ถ้าพูดถึงตัวร้าย หลายคนคงนึกภาพอะไรที่มันดูน่ากลัว หรือไม่ก็ดุร้าย ไม่มีใครต้องการ

 

แต่ชีวิตตัวร้ายของผมไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมก็เหมือนคนอื่นปกติ เพียงแค่ถูกมองว่าเป็นตัวร้ายก็เท่านั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถูกมองอย่างหวาดระแวง

 

อีกทั้งสถานะทางสังคมของครอบครัวผม ก็ยิ่งผลักดันให้ผมดูเหมือนตัวร้ายเข้าไปใหญ่ คุณพ่อที่เป็นอดีตมาเฟียผู้มีอิทธิพล ถึงแม้ตอนนี้พ่อจะวางมือไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่เคารพของคนใหญ่คนโตอยู่บ้าง ส่วนคุณแม่ก็เป็นคุณนายเจ้าของบริษัทเครื่องเพชรรายใหญ่ส่งออกทั้งในและนอกประเทศ

 

ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไมทุกคนถึงมองเป็นตัวร้ายที่มีแบคอัพดี ก็เล่นเป็นครอบครัวคนใหญ่คนโตแบบนี้ใครกันจะกล้ามาเข้ายุ่ง

 

ส่วนผมเองก็มีอาชีพที่ผมรักและชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กนั้นก็คือ'นักแสดง' ผมเข้ามาในวงการนี้ได้เพราะถูกทาบทามจากแมวมอง และใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อแสดงศักยภาพในการแสดงจนเป็นนักแสดงตัวร้ายดาวรุ่งจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตเอาไปเม้าท์มอยว่าผมเข้าวงการได้เพราะใช้เส้นสาย ถ้าถามว่าผมทำอะไรกับคอมเมนต์พวกน่ะนี้หรอ? ก็ปล่อยไปน่ะสิ ถ้าตอบโต้ไป พวกนี้ก็จะยิ่งได้ใจเล่นข่าวใหม่อีก สู้ปล่อยให้ข่าวมันจะหายไปดีกว่า

 

และอีกอย่าง ตอนนี้ผมก็ได้บทละครเรื่องใหม่ ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องดัง ส่วนบทละครที่ผมจะหนีไปไม่ได้เลยก็คือตัวร้ายของเรื่อง 'เปลวเพลิง' รุ่นน้องของพระเอก ที่มีสถานะเป็นน้องชายต่างแม่ของนางเอก แถมยังขี้อิจฉาพี่สาวของตัวเอง ทำทุกวิถีทางจนได้หมั้นหมายตบแต่งกับพระเอกของเรื่องจนได้

 

อ่า... แค่ผมอ่านบทมาถึงตรงนี้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ฉลาดของตัวละคร ในฐานะที่ผมผ่านบทตัวร้ายมาเยอะแยะมากมาย ผมขอบอกได้เลยว่าเปลวเพลิงเป็นตัวละครที่งี่เง่ามาก ไม่มีแผนฉลาดกว่านี้แล้วรึไง?!

 

แต่ที่หนักใจกว่านั้น เพราะตัวร้ายของเรื่องดันชื่อคล้ายผมซะด้วยสิ เฮ้อ ไอ้เพลิงคนนี้ยังฉลาดกว่าเปลวเพลิงด้วยซ้ำ



 

Rrrrrrrr




 

เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่ผมจะหยิบมันขึ้นมารับสาย

 

“ฮัลโหลค่ะน้องเพลิง บทที่พี่ให้ไปได้อ่านรึยังคะ?”

 

พอได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมโทรมาอย่างแน่นอน เธอเป็นเพียงไม่กี่คนที่ผมไว้ใจ และยังเป็นคนที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก

 

“พออ่านคร่าวๆ ไปบ้างแล้วครับ”

 

“โอเคค่ะ ส่วนบทอื่นเพิ่มเติมกับวันฟิตติ้งเดี๋ยวพี่จะแจ้งมาให้ทราบอีกทีนะคะ”

 

“ครับ สวัสดีครับ”

 

พอพูดจบผมก็กดวางสาย แล้วเตรียมตัวเข้านอน การพักผ่อนให้มากก็เป็นหน้าที่สำคัญของนักแสดง คงไม่มีนักแสดงคนไหนอยากหน้าโทรมๆ ออกไปเจอแฟนคลับหรอก

 

รู้สึกตัวอีกทีผมก็เผลอหลับไปซะแล้ว สงสัยคงอ่านบทนานไปหน่อย ไว้พรุ่งนี้ค่อยอ่านส่วนที่เหลือแล้วกัน

 

.




 

.




 

.




 

.




 

“เพลิง ตื่นได้แล้วลูก”

 

อื้อ เสียงใครล่ะนั่น เพิ่งได้นอนเองนะ

 

“วันนี้วันแต่งงาน อย่าตื่นสายให้อายฟ้าดินสิลูก”

 

หื้อ? งานแต่ง งานแต่งใคร? ญาติพี่น้องก็แต่งกันไปหมดแล้วนี่

 

“เปลวเพลิงตื่นได้แล้วนะ!”

 

เดี๋ยวนะ...เปลวเพลิง...?

 

ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นมา ก่อนที่จะปรับโฟกัสสายตามองรอบข้าง แล้วก็พบว่า นี่ไม่ใช่ห้องของผม

 

และคนที่อยู่ตรงหน้าผมก็คือใครก็ไม่รู้?!

 

“เอ้า! มองหน้าแม่อยู่ได้เพลิง ลุกไปอาบน้ำล้างหน้าได้แล้วนะ เดี๋ยวแม่จะได้บอกให้เขาเอาชุดออกมาเตรียมให้เรา เร็วเข้าๆ”

 

ผมถูกคนที่บอกว่าตัวเองเป็นแม่ของผมเมื่อสักครู่ดึงลงมาจากเตียงและผลักเข้าไปในห้องน้ำด้วยอาการงงงวย

 

และเมื่อผมหันหน้าไปมองกระจกที่เคาน์เตอร์ห้องน้ำก็ต้องตกใจเป็นรอบที่สอง

 

เชี่ยยยยย! ใครว่ะเนี้ยยย หน้าโคตรดุโคตรร้ายเลย ไม่เป็นมิตรสุดๆ

 

ผมจ้องมองกระจกตรงหน้านั้นโดยละเอียด นอกจากจะเห็นว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าดุร้าย ก็ยังมีผิวสีแทนสวย อย่างกับผิวมีประกายวิบวับ ตาก็ดุอย่างกับเหยี่ยว พอลองยกยิ้มขึ้นดู โอ้โห ขนลุกเลย บอกเลยถ้ายิ้มอย่างนี้ต่อหน้าเสือ เสือก็เผ่นครับ แถมส่วนสูงก็ไม่ได้ว่าจะดูตัวเล็กตัวน้อยสักนิด ออกจะดูสูงน่าจะสักประมาณ 180 เซนฯได้ พอเลิกเสื้อขึ้นมาดูหน้าท้องเท่านั้นแหละ

 

โอ้แม่เจ้า มีซิกแพคด้วยเว้ยยยย อิจฉา!! ผมยังไม่เคยมีเลย!

 

คนอะไรจะเพอร์เฟคขนาดนั้นวะ เปลวเพลิงเอ็งนี่มันแน่จริงๆ

 

“เพลิง! รีบอาบน้ำเร็วเข้าลูก เดี๋ยวไม่ทันเข้าพิธีเอาหรอก”

 

“คะ ครับ”

 

เอาเป็นว่าตอนนี้อาบน้ำก่อน ส่วนจะเอายังไงต่อค่อยไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า

 

ไอ้เพลิงจะเอายังไงกับชีวิตดีวะ!







 

 

 

 


ช่วยเอาใจช่วยเชียร์นังเพลิงกันด้วยนะคะ!!

***ยิ้มมมมมมมมม***

sds