ปีหวนคืนที่ 2497

วันที่ 3 สัปดาห์ราตรีกาล ในรอบดวงดาวที่ 5

 

“แม้ผมจะเคยเปรยอยู่บ้างว่าจะไม่เขียนบันทึกในสัปดาห์ราตรีกาล อย่างที่เข้าใจกันเป็นอย่างดี สภาพอากาศแบบนี้ไม่ค่อยอำนวยความสดใสแก่จิตใจอันเปราะบางเท่าใด ความมืดของท้องฟ้าทำให้รู้สึกหดหู่ได้ง่าย และบรรยากาศเงียบเหงาก็ทำให้หมดเรี่ยวหมดแรงจะทำการอื่นเอาเสียดื้อ ๆ

แต่จนแล้วจนรอด ผมก็เปิดแป้นเสมือนขึ้นมาพรมนิ้ว เพื่อร่างความคิดอะไรสักอย่าง..”

 

เขตตะวันออก, เมืองหมอกอัสดง

 

‘พยากรณ์อากาศน่าเชื่อถือขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ’

นาร์เมอร์ บีน ชายหนุ่มในชุดมอมแมมสีทึบบ่นสายฝนพรำในใจเล็กน้อย สองเท้าย่ำน้ำเจิ่งนองบนพื้นด้วยความระมัดระวัง

เขาเร่งความเร็วเมื่อมั่นใจว่าไม่ถูกใครพบเห็น ก่อนเลี้ยวเข้าไปในซอยหลังโรงแรมเก่าแห่งหนึ่ง ใช้ข้อนิ้วเคาะบานหน้าต่างเล็กที่โผล่พ้นขอบถนน ด้วยจังหวะสั้นยาวคุ้นเคย ไม่นานก็มีแขนยื่นส่งถุงสัมภาระออกมา

นาเมอร์พลิกข้อมือแสกนตัวตนก่อนจะรับมันมาซ่อนไว้ใต้ชุดคลุม จากนั้นยื่นอุปกรณ์บันทึกภาพขนาดเล็กให้อีกฝ่าย ไม่รอให้บานหน้าต่างปิดลงก็รีบก้าวออกจากตรอกไร้สีสัน หาสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าในละแวกใกล้เคียงทันที

สัปดาห์ราตรีกาลซึ่งเป็นสัปดาห์แรกของรอบดวงดาว มีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมอยู่สองสามอย่าง

หนึ่งในนั้นคือหลุมดำที่ปรากฏเงียบเชียบโดยไม่อาจคาดเดาทิศทาง วังวนมืดมิดหมุนตัวเป็นเกลียวเชื่องช้า หากจ้องมองนานเกินไปจะรู้สึกถึงความบ้าคลั่งที่คืบคลานเข้าสู่จิตใจ

มันมักจะดูดกลืนบริเวณโดยรอบภายในรัศมีเข้าสู่ความว่างเปล่า และพ่นออกมาในอีกหลายชั่วโมงข้างหน้า

หากไม่ระวังก็อาจสูญเสียอวัยวะโดยไม่ทันตั้งตัว

แม้จะดูน่าประหวั่นพรั่นพรึง แต่กลับมีวิธีหลีกเลี่ยงค่อนข้างง่าย แค่ปลูกพืชพรรณเอาไว้ ก็สามารถลดอัตราความเสี่ยงของอุบัติเหตุดูดกลืนได้แล้ว

เพียงแต่นานวันเข้าต้นไม้ตามธรรมชาติก็เริ่มไม่ได้ผล จึงต้องปรับแต่งคุณสมบัติอยู่เป็นระยะ ประกอบกับตลาดการค้าที่มีการแข่งขันตลอดเวลา ทำให้พืชหลายชนิดมีราคาสูงจากเดิมมาก

ประชาชนที่ไม่อาจแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ จึงเลือกปลูกต้นไม้แค่ในบริเวณบ้านของตนเองเท่านั้น รวมถึงเจ้าของที่ดินซึ่งอยากลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น

ทำให้ทางเดินแคบระหว่างอาคาร ตรอกซอยขนาดเล็ก หรือพื้นที่รกร้างไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง ทางการก็ไม่อาจก้าวก่ายด้วยช่องโหว่บางประการของกรรมสิทธิ์

ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อาจนำไปสู่ความตายโดยไม่รู้ตัว สถานศึกษาปิดชั่วคราว และสถานประกอบการบางแห่งก็อนุญาตให้ทำงานผ่านระบบเครือข่ายจากที่บ้าน ทำให้บรรยากาศในเมืองค่อนข้างเงียบเหงา

การกระทำของนาเมอร์จึงไม่เป็นจุดสนใจ ร่องรอยถูกชะล้างอย่างชำนาญด้วยสายฝนและหลุมดำ

ระหว่างนั้นเขาเดินวกวนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปยังสถานีขนส่งสาธารณะเพื่อกลับเขตตะวันตกด้วยเส้นทางพิเศษ รูปลักษณ์มอมแมมเปลี่ยนเป็นสะอาดสะอ้าน สวมชุดทำงานคล้ายกับคนอื่น

ก่อนจะเปลี่ยนชุดอีกครั้งในห้องเช่าแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างสองเขต กระโดดออกจากหน้าต่างชั้นสองอย่างคล่องแคล่ว เดินเข้าประตูหลังของร้านสะดวกซื้ออัตโนมัติมาโผล่ในห้องน้ำ

นาเมอร์แอบถอนหายใจเล็กน้อย ความตึงเครียดจากการทำงานทำให้ร่างกายแข็งตึง เขาจึงถือโอกาสนั่งพักชั่วครู่ ก่อนจะเดินทอดน่องออกมาอย่างไม่รีบร้อน

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มใต้กรอบแว่นขยับมองสินค้า พลิกข้อมือแสกนชำระเงิน แล้วกดปุ่มเลือกร่มสีทึมไม่โดดเด่น เสียงกลไกเครื่องจักรดังแผ่วเบา ระหว่างนั้นเขาสังเกตรอบข้าง เห็นคนกำลังเลือกซื้อสินค้า เห็นเด็กนักเรียนกำลังเลือกเครื่องเขียน กระซิบกระซาบบางอย่างต่อกันแล้วส่งเสียงหัวเราะ

ความมีชีวิตชีวาท่ามกลางสัปดาห์อันมืดมิด และความหนาวเย็นของพายุฝน ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม ในใจพลันผ่อนคลายขณะเดินออกจากร้าน

เมืองหมอกอัสดงเป็นอาณาเขตอิสระขนาดใหญ่ ไม่ขึ้นตรงกับทวีป วางตัวเป็นกลาง ผูกมัดแค่ผลประโยชน์และแข่งขันเรื่องกองกำลังรักษาดินแดน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขตแดนอิสระส่วนใหญ่ ซึ่งสืบทอดประวัติจากแผ่นดินรองในยุคกาลลาหล

ที่นี่แบ่งออกเป็น 6 ส่วน

เขตตะวันตก เขตตะวันออก และเขตใต้ เป็นย่านที่อยู่อาศัย ตลาดพื้นเมืองจนถึงย่านการค้าระดับสูง มีพื้นที่สาธารณะหลากหลายกระจายตัวอยู่ทุกเขต รวมถึงสถานพบปะของผู้ใหญ่

เขตส่วนกลาง เป็นศูนย์รวมการบริหารของเมือง สถานีขนส่งหลักและสถานีวาร์ป บริเวณรอบนอกเป็นย่านอาศัยของตระกูลมีหน้ามีตาของเมือง

เขตสุดท้ายเป็นของกองกำลังรักษาดินแดนเมืองหมอกอัสดง เรียกกันว่าเขตอัสดง มีพื้นที่ติดชายป่าและหน้าผาตัด มองออกไปจะเห็นทะเลหมอกเคลื่อนตัวตลบอยู่ภายใต้ความมืดมิดนอกแผ่นดิน หากสัปดาห์ที่มีแสงสว่างมาถึง ก็จะได้เห็นความสวยงามของดาวยักษ์ที่กำลังจมลงสู่ก้นบึ้งอนธกาล

ท่ามกลางแสงไฟประดิษฐ์จากแร่พิเศษสีเหลืองอร่าม เมืองหมอกอัสดงในสัปดาห์ราตรีกาลสว่างไสวราวกับดวงดาวสุดสกาว สีสันนุ่มนวลช่วยตัดบรรยากาศมืดทะมึนให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น

นาร์เมอร์ยืนมองสายฝนโปรยปรายเป็นเส้นยาว มันสะท้อนแสงโคมไฟจนมีสีสันต่างออกไปจากปกติ

เมื่อเงยหน้าจดจ้องท้องฟ้าที่มีความมืดเป็นส่วนประกอบหลัก เขารู้สึกราวกับความสว่างรอบตัวเล็กกระจ้อยร่อย ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจจากผืนนภาเบื้องบน ชายหนุ่มสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป เฝ้ารอคอยจังหวะที่ฝนซา

ทันใดนั้นมีเสียงคนร้องตกใจมาจากป้ายรถประจำทาง ด้วยสัญชาตญาณชายหนุ่มรีบมองหาอันตรายในละแวกใกล้เคียง เคราะห์ดีที่ไม่มีเหตุอะไร แค่สายลมรุนแรงขึ้นจนทำให้เสื้อผ้าลู่แนบลำตัว ข้าวของในมือส่ายสะบัดจนเกือบจับเอาไว้ไม่อยู่

ใบไม้หลากสีสันไม่ทันร่วงลงพื้น ก็ปลิวว่อนเหนือศีรษะพร้อมฝุ่นผง

นาร์เมอร์อาศัยจังหวะที่สายลมลดกำลังลง ก้าวออกจากชายคาร้านสะดวกซื้ออัตโนมัติพร้อมกับกดปุ่มก้านร่ม เสียงวัสดุขึงตึงดังแผ่ว ตามมาด้วยเสียงพร่างพรมรัวเร็ว ราวกับทำนองเพลงโปรด

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเผยความพึงพอใจ ริมฝีปากขยับพึมพำ

“วันดี ๆ ที่เหมาะกับเครื่องดื่มอุ่น ๆ”



“..เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้รับการแนะนำให้ลองปลูกต้นเพียร์ดำ พุ่มไม้เล็กกะทัดรัดสีเทาเข้มนี้มีคุณสมบัติในการสร้างจุดแสง มองจากระยะไกลคล้ายดวงดาวเล็ก ๆ กระจายล้อมรอบ สามารถลดอัตราการเกิดหลุมดำได้ถึง 30% และเมื่อเติบโตขึ้น ทุก ๆ หนึ่งเซนติเมตรจะเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้รอบข้างไม่แห้งแล้งราวกับถูกดูดพลังงานชีวิตจากอิทธิพลของสัปดาห์คืนสู่ดิน

แค่อ่านผลงานการพัฒนาก็รู้สึกตกหลุมรักทันที นาทีนั้นผมเกือบจะกดสั่งซื้อไปแล้ว ถ้าไม่เหลือบไปเห็นราคาหนึ่งร้อยสิบเหรียญเสียก่อน (หัวเราะ)

หากใครสนใจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพลตฟอร์มยอดนิยม ‘พรรณพืชเพื่อชีวิต’ ในหมวดหมู่ไม้ประดับบ้าน (พันธุ์ผสม) ..”

 

นาร์เมอร์ชะงักปลายนิ้วเล็กน้อยอย่างลังเล ก่อนจะขยับต่อด้วยความเร็วพอประมาณบนแป้นเสมือนอีกครั้ง

เมื่อจัดการร่างบันทึกสำหรับสัปดาห์ราตรีกาลที่นานครั้งนึกจะทำเสร็จ เขาก็หยิบแก้วที่ข้างในมีเครื่องดื่มติดก้นออกจากห้อง

บรรยากาศบนชั้นสองค่อนข้างเงียบสงบ แว่วเสียงลอดออกจากห้องของเพื่อนร่วมบ้านบางเบา ชายหนุ่มเอนกายบนโซฟาตัวใหญ่ที่วางไว้หน้าบานกระจกยาว เหม่อมองหยาดน้ำฝนค่อย ๆ เลื่อนไหลลงบนกรอบหน้าต่างด้านล่าง ยกเครื่องดื่มรสโปรดที่เย็นชืดขึ้นชิดริมฝีปาก ชื่นชมบรรยากาศเงียบสงบที่หลุมดำไม่อาจย่างกราย

‘หวังว่าสัปดาห์นี้จะได้โบนัสเกินสองร้อยเหรียญนะ เราจะได้ซื้อเพียร์ดำกับมณีขาวสักที’