“โห พี่… นี่รักใครรักจริงนะเนี่ย นี่ถึงขนาดลงทุนจัดห้องให้ผมขนาดนี้เลยเหรอ อย่างดีอะ ขนาดไม่ใช่เมียนะยังทำให้ขนาดนี้ ถ้าเป็นเมียนี่คงสร้างคฤหาสน์ให้ใหม่เลยมั้ง”

พชรพูดขึ้นขณะที่เข้ามาสำรวจห้องของตัวเองที่คุณตัวร้ายในสายตาเขานั้นจัดไว้ให้อย่างดีหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ห้องนอนห้องนี้กว้างขวางมาก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งอย่างเขายากนักที่จะมีห้องส่วนตัวที่กว้างขวางมากขนาดนี้ เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าป้านวลนั้นจะยอมตามมาง่ายดายขนาดนี้ นึกว่าจะต้องใช้ลูกอ้อนเข้าช่วยซะแล้ว แต่ก็นะ ไม่คิดว่าคุณตัวร้ายจะรู้ขนาดที่ว่าเขาชอบสไตล์ไหน แถมยังมีตู้เก็บกู้ดส์อนิเมะซะด้วย หมดกี่แสนล่ะนั่น ให้ตายสิ นี่ไอ้คุณตัวร้ายนี่มันมีพลังจิตอะไรปะวะเนี่ย

เหมือนจะเห็นตู้ใส่หนังสือการ์ตูนด้วย ว่าง ๆ คงต้องไปขออ่านสักหน่อยแล้วล่ะ

คุณตัวร้ายต้องเห็นว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณอย่างใหญ่หลวงแน่นอนถึงได้จัดห้องนอนให้ขนาดนี้ ใช่สิ เขามีข้อได้เปรียบนี่นา แถมยังสอนให้เขาพิชิตใจคนที่ชอบได้อีก อย่างนี้ไม่มีพระคุณแล้วจะเรียกอะไรได้อีก

ทางของปราชญ์ที่มองคนที่เข้ามาสำรวจห้องก็มองนิ่งไม่พูดอะไร ดูท่าทางของคนที่กำลังตื่นเต้นอยู่เงียบ ๆ แต่พอยิ่งเห็นท่าทางประหลาด ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นจากที่อีกคนนั่นก็ยิ่งทำให้เขาเชื่อขึ้นมาอีกนิดว่าคนที่ตัวเล็กกว่านั้นความจำเสื่อมจริง ๆ จะว่าไปแล้วท่าทางประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นนั้นอาจจะเป็นปกติของเจ้าตัวอยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่เขาไม่ค่อยจะสังเกตมันแล้วก็ไม่สนใจมาก่อนด้วย

แต่จะมีอย่างที่ไหนที่ความจำเสื่อมแล้วมาบอกว่าเขาเป็นตัวร้ายในนิยายกันให้ตายสิ เพ้อเจ้อสิ้นดี ตัวของเขาที่เป็นเจ้าของที่นี่เองก็จนใจเมื่ออีกฝ่ายนั้นจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อของตัวเองกับสถานะพ่อค้าขายหมูปิ้ง… ไม่ใช่สิ ลูกชิ้นปิ้ง อมพระมาพูดปราชญ์ก็ไม่เชื่อว่าคุณน้าจะปล่อยให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองไปยืนปิ้งลูกชิ้นขาย

ส่วนคนที่เขากำลังปิ๊งอยู่แบบที่อีกคนว่าน่ะหรอ…. หึ

“ดูเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ลงไปทานข้าวได้แล้ว” ปราชญ์เอ่ยเรียกคนที่ก้มดูของตกแต่งภายในห้องอย่างสนอกสนใจก่อนจะเดินลงไปที่ห้องครัวก่อน

ทำเป็นจำอะไรไม่ได้ ทำอย่างกับไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ

“นี่คุณ กับข้าวเยอะขนาดนี้แถมมีแต่ของน่าอร่อย ๆ ทั้งนั้น ที่คุณสั่งให้แม่ครัวทำมาเอาใจผมเหรอ” พชรเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองอาหารที่ดูมีราคาแพงแถมยังคุ้นหน้าคุ้นตาแบบบอกไม่ถูกตาเป็นมัน

คุณ? ไม่ชินเลย ตอนอยู่โรงพยาบาลยังเรียกพี่ชายอย่างนั้นอย่างนี้อยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนสรรพนามกันซะได้

ปราชญ์มองคนที่เห็นหน้ากันมาจะทั้งชีวิตด้วยความปลงก่อนจะเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรให้มากความ ซึ่งทางด้านของพชรเองก็แอบเคืองที่เจ้าตัวไม่พูดอะไรออกมาเลย พูดอะไรแต่ละทีก็แทบจะนับคำได้ ให้ตายเถอะ

กลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากรึไงกันพ่อคุ๊ณ!

หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารเสร็จบรรยากาศก็เริ่มที่จะอึมครึมขึ้นมาเมื่อฝ่ายของปราชญ์นั้นยังอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน ซึ่งพชรที่นั่งอยู่นั้นก็ไม่กล้าจะลุกก่อนเจ้าของบ้านจึงจำต้องนั่งมองว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะลุกออกไปเสียที แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ลุกออกไปไหนเสียที

เอ๊ะ! งั้นก็ถือโอกาสนี้แหละคุยเรื่องคอร์สฝึกเป็นพระเอกสำหรับคุณปราชญ์ แต่จะทักก่อนดีไหมนะ หน้าดุอย่างกับหมา พชรไม่กล้าทักเลย…

“คุณ… คือ เรื่องที่ผมบอกไว้”

“อืม งั้นเธอจะเริ่มวันไหนล่ะ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งมองหน้าอีกคนโดยไม่หลบสายตา

“ตอนกลางวันคุณไปทำงานใช่ไหมล่ะ งั้นตอนก่อนนอนเหรอที่จะให้ผมเริ่มบอกเคล็ดลับน่ะ”

“เธอเป็นคนเสนอไม่ใช่เหรอ เป็นคนเสนอมาก็ลองคิดดูสิ”

“งั้นมีวันไหนที่คุณไม่ต้องเข้าบริษัทไหม จะได้เรียนแบบเต็ม ๆ ไง ดีไหม ๆ”

“บางวันฉันทำงานในห้องก็ได้ มีแค่วันที่มีนัดสำคัญเท่านั้นแหละที่จะเข้าไปบริษัท”

“ดี! ดีเลย งั้นระหว่างที่คุณทำงานที่บ้านคุณก็รีบทำนะ ผมก็จะรีบสอนแล้วก็กลับบ้าน” พชรพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น ติดกับเจ้าของบ้านที่มีสีหน้าเดิมแต่เหมือนบรรยากาศกดดันรอบ ๆ ตัวนั้นเพิ่มขึ้นจนคนรอบตัวรู้สึกได้ พชรก็ได้แต่งงว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

“ห้องที่ฉันให้คนจัดให้มันไม่ถูกใจเธอเหรอ ถึงได้อยากรีบกลับบ้าน”

“อุ๊ย! ไม่ใช่นะครับคุณ ห้องที่คุณจัดให้มันถูกใจผมมาก ๆ เลยล่ะ! สไตล์ของผมเลย! มีของแถมให้ตั้งหลายตู้หมดเป็นล้านเลยละสิท่า แต่ผมก็มีบ้านของผมไงคุณ เจ้าของบ้านไม่อยู่บ้านตัวเองแล้วจะมีบ้านไว้ทำไมกันล่ะ”

“เท่าไหร่”

“ครับ?”

“ค่าคำแนะนำแล้วก็ค่าคอร์สของเธอ”

“โหยยย คุณปราชญ์ละก็ ไม่เห็นจะต้องมีค่าคงค่าคอร์สอะไรเลยครับ เราน่าจะเป็นคนกันเองไม่ใช่หรือไงครับ แต่ก็นะครับ คุณถามมาขนาดนี้แล้วผมเรียกราคาเบา ๆ สบายกระเป๋าของตัวร้ายแต่รวยละกัน” พชรพูดอ้อมแอ้มไปมายาวยืดจนปราชญ์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“เท่าไหร่ล่ะที่เธอคิดไว้ อย่าเล่นลิ้นนาน”

“อ๋อ รวมค่าเสียเวลาของผมด้วยก็ราคาถูก ๆ เองครับ 30 ล้าน นี่ลดให้ละนะครับ รวมที่คุณบริการผมอย่างดีในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้” หึ เป็นยังไงล่ะราคาสบายกระเป๋าของพชร ตัวร้ายระดับสูงแค่ 30 ล้าน ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงง่าย ๆ หรอก

“หึ” ปราชญ์มองคนที่ล่อกแล่กไปมาก่อนจะลอบยิ้มมุมปากแล้วหุบอย่างรวดเร็ว

ไม่ยักจะรู้เลยว่าลูกของคุณน้าพราวรดีจะหน้าเงินเป็นกับเขาด้วย

แต่ก็นั่นแหละ 30 ล้านมันจะสู้ 300 ล้านที่เขาเสียไปเมื่อหนึ่งปีก่อนได้ยังไง เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะเสียให้อีกฝ่ายอีกสัก 50 ล้าน ถือซะว่าเป็นค่าทำขวัญหลังจากเจออุบัติเหตุร้ายแรงจนเสียความทรงจำมาก็แล้วกัน

“ฉันให้เธอเลย 50 ล้าน”

“โอ้! ไม่ผิดหวังเลยครับที่คุณได้รับบทนี้”

เป็นตัวร้ายที่รวยจริงอะไรจริง! ใจป๋าฝุด ๆ เยยฮ้าบ

ชาติที่แล้วเขาต้องไปทำบุญอะไรสักอย่างมาแน่ ๆ ชาตินี้ถึงได้บุญหล่นทับ ส่งความร่ำรวยมาให้ โอ๊ย! ไอ้เพชรจะใช้มันให้คุ้มที่สุดก่อนตายเลยครับ จะว่าไปแล้วคุณปราชญ์อะไรนี่ก็ใจดีจังเลยแฮะ ขอ 30 ล้าน แต่ให้ 50 ล้าน ใจป๋าจริง ๆ ขออิจฉาว่าที่เมียในอนาคตของเขาได้รึเปล่า

หรือเขาจะเอาอีกคนมาเป็นผัวเองเลยดีนะ?

ไม่ดี ๆ เขายังไม่เห็นเบ้าหน้าของพระเอกนายเอกเลยนะ ต้องดูก่อนว่าพระเอกหล่อรวยเท่าคุณปราชญ์หรือเปล่า ถ้าหล่อรวยน้อยกว่าก็คงต้องหันหัวเรือใหม่ แต่ถ้าหันหัวเรือใหม่แล้วปรากฎว่านายเอกเบ้าหน้าดีกว่าตัวเอง อันนี้ไอ้เพชรจะไม่ฆ่าตัวตาย ไม่สาระแนเข้าไปแทรกเด็ดขาด

“เธอจำอะไรได้บ้างแล้ว” เจ้าของบ้านเอ่ยถามพร้อมกับหรี่ตามองอีกคนที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมา

“ก็… จำได้ว่าผมชื่อเพชร เพราะป้านวลบอก แล้วผมก็คงจะชื่อเพชรจริง ๆ เพราะผมไม่รู้สึกว่าไม่แปลกอะไร แล้วก็ผมจำได้ว่าผมเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งแล้วผมก็หลุดเข้ามาในโลกนิยายเรื่องนี้”

“นิยายที่เธอว่านี่มันเรื่องอะไร”

“ไม่รู้ ผมเคยอ่านแต่การ์ตูน”

“เฮ้อ” ปราชญ์ถอนหายใจ เขารู้สึกเสียดายเวลาชีวิตเหลือเกินที่ต้องมานั่งคาดคั้นคนความจำเสื่อมแบบนี้ นอกจากจะความจำเสื่อมแล้วยังขี้เพ้อเจ้ออีกต่างหาก

คนบ้าที่ไหนเคยอ่านแต่การ์ตูนแต่ดันบอกว่านี่เป็นโลกนิยายเป็นตุเป็นตะขนาดนี้… หรือว่าจะเป็นผลพวงด้านสภาพจิตใจหลังเกิดอุบัติเหตุ

แอบจับไปหาจิตแพทย์ซะเลยจะดีไหมนะ

“ห้องที่ฉันจัดให้เธอคุ้นเคยอะไรไหม” นี่เขากำลังคาดหวังอะไรอยู่กัน

“ก็คุ้นครับ มันสไตล์ในฝันผมเลยนี่นา อ้อ แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับว่าผมชอบสไตล์นั้น เป็นสกิลตัวร้ายหรอ แบบว่า… รู้ทุกอย่าง”

“มีอะไรอีกที่เธอจำได้” ปราชญ์ไม่ตอบคำถามของอีกคนแต่กลับถามคำถามใหม่

“จะอยากรู้ไปทำไมครับ”

“ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมาก แค่สงสัยว่าเธอจะปวดหัวเหมือนในละครไหม”

“อ๋อ ก็มีบ้างครับ ตอนที่เจอหน้าคุณเหมือนร่างกายผมจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่” ทันทีที่ปราชญ์ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาบางอย่างกับร่างกายของตัวเอง ยังไม่ทันที่เขาจะได้เร่งให้อีกคนพูดต่อ พชรก็พูดต่อขึ้นมาก่อนเสียแล้ว

“ตอนเจอหน้าคุณผมรู้สึกคุ้น ๆ หน้า แล้วก็ปวดหัวนิดหน่อย แล้วก็ใจเต้นแรงแถมยังเจ็บด้วย แต่ว่าผมนึกไม่ออกว่าคุณหน้าเหมือนใครในชีวิตจริงผมรึเปล่าก็เลยเลิกคิดน่ะ เดี๋ยวปวดหัวขึ้นมาอีก”

“ฉันขอโทษนะ”

“ครับ?” ขอโทษ? คุณตัวร้ายขอโทษเขาเรื่องอะไรเหรอ เรื่องที่ถาม หรือว่าเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัว?

“แล้วนี่สรุปวันนี้คุณจะเข้าไปทำงานไหมครับ”

“อืม สภาพเธอน่าจะยังไม่พร้อมที่จะแนะนำอะไรฉัน พักผ่อนเถอะ” หลังจากพูดจบแล้วปราชญ์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากประตูไป พชรมองตามแผ่นหลังของคนที่น่าจะอายุมากกว่าก่อนจะเอ่ยบอกตามหลังแม้คำที่พูดไปดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่ได้ยิน

“ตั้งใจทำงานนะค- อ…อึก!” พชรหลับตาแน่นหลังจากที่เอ่ยคำนั้นไม่จบดีอาการปวดหัวจี๊ดก็วิ่งขึ้นมาจนเห็นภาพอะไรบางอย่างลาง ๆ มือขาวรีบกวาดมือหาที่ยึดเหนี่ยวตามสัญชาตญาณก่อนที่จะทรุดล้มลงไปนอนกับพื้นเสียก่อน

ภาพขาวดำปรากฎขึ้นซ้อนทับกับภาพเมื่อสักครู่นี้อยู่ครู่หนึ่งราวกับวีดีโอเก่าที่ถูกหยิบขึ้นมาฉายอีกครั้ง

“คุณหนู! ปวดหัวหรือคะ” ป้านวลเดินเข้ามาประคับประคองพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง

“ผ…ผม ผม ผมเคยพูดประโยคเมื่อกี้รึเปล่าครับป้า อึก…” พชรยกมือขึ้นกุมหัวแน่นก่อนจะภายในศีรษะจะบีบตัวอีกครั้ง ป้านวลที่มัวแต่เป็นห่วงคุณหนูตัวน้อยของเธอที่เธอดูแลมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย หล่อนจึงไม่สนใจที่จะตอบคำถามของพชร

“ขึ้นไปนอนพักข้างบนก่อนนะคะคุณหนู เดี๋ยวป้าจะพาขึ้นไป”

“ขอบคุณครับ…”

หลังจากที่พาคนเพิ่งประสบอุบัติเหตุร้ายแรงมาขึ้นไปนอนพักผ่อนแล้วป้านวลก็ยืนมองคุณหนูของเธอด้วยความเป็นห่วง ใจของเธอนั้นอยากจะโทรไปบอกคุณนายพราวรดีให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูของเธอบ้าง หลังจากก่อนที่พชรจะหลับไปนั้นเขาถามกับเธอด้วยเสียงแผ่วเบาว่า ‘คุณแม่ของผมใจดีไหมครับป้านวล’ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณหญิงควรที่จะได้รับรู้ว่าคุณหนูของเธอไม่ได้เป็นเด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้เลยสักนิด

เธอเองก็อยากจะโทรไปรายงานเรื่องที่คุณหนูเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงขนาดความจำเสื่อมให้คุณนายรู้แต่ทว่าคุณปราชญ์เธอกลับสั่งบอกทุกคนในบ้านห้ามพูดถึงเรื่องสถานะระหว่างคุณหนูและเขากับใครรวมทั้งคุณนายพราวรดีที่แม้จะเป็นมารดาแท้ ๆ ของคุณหนูเธอ

ซึ่งป้านวลเองก็นึกสงสัยว่าทำไมคุณปราชญ์ถึงออกคำสั่งแบบนี้

 

 

“นายท่านครับ ทำไมถึงไม่บอกคุณท่านไปครับว่าเขามีสถานะอะไรในบ้านหลังนี้” นพวิชญ์อดที่เอ่ยถามเจ้านายไม่ได้เมื่อเห็นว่าหลังจากที่คุณท่านฟื้นขึ้นมา นายท่านของเขาก็เอาแต่สั่งงานแปลก ๆ โดยไม่บอกเหตุผลอะไรเลย

“นายจะอยากรู้เรื่องเจ้านายไปทำไมนพ” ปราชญ์เอ่ยถามขณะที่ตามองทิวทัศน์ที่น่าเบื่อของเมืองหลวงที่อยู่นอกกระจกรถ

“ก็… ก็แค่สงสัยครับ อย่างน้อยนายก็ควรที่จะโทรบอกคุณนายพราวรดีนี่ครับ เพราะเขาเป็นแม่ลูกกัน”

“นายอยากเปลี่ยนหน้าที่จากเลขามาเป็นที่ปรึกษาของฉันหรือนพ” คนตัวโตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก

“เปล่าครับนาย” แต่นายก็ควรบอกแม่เขาเรื่องลูกเขาความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอครับ! แต่เอาเถอะ ไม่รู้ว่านายกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่นพวิชญ์คนนี้จะรอดูผลลัพธ์เอง!

“เรื่องของลูเซียเป็นยังไงบ้าง”

“จัดการแล้วเรียบร้อยครับ จัดการอย่างดีตามที่นายท่านบอกเป๊ะเลยครับ”

“อืม… ดี”

“แล้วเรื่องนี้ก็จะไม่บอกคุณท่านเธอเหรอครับ คุณท่านเธอผูกพันกับคุณลูเซียมากเลยนะครับ ถ้าบอกคุณท่านอาจจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

“ฮึ่ม… นพ” ปราชญ์คำรามในลำคอเบา ๆ ก่อนจะตวัดสายตามองเลขาคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน

“ครับ ไม่บอกก็ไม่บอกครับ”

ถึงจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้านายแต่เป็นแบบนี้แล้ว แบบนี้นพจะไปทำอะไรได้ครับ! ฮึ่ย! สมแล้วที่คุณเพชรเธอเรียกนายท่านของเขาว่าตัวร้าย ก็เพราะแบบนี้ไง! ถ้าคุณเพชรความทรงจำกลับมาเมื่อไหร่ไอ้นพจะไปดันหลังคุณเพชร!

 


ขอโทษตอนเขาความจำเสื่อมเขาคงรู้เรื่องมั้งคะคุณพรี่ ฉลาดแค่ชื่อจริง ๆ