3 ตอน บทที่ 1 แพ้ความน่ารัก
โดย ภิภิญ
เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจแล้วแพมก็รีบเดินกลับไปบอกข่าวดีกับพี่อ๊อฟทันที ก่อนหน้านี้ทุกคนดูกังวลกับการที่จู่ๆ นางเอกทั้งคู่ก็เหมือนจะไม่กินเส้นกันซะงั้น แม้ลิต้าไม่ได้บอกเหตุผลว่าสาเหตุที่อยากจะถอนตัวจากการเป็นนางเอกเรื่องนี้เพราะอะไร (แม้จะถอนตัวไม่ได้จนต้องใช้สแตนด์อินเข้าช่วย) แต่ทำให้ทุกคนวุ่นวายเพราะกังวลเอามากๆ
กลายเป็นว่านางเอกที่นักข่าวตีแผ่ว่า ‘เรื่องเยอะ’ ไม่ใช่คนนี้ แต่เป็นอีกคนซะงั้นเลย แต่ถึงอย่างนั้นไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเลยยังพูดได้ไม่เต็มปากว่า ลิต้า นางเอกอัธยาศัยดี จะกลายเป็นคนเรื่องเยอะได้ยังไง
“หนูล่ะ”
เทียร์ดึงประโยคสนทนากลับมาที่คนตัวเล็กซึ่งไม่ถูกทีมงานเอ่ยถาม เป็นปกติของสแตนด์อินที่ต้องรับทุกงานอยู่แล้ว ผู้กำกับสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ อิ๋งเลยไม่คิดว่าตัวเองควรต้องตอบว่ายังไง นอกจากไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“อิ๋งทำงานได้ค่ะ”
“อืม...”
เป็นคำตอบที่ฟังแล้วชวนให้รู้สึกชอบกล แต่ก็ไม่ได้แย่ หากแต่เทียร์ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไง ปกติแล้วก็ไม่ใช่คนที่คุยเก่ง ชอบชวนคนอื่นคุยด้วย ส่วนน้องก็เกร็งต่อหน้าเธอ มันเลยชวนให้สถานการณ์เงอะงะชอบกล
“เอ่อ...”
“น้องอิ๋งคะ พี่อ๊อฟเรียกให้ไปถ่ายโคลสอัพค่ะ”
ยังไม่ทันได้ชวนคุยก็โดนขัดอีกจนได้ คิ้วคู่สวยกระตุกเล็กน้อยอย่างขัดใจ พาลให้อิ๋งใจหายใจคว่ำ กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหม่า
“งั้น...อิ๋งขอตัวนะคะคุณเทียร์”
“อ๋อ ตามสบายเลยหนู”
หลังจากนั้นอิ๋งก็วกกลับไปที่กองอีกครั้ง ขณะที่เทียร์มองตามจนสุดสายตา แล้วเมื่อไหร่เธอจะทำให้น้องหายเกร็งได้ก็ไม่รู้ แล้วยังผู้กำกับอีก ไหนบอกจะให้น้องพักหนึ่งชั่วโมงก่อนถ่ายโคลสอัพ ใช้งานเด็กเกินตัวหรือเปล่า เดี๋ยวเธอไปแจ้งกรมแรงงานซะดีมั้ยเนี่ย
การถ่ายโคลสอัพเป็นไปอย่างไหลลื่นไร้ปัญหา เพราะสแตนด์อินคนนี้แทบจะเหมือนกับลิต้าทุกกระเบียดนิ้วเลยไม่มีปัญหาระคายเคืองใจแต่อย่างใด ถ้าไม่ติดที่ดวงตาของอิ๋งโตกว่านิดหน่อย อาจจะถ่ายแทนกันได้เลยด้วยซ้ำ...ที่จริงก็ไม่ได้หรอก เพราะรายนั้นนางเอกมีชื่อ แต่ผู้กำกับในตอนนี้เริ่มอยากได้คนโนเนมมาถ่ายแทนซะเหลือเกิน
“คุณเทียร์ วันนี้ไม่มีซีนถ่ายต่อแล้วนะคะ”
แพมเอ่ยกับคนที่ยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำกองถ่าย ปกติแล้วเทียร์จะชอบเก็บตัวอยู่ในห้องพักนักแสดงของตัวเอง หรือไม่ก็กลับเลย หลังจากที่ถ่ายเสร็จ แพมในฐานะทีมงานผู้หวังดีเลยเดินไปบอกคนซึ่งกำลังนั่งอ่านบทอย่างตั้งใจ
อุตส่าห์หาอะไรทำเพื่อไม่เป็นจุดสนใจ เทียร์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ขณะที่ครุ่นคิดไปด้วยว่าตอบยังไงดีให้ไม่แปลก
“พี่มีเรื่องจะคุยกับพี่อ๊อฟน่ะ”
“อ๋อ ค่ะคุณเทียร์”
แพมเดินกลับไปไม่ใกล้ไม่ไกล แทบจะในทันทีที่ทีมงานซึ่งอยากรู้อยากเห็นว่าคุยอะไรกันก็เดินเข้าไปหาแพมกันสองสามคน กระซิบกระซาบถามด้วยความอยากรู้ ส่วนเทียร์ก็เหลือบมองด้วยปลายสายตาอย่างคุ้นชิน คงจะถามว่าเธอเหวี่ยงอะไรหรือเปล่า อย่างที่เคยออกข่าวโครมคราม
ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะวกกลับไปสนใจกับเจ้าของร่างเล็กที่กำลังถ่ายโคสอัพฉากเมื่อกี้ตอนที่ถ่ายกับเธออย่างตั้งใจ เพื่อได้มุมกล้องที่ดูหลากหลายจะได้ไม่ดูแปลกเกินไป การที่ใช้สแตนด์อินจะยิ่งเนียนมากขึ้นถ้าต้องมีมุมกล้องตัดสลับ ไม่งั้นจะแปลกเพราะลิต้าแทบไม่อยากร่วมฉากกับเทียร์
เมื่อไหร่จะถ่ายเสร็จก็ไม่รู้ อย่างน้อยได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก็ยังดี
“คัทท! โอเคครับ อิ๋งเก่งมาก เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะ วันนี้ซีนของเราจบแล้ว”
“ขอบคุณค่ะพี่อ๊อฟ”
เจ้าตัวยกมือไหว้ปลกๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง ขณะที่เทียร์มองตามแล้วนึกอิจฉา เธอไม่เห็นเคยได้รอยยิ้มแบบนี้จากเด็กคนนี้บ้างเลย ตอนเจอกันก็สีหน้าตกใจ แล้วหลังจากนั้นที่คุยกันก็รอยยิ้มเจื่อน รอยยิ้มแหย สารพัดรอยยิ้มที่ดูแล้วเกร็งสุดๆ ไม่มีเลยรอยยิ้มเป็นมิตรหรือสดใสแบบนี้เลย
โทษน้องได้ที่ไหน โทษเธอเอง...ยังไม่รวมที่ก่อนหน้าที่กระชากแขนน้องจนเป็นรอยแดงด้วย แต่ถึงจะแดงง่าย แต่ก็หายง่าย
เทียร์ลุกจากเก้าอี้ ตั้งใจจะเดินไปคุยกับอิ๋งให้ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องทำให้น้องหายเกร็งเพราะเธอให้ได้เลย
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ลุกไปหาเป้าหมาย เสียงผู้กำกับอย่างอ๊อฟก็ดังขึ้น
“คุณเทียร์ จะคุยกับพี่ใช่มั้ย...ใช่เรื่องลิต้าหรือเปล่า”
คุณพระคุณเจ้า ทำไมการคุยกับน้องสแตนด์อินมันถึงได้ลำบากยากเย็นอะไรอย่างนี้!
สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ได้อยากจะคุยกับผู้กำกับตั้งแต่แรกก็ต้องคุย เพราะแพมผู้หวังดีอุตส่าห์ไปบอกพี่อ๊อฟว่าเทียร์มีเรื่องจะคุยด้วย พี่อ๊อฟก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องของลิต้าที่กำลังมีปัญหาอยู่ตอนนี้ เลยกลายเป็นพี่อ๊อฟชวนคุยเสียยืดยาว กล่าวขอโทษไม่ได้หยุด ส่วนเทียร์ทำได้แค่ตอบรับ แล้วภาวนาให้บทสนทนาสิ้นสุดลงสักที
กว่าจะจบเรื่อง เจ้าของร่างเล็กก็หายต๋อมไปจากกองถ่ายแล้ว
คิ้วคู่สวยขมวดมุ่น ใบหน้าบึ้งกว่าเดิมเป็นสองเท่าอย่างขัดใจ ทีมงานต่างมองและเข้าใจว่าเทียร์จะต้องโกรธลิต้าแน่นอนเลย เป็นปัญหาใหญ่ของกองแน่ๆ
ส่วนเทียร์ก็ทำได้แค่เดินไปที่ชั้นจอดรถของสตูดิโอ กลับไปที่รถยุโรปของตัวเอง หวังว่าพรุ่งนี้อะไรคงดีกว่านี้ ถึงแม้ว่าวันนี้โมเม้นต์ระหว่างเธอกับสแตนด์อินคนนี้จะติดลบซะเหลือเกิน
รถยุโรปเลี้ยวออกจากสตูดิโอถ่ายซีรีส์ด้วยความเร็วคงที่ ในความเงียบงันพาลให้เจ้าตัวนึกไปถึงเจ้าของร่างเล็กก่อนหน้านี้ ดวงตาแป๋วที่เบิกโพลงสีหน้าตื่นตอนที่เธอกระชากแขน รอยแดงจ้ำที่เธอกระทำ ก่อนจะถอนหายใจหนักกับภาพเหล่านั้นที่คอยมากวนใจ
เอี๊ยด!!
เทียร์เหยียบเบรกกะทันหันเมื่อดวงตาเธอเหลือบไปเจอเข้ากับเจ้าของใบหน้าเดิมที่ตามวอแวในความคิดอยู่ตอนนี้ กำลังนั่งรอที่ป้ายรถเมล์อย่างใจจดใจจ่อ เสียงแตรดังสนั่นจากการเบรกกะทันหันของเธอ แต่เทียร์ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากการเลี้ยวรถไปเทียบเกือบจะชิดฟุตบาท ทำตัวเป็นแท็กซี่นิสัยแย่ที่จู่ๆ นึกจะอยากจอดรับผู้โดยสารก็จอดแบบไม่ให้สัญญาณ
ก่อนที่กระจกรถจะเลื่อนลง
“หนู!”
เทียร์เอ่ยเรียก ซึ่งก็ได้ผล อิ๋งหันขวับมามองที่เสียงเรียกทันที พร้อมกับคนอีกมากมายที่ป้ายรถเมล์หันมองขวับกันยกใหญ่ ดวงตาเบิกโพลงกันไปตามๆ กัน
“นั่นมันเทียร์ นางเอกช่อง 4 ไม่ใช่เหรอ!”
“อุ๊ยตายแล้ว นางเอก!”
“ดาราๆๆๆ”
อิ๋งผุดลุกขึ้นทันทีเพราะรู้ว่าเทียร์หมายถึงเธอ ขณะที่เสียงกระซิบกระซาบพร้อมกับโทรศัพท์ที่ถูกยกขึ้นมากดถ่ายทำเอาอิ๋งทำตัวไม่ถูก
“อะ เอ่อ คุณเทียร์อะไรหรือเปล่าคะ”
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เอ่อ...”
เธอเกรงใจ เกรงใจแบบสุดๆ ไปเลย แต่ถ้าเธอยังลีลาในตอนนี้ก็อาจจะทำให้เทียร์โดนถ่ายรูปหนักกว่าเดิม เธอไม่รู้ว่านางเอกชื่อดังอย่างเทียร์ควรโดนถ่ายรูปที่ป้ายรถเมล์ในที่ห้ามจอดหรือเปล่า เธอเลยยอมเปิดประตูรถขึ้นไปอยู่ดี แม้ตอนขึ้นไปนั่งบนรถจะชวนเกร็งมากกว่าเดิมอีกสองร้อยเท่า เพราะรถของเทียร์หรูเกินไป
“หนูพักอยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“อยู่แถวถนนรัชดาภิเษกค่ะคุณเทียร์...เอ่อ คนละทางหรือเปล่าคะ”
ความเกรงใจมากขึ้นเมื่ออิ๋งนึกขึ้นได้ว่าเทียร์อาจจะต้องไปอีกทาง อีกอย่างหอพักของเธอก็ไกลจากที่นี่ด้วย ที่เธอจองที่พักไกลเพราะราคาถูก อาศัยขึ้นรถเมล์จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
“ไม่ไกลจากบ้านของพี่”
รัชดาภิเษก เขตดินแดง ส่วนบ้านของเธออยู่ที่มีนบุรี ถ้าจะได้คุยกับน้อง ระยะแค่นี้ไม่ไกลเกินความสามารถการขับรถของพี่หรอก
ขณะที่เทียร์กำลังขับรถ ในใจก็ครุ่นคิดด้วยว่าจะต่อบทสนทนายังไงดี ทั้งที่วันนี้เธอโดนขัดจังหวะมาทั้งวัน แต่พอได้อยู่ด้วยกันจริงๆ กลับไม่รู้ว่าจะคุยอะไร บวกกับภายในรถก็เงียบเหลือเกิน เลยทำให้รู้ว่าชวนเกร็งไปกันใหญ่ เทียร์นึกสงสารน้องจับใจ เหมือนเธอจะชวนน้องมาอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
“เอ่อ...คุณเทียร์คะ...”
แล้วอิ๋งก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียก่อน เทียร์หันขวับไปหาน้องทันทีอย่างตั้งใจฟัง ขอบคุณน้องที่เป็นฝ่ายชวนคุยก่อน แม้จะกังวลว่าน้องอาจจะบอกว่าอยากให้เธอจอดก็ตามที
“คุณเทียร์ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีกค่ะ แหะ”
เทียร์เลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นบทสนทนาที่ชวนคุยในจังหวะเดดแอร์แบบนี้ แถมยังชวนให้หัวใจพองโตอีกด้วย...ปกติแล้วก็ใช่ว่าจะไม่เคยโดนชมว่าสวย แต่วันนี้น่ารักเป็นพิเศษ
“แต่อิ๋งไม่ได้หมายความว่าคุณเทียร์ในทีวีจะไม่สวยนะคะ อิ๋งหมายถึงในทีวีสวยแล้ว ตัวจริงสวยกว่าค่ะ”
“หนูก็น่ารัก”
เทียร์เอ่ยชมกลับไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบทสนทนามันแปลกเข้าไปใหญ่ น้องชมเธอน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เธอนี่คือยังไง ไปชมน้อง
อิ๋งที่ประหม่าเลยพยายามชวนคุยก็ไปไม่เป็น การที่นางเอกซึ่งสวยสุดๆ แถมยังหน้าเก๋ชวนมองชมว่าเธอน่ารักมันยิ่งทำให้เธองกเงิ่นไปกันใหญ่ จากที่พยายามหาเรื่องชวนคุยก็เลยไปต่อไม่เป็น
จ๊อกก~~
แล้วเสียงท้องร้องของอิ๋งก็ยิ่งทำให้บรรยากาศชวนงกเงิ่นยิ่งเลวร้ายในสายตาของอิ๋งยิ่งกว่าเดิมอีกสองร้อยเท่า
Comments (0)