแน่นไม่ให้ตัวเองหลุดกรี๊ดออกด้วยความเขินอายและดีใจ “บะ บอกค่ะ” ตอบไปด้วยการเม้มปากลง ยกมือกุมอกตัวเองอย่างกับคนหัวใจจะวาย
[งั้นก็ดีแล้วค่ะ ถ้าเมเปิลไม่ว่าอะไร เย็นนี้พี่ของไปรับได้ไหม ถ้าไปที่ร้านจะได้เจอหน้าเราช้าไปอีก]
“ก กะ ก็ได้ค่ะ” เสียงอ้อมแอ้มตอบกลับไป
โฟร์รับรู้ในน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป มันเลยเข้าทาง [แล้วเจอกันนะคะ เฮ้ย...อยากไปเจอตอนนี้ใจจะขาดอยู่แล้ว]
“...” เมเปิลได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเสียดาย แต่กลับกันมันทำให้เธอหน้าเห่อร้อนซ้ำขึ้นมาอีก
[พี่จะอดใจรอให้ถึงตอนเย็นนะคะ ตั้งใจทำงานนะคะ อย่ามัวแต่คิดถึงพี่จนเสียการเสียงานโดนคุณพ่อเราดุ พี่ไปช่วยตอนนี้ไม่ได้นะคะ]
“คะ ใครจะคิดถึงพี่โฟร์ตลอดเวลา ใคร ใครคะไม่มี”
[ว้า...งั้นก็คงมีแต่พี่คนเดียวสินะที่คิดถึงน้องเมเปิลตลอดเวลา]
“มะ ไม่คุยด้วยแล้ว เมล เมลจะทำงานแล้วนะคะ”
[ค่ะ แล้วเจอกันยัยแก้มกลมขี้เมา]
น้ำเสียงคนพี่เต็มไปด้วยความมันเขี้ยว เธอเลือกกดวางสายหนีถ้ายังคุยต่อด้วยจะเปลี่ยนร่างกายเป็นของเหลวแน่นอน ก็เหมือนคนนั้นจะรู้จุดอ่อนชอบหยอดตลอด แต่คำนั้นมันสะกิดใจเธออย่างมาก ดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ลุกไปยังของกินจากคนแอบชอบ พอนึกถึงคำพูดนี้มุมปากยกขึ้นสูงจนรู้สึกว่ามันหุบลงมาไม่ได้เลย
เมเปิลเดินไปเลือกหยิบของกินมาแค่สองสามอย่าง พี่โฟร์ก็ยังนิสัยตามเดิมในการซื้อของกินแต่ละทีแทบจะขนมาทั่วทุกมุมร้านในกรุงเทพที่บอกว่าอร่อย
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูจากเลขาของเธอเดินมาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“คุณเมเปิล เอกสารพี่วางบนโต๊ะเลยนะคะ”
“ค่ะ พี่เอ้ เมลฝากเอาเค้กชาเขียว ขนมจีบ ของหวานทั้งหมดฝากแช่ตู้เย็นไว้ก่อน ส่วนที่เหลือเอาไปแบ่งกันเลยนะคะ” หญิงสาวเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานตามเดิม
“แต่เอ๋...รู้ตัวเจ้าของแล้วเหรอคะ คนที่แอบชอบคุณ” เลขาสาวยกยิ้มทั้งสายตาและใบหน้ากะลิ้มกะเลีย
“ก็รู้แล้วค่ะ พี่เอ้มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีแล้วค่ะ งั้นพี่ยกออกไปแจกพนักงานข้างนอกเลยนะคะ แต่ขอ เอ๋ อีกครั้งหนึ่ง คุณเมเปิลจะไม่กระซิบหน่อยเหรอคะ คนที่ทำให้บอสเล็กของพี่ยิ้มแก้มแทบปริ พี่จะได้ขอบคุณถูกค่ะ”
“พี่เอ้ค่ะ ไปทำงานได้แล้วค่ะ อย่าลืมที่เมลสั่งด้วยนะคะ ของหวานทั้งหมดเมลยึดค่ะ” เจ้านายสาวส่งสายดุไปยังคุณเลขายังแซวไม่เลิกสักที
“...” เลขาสาวยังไม่หยุดยิ้ม แอบเหลือบมองเจ้านายไปด้วยอมยิ้มไปด้วยชอบของกินไปบ้าง ชมคนซื้อไปพลาง ว่า เข้าใจเลือกมีแต่ของดี ของอร่อยร้านดังมาก คนให้ต้องใส่ใจคนรับมากเลยนะคะ สร้างความเขินอายและปลาบปลื้มไปพร้อม ๆ กัน
ในขณะก้มอ่านเอกสารใจหลุดลอยไปกับคำพูดของคนพี่ จนมาสะดุด คำว่า ยัยแก้มกลมขี้เมา หมายความว่ายังไง แล้วไหนจะของกินสำหรับแก้เมาค้างอีกหรือว่าเมื่อคืน เมเปิลรีบกดเข้าไปดูบันทึกการโทรออกก็ไม่พบว่าได้โทรหาคนพี่ ข้อความอ่านก่อนหน้านี้ก็ไม่มี
MApLE : พี่โฟร์ คำที่ว่า ยัยแก้มกลมขี้เมา หมายความว่ายังไงคะ
MApLE : พี่ไม่ได้อยู่ที่ผับเมื่อคืนใช่ไหมคะ
MApLE : แมวน้ำตัวกลมร้องไห้
FOuR : ทำไมค่ะ เจ้าแก้มกลม เนี่ย น่ารักจะตาย
FOuR : ส่วนเรื่องเมื่อคืน...
โฟร์เองอมยิ้มและปล่อยทิ้งไว้อยู่เกือบหลายวินาที แต่คนใจร้อนอยากรู้เรื่องแค่วินาทีเดียวก็รอไม่ได้
MApLE : พี่โฟร์...
FOuR : อยากได้ยินเสียงเรียกอ้อน ๆ จัง
FOuR : แต่ขอเก็บเป็นความลับก่อน อยากให้ใครบางคนอยากเจอพี่มาก ๆ ดีกว่าค่ะ
FOuR : ขอหนีไปทำงานก่อนนะ เพราะว่าตอนนี้กำลังมีผู้บริหารสาวของสายการบินเสียสมาธิเพราะเอาแต่คิดถึงยัยแก้มกลม
FOuR : คิดถึงน้องเมเปิลมากนะคะ
ส่วนทางบอสเล็กรองประธานบริษัท AP. เอเจนซี่ ก็เสียสมาธิเช่นกัน ใบหน้าเห่อร้อนลามไปยังใบหู ตบแก้มเรียกสติตัวเองอยู่หลายที และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกลับมาจดจ่อกับงานตรงหน้า แต่ใจเธอน่ะอยากจะให้ถึงตอนเย็นเร็ว ๆ
ชายหนุ่มรองประธานบริษัทสายการบิน วัชรแอร์ไลน์ เดินเข้ามาในห้องพบคนที่เขาจะมากวนตีนนั่งยกยิ้มอย่างมีความสุข “เชื่ย...ใครทำมึงยิ้มกว้างแบบนี้วะ ก่อนหน้านี้ทำหน้าเหมือนโดนเมียทิ้งไปมีชู้” ฮาจิเดินเข้ามาแซวและนั่งเก้าอี้ตรงหน้าพี่สาวตัวเอง
“ไม่เสือก!! เออไอ้จิตอนเย็นกูมีนัด มึงช่วยเอางานไปจัดการให้กูหน่อย เพราะหลังจากประชุมเสร็จกูจะว่างยาวรอเวลาเท่านั้น แล้วมึงมาหากูทำไม” โฟร์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ยักคิ้วถามน้องชาย
“เรื่องเบบี้กูนั่นแหละ มึงจะจัดการมันยังไงวะ”
“มึงทำอะไรได้ อัดมัน กระทืบมัน ถ้าคนดีของกูรู้ ไม่เกี่ยวกับกูนะ รับผิดชอบเอง”
“แม่ง!! ส่วนงานที่มึงฝากกูทำเหมาจ่าย ยี่สิบล้านโอนก่อนเริ่มงานครับ”
“ไอ้เหี้ยจิ เรียกแพงชิบหาย” ปากบ่นแต่มือก็กดโอนทันที
เสียงการแจ้งเตือนมีเงินเข้าบัญชีของฮาจิ คนรับกระตุกมุมปากก่อนก้าวเดินออกไปและแวะบอกคนหน้าห้องให้เข้ามายกเอกสารของเจ้านายให้ตามส่งยังห้องเขา
รถยนต์สปอตคันคู่ใจของนักธุรกิจสาวที่ไม่เคยมีใครคนไหนได้นั่งเคียงข้างมากก่อน ขับเข้ามาในบริษัทของคนที่เธอตั้งใจจะมารับ และส่งข้อความหาเมื่อถึงแล้ว รอไม่นานหญิงสาวรีบวิ่งก้าวขึ้นนั่งในรถ
“ถ้าก้าวขึ้นมานั่งบนรถคันนี้แล้ว พี่ไม่ให้ลงไปไหนแล้วนะ รวมถึงในใจพี่ด้วย ยังยินดีจะไปด้วยไหมคะ”
TBC...
คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว อีพี่ก็ช่างถามมาได้ ลูกสาวฉันอ่อยแล้วอ่อยอีก มาถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าใครจะกลายเป็นไบโพลากันแน่ ไรท์ รี้ด หรือนางเอกกันแน่