ความจริงเอสเทลโกหก

พลังพิเศษของเขาตื่นขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อน

“ดูเหมือนโลกจะแปลกไปทุกทีแล้วเนอะ เชส” เอสเทลพูดขึ้นมาระหว่างฝึกใช้พลังพิเศษของตน เขายื่นมือออกไปข้างหน้าคล้ายมีแรงดึงดูดลึกลับที่ทำให้เศษหินค่อยๆ ขยับลอยขึ้นมากลางอากาศ

เอสเทลยังไม่แน่ใจ แต่พลังพิเศษของเขาคือการทำให้วัตถุลอยได้ เขาทดลองฝึกดูมาหลายครั้งแล้ว ยิ่งวัตถุชิ้นใหญ่ก็ยิ่งยากต่อการทำให้ขยับ ยิ่งไกลไปก็ยิ่งควบคุมได้ยาก

ดังนั้นเอสเทลจึงเริ่มต้นฝึกขยับมีดพกให้ลอยบินไปมาจนคล่อง พอมีดสั้นบินหมุนวนเป็นรูปหัวใจตามความคิด เขาก็ขยับยิ้มกว้าง

“บางทีวันข้างหน้าอาจจะหาวิธีทำให้นายกลับมาเป็นมนุษย์ก็ได้นะ เชส”

ความหวังที่ดูเลื่อนลอย แต่เอสเทลก็ไม่ละทิ้งความหวังนั้น ถึงกลับเป็นมนุษย์ไม่ได้สมบูรณ์ ก็ขอแค่กลับมามีสติรับรู้ได้บ้างสักนิด

สักนิดก็ยังดี

“แฮ่”

พอได้ยินเสียงตอบรับ เอสเทลก็ขยับยิ้มจนใจเอนตัวพิงไหล่แฟนคนแรกในชีวิต แถมอีกฝ่ายยังขยับเอียงคอด๊อกแด๊กไปมาตอบสนอง

“แบบนี้มันจั๊กจี้นะ เชส”

เอสเทลบอกกลั้วหัวเราะ หลับตาลง ในห้วงฝันคล้ายตนได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองจากเชสอีกครั้ง แม้ในความเป็นจริงจะมีแค่เสียงฮือฮาแฮ่ก็ตาม

 

 

+

 

 

ณ กองกำลังพิเศษ หนึ่งในฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งที่เกิดจากหน่วยทหารพิเศษที่รวมกลุ่มกันในช่วงแรกของวันสิ้นโลก พวกเขามีฐานทัพใต้ดินอยู่ ทำให้รอดพ้นจากความเสียหายที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้นบรรดาเหล่าทหารที่สังกัดในหน่วยพิเศษล้วนพลังพิเศษตื่นขึ้นกันอย่างรวดเร็ว และสามารถฝึกใช้จนชำนาญ กลายเป็นขุมพลังอันแข็งแกร่งต่อกรกับเหล่าซอมบี้ และปกป้องฐานแห่งนี้ได้

ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำก้าวเดินมั่นคงหนักแน่นไปตามทางโถงทางเดิน ผู้คนข้างทางล้วนทำความเคารพเมื่อเขาเดินผ่าน

จอมพล เอไลจาห์ ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี่ ผู้นำมากความสามารถ แข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับเหล่าซอมบี้อย่างสบายๆ รวมทั้งพลังพิเศษที่สามารถเคลื่อนย้ายในระยะสั้นได้ในพริบตาที่สร้างข้อได้เปรียบในการต่อสู้อย่างมาก

“ท่านครับ”

ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อจอมพลเอไลจาห์เดินผ่าน นัยน์ตาคู่คมสีม่วงเข้มปราดมองเล็กน้อย แต่คนมองสั่นสะท้านเฮือกใหญ่ ก่อนจะรวบรวมความกล้าหาญเอ่ยต่อ

“เรื่องคนที่ท่านตามหา”

ประโยคนี้ทำให้จอมพลเอไลจาห์หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน ทำเอานายทหารที่เดินตามเบรคเอี้ยดแทบไม่ทัน

“ว่ามา”

“เอ่อ พวกเราขยายขอบเขตการค้นหาแล้ว แต่ยังไม่พบคนที่ท่านตามหาก็เลยอาจจะต้องขยายพื้นที่การค้นหาอีก ซึ่งอาจจะใช้กำลังพล”

สีหน้าจอมพลเอไลจาห์ยามขมวดคิ้วคล้ายจะสื่อว่าแล้วยังไงออกมา นายทหารปาดเหงื่อในใจ

“พะพอเพิ่มกำลังพลค้นหาคงใช้เวลาอีกไม่นานก็ต้องหาเจอแน่นอนครับ”

แค่เสียงแค่นฮึของจอมพลเอไลจาห์ก็แทบทำนายทหารสะดุ้งโหยงแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงเท่านั้นแล้วออกเดินต่อไป

ทุกคนในหน่วยล้วนเก็บกักความสงสัยเกี่ยวกับบุคคลปริศนาที่จอมพลให้ตามหาสุดๆ โดยเฉพาะภาพวาดเหมือนของบุคคลที่เป็นชายหนุ่มแย้มยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม กับเขี้ยวน้อยๆ ซึ่งหลายคนไม่กล้าคาดเดาว่าใครเป็นคนวาดออกมา

ถึงเกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จะแอบฟันธงในใจไปแล้วว่าท่านจอมพลเป็นคนวาดเองก็ตาม

บุคคลปริศนาคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงขั้นทำให้จอมพลต้องออกคำสั่งค้นหา กำชับพิเศษว่าห้ามทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ หรือกระทำรุนแรงเด็ดขาด

แต่จะไขข้อสงสัยได้ก็คงมีแต่ต้องตามหาให้เจอเท่านั้นแล้ว

 

 

+

 

 

เอสเทลเจอปัญหาเข้าจนได้

ซอมบี้กลายพันธุ์ที่ดีนเตือนเอาไว้

นี่มันยิ่งกว่าที่คิดอีก

เอสเทลถืออาวุธคู่ใจในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ร่างมนุษย์ที่ขยับอยู่เบื้องหน้าแทบจะแปลกประหลาดแตกต่างจากซอมบี้ตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด ภายนอกผิวหนังกลายเป็นสีดำหลายบริเวณ ท่าเดิน การขยับไม่ได้เงอะงะติดขัด แต่แทบจะเดินเหมือนคนปกติ แล้วยังประสาทสัมผัสไวอย่างมาก

เอสเทลไม่ทันจะเห็น ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนี้ก็พุ่งกระโดดมาอยู่ตรงหน้าแล้ว นัยน์ตาขาวขุ่น แต่ส่วนตาขาวกลับกลายเป็นสีดำ แถมยังคล้ายมีน้ำดำๆ ไหลออกมาจากเบ้าตา

แย่แล้ว

ความคิดพร้อมกับความเคร่งเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าของเอสเทล เขาไม่กล้าขยับ ฝ่ายนั้นก็เหมือนกำลังดูท่าที จนกระทั่งเชสเริ่มส่งเสียงฮือแฮ่อยู่ด้านหลัง เจ้าซอมบี้กลายพันธุ์นั่นก็พุ่งเข้าใส่ในทันที

เอสเทลเตรียมตั้งรับไว้อยู่แล้ว ท่อนเหล็กในมือเหวี่ยงฟาดออกไป เจ้าซอมบี้นั่นกระโดดหลบวูบ แล้วพุ่งเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็ว เป้าหมายแสดงออกชัดว่าเป็นเชสที่มันต้องการโจมตี

“เชส!”

“เชี่ย อย่ายุ่งกับแฟนฉันนะเว้ย!”

เอสเทลสบถหยาบเลือดขึ้นหน้า ใช้พลังพิเศษดึงตัวซอมบี้กลายพันธุ์จนมันชะงักกลางคัน ส่งผลให้เชสเอาหัวเสยคางมันหนึ่งที ก่อนจะขยับตัวด๊อกแด๊กหลบการโจมตีได้

อึก ความเจ็บแปล่บราวกับกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วร่างกายของเอสเทลจนเขาเกือบเซถลา เป็นครั้งแรกที่เอสเทลใช้พลังกับสิ่งมีชีวิต ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างจากวัตถุสิ่งของธรรมดา

ซอมบี้กลายพันธุ์หลุดจากการควบคุม มันเอียงคอราวกับประเมินระหว่างเอสเทลกับเชส และตัดสินใจพุ่งเป้าหมายมาที่มนุษย์ที่ใช้พลังใส่มันก่อน

เอสเทลเบิกตากว้างใช้ท่อนเหล็กรับมือกับการจู่โจมของซอมบี้กลายพันธุ์ แต่ละแรงที่ฟาดลงมาหนักหน่วงสร้างความสั่นสะเทือนให้กับมือทั้งสองข้างของเขา ขณะที่เชสทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนขยับด๊อกแด๊ก มือทั้งสองโดนมัดเอาไว้

นี่มันไม่ใช่ซอมบี้แล้ว!

ความคิดในหัวของเอสเทลในช่วงขณะตั้งสมาธิรับมือการโจมตีที่ใช้กำลังมือเปล่าๆ ของซอมบี้กลายพันธุ์ที่ดีนบอก ทั้งพละกำลัง ทั้งรูปแบบการโจมตี แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับซอมบี้เดินด๊อกแด๊กที่โจมตีโดยการพุ่งกัดอย่างเดียว

มันฉลาดกว่า และเริ่มรู้แล้วว่าควรใช้มือกระชากท่อนเหล็กออกจากมือเอสเทล!

บ้าเอ๊ย!

ท่อนเหล็กอาวุธคู่ใจถูกกระชากด้วยแรงดึงมหาศาล ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเอสเทลเสียสมดุลเอนตัวถลาไปด้วย ถึงจะพยายามยื้อเอาไว้ แต่อาวุธในมือก็ถูกแย่งชิงไปเรียบร้อย ทำให้ชายหนุ่มรีบร้อนถอยห่างออกมาในทันที

ทว่าก็ช้าไปอยู่ดี ซอมบี้กลายพันธุ์นั่นคว้าลำคอของเอสเทลเอาไว้ได้ และออกแรงบีบทันทีจนเขาเริ่มขาดอากาศหายใจไม่ออก แม้จะพยายามใช้แรงดิ้น ใช้ขาถีบลำตัว แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่สะทกสะท้าน

ไม่ ใครมันจะยอมตายกันเล่า!

เอสเทลทุ่มสมาธิที่ใช้พลังพิเศษยกซอมบี้กลายพันธุ์ให้ลอยขึ้นมา ในจังหวะที่ฝ่ายนั้นเผลอผ่อนแรงบีบ เขาก็ตวัดขาตัวเองขึ้นมาล็อกแขนข้างนั้นแล้วบิดตัว จนหลุดรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด ทันทีที่ปลายถึงพื้นเขาก็สร้างระยะถอยห่างออกมาทันที

ซอมบี้กลายพันธุ์ตรงหน้าแข็งแกร่ง แต่เหมือนยังมือใหม่อย่างบอกไม่ถูก ในใจเอสเทลที่เริ่มชั่งใจเอนเอียงไปทางหนีมากกว่าสู้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองอย่างเป็นห่วงแฟนหนุ่มที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่อีกทางแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาจ้องเขม็งกับศัตรู

มันยังยืนค้างในท่ายกมือ เอียงคอคล้ายงุนงงว่าเหยื่อหลุดมือไปได้ยังไงนะ ในสายตาเอสเทลมันมีช่องว่างเต็มไปหมด แต่จากการรับมือเมื่อครู่ยังไงฝ่ายเขาก็แพ้ด้านพละกำลังอยู่ดี

 

 

 

 

+++

เหล่าตัวเอกในวันสิ้นโลก

เอสเทล (เรื่องนี้) : บู๊สุดชีวิต แฟนข้าใครอย่าแตะ!

ราชา (จากอีกเรื่อง) : ...เชี่ยไรเนี่ย //มองซอมบี้เดินด๊อกแด๊กรอบตัว