2 ตอน ตอนที่ ๑
โดย วรวรรณยา
ตอนที่ ๑
ลัลน์ลลิตรู้สึกดีใจที่วันนี้แฟนหนุ่มซึ่งเคยมีแผนจะแต่งงานกัน แต่ต้องเปลี่ยนเป็นแค่หมั้นกันไว้ เพราะพ่อของหญิงสาวจากไปอย่างกะทันหันก่อนวันเข้าพิธีวิวาห์เพียงไม่กี่สัปดาห์ เขาจะมารับเธอไปกินมื้อค่ำด้วยกัน
จากวันที่หมั้นหมาย ตอนนี้ก็สองปีได้แล้ว ลัลน์ลลิตจึงเริ่มกลับมาคิดถึงการแต่งงานอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเกริ่นเรื่องนี้กับคู่หมั้นของเธออย่างไรดี
เธียรวิชญ์เป็นเพื่อนสนิทของลภนซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ หญิงสาวตกหลุมรักเพื่อนของพี่ชายมาตั้งแต่เริ่มรู้จักความรัก แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เคยคิดเกินเลยกับเธอไปมากกว่าน้องสาวของเพื่อน ทว่าลัลน์ลลิตก็ไม่เคยหยุดรักอีกฝ่ายได้เลย ถึงแม้ในช่วงเวลาที่เขามีคนรักก็ตามที หญิงสาวขอแค่ได้รักข้างเดียวก็พอ
ดังนั้นเมื่อวันหนึ่งเธียรวิชญ์ถูกแฟนนอกใจ ความเจ็บช้ำในวันนั้นทำให้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าเมามายจนไม่เป็นอันทำงาน ลัลน์ลลิตที่รักเขาตลอดมาจึงคอยให้กำลังใจเขาเสนอ ชายหนุ่มเลยใจอ่อนยอมขอเธอเป็นแฟนในที่สุด
“แถวๆ นี้มีร้านแนะนำไหม”
ลัลน์ลลิตหันไปยิ้มให้กับคนขับรถ เธียรวิชญ์เป็นชายหนุ่มผิวขาว หน้าตาดี คมคาย จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากได้รูป เพื่อนร่วมงานที่เคยได้เจอตัวจริงของเขาต่างก็ออกปากว่าอิจฉาเธอกันทั้งนั้น
“มีค่ะ เป็นร้านอาหารไทยโบราณที่เพิ่งเปิดใหม่ ลัลน์กับเพื่อนที่ทำงานไปลองมาแล้ว รสชาติดีมากค่ะ”
“โอเคครับ งั้นเอาเป็นร้านนี้แล้วกัน” เธียรวิชญ์ยิ้มให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปมองถนนและตั้งสมาธิกับการขับรถ
แต่ทว่า...
ไม่ว่าจะพยายามยังไง เขาก็สลัดเรื่องกวนใจออกไปจากหัวไม่ได้เลย
เธียรวิชญ์เริ่มคบกับลัลน์ลลิตเมื่อห้าปีก่อน หลังจากถูกแฟนสาวซึ่งเขารักมากจนอยากจะแต่งงานด้วยนอกใจ ก็มีเธอนี่แหละที่อยู่เคียงข้างและคอยดูแลในวันที่ย่ำแย่
ลัลน์ลลิตเอาชนะใจเขาด้วยความดี เขาไม่อยากทำให้เธอเสียใจอีก ดังนั้นจึงเริ่มต้นคบกันและในวันเวลาที่เหมาะสม เขาก็ตั้งใจจะแต่งงานกับเธอจริงๆ เพราะสามปีนั้นพิสูจน์แล้วว่าเธอกับเขาเข้ากันได้ดี หญิงสาวไม่เคยทำตัวงี่เง่า งอแง เธอยอมเขาไปเสียทุกอย่าง ดังนั้นจึงไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพียงแต่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันซึ่งเกิดกับบิดาของหญิงสาว โครงการวิวาห์จึงถูกพับไปก่อน เขากับเธอจึงยังคงเป็นแค่คู่หมั้น และนั่นอาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้ ที่ว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน แต่ถ้าไม่ใช่ยังไงก็คงไม่ใช่
และในช่วงสองปีหลังจากนั้น เขาก็ได้พบกับใครอีกคน คนที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากลัลน์ลลิตที่เขาทะนุถนอมและไม่เคยแตะต้องไปมากกว่ากอดหรือจูบ เพียงแค่ใกล้ชิดกันไม่นาน พวกเขาต่างก็ดึงดูดกันและกันจนไม่สามารถเป็นแค่เพียงเจ้านายกับลูกน้อง
ดังนั้นเขากับผู้หญิงคนนั้นจึงกลายเป็นคู่นอนกันมานานนับปีแล้ว ทำให้ตอนนี้ยิ่งเห็นลัลน์ลลิตมองมาด้วยแววตารักใคร่มากเท่าไหร่
เธียรวิชญ์ก็ยิ่งรู้สึกผิดและอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น
เธียรวิชญ์เดินตามหลังลัลน์ลลิตเข้าไปภายในร้านซึ่งถูกตกแต่งสไตล์ไทยจ๋า ตามคอนเซปต์อาหารไทยโบราณ ซึ่งดูเดิมๆ ไม่ได้แปลกหูแปลกตาไปจากร้านอื่นในแนวเดียวกัน
“พี่เธียร์ชอบกินเนื้อ งั้นสั่งเป็นแกงรัญจวนเนื้อนะคะ” ลัลน์ลลิตเอ่ยปากขณะเลือกเมนูอาหาร
ยามมากับเธียรวิชญ์ชายหนุ่มมักจะเป็นคนให้เธอเลือกเสมอ เขาเพียงแต่นั่งรอ เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเขาชอบหรือไม่ชอบกินอะไร
ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมาจากญาดา หญิงสาวซึ่งเป็นทั้งเลขาและคู่นอนของเขามาตลอดเกือบสองปีเต็ม
‘ยิ้มคิดว่าเรากลับไปเป็นแค่เจ้านายกับเลขาเถอะค่ะ’
เธียรวิชญ์คิดไม่ตก เขาไม่อยากทำให้เพื่อนสนิทอย่างลภนผิดหวังในตัวเขาและไม่อยากให้ลัลน์ลลิตเสียใจ แต่ว่าเขาก็ไม่อยากสูญเสียญาดาไป เพราะลึกๆ แล้วเขารู้ว่าเธอเป็นมากกว่าแค่คู่นอน
“สวัสดีค่ะอามังกร”
เสียงของลัลน์ลลิตที่เอ่ยทักชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังเดินผ่านโต๊ะของพวกเขาทำให้เธียรวิชญ์ตื่นจากภวังค์ความคิดเลื่อนลอยของตัวเอง
มังกรยิ้มบางให้กับหญิงสาวที่เอ่ยทักเขา ส่วนใครอีกคนนั้นแม้แต่ลุกขึ้นก็ยังไม่ทำ ชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน แต่อ่อนวัยกว่าเขานั้นแค่เพียงมองมาด้วยสายตาเย็นชา
“ไง สบายดีกันหรือเปล่า ยังรักกันดีอยู่ใช่ไหม”
เธียรวิชญ์ตวัดสายตาขึ้นมองคนเป็นอาซึ่งอายุน้อยกว่าบิดาของเขาเพียงสิบเจ็ดปี ดังนั้นพวกเขาจึงอายุห่างกันแค่แปดปีเท่านั้น
“ก็ยังรักกันดีแบบคนทั่วไปครับ ไม่เหมือนอาเก้าหรอกที่นิยมเลี้ยงเด็ก” เธียรวิชญ์เรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อที่ไม่มีใครใช้เรียกมังกรนอกจากคนในครอบครัวพลางมองไปยังเด็กที่ว่าซึ่งเดินตามหลังมังกรมา
ลัลน์ลลิตเองก็มองไปยังหญิงสาวหน้าตาอ่อนหวานดูไร้เดียงสาในชุดนักศึกษา เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ได้เห็น เพราะตั้งแต่มังกรหย่าขาดกับภรรยาเก่า ก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะเลี้ยงเด็กในฐานะเสี่ยเรื่อยมาจนเป็นเรื่องปกติในชีวิต
มังกรไม่ได้ตอบโต้คำเหน็บแนมของเธียรวิชญ์ ชายหนุ่มเพียงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป “ฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่มันบังเอิญไปเห็นอะไรดีๆ เข้า หวังว่านายจะตัดสินใจเลือกทางที่ถูกนะหลานรัก”
เธียรวิชญ์กำหมัดแน่นขณะมองตามมังกรที่เดินเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ มีผนังเป็นกระจกใส อยู่ด้านข้างของโซนอาหารแบบเปิดโล่ง
ลัลน์ลลิตชินแล้วกับอาหลานซึ่งไม่ถูกกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงทำแค่เพียงมองการปะทะกันของทั้งคู่อย่างเงียบๆ แต่ลึกๆ แล้วก็แอบสงสัยมาตลอดว่าทำไมเธียรวิชญ์ถึงต้องจงเกลียดจงชังมังกรนัก เธอเคยแอบถามพี่ชาย แต่ลภนเองก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน เมื่อไม่มีใครให้คำตอบได้เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจอีก
“พี่เธียร์คะ”
“ครับ” เธียรวิชญ์ละสายตาจากมังกร
“เราเปลี่ยนร้านกันดีไหมคะ อาหารก็ยังไม่ได้สั่งเลย”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ไม่จำเป็นหรอกครับ”
“ค่ะ งั้นลัลน์จะได้เรียกพนักงานมารับออเดอร์”
“พี่ขอไปห้องน้ำหน่อยนะครับ”
“ค่ะ”
ลัลน์ลลิตมองตามชายหนุ่มไปจนสุดสายตา ก่อนจะเผลอแอบมองมังกรกับนักศึกษาสาวที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ภายในโซนห้องอาหารส่วนตัว ชั่วขณะหนึ่งเขากลับมองตรงมายังเธอแล้วยิ้มให้
เมื่อเธอแน่ใจว่าเขาเองก็มองมาที่เธอเช่นกัน ดังนั้นจึงรีบเบือนหน้าหนีพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
มังกรละสายตาจากหญิงสาวที่เป็นคู่หมั้นของหลานชาย ชายหนุ่มรู้จักลัลน์ลลิตมานานแล้ว เธอเป็นน้องสาวของเจ้าเด็กแว่นที่เป็นเพื่อนสนิทกับเธียรวิชญ์ สมัยเด็กๆ จำได้ว่าเมื่อไหร่ก็จะเห็นผูกเปียสองข้างอยู่เสมอ มีคำพูดติดปากที่เขาได้ยินทีไรก็รู้สึกรำคาญใจว่า
พี่เธียร์คะ พี่เธียร์ขา ลัลน์อย่างนั้น ลัลน์อย่างนี้
“เออ...คุณมังกรคะ”
“หือ” มังกรเบือนสายตากลับมามองหญิงสาวตรงหน้า “ว่าไงครับ” เขาเลิกคิ้วสูง
“สั่งอะไรดีคะ หนูไม่รู้ว่าคุณ...ชอบกินอะไร...บ้าง” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหม่า
“อ้อ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มังกรดูอยู่เพียงครู่เดียวก็เอ่ยปากสั่งอาหาร พอพนักงานจากไปแล้วจึงหันมาสนใจเธออีกครั้ง “เธออายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบเอ็ดแล้วค่ะ” จารุนิภาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
มังกรยิ้มให้อีกฝ่ายพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้พาเธอมาฆ่าสักหน่อย อีกอย่างถ้าเธอไม่โอเคจะปฏิเสธข้อตกลงของพวกเราเมื่อไหร่ก็ได้”
“ปะ...เปล่านะคะ หนูไม่คิดจะปฏิเสธหรอกค่ะ”
“แต่เธอไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะแลกมันกับเงินน่ะ”
ใบหน้าของจารุนิภาเห่อร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอพยักหน้าเบาๆ “ถ้ามันช่วยให้หนูเรียนจบกับมีเงินให้แม่ หนูก็ยอมค่ะ” หญิงสาวคิดถึงพี่ชายตัวปัญหาที่ทั้งติดเหล้าเมายาและชอบเล่นการพนันก็หดหู่ใจ เพราะเขาครอบครัวเธอถึงลำบากมากขึ้นหลังจากผู้เป็นบิดาเสียไป
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เธอจะได้เงินมากพอที่จะใช้เป็นค่าเทอมไปจนกว่าจะเรียนจบ แล้วก็คงจะต้องทำแบบนี้ไม่นานเท่าไหร่หรอก ฉันไม่เคยนอนกับใครเกินปี” น้ำเสียงของมังกรเย็นชาลงจนจารุนิภาเย็นวาบไปทั้งใจ
จารุนิภามองชายหนุ่มซึ่งลุกขึ้นจากเตียงพลางดึงเอาอุปกรณ์ป้องกันออก เขาแต่งตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามองเธอ
“คุณมังกรจะไม่ค้างเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางลุกขึ้นนั่งโดยมีผ้าห่มคลุมกาย
“ไม่ล่ะ ถ้ามีคนนอนด้วยฉันจะนอนไม่หลับ” เขาติดกระดุมเม็ดสุดท้าย ก่อนจะหันไปทางหญิงสาวที่เพิ่งกลายเป็นผู้หญิงคนใหม่ของตัวเอง “เธอก็ใช้ชีวิตของเธอไป ถ้าฉันอยากมาเมื่อไหร่จะโทรบอกล่วงหน้า”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเสียงเบาพลางก้มหน้าลง
“ในเมื่อฉันจ่ายเงินแล้วระหว่างนี้เธอก็ควรจะวางตัวให้ดีด้วย อย่าไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น”
“หนูไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ” จารุนิภาส่ายหน้ารัว “จะมีแค่คุณคนเดียว”
มังกรหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า “ฉันขอเตือน เธอได้เงิน ฉันได้ปลดปล่อย มันจะไม่มีอะไรมากกว่านั้นและที่ฉันไม่อยากให้เธอยุ่งกับผู้ชายคนอื่นเพราะเรื่องโรค”
พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังให้หญิงสาวแล้วเดินจากมาเกือบจะทันที ปกติหลังเรื่องแบบนี้เขามักจะสูบบุหรี่ให้รู้สึกหัวโล่งก่อนแล้วถึงกลับคอนโดของตัวเอง แต่สายตาของจารุนิภาทำให้เขาไม่อยากอยู่ต่อ
“ให้ตายเถอะ ไม่น่าใจอ่อนรับเลี้ยงพวกยังไม่เคยเลย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำขณะยืนรอลิฟต์ภายในคอนโดของตัวเอง เขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นจากหางตาว่ามีคนมายืนรอลิฟต์เช่นกัน
พอประตูลิฟต์เปิดออกจึงก้าวเข้าไป ก่อนจะเอ่ยถามคนที่จะร่วมทางไปด้วย “ชั้นไหนครับ”
“ชั้นสิบเจ็ดค่ะ”
มังกรหันไปทางต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงหวานรื่นหูนั้นคือหญิงสาวที่เขาเพิ่งเจอโดยบังเอิญที่ร้านอาหารเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนและเป็นคู่หมั้นของหลานชาย
“เจอกันอีกแล้วนะคะ” เธอทักพลางยิ้มหวานตามมารยาทเหมือนทุกที
ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับไปมองเลขที่กำลังแสดงจำนวนชั้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ทำไมถึงรีบกลับล่ะ ไม่ค้างกับคู่หมั้นเหรอ”
ปลายน้ำเสียงที่ลากยาวของมังกรนั้นเหมือนกับกำลังเยาะคนที่ต้องนั่งรถแท็กซี่กลับเอง เพราะอยู่ๆ เธียรวิชญ์ก็มีงานด่วนให้ต้องรีบไปจัดการ
“แล้วอามังกรไม่ค้างกับน้องหนูของอาเหรอคะ”
มังกรหัวเราะเบาๆ กับคำว่าน้องหนู “ถ้าค้างเธอจะเห็นฉันมายืนให้รกตาเธออยู่ตรงนี้หรือไง”
ประตูลิฟต์ซึ่งเปิดออกทำให้ลัลน์ลลิตหุบปากที่กำลังจะอ้าขึ้นทันที เพราะจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะต่อปากต่อคำกับคนเป็นอาของเธียรวิชญ์สักเท่าไหร่ เธอเอ่ยปากขอตัวก่อนจะรีบเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับไปมอง แต่อีกฝ่ายกลับทอดสายตามองแผ่นหลังบอบบางจนกระทั่งลับสายตาและไม่ได้พูดประโยคที่อยากจะพูดออกไป
“แฟนเธอมีผู้หญิงคนอื่น”
ชายหนุ่มถอนหายใจ รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักหน่อย ใครจะรัก จะเลิกกันมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
ก็แค่เด็กคนนั้นอาจจะเสียใจมาก เพราะรักและมั่นคงต่อชายคนรักมานาน
ลัลน์ลลิตเดินเข้าห้องของตัวเองด้วยท่าทางเหมือนคนหมดแรง ในหัวมีแต่คำพูดของเธียรวิชญ์วนเวียนซ้ำไปมา
“ช่วงนี้พี่งานเยอะมาก เยอะจนไม่อยากจะทำอะไรเพิ่มอีก เรื่องแต่งงานคงต้องเอาไว้ก่อน”
หญิงสาวมองดูห้องกว้างที่เธอจ่ายค่าเช่าด้วยราคาไม่แพงมากนักเพราะเป็นห้องของเพื่อนที่เป็นแอร์โฮสเตส ซึ่งวันหยุดถึงจะกลับมาพักด้วยกัน ถือว่าให้ช่วยดูแลห้อง ถ้าไม่ใช่เธอเพื่อนก็จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาอยู่
บางครั้งลัลน์ลลิตก็สงสัยว่าจะมีวันที่เธอได้ตื่นขึ้นมาก็เห็นเธียรวิชญ์ ก่อนหลับตาก็เห็นเธียรวิชญ์ไหม เพราะมันเป็นความฝันของเธอมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าฝันใกล้จะเป็นจริง ใกล้มากแต่ก็เอื้อมไม่ถึงสักที
“ขืนลัลน์มาอยู่คอนโดด้วยกันกับพี่ ไอ้ภนฆ่าพี่แน่เลย มันหวงน้องสาวของมันจะตาย อีกอย่างปกติแล้วพี่ก็อยู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่”
มันจะมีจริงๆ เหรอผู้ชายที่ไม่อยากอยู่กับคนรักเพราะเหตุผลแบบนั้นหรือบางทีเธียรวิชญ์ก็แค่ไม่อยากอยู่ด้วยกัน
ลัลน์ลลิตส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน พี่เธียร์ของเธอเป็นสุภาพบุรุษ ยังไงเขาก็ไม่มีวันทำตัวเหมือนใครอีกคนที่เธอเพิ่งเจอหรอก
“ใครจะไปเหมือนอามังกร”
หญิงสาวถอดเสื้อผ้าโยนใส่ตะกร้า ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่น จากนั้นก็แทบจะหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน
Comments (0)