สายฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบลงบนพื้นถนนในยามค่ำคืน แสงไฟจากรถยนต์ยี่ห้อหรูที่ถูกขับด้วยความเร่งรีบนั้นเหยียบหยดน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นถนนจนสาดกระเซ็น ยางปัดน้ำฝนกวาดขยับไปมาอย่างต่อเนื่องไล่น้ำฝนที่อยู่บนกระจกหน้ารถไม่ให้บดบังทัศนวิสัย แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเพราะบุคคลที่อยู่ภายในรถยนต์คันหรูนั้นมิได้ถูกน้ำฝนบดบังการมองเห็นแต่อย่างใด หากแต่เป็นม่านน้ำตาต่างหากที่บดบังการมองเห็น

“ฮึก… ฮือออ” เสียงของความเสียใจดังขึ้นอยู่ภายในรถตามลำพัง มือขาวยกขึ้นปาดน้ำตาจนดวงตาแดงและบอบช้ำไปหมด แม้ว่าจะเช็ดไปเท่าไหร่ก็ไม่ช่วยให้มันแห้งเหือดได้โดยง่าย

แต่แล้วคนที่กำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจก็ต้องชะงักนิ่งเบิกตากว้างเมื่อมีแสงสาดมาข้างหน้าเต็ม ๆ ด้วยความตกใจเจ้าตัวจึงหักหลบจนเสียหลักพลิกคว่ำ เสียงโครมดังสนั่นบริเวณนั้น และเสียงคร่ำครวญภายในรถก่อนหน้านั้นจึงได้เงียบไป

 

 

“คุณหนูฟื้นแล้ว!” เสียงของใครสักคนหนึ่งดังเข้ามาภายในโสตประสาทขณะที่คนที่นอนอยู่บนเตียงมีผ้าพันรอบศีรษะเอาไว้นั้นยังไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ในตอนนี้

ค…ใครกัน เสียงใคร?

“คุณหนูรอก่อนนะคะ รอให้คุณหมอเข้ามาตรวจอาการก่อนนะคะ” น้ำเสียงนุ่ม ๆ ของผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ มือของเธอกดปุ่มเรียกคุณหมอและคุณพยาบาล ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นกอบกุมมือขาวซีดเอาไว้อย่างให้กำลังใจในขณะที่คนป่วยพยายามขยับเปลือกตาขึ้นมอง

หลังจากนั้นไม่นานคุณหมอกับคุณพยาบาลก็มาถึงห้องของผู้ป่วยที่เพิ่งได้สติ เขาจึงก็ได้แต่นอนนิ่ง ๆ ให้คุณหมอได้เข้ามาตรวจร่างกายไป คนป่วยนั่งนิ่งทบทวนเรื่องราว ทว่ากลับไม่รู้จักเลยว่าคนที่เรียกคุณหมอและยื่นน้ำมาให้ตัวเองดูดนั้นคือใคร

มากไปกว่านั้นคือเขาไม่สามารถที่จะนึกชื่อของตัวเองออก ทั้ง ๆ ที่เหมือนจะคิดออกว่าตัวเองชื่ออะไรแต่ถึงอย่างนั้นคำนั้นที่ใช้เป็นชื่อของเขาเองก็ยังไม่ปรากฏขึ้นเป็นรูปร่างตัวอักษร

เขาจำได้เพียงแค่ว่าเขาเป็นเพียงพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งที่ยืนขายลูกชิ้นที่ตัวเองอยู่ที่ข้างถนนทั่ว ๆ ไป แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มีคุณป้าใจดีคนหนึ่งเรียกเขาว่า “คุณหนู” ได้ ยังไม่ทันที่คุณหมอจะออกไปจากห้องได้พ้นคนที่เพิ่งฟื้นได้ไม่นานก็เอ่ยถามหญิงวัยกลางคนที่ชื่อยังเป็นปริศนา

“คุณป้าชื่ออะไร เป็นใครเหรอครับ… แล้วผม… ผมชื่ออะไร”

สีหน้าแววตาสับสนของผู้ป่วยพร้อมทั้งคำถามที่ชวนตกใจทำเอาหญิงวัยกลางคนที่นอนเฝ้าคุณหนูของเธออยู่หลายวันยกมือขึ้นทาบที่กลางอกด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะเอ่ยเรียกคุณหมอเอาไว้ทัน หลังจากนั้นเธอจึงตอบคำถามไปด้วยขณะที่คุณหมอกำลังดูอาการเพิ่มเติมของผู้ป่วย

“ป้าชื่อนวลค่ะคุณหนู ฮึก… คุณหนูก็ชื่อ “พชร” ยังไงคะ เป็นเพชรเม็ดงามของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ก่อนจะเอ่ยร้องขอคุณหมอที่กำลังตรวจอาการ

“ทำไมคุณหนูจำดิฉันไม่ได้คะคุณหมอ ช่วยคุณหนูของดิฉันด้วยนะคะ”

“เนื่องจากอุบัติเหตุรุนแรงรวมทั้งศีรษะของคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งหมอดูอาการคนไข้แล้วคนไข้อาจจะมีอาการความจำเสื่อมหรือสูญเสียความทรงจำระยะสั้นครับ สาเหตุจะมาจากการได้รับความรุนแรงทางร่างกายโดยเฉพาะส่วนศีรษะหรือไม่ก็ทางจิตใจนะครับ แต่ญาติไม่ต้องห่วงนะครับเดี๋ยวความทรงจำของคนไข้จะกลับมาเอง จะช้าหรือเร็วอันนี้หมอก็ไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยการกระตุ้นความทรงจำด้วย ถ้าเขาได้อยู่ในที่ที่คุ้นเคยอาจจะช่วยให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น หมอขอตัวนะครับ” คุณหมอเอ่ยอธิบายเสียยาวยืด แต่ป้านวลกลับได้ยินถึงเพียงแค่คำว่าความจำเสื่อม เธอมองคุณหนูที่แววตาดูว่างเปล่านั้นด้วยความเวทนาสงสาร ที่คุณหนูตัวน้อยของเธอนั้นต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้

ทว่าคนที่อยู่บนเตียงกลับเถียงคุณหมออยู่ในใจแทบขาดใจ

ไม่ใช่ซะหน่อย! เขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำอะไรทั้งนั้นสักหน่อย เนี่ย ๆ เขายังจำได้อยู่เลยว่าเขาน่ะขายลูกชิ้นปิ้งอยู่ข้างถนนแล้วก็อยู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกที่เป็นรถพ่วงน่ะหลุดออกมาชนเขา ไม่บอกก็รู้ว่าน่าจะแบนแต๊ดแต๋ ถูกอยู่ที่คุณป้าใจดีนั้นบอกชื่อของเขาถูก เขาชื่อเพชร ชื่อจริงคือนายพชร ห้ามอ่านว่าพะชอน แต่เขาไม่ได้เป็นคุณหนูอะไรทั้งนั้นนะ เขาเป็นแค่พ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งตัวคนเดียวเท่านั้น!

แต่ก็นะ ไม่แน่ เขาอาจจะเป็นคนขายลูกชิ้นปิ้งที่หล่อรวยด้วยก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะพรัดพรากจากครอบครัวแล้วเพิ่งมาเจอกันก็ได้

อืม… เป็นไปได้หมดเลยแฮะ แต่ช่างมันก่อนก็แล้วกัน

“เอ่อ… คุณป้าครับ… ผมอยากเข้าห้องน้ำ…”

เขาเอ่ยบอกเจตนาเธอจึงหยุดร้องไห้คร่ำครวญแล้วเข้ามาพยุงเขาไปส่งที่ห้องน้ำพร้อมกับสูดขี้มูกไปพลาง ทันทีที่ปิดประตูเขาก็เขามาส่องที่กระจกห้องน้ำเป็นอย่างแรกแทนที่จะทำกิจธุระอย่างที่บอกป้านวลเอาไว้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนจะยกมือขึ้นจับผ้าสีขาวที่พันรอบศีรษะของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะพูดพึมพำกับตัวเองออกมา

“โห… ประสบการณ์ใหม่ว่ะ ได้ลองมีผ้าขาว ๆ พันรอบหัวเหมือนในละครด้วย” หลังจากนั้นลายหนุ่มก็เลื่อนสายตาลงมามองหน้าตาของตัวเองสักพักซึ่งตอนนี้มีรอยบาดแผลเล็ก ๆ ประปรายอยู่บนผิวหน้า

“เชี่ย… หน้าตาโคตรดี ขนาดมีแผลยังหล่ออะ เป็นดาราได้เลยนะเนี่ย เพิ่งรู้ว่าเราหน้าตาดีขนาดนี้ ทำไมไม่ไปเป็นดาราแทนที่จะปิ้งลูกชิ้นขายจนตายห่าวะ” ใบหน้างามขมวดคิ้วมองตัวเองในกระจก ก่อนจะบิดตัวไปมาตรวจดูสภาพร่างกายโดยรวมที่ดูเหมือนจะสาหัสอยู่ที่เดียวคือศีรษะ นอกนั้นก็มีเพียงแผลเล็ก ๆ ที่ขึ้นสะเก็ดแล้ว บ่งบอกว่ามันกำลังได้รับการสมานตัวอยู่และกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า

“แต่ยังไม่ตายนี่… นอกจากอย่างอื่นแล้วเราก็จำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น งงว่ะ นี่ตายแล้วเกิดใหม่เหมือนในการ์ตูนที่เคยอ่านน่ะเหรอ” คนที่เพิ่งฟื้นยืนคิดอะไรมั่วซั่วอยู่หน้ากระจกสักพักก่อนจะเดินไปทำธุระส่วนตัว ในขณะที่ทำธุระอยู่นั้นสมองก็คิดอะไรต่าง ๆ ไปเรื่อย

รู้สึกเหมือนว่าเขาจะอ่านการ์ตูนแนวนี้ค่อนข้างเยอะนะ ไม่รู้เหมือนกันสิ ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้นเอง

ใช่! ใช่แน่ ๆ เราต้องโดนรถชนแล้วก็ตาย หลังจากนั้นก็เข้ามาอยู่ในโลกนิยายที่มีตัวละครชื่อเดียวกับเราแน่ ๆ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เหมือนกันแน่ ๆ ถึงได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ จากนายพชรพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งสู่คุณหนูพชร…

คิดยังไงก็ใช่ว่ะ! มันต้องใช่แน่ ๆ นี่เรามาอยู่ในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ แย่ละสิ ไอ้เราก็เคยอ่านแต่การ์ตูนแนว ๆ นี้ไม่เคยอ่านนิยายเลยสักครั้ง อย่างนี้มันก็เสียเปรียบสิ แล้วถ้าเจอตัวละครอื่นจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นพระเอกนายเอก แต่ถึงเวลานั้นเวลาที่เจอตัวเอกก็คงรู้ได้ด้วยตัวเองแหละมั้ง ออร่ามันคงจะบอกเองนั้นแหละนะ

ว่าก็ว่าเถอะนะ เห็นเขาเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งธรรมดา ๆ แต่ว่าเขาอ่านการ์ตูนวาย - เกย์นะเออ บ้างก็เผลอไปอ่านแบบอื่นบ้างเพราะลายเส้นนักวาดสวยดี บางเรื่องพล็อตก็ดีเกินคาดหวังเข้ามาเสพงานสวย ๆ แต่เนื้อเรื่องดันสนุก บางเรื่องก็แอบเสียดสีทางสังคม สรุปแล้วคุ้มมาก ๆ แต่ก็ต้องคอยดูก่อนซื้อตลอด หมั่นเช็กเสมอว่าถูกลิขสิทธิ์หรือเปล่า

มันน่าเจ็บใจแทนคนที่ผลิตงานออกมาดีจริง ๆ แทนที่รายได้จะตรงดิ่งเข้าหาคนผลิต ซ้ำคนบริโภคยังต้องคอยระแวดระวังในการซื้อกลัวจะซื้อของผิดลิขสิทธิ์มาโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วรู้สึกผิดทีหลังอีก

คอยดูนะ! ถ้าไอ้เพชรได้เป็นประธานาธิบดีเมื่อไหร่จะกวาดล้างให้หมดเลยคอยดู!

พชรหมกอยู่กับความคิดของตัวเองอย่างเงียบเชียบตั้งแต่ในห้องน้ำจนกระทั่งมาถึงเตียง ทานอาหารมื้อเย็น เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดคิดสักที

จะว่าไปแล้วไอ้สรรพนามคุณหนูนี่มันบอกอะไรนะ มันบอกว่าเรารวยใช่รึเปล่า เอาว่ะไอ้เพชร อยู่ ๆ ก็รวยขึ้นมาซะงั้น ไม่ต้องปิ้งลูกชิ้นขายแล้วโว้ย! แต่ว่ามันจะไม่เป็นไรใช่ไหม ผีคุณหนูพชรตัวจริงจะมาทวงร่างคืนไหมนะ เอ้ะ…

แต่ถ้าเป็นแบบในการ์ตูนแนวคล้าย ๆ กันที่เคยอ่านน่ะนะ ไม่ค่อยจะมีผีเจ้าของร่างมาทวงนะ งั้นโอเค เอาเป็นว่าจะไม่มีผีอะไรทั้งนั้นในเรื่องนี้ ผีไม่มีอยู่จริง เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าตอนนี้เขาคือคุณหนูพชร ดีนะที่ไม่ได้โพล่งปากพูดออกไปว่าไม่ใช่คุณหนู ไม่งั้นอดใช้เงินแน่ ๆ ว่าแต่ว่า นอกจากป้านวลที่นั่งปอกผลไม้อยู่ข้าง ๆ แล้วไม่มีใครคนอื่นมาเยี่ยมบ้างเหรอ?

หรือว่าพชรจะเป็นคุณหนูที่พ่อแม่ตายหมดแล้ว?

เฮอะ! จะเป็นยังไงก็เป็นไปเถอะนะ ถ้าคนจะมาเยี่ยมเดี๋ยวเขาก็จะมาเยี่ยมเองนั่นแหละนะ

แล้วพล็อตนิยายเรื่องนี้มันเป็นยังไงหว่า ให้เดาแบบใช้เซนส์ของไอ้เพชรเลยนะ ขอเดาว่าคงจะเป็นแนวละครโทรทัศน์ทั่วไปแน่ ๆ แบบว่ามีพระเอกกับนายเอก แล้วก็มีตัวร้ายหรือไม่ก็ที่เรียกกันว่าตัวโกง พระเอกกับนายเอกมีใจให้กันกำลังจะก่อสร้างฟาร์มรักทว่าดันมีมารผจญลูกชังนักเขียนเข้ามาขัดแข้งขัดขา แต่! แต่! แต่! ไอ้ตัวร้ายก็ชอบมีคุณสมบัติของพระเอกเหมือนกัน หล่อกว่าพระเอกในบางที แล้วก็รวยแบบฉิบหาย รวย ร๊วย รวย รวยแบบโคตรพ่อโคตรแม่รวย รวยเหมือนบรรพบุรุษส่งต่อสมบัติมาให้มันคนเดียวโดยเฉพาะ แต่ดันโง่ใช่วิธีที่แปลกประหลาดไม่ก็วิธีที่พระเอกเขาไม่ทำกันเข้าหานายเอกซะงั้น โธ่… พูดละน่าสงสาร มีเงินครบ มีคุณสมบัติพระเอกเหมือนกันแต่ดันเป็นลูกชังของนักเขียน เหมือนจะสร้างขึ้นมาด้วยความรักแต่ก็ไม่

เรื่องนี้เป็นนิยายแบบไหนไอ้เพชรไม่รู้ เพราะงั้นขอยัดเยียดเลยก็แล้วกัน ก็ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในตัวเอกอะ! จะถือตัวเป็นผู้กำกับด้วย ทะไมหยอออ

หลังจากนอนคิดนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาวันนี้ก็ง่วงจนเผลอหลับไปอีกครั้งจนกระทั่งตอนเย็นจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่ามองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ภายในห้องเลย เขาเองก็ไม่รู้ว่าป้านวลหายไปไหน แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เสียงนั้นจะหยุดลงที่หน้าประตู แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

คนที่เข้ามานั้นไม่ใช่ป้านวล แต่เป็นผู้ชายที่ตัวสูงมาก ๆ คนหนึ่งพร้อมด้วย… บอดี้การ์ด หรือไม่ก็ผู้ติดตาม ไม่ก็เลขา ตำแหน่งใดสักตำแหน่งหนึ่งที่พชรแอบยัดเยียดให้ในใจ ใบหน้าหล่อเหล่าของใครสักคนที่เขาเองก็ไม่อาจจะรู้ชื่อนั้นแอบทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นไหวแต่กลับแฝงความเจ็บแปลบอยู่ลึก ๆ แต่ก็รู้สึกได้ ทั้งยังทำให้เขาเกิดอาการปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยแบบพอทนได้ เมื่อรู้ว่ามองหน้าคนตรงหน้าแล้วเขาจะมีอาการปวดหัวขึ้นมาก็รีบเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นทันที ทว่าใบหน้าของคนตรงหน้านั้นกลับเรียบนิ่งและมองมาที่เขาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

“ค…คุณเป็นใครเหรอครับ มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” แม้ว่าพชรเองก็งงที่โดนจ้องหน้าแต่ทันทีที่มองสมองของเขาก็สั่งว่า

ใช่! ใช่แน่ ๆ กลิ่นอายแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ ออร่าแบบนี้ มันใช่เลย!

ตัวร้าย! อุ๊บ!” พชรที่รู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งจะหลุดปากออกไปนั้นตะครุบปากตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะที่มีอะไรหลุดมากไปกว่านี้ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงไปหาคนที่ยืนอยู่ด้วยความทุลักทุเล ส่วนคนที่ได้ยินคำนั้นเต็ม ๆ หูก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น

ตัวร้าย? หมายถึงใคร? เขาน่ะเหรอ?

รู้ตัวอีกทีคนป่วยที่ป้านวลบอกว่าเพิ่งฟื้นก็ลุกขึ้นมาถึงเขาเสียแล้ว ให้ตายสิ เพิ่งฟื้นไม่ใช่หรือยังไง ทำไมถึงได้ลุกขึ้นเดินปร๋อทั้งที่มีผ้าพันแผลเต็มตัวอยู่กัน (จริง ๆ มีแค่ที่หัวแต่นางเว่อร์ไปงั้น) โชคดีที่รถที่อีกฝ่ายใช้เป็นรถที่มีราคาแพง ชื่อยี่ห้อก็ไม่ได้กระจอกอะไรจึงไม่ได้แข้งขาหัก แต่ก็ใช่ว่าจะลุกขึ้นเดินได้ตามอำเภอใจไม่ใช่รึยังไง

ปราชญ์คิดอยู่ในใจ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายโบกมือให้เลขาคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันออกไปรอข้างนอกแล้วจับแขนของอีกคนที่พยายามมาหาตัวเองเอาไว้

โห รู้ด้วยว่าอยากคุยกันแค่สองคน เอาล่ะไอ้เพขร เพื่อความอยู่รอด ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างกับไอ้ตัวร้ายตรงหน้านี้มีความเกี่ยวข้องกันยังไงกันแน่ แต่ว่า… เราต้องพูดกันแบบเปิดอกจะได้อยู่รอด หวังว่าข้อเสนอของเขาจะเข้าหูมันนะ อย่าฆ่าตูนะโว้ย! ยังมีเงินของเจ้าร่างที่ยังต้องใช้อยู่!

“นี่พี่ชายชื่ออะไรเหรอ คือว่าผมเกิดอุบัติเหตุมาอะ จำอะไรไม่ได้เลย”

“ปราชญ์”

“โห ชื่อฟังดูฉลาดอะพี่ นี่ ๆ พี่ก้มลงมานะ ผมมีอะไรจะบอก” พชรว่าพลางกวักมือให้คนที่สูงกว่าโน้มตัวลงมาฟังที่เขาพูดแบบกระซิบกระชาบให้ได้ยินกันแค่สองคน ปราชญ์ที่โดนกวักก็ได้แต่จำใจโน้มตัวลงฟังที่อีกคนกำลังจะพูด

“บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่านี่คือโลกนิยายล่ะ จริง ๆ แล้วผมเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้งแต่บอกพี่ไว้เผื่อว่าพี่มีปัญหาอะไรกับเจ้าของร่างจะได้ไม่ทวงผิดคน นี่ผมบอกเรื่องนี้กับพี่คนเดียวเลยนา อ้ะ ๆ แต่ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้นะ แต่ผมขอเดาไว้ว่าตอนนี้พี่ชายอาจจะกำลังปิ๊งใครอยู่ใช่ไหมล่ะ” คนตัวเล็กกว่าถามแต่ทว่าคนตัวโตกลับมองนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีแม้แต่คำตอบใด ๆ

หรือว่าจะยังไม่เจอกับหวานใจนายเอกอะ? แต่เอาเถอะ หลังจากนี้ไม่นานคงได้เจอ

พชรได้แต่ยิ้มแห้งก่อนจะพูดต่อ

“โอเค ๆ ตอนนี้พี่อาจจะยังไม่อยากบอกผมเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ว่าผมจะบอกให้นะ ว่าในนิยายอะพี่คือตัวโกง รู้จักไหมตัวโกง? ก็นั่นแหละ แต่พี่ไม่ต้องห่วงไปนะ ผมมีวิธีจะช่วยพี่แน่นอน พี่จะเป็นพระเอกสำหรับคนที่พี่แอบชอบ เชื่อสิ ผมทำได้”

ถึงนักเขียนจะรู้สึกชังน้ำหน้าพี่นักหนาตั้งแต่เจอครั้งแรกแต่ไม่ต้องห่วงไป ไอ้เพชรจะช่วยเอง หึ ๆ

“…” ปราชญ์ยังคงนิ่งเงียบและมองไปที่พชรเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำจนพชรแอบโวยวายอยู่คนเดียวในใจ

โว้ย! พี่ชายได้พกปากมารึเปล่าครับเนี่ย! หรือ… หรือว่าที่มองนิ่ง ๆ แบบนี้ กำลังคิดวิธีกำจัดเขาอยู่! ไม่นะ ไม่ ๆ โน ๆ โอ้พระเจ้า อย่าเพิ่งฆ่าเลยนะครับ เขาเพิ่งจะฟื้นเองนะ ชีวิตน้อย ๆ ของไอ้เพชรน่ะออกจะรันทดกว่าจะฟลุ๊คมาเข้าร่างคนรวยมันยากนะเออ!

“พี่ว่าไง?”

“อืม… เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะช่วยฉันให้สมหวังยังไง แต่…” เขาเว้นไว้พักหนึ่ง

“แต่?”

“หลังจากออกจากที่นี่ เธอต้องไปอยู่ที่บ้านของฉันทันที”

“!!!”

“กันเบี้ยว”

ได้ยินแบบนี้ผมก็หลุดกรี๊ดสิครับ! ให้ไปอยู่บ้านไอ้ตัวร้าย ถ้าผมทำอะไรไม่ถูกใจมันขึ้นมาละก็มันจะไม่สั่งคนให้เก็บผมไปทำปุ๋ยใส่สวนดอกไม้ในบ้านมันเลยเรอะ! พ่อแก้วแม่แก้วคุ้มครองลูกช้างด้วย!

เอ๊ะ? แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ป้านวลก็ไปด้วยนี่นา ป้านวลจะไปไม่ไปเขาเองก็ไม่รู้แต่เขาจะลากป้านวลไป! ไอ้ตัวร้ายมันต้องเห็นใจคนแก่บ้างแหละน่า

ขอโทษป้านวลล่วงหน้าด้วยก็แล้วกันนะครับ แต่ไอ้เพชรจำเป็นจริง ๆ

 

ปึง! เสียงปิดประตูรถดังขึ้นทำให้ “นพวิชญ์” ที่เป็นเลขาคนสนิทที่เติบโตมาในบ้านหลังเดียวกันและเป็นเพื่อนของปราชญ์หันหลังกลับมามองนายท่านของตัวเองที่ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ

“เป็นยังไงบ้างครับนายท่าน”

“อย่างที่ป้านวลบอก”

“แล้ว… คุณเขารู้หรือยังครับว่า…”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเกี่ยวกับก่อนหน้านี้ทั้งนั้น ห้ามใครบอกสถานะที่แท้จริงให้เจ้าตัวรู้ ห้ามบอกทางคุณน้าด้วย บอกเมดแล้วก็คนอื่นให้เตรียมตัวให้ดี ใครปากโป้งเตรียมหางานใหม่ได้เลย” ปราชญ์เอ่ยกับคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมกับเคาะที่วางแขนเป็นจังหวะ ดวงตาเรียวหรี่ลงขณะที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง

“ฉันจะรอดูอาการของคนความจำเสื่อม”

“ครับ”