บทนำ

 

ชีวิตที่เราได้มาเจอกัน

มันเป็นแค่ความฝันรึเปล่านะ

 

“ไหน ๆ ก็จะจบมอหกแล้ว คือว่า...”

 

อ๋องพูดจวนจะจบ ทว่าเขาก็หยุดไปเสียก่อน

 

ไม่รู้ว่าสามนาทีก่อนเขาเอาความมั่นหน้ามาจากไหน ถึงได้กล้าปรี่เข้าไปหาคนที่แอบชอบ ทว่าพอมายืนอยู่ตรงหน้าคนคนนั้น ความมั่นใจของอ๋องก็เริ่มมลายหายจนแทบสิ้น

 

“คือ...”

 

คล้ายว่ามีก้อนบางอย่างจุกในลำคอ อ๋องไม่กล้าสบตาคู่สนทนา เขาก้มลงไปมองมือตัวเองที่เริ่มจะเย็นเฉียบเพราะความตื่นเต้น ทั้งยังขบริมฝีปากล่างอย่างครุ่นคิด

 

เขาควรจะกล่าวต่อดีไหมนะ หรือจะพูดว่าช่างมันเถอะแล้วหันหลังกลับเลยดี

 

“คือว่าอะไรเหรอ ?”

 

เสียงของอีกฝ่ายทำให้อ๋องหลุดจากห้วงความคิด เขาสูดหายใจเข้าลึก แม้จะยังได้ยินเสียงจังหวะหัวใจตัวเองดังก้องอยู่ในหัว แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว อ๋องก็ตัดสินใจว่าจะยอมเสี่ยง

 

“คะ คือว่านะ...” ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าแล้วเงยหน้ามองตาอีกฝ่ายจนได้ “เราชอบนายว่ะยอร์ช— มะ ไม่สิ รักเลยต่างหาก !”

 

คำกล่าวเมื่อครู่ทำให้ยอร์ชนิ่งค้างไปชั่วขณะ ดวงตาใต้เลนส์กรอบกลมฉายแววตะลึงลาน เขาไม่คิดฝันมาก่อนว่าสักวันจะถูกผู้ชายด้วยกันบอกรัก แถมยังเป็นเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันเสียอีก

 

ทั้งคู่อยู่คนละกลุ่ม พูดคุยสัปดาห์นึงก็นับครั้งได้ เรียกได้ว่าเป็นแค่คนรู้จักของกันและกันเท่านั้น ที่สำคัญตัวยอร์ชเองก็เป็นเพียงนักเรียนธรรมดา ไม่ได้มีอะไรเลิศเลอไปกว่าเกรดสูงลิ่ว แถมในปัจจุบันเขาก็คิดถึงแต่การเรียนเพื่อมุ่งสู่รั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น

 

ยอร์ชไม่เข้าใจเลย ว่าเด็กเนิร์ดอย่างตนมีอะไรดึงดูดเจ้าคนที่ดูหล่อเหลาและมีผมสีน้ำตาลเข้มเป็นธรรมชาติแบบนั้น ถ้าหากว่าหมอนี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าไปจีบผู้หญิงสักคน ก็คงจะสละโสดได้โดยง่ายเสียด้วยซ้ำ

 

“ขะ ขอโทษนะยอร์ช...”

 

ปากอ๋องสั่นระริก ยอร์ชที่ได้ฟังก็เข้าใจได้ว่าคนตรงหน้าคงกำลังล้อเล่นอยู่เป็นแน่ และยอร์ชค่อนข้างจะโมโหถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็กล่าวขึ้นเสียก่อน

 

“... เข้าใจนะ นายคงไม่ชอบเราหรอก... ก็เราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นี่...” อ๋องกลืนน้ำลาย คอเขาแห้งผาก “และแค่คิดว่ากล้าจะพูดออกไป มันก็ดีกว่าเก็บเอาไว้เฉย ๆ น่ะ”

 

เจ้าของเรือนผมน้ำตาลพูดเสียงแผ่วกว่าที่เคย และพอกล่าวจบก็เงยมองคนตรงหน้า ทว่าก็เห็นยอร์ชเพียงแค่ยืนนิ่งพร้อมมุ่นคิ้ว

 

ไม่มีคำกล่าวใด ๆ ออกจากปากของเจ้าเด็กเนิร์ดผมดำ อ๋องไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายแล้ว ได้แต่ก้มมองมือตัวเองอีกครั้ง

 

“ยะ อย่าเกลียดกันเลยนะ ขอโทษจริง ๆ”

 

กล่าวจบอ๋องก็ตัดสินใจรีบหันหลังวิ่งออกจากตรงนั้นโดยเร็ว ไม่มีเสียงยอร์ชเรียกรั้งเขาไว้ และเขาก็ไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลังอีก

 

อ๋องคาดว่า ยังไงซะยอร์ชก็ไม่มีทางรับรักจากตนอย่างแน่นอน และบางทีเขาอาจจะโดนยอร์ชเกลียดไปแล้วก็ได้

 

และวันนี้ก็เปิดเทอมวันสุดท้ายแล้ว ต่อไปอีกไม่ถึงเดือนก็จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย สำหรับเพื่อนที่ไม่ได้กันสนิทสักเท่าไหร่คงยากที่จะได้เจอกันอีก นั่นเป็นเหตุผลที่อ๋องอยากบอกความในใจให้ยอร์ชได้ทราบไว้ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าตนอาจจะคิดผิดที่ไปสารภาพรักกับยอร์ชก็ได้

 

ถ้าหากย้อนเวลาไปได้ อ๋องสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บอกรักคนที่ตนแอบชอบเป็นอันขาด และจะเก็บความชอบที่มีไว้ในใจตัวเองไม่ให้ใครได้รับรู้

 

แต่ยังไงซะ ตอนนี้อ๋องก็ตัดสินใจว่าจะต้องมุ่งมั่นสอบเข้าทั้งคณะและมหาวิทยาลัยที่หวังให้ได้ เขาต้องทำข้อสอบทั้งหมดให้เต็มที่ และจะเสียใจในเรื่องที่เพิ่งทำลงไปไม่ได้เด็ดขาด

 

*****

 

หลายเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก...

 

ตอนนี้เหล่านักเรียนมอหกผ่านพ้นสนามสอบทั้งหลายเป็นที่เรียบร้อย คะแนนก็ประกาศออกมาทุกวิชาแล้ว มีทั้งให้ได้ชื่นชมและขมขื่นใจคละกันไป บางรายที่ติดมหาลัยรอบพอร์ตแล้วก็ถือว่าโชคดี แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่รอลุ้นผลตอนรับตรงร่วมกันอย่างใจจดใจจ่อ

 

ยิ่งใกล้ถึงวันประกาศผล หัวใจก็ยิ่งตุบตับระรัวด้วยความตื่นเต้น มีทั้งความกลัวและความหวังมีอยู่ระคนกันไป ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าความพยายามอ่านหนังสือสอบตลอดช่วงมอปลายจะช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีรึเปล่า

 

อ๋องเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาไม่รู้ว่าความพยายามทั้งหมดจะทำให้สอบติดทั้งคณะและมหาลัยที่หวังได้หรือไม่

 

 

 

 

“ความพยายามน่ะไม่เคยทำร้ายใครหรอก นายอย่ากลัวสิ”

 

ผู้พูดเลื่อนมือตนเองไปวางบนมือของคนผมน้ำตาลที่กำลังนั่งก้มหน้า เมื่อผิวสัมผัสได้ถึงอุ่นจากอีกฝ่าย อ๋องก็สะดุ้งโหยงก่อนจะเงยขึ้น

 

อ๋องไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับคนที่ตนสารภาพรักด้วยอีกครั้งโดยบังเอิญ แถมนายเนิร์ดก็กำลังปลอบใจเขาอยู่ด้วย 

 

ทีแรกนึกว่าจะโดนเกลียดไปแล้วเสียอีก

 

“แน่ใจเหรอว่าเราจะติด...” แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในร้านกาแฟที่มีเสียงชิว ๆ หมายให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย แต่อ๋องก็ยังคร่ำเครียดกับเรื่องคะแนนสอบของตน “คะแนนคณิตเราแย่มากนะยอร์ช”

 

“เอาน่า เราเชื่อว่านายสอบติดแน่” เจ้าของแว่นหนาเตอะตบหลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ “ว่าแต่ได้คะแนนเท่าไหร่เหรอ”

 

“ยะ ยี่สิบหก…”

 

“วิชาความถนัดน่ะเหรอ !?” ยอร์ชถามอย่างตกใจ ทว่าพอเห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหัว คนผมดำก็เป่าปากอย่างโล่งอก

 

“ยี่สิบหกเต็มร้อยน่ะคณิต” คนหล่อเหลาตอบพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ความถนัดได้เกินครึ่งนะ แต่ไม่ถึงเป้าที่วางไว้”

 

“เกินครึ่งก็เยอะแล้ว” ยอร์ชกล่าวยิ้ม ๆ พลางเขายกโกโก้ร้อนขึ้นซด

 

แสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดผ่านกระจกเข้ามาภายในร้าน ทำให้บรรยากาศอบอุ่นอย่างน่าประหลาด และนั่นทำให้หัวใจของอ๋องเต้นตึกตักอย่างไม่รู้ตัว

 

“อย่าเครียดเลยนะอ๋อง”

 

กล่าวจบยอร์ชก็กุมนิ้วทั้งห้าของคนตรงหน้า ใช้หัวแม่โป้งลูบไล้ผิวเนียน ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือคนหล่อเหลาเข้ามาหาอย่างทะนุถนอม สักพักเขาก็เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ประกบริมฝีปากอุ่นลงบนหลังมือของอีกฝ่าย

 

คนที่นั่งตรงข้ามตกใจถึงขีดสุด ใครจะไปคิดว่าจะถูกประทับจูบลงบนมือแบบนี้ แถมชายคนนั้นก็ยังเป็นคนที่ตนเคยสารภาพรักด้วย อีกอย่างจุมพิตของยอร์ชก็ช่างอบอุ่นและให้สัมผัสละมุนอย่างน่าประหลาด ตอนนี้อ๋องรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าแล้ว

 

“นายดีขึ้นรึเปล่า เครียดมากไปมันก็ไม่ดีหรอกนะ” ยอร์ชกล่าวหลังถอนจูบ จากนั้นก็วางมือลงบนโต๊ะเช่นเดิม “คะแนนของเราก็น้อยกว่าที่คิดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะติดอย่างที่หวังรึเปล่า…” เสียงของเขาส่อแววไม่มั่นใจขึ้นมา

 

“อย่างนายไม่ติดก็ตลกแล้ว” อ๋องเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่าง “ระดับเทพของห้องอย่างยอร์ชน่ะ ต้องติดแน่ ๆ”

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสิ” ถึงจะกล่าวแบบไหนแต่ยอร์ชกลับถอนหายใจ “งั้นเรามาติดมหาลัยไปด้วยกันเถอะนะอ๋อง”

 

“สาธุครับ ขอให้พวกเราติด—”

 

ก่อนอ๋องจะได้กล่าวจบ เสียงข้อความเข้ามือถือก็ดังขึ้น ไม่ใช่เฉพาะของพวกเขาเพียงสองคน ทว่ามันดังอยู่ทั่วทุกสารทิศ ทั้งคู่ต้องขมวดคิ้วก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา

 

“ฮึ้ย ! ประกาศผลแล้วเว้ย !”

 

เจ้าของแว่นหนาร้องอย่างดีใจ คนที่นั่งตรงข้ามกันจึงรีบกดเข้าดูผลประกาศ เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจออ๋องก็ต้องส่งเสียงอุทานอย่างไม่เชื่อสายตา ทำเอาเจ้าเด็กเนิร์ดต้องรีบเงยหน้าแล้วถามไถ่โดยไว

 

“เป็นยังไงบ้าง ติดรึเปล่า”

 

คนถูกถามค่อย ๆ คลี่ยิ้มอย่างยินดี ดวงตาฉายแววปีติยินดีอย่างเห็นได้ชัด

 

“ติด” เขาผงกหัวหงึก ๆ “เราติดแล้ว !”

 

“ยินดีด้วยเว้ยอ๋อง !

 

“แล้วนายล่ะยอร์ช เป็นยังไงบ้าง”

 

“ของเรา—”

 

ทว่ายังไม่ทันได้รับคำตอบที่อยากทราบ ภาพรอบกายของอ๋องก็พลันแปรเปลี่ยน ทุกอย่างดำมืดลงทันใด ครู่ต่อมาร่างกายของเขาก็รู้สึกเจ็บระบมอย่างน่าประหลาด ทั้งยังสัมผัสได้ถึงอากาศรอบกายที่เย็นเฉียบ

 

เมื่อค่อย ๆ บังคับให้เปลือกตาที่หนักอึ้งลืมขึ้นได้ เขาก็มองไปรอบกาย นั่นทำให้อ๋องตระหนักได้ตอนนี้ตนอยู่ภายในห้องของตัวเองที่บ้าน แต่ไม่ได้กำลังนอนอยู่บนเตียงแต่อย่างใด

 

ดูเหมือนเขาจะเพิ่งดิ้นตกลงมาจากเตียง ดังนั้นก็แสดงว่าเมื่อครู่ที่เจอกับยอร์ชในคาเฟ่ ก็เป็นเพียงแค่ความฝันของอ๋องเท่านั้น

 

เจ้าของเรือนผมน้ำตาลเข้มยังไม่ลุกในทันที เขาพลิกตัวนอนหงายบนพื้นไม้ลามิเนตพร้อมกับพ่นลมหายใจครืด อุตส่าห์พยายามจะลืมเลือนนายเนิร์ดคนนั้นแต่ก็ดันฝันถึงเขาอีกจนได้

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่อ๋องฝันถึงยอร์ช และยังได้คุยกันอย่างสนิทสนมแบบนี้ แม้ว่าจะทำให้รู้สึกสุขใจก็ตามที แต่อ๋องก็รู้ตัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในฝัน มันไม่มีทางเป็นจริงได้เสียหรอก

 

เรื่องผลเข้ามหาลัยก็เหมือนกัน ตอนนี้มันน่าจะยังไม่ออกเลยด้วยซ้ำ กำหนดการก็บอกว่าจะประกาศตอนแปดโมงเช้าที่จะถึง แต่ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาประกาศล่วงหน้าเหมือนปีก่อน ๆ หรือเปล่า

 

“เฮ้อ ค่อยดูพรุ่งนี้ทีเดียวดีกว่า”

 

เขาพึมพำกับตัวเองพลางหาวหวอด จากนั้นก็ปีนป่ายกลับขึ้นเตียง อ๋องอยากนอนให้เต็มอิ่มก่อนจะดูผลที่จะประกาศ และถ้าหาเป็นไปได้ เขาก็ยังอยากฝันถึงยอร์ชอีกสักครั้ง แม้ใจจริงจะอยากลืมเลือนคนที่ตนบอกรักไปก็ตามที แต่อย่างน้อยการได้พบพานกันในห้วงฝัน มันก็ทำให้ความเครียดของอ๋องบรรเทาลงไปบ้าง

 

อย่างไรก็ตาม อ๋องหารู้ไม่เลยว่าในเวลาเดียวกัน ณ อีกสถานที่หนึ่งนั้น ยอร์ชเองก็เพิ่งจะสะดุ้งตื่นจากห้วงความฝันเช่นกัน

 

สำหรับสิ่งที่นายเนิร์ดฝันเมื่อครู่ เขารู้สึกว่ามันเหมือนจริงอย่างยิ่ง ทั้งบรรยากาศในร้านกาแฟและบทสนทนาที่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง รวมถึงผลประกาศเรื่องมหาลัยด้วย แต่อยู่ ๆ ก็ดันสะดุ้งตื่นเสียก่อน ทำให้จำไม่ได้แล้วว่าผลมหาลัยในฝันของตนเป็นยังไง

 

ที่สำคัญ นี่มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่เขาฝันว่าได้เจอกับเพื่อนชายผู้เคยบอกรักตน แต่หมอนั่นก็ดันผละหนีไปด้วยความกลัวเสียเอง ช่างพิลึกเหลือเกินที่ยอร์ชพยายามไม่คิดถึงเรื่องนั้น แต่เขาก็ฝันว่าเจออ๋องหลายต่อหลายครั้ง

 

แถมคราวนี้ยังไปจูบมือหมอนั่นอีก ถ้าเป็นเรื่องจริงยอร์ชคงไม่กล้าทำอย่างนั้นเป็นอันขาด !

 

… ตอนนี้เจ้านั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ ยังรู้สึกอะไรกับเราอยู่รึเปล่า... ยอร์ชได้แต่สงสัยทว่าก็คงถามใครไม่ได้ บางทีเขาก็งุนงงกับตัวเองว่าทำไมสมองถึงชอบให้ความทรงจำเก่า ๆ และคำถามแบบนี้โลดแล่นอยู่ตลอด

 

และที่จริงแล้วความฝันมันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกไม่ใช่เหรอ ไม่มีทางที่เจ้าคนหล่อหัวน้ำตาลเข้มจะสอบคณิตได้เพียงยี่สิบหกคะแนนเต็มร้อยเสียหรอก ที่จริงอ๋องน่ะเก่งจะตายไป ยังไงก็สอบเข้ามหาลัยและคณะที่หวังได้แน่ ๆ

 

ยอร์ชหันไปยังตู้ตรงหัวเตียง เอื้อมคว้าแว่นหนามาสวมใส่แล้วมองไปยังนาฬิกาปลุก นี่เพิ่งจะตีสามนิด ๆ ต้องรออีกหลายชั่วโมงกว่าผลมหาลัยจะประกาศ แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองหลับเต็มอิ่มแล้ว และไม่อยากนอนต่อสักเท่าไหร่ ดังนั้นเลยเอื้อมคว้ามือถือหมายจะเล่นแก้เบื่อไปสักพัก

 

เช็กโซเชียลทั้งหลายไปพลาง กระทั่งกดเข้าไปในแอพสีฟ้า ยอร์ชก็ต้องเลิกคิ้วแล้วกดเข้าไปในแท็กที่กำลังติดเทรนตอนนี้ทันที เพราะสิ่งที่กำลังโด่งดังอยู่คือรหัสรุ่นเข้ามหาลัยของเด็กทั้งประเทศในปีนี้ แน่นอนว่าแค่โพสต์แรกปรากฏขึ้นมา ยอร์ชก็ต้องดีดตัวนั่งหลังตรงด้วยความตะลึงลาน

 

“เฮ้ย ผลประกาศแล้วเหรอวะ !?” เขาอุทานเบา ๆ กับตัวเอง ว่าแล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปในเว็บประกาศผลมหาลัย 

 

เมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยมือไม้ของยอร์ชก็สั่นไปหมด นิ้วเรียวค่อย ๆ เลื่อนหน้าจอพร้อมกับใจที่เต้นระรัว

 

และเมื่อผลประกาศเข้ามหาลัยประจักษ์ต่อสายตา เจ้าของแว่นหนาเตอะก็ต้องเบิกตากว้างและแทบหยุดหายใจ...

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

#ถาปัดฟัดเกียร์