⚠️TW⚠️

Physical abuse การทำร้ายร่างกาย

Rape ข่มขืน

Suicidal thoght ความคิดฆ่าตัวตาย

Bully บูลลี่


          มะปราง เด็กสาวม.ปลายคนหนึ่ง เธอควรที่จะได้ใช้ชีวิตเช่นเดียวกันกับเด็กคนอื่น ๆ แต่เพราะสังคมที่มะปรางอยู่นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ได้เป็นไปตามที่วาดฝันไว้ นั่นทำให้เธอเลือกที่จะจบชีวิตลง

          มะปรางเธอเป็นเด็กนักเรียนม.ปลายคนหนึ่ง เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน ทำให้เธอต้องแบ่งปันเวลาว่างไปทำงานพิเศษตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อนำเงินมาช่วยจุนเจือครอบครัวอีกแรงหนึ่ง เมื่อพอมีเวลาว่าง เธอก็มักจะนั่งอ่านหนังสือเรียน ทำแบบฝึกหัดฝึกฝนตัวเองเสมอ และด้วยเหตุนั้นเอง ทำให้เธอไม่ค่อยได้สานปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและไม่ได้มีเวลาออกไปใช้ชีวิต โลดแล่นในสนามเหมือนคนอื่นสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความสามารถด้านการเรียนที่เธอมีอยู่ บวกกับการตั้งใจเรียน อ่านหนังสือของเธอ ทำให้มะปรางสามารถสอบชิงทุนเรียนจนจบม.ปลายได้ โดยโรงเรียนที่เธอเรียนนั้น เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังในจังหวัดหนึ่ง สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่บุคคลภายนอกเห็นนั้น ดูดีไม่ใช่น้อย

ฟังดูแล้ว ชีวิตของมะปรางก็ไม่ได้ดูแย่ไปเสียทุกอย่าง

แต่ไม่ใช่เลย

          สังคม คือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ซึ่งมาจากหลากหลายที่ ต่างฐานะ ต่างเพศ ต่างศาสนา ต่างอายุ ต่างอาชีพ มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น ๆ และในสังคมยังมีสิ่งที่เรียกว่า Beauty Standard หรือบรรทัดฐานความงามอยู่ด้วย ซึ่งมันก็ดีที่ในปัจจุบันนี้ มีคนไม่เห็นด้วยและรณรงค์ไม่สนใจกับสิ่งนั้น แต่สังคมที่มะปรางอยู่ไม่ได้มีคนคิดเช่นนั้นเยอะมากพอ ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน

          เดิมทีเอง ในตอนเด็กนั้นมะปรางเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วนท้วม ผิวดำ เพื่อน ๆ ของเธอจึงไม่อยากเข้าใกล้ และด้วยความที่เป็นเด็ก วุฒิภาวะ การคิดวิเคราะห์ต่าง ๆ ยังไม่ดีมากพอ มะปรางจึงโดนรุมแกล้งอยู่บ่อยครั้ง โดนกระทำทุกอย่างกับเธอสเมือนเป็ดที่หลงเข้ามาในฝูงหงส์

          น่าแปลกที่เด็กเหล่านั้นมีผู้ปกครองคอยดูแลเอาใจใส่ ประคบประหงมอย่างดี แต่กลับละเลยการกระทำแย่ ๆ ของลูกตนที่ทำใส่คนอื่น แถมบางคนก็ยังไม่ชุดความคิดที่ว่า ลูกตนเป็นคนดี เลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่มีทางทำอะไรแย่ ๆ แน่นอน

เหรียญสองด้านไม่ได้พบเจอแค่ในผู้ใหญ่ แต่วัยเด็กก็ถือว่าเป็นเหรียญสองด้านได้เช่นกัน

          มะปรางพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้อยู่ในบรรทัดฐานความงามของสังคม ทั้งลดน้ำหนักด้วยตนเอง ใช้ครีมบำรุงผิวยี่ห้อต่าง ๆ บางยี่ห้อก็ไม่ได้มาตรฐาน และยังใช้ยาลดน้ำหนัก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพของเธอจนร่างกายแย่ไปพักหนึ่งเลย แต่โชคดีที่มะปรางเก็บสิ่งเหล่านั้นเป็นข้อเตือนใจ เข็ดแล้วจำ ไม่ยุ่งกับสิ่งเหล่านั้นอีก หันมามุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงทุกอย่างด้วยตัวเอง

          ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้บุคคลเหล่านั้นเลิกราวีเธอเลย เธอเองยังคงโดนกดขี่เรื่องรูปร่างหน้าตาอยู่เสมอ จนนานเข้ามันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากที่แกล้งผลักกันเล็กน้อย ปากระดาษใส่กันบ้าง ก็เปลี่ยนเป็นนำของไปซ่อน ทั้งรองเท้า กระเป๋า ปิ่นโต นำขนมปังเน่าไปใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียน แอบตัดผมเธอจากด้านหลัง ตัดประโปรงนักเรียนขณะที่เธออยู่ในหมู่คน

ถ้าคุณถูกกระทำแบบนี้อยู่ซ้ำ ๆ ไม่มีหยุด คุณคิดว่าคุณทนไหวไหม

          บางคนอาจจะคิดว่า สิ่งเหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่ต้องเจอเมื่อใช้ชีวิตในสังคมกับผู้คนหมู่มากอยู่แล้ว แต่การถูกกระทำสิ่งแย่ ๆ ใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันอาจทำให้ความอดทนของคน ๆ หนึ่งหมดลงได้เช่นเดียวกับมะปราง ที่เธอนั้นอดทนกับสิ่งแย่ ๆ มาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าเธอไม่ลุกขึ้นสู้ แต่เพราะเธอสู้แล้วกลับทำให้มันแย่ลง

ความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่คนรวยอยู่เหนือกว่าคนจน

          ทุกครั้งที่มะปรางถูกกระทำสิ่งแย่ ๆ ใส่ เธอก็มักจะบอกอาจารย์ถึงสิ่งเหล่านั้นเสมอ แต่เมื่อมีเงินมากองอยู่ตรงหน้า เรื่องเหล่านั้นก็เงียบเสมอเช่นกัน มันเป็นแบบนั้นจนตัวมะปรางเองชินชาไปแล้ว แม้ว่าเธอจะถูกกลั่นแกล้งหนักขนาดไหน เธอก็ไม่คิดที่จะสู้เพราะรู้จุดจบเรื่องราวนั้นอยู่แล้ว

          แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ความชินชาไม่สามารถห้ามความคิดที่อยากจบชีวิตของเธอได้ เมื่อกลุ่มบุคคลที่ไร้วุฒิภาวะเหล่านั้น กระทำสิ่งที่แย่ที่สุด เกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว

พวกเขาเหล่านั้นหลอกมะปรางไปยังสวนหลังโรงเรียน และทำร้ายเธอทั้งกายและจิตใจ

พวกเขาย่ำยีเธอ ทำให้หัวใจเธอนั้นแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

เพียงเพราะพวกเขาเห็นมะปรางเป็น เป็ดในฝูงหงส์

เหตุผลไร้สาระที่ออกมาจากปากพวกเขา บ่งบอกให้เห็นถึงความผิดปกติในสมองและจิตใจ

          มะปรางก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกกดขี่มาตลอด เธอพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเสมอกับบรรทัดฐานของผู้คนหมู่มาก

โชคร้ายที่ชีวิตของมะปรางต้องมาพบเจอกับบุคคลเหล่านั้น และน่าเสียดายที่พวกเขามีชุดความคิดแย่มากพอที่จะไม่สนใจชีวิตของคน ๆ หนึ่ง

          เธอเดินหอบสังขารที่เหมือนคนตายทั้งเป็นกลับบ้านคนเดียวมืด ๆ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ของเธอไม่ดูแลสนใจมะปราง แต่เพราะพวกเขาต้องทำงานจนสายตัวแทบขาด จึงไม่มีเวลาดูแลลูกของตนมากนัก

เมื่อเธอตื่น พ่อแม่เพิ่งได้หลับ

เมื่อเธอไปโรงเรียน พ่อแม่ต้องออกไปทำงาน

เมื่อเธอเลิกเรียน พ่อแม่ก็ยังต้องทำงาน

เมื่อเธอหลับ พ่อแม่ก็ยังคงทำงานเหมือนเดิม


          เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ซึ่งโชคดีมาก ๆ ที่พ่อแม่ของมะปรางได้หยุดเช่นกัน เธอเองก็ดีใจที่ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา กินข้าวด้วยกัน

เป็นมื้อสุดท้าย

          ความคิดในหัวของเธอมีแต่ด้านลบ เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่เพื่อเจอเรื่องแย่ ๆ เช่นนี้ต่อไป เธอรู้อยู่แล้วว่าบาปของคนฆ่าตัวตายนั้นหนายิ่งนัก แต่เธอยอมทรมานในยมโลกดีกว่านรกบนดิน

          คืนวันนั้นมะปรางตัดสินใจเขียนจดหมายบอกลาพ่อแม่ เมื่อคิดภาพตอนที่พ่อแม่เธอต้องมาร้องไห้ให้กับการจากไปของเธอแล้ว มันก็ทำให้ความคิดฆ่าตัวตายลดลง

แต่มันยังไม่มากพอที่จะทำให้ล้มเลิก

เธอขอเลือกเป็นคนเห็นแก่ตัว ตายไปจากโลกนี้เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากวงจรแย่ ๆ ในชีวิต

สุดท้ายชีวิตของมะปรางก็ดับสูญ จากการกระทำของกลุ่มบุคคลแย่ ๆ

          ในเมื่อตอนนี้มีช่องทางหลากหลาย สำหรับการเรียนรู้วิธีอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข มีการรณรงค์ทางสังคมมากมาย ถ้าพวกคุณสามารถเรียนรู้มันได้ ก็ควรที่จะทำ อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับชุดความคิดแย่ ๆ ที่ไม่ว่าจะมาจากทางไหนก็ตาม ไม่ใช่แค่เด็กที่ต้องเริ่มเรียนรู้ แต่ผู้ใหญ่ทั้งที่มีวุฒิภาวะและไม่มี ก็ควรที่จะเรียนรู้และปรับปรุงชุดความคิดตัวเอง จากแย่ให้เป็นดี

Don't let your mindset be the tormentor of other's lives.

อย่าให้ความคิดของคุณ เป็นเครื่องทรมานคนอื่น.