IV

เสียงจอแจดังขึ้นในร้านน้ําแข็งไสนายแดง ร้านเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน ร้านนี้เก่าแก่พอเทียบอายุหลังโรงเรียนถูกสร้างเห็นจะได้ เป็นร้านเก่าทําจากไม้ซึ่งบางส่วนดูเหมือนจะผุไปบ้าง แต่โดยรวมยังดูเหมือนร้านที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่กี่วัน ทุกครั้งหลังเลิกเรียนเด็กนักเรียนส่วนมากจะข้ามฟากมานั่งสั่งเครื่องดื่มหรือน้ําแข็งไส ในช่วงฤดูร้อนจะมีลูกค้าที่เป็นนักเรียนเยอะเป็นพิเศษ เดือนพฤศจิกายนทําพิษแก่นักเรียนรวมถึงผู้คนจํานวนมากที่ไม่ได้อยู่ใต้ร่มเงาอันแสนสบาย แต่ยังมีบ้างที่ลมอ่อนพัดเอาไอร้อนมา ซึ่งดูเหมือนจะช่วยทําให้เย็นสบายแต่กลับเพิ่ม ความทรมานให้กับร่างกายเสียมากกว่า

ชายร่างสูง หุ่นหนากํายํา ผิวแทน คิ้วหนานั่งอยู่ริมในสุดของร้าน ฉลาม นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้เคือบมันเงาติดพัดลมตัวเล็กสีแดงที่กําลังถูกใช้งานส่ายไปมาให้คายร้อน เขานั่งฟังข่าวสภาพอากาศที่ร้อนแรงจากวิทยุตัวเก่า มันตั้งอยู่ด้านหลังซึ่งเป็นที่เจ้าของร้านนั่งพักผ่อน ชายแก่เดินง่อมถือถ้วยแก้วใส่น้ําแข็งไสราดด้วยน้ําแดง ด้านล่างมีเครื่องเคียงคู่กัน หยดน้ําเริ่มเกาะที่ขอบถ้วยแก้วนั้นก่อนมันจะจับตัวแล้วไหลหยดลงบนพื้นปูน ชายแก่วางมันลงตรงหน้าเขาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อีกตัวตรงข้ามกัน เขาดูเหนื่อยอ่อน สีหน้าแสดงให้เห็นว่าอากาศในนี้ร้อนเพียงไหน ก่อนเขาจะพูดขึ้นเมื่อฉลามตักน้ําแข็งไสตรงหน้าเข้าปาก

“เป็นยังไงบ้าง”

“อร่อยเหมือนเดิมครับ”

“อากาศช่วงนี้ร้อนนะว่าไหม” ฉลามพยักหน้า “มันทําเอาน้ําแข็งหลังร้านแถบจะละลายเลยล่ะ แต่ยังดีที่มันช่วยเรียกลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น”

“ผมก็ว่างั้นครับ ลูกค้าร้านลุงดูจะเพิ่มขึ้นช่วงฤดูร้อนนะครับ”

“ใช่ ๆ ทําให้ลุงเดินไปมามือเป็นระวิงเลย ลุงเองก็ยิ่งเหนื่อยง่ายด้วยช่วงนี้อายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายก็เสื่อมถอย”

“แล้วลูกหลานลุงล่ะครับ”

“นั่นสินะ ลูกลุงย้ายไปอยู่แถวปากน้ําโพนู่นน่ะ ย้ายไปตั้งแต่แต่งงานใหม่ ๆ แล้ว พึ่งจะกลับมาเยี่ยมลุงเมื่อเดือนที่แล้วเอง”

ฉลามเข้าใจได้ถึงการแต่งงานตามธรรมเนียมแล้วหญิงสาวที่แต่งงานไปจะต้องไปอยู่บ้านพักเดียวกับสามี

เสียงจอแจดังขึ้นจากเดิม เมื่อมีลูกค้ากลุ่มใหม่เดินเข้ามา

พวกเธอเดินตรงมานั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ด้านหน้าของเขา ชายแก่ลุกขึ้นเดินไปรับเมนูกับลูกค้าที่มาใหม่ หญิงสาวหน้าตาสะสวยกับเพื่อนสาวอีกสองคนที่ดูดีไม่ต่างกัน พวกเธอหัวเราะคิกคักกันใหญ่ จากที่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องละครในค่ำคืนวันนี้เขายังพอได้ยินพวกเธอพูดอยู่บ้าง อันที่จริงได้ยินอย่างชัดเจนเห็นจะมากกว่า เมื่อวิทยุตัวเก่าที่ตอนแรกรายงานสภาพอากาศก่อนมันจะเงียบไป

“จริงใช่ไหมล่ะ เรื่องนั้น” หญิงสาวหน้าตาสะสวยพูดขึ้น

“แน่นอนสิเพื่อนรัก เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้กันให้ทั่ว” ศิริวรรณกล่าว เขาสังเกตเห็นชื่อที่ถูกปักไว้บนเสื้อนักเรียน ตรงหน้าอกขวาของเธอ

“ฉันควรจะทํายังไงกับเขาดีนะ การถูกตามเหมือนพวกโรคจิตแบบนั้นน่ากังวลเห็นจะได้”

“เดี๋ยวเราช่วยกันหาทางออกไหม” หญิงสาวที่นั่งข้างศิริวรรณกล่าว

“แล้วจะทํายังไง ฉันควรจะทํายังไง”

“ลองบอกพ่อเธอดูไหม”

“ไม่ได้อย่างแน่นอนพู่กัน เธอก็รู้ถ้าฉันบอกพ่อไปจะเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน ฉันไม่อยากให้เขา เดือดร้อนมากไปกว่านี้แล้ว”

“แล้วเธอจะทํายังไงเพื่อนรัก”

“เธอลองปรึกษาภูริภัทรดูไหม” พู่กันกล่าว

“นั่นสิ ทําไมฉันถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้นะ”

คิ้วของเธอขมวดเป็นปมใหญ่ สีหน้ากังวลแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วหายไปในทันทีเมื่อชายอีกคนเดินมานั่งข้างเธอ

ฉลามคิดว่าเขาคงเป็นภูริภัทรคู่หมั้นของแพรวา เขาเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ข้างตัว หน้าหนึ่งเขียนถึงข่าวงานหมั้นหมายระหว่างอุดมคติวงศ์และชัยเมฆ

“มาพอดีเลย” เธอพูดอย่างกระตือรือร้น

“มีอะไรหรือเปล่า” ภูริภัทรถามเสียงสูง

“ก็เรื่องนั้นนั่นไง” ศิริวรรณตอบแทน

เขาพยักหน้าก่อนจะพูด “เรื่องนั้นเองเหรอ อันที่จริงฉันว่าเราควรจะไปคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาดีไหม”

“จะดีจริงเหรอ ฉันเคยคุยกับเขาเรื่องคอยตามติดฉันอยู่บ่อยครั้งเหมือนพวกโรคจิตเขามีท่าทีที่โกรธเคืองอยู่เหมือนกัน”

เขานั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างข้างเธอ “เราควรหาแผนการกําจัดเขาดีไหมอย่างน้อยก็ยังดีสําหรับเธอ”

“แล้วเธอมีแผนการอะไรล่ะ มันจะทําให้เขาเดือดร้อนเหมือนที่พ่อของฉันทําไหม เมื่อตอนนั้นมันทําให้เขาดูน่ากลัวทีเดียวเลยนะ เขายิ่งตามติดฉันมากกว่าเดิมเสียอีก”

“ไม่เดือดร้อนมาก แต่เรื่องนี้เราควรจะไปคุยกันที่บ้าน เย็นนี้เดี๋ยวฉันโทรไป” เขายิ้มให้เธอ

ชายแก่เดินถือถาดที่ด้านบนมีถ้วยน้ําแข็งไสวางอยู่สามถ้วย เขาวางถาดลงก่อนยกถ้วยแก้วใส่น้ําแข็งไสแจกให้หญิงสาวแต่ละคน พวกเธอรวมถึงภูริภัทรหันมาคุยเรื่องอื่นแทนที่จะเป็นเรื่องเก่าที่ยังคุยค้างไว้

ฉลามมองออกไปเห็นนิสสัน เซฟิโร่คันสีดําเคลื่อนตัวมาจอดอยู่หน้าร้าน เขาลุกขึ้นก่อนจะล้วงเอาเหรียญห้าสิบสตางค์ยื่นให้ชายแก่ แล้วก้าวเดินออกจากร้านไปขึ้นรถที่จอดรอเขาอยู่

รถสีดําเคลื่อนตัวออกจากร้านไป เขามองออกไปยังข้างทางที่ตอนนี้มันผ่านไปเขาไปย่างรวดเร็ว นักเรียนยังคงเดินคุยอยู่ริมถนน ก่อนมันจะตัดเป็นภาพทุ่งหญ้าสูงไล่เลี่ยกับเขา แผนกําจัด คําพูดนั้นทําให้เขาคิดมาก อะไรกันทําให้คิดแบบนี้ แล้วใครกันที่พวกเขาอยากจะกำจัด หรือเขาอาจจะคิดไปเอง เรื่องแบบนี้คงจะไม่มีอะไร