chapter 1
 warning:
มีการบรรยายถึงเลือดและบาดแผล
.

 

มหรรณพกว้างใหญ่ ยากแท้จะหยั่งรู้ว่าสิ่งใดซ่อนอยู่ภายใน เมื่อไม่รู้ ย่อมเกิดการคาดการณ์ เล่าเสริมเติมแต่งความเป็นไปได้ทั้งหมดตามแต่จินตนาการจะพาไป อาจจะเป็นภูติ ผี หรือปีศาจ หรืออาจจะเป็นราชาแห่งท้องทะเลดังที่มนุษย์มักสร้างตำนานขึ้นมา สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ต่างก็รู้กันดีว่ามหาสมุทรทางใต้ ไม่ใช่ที่ที่สิ่งมีชีวิตจะเข้าไปย่างกรายได้ ราวกับมีหลุมทมิฬอยู่กลางน้ำ เพียงสิ่งใดหลุดหลงเข้าไป สิ่งนั้นล้วนไม่ได้เคยได้กลับมา เมื่อไม่รู้ เมื่อไม่เห็น ความหวาดกลัวจากความไม่รู้ก็สร้างจินตนาการที่โลดแล่น เล่าต่อกันมาว่าอย่าได้คิดจะลองดี

ไม่เพียงแต่มนุษย์ที่จินตนาการโลดแล่นเพราะความไม่รู้ แต่ยังรวมไปถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

ณ มหาสมุทรทางใต้ สุดเขตแดนที่มนุษย์จะไปถึง เป็นเขตแดนที่เชื่อมต่อระหว่างภพมนุษย์กับแดนปีศาจ ปีศาจทั้งหลายต่างก็รู้ดีว่าหากต้องการจะข้ามไปภพมนุษย์ ต้องผ่านมหาสมุทรแห่งนี้ไป ปีศาจนั้นฉลาดกว่ามนุษย์เล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหล่าปีศาจเล่าต่อ ๆ กันไปว่าแท้จริงแล้วไม่ได้มีสิ่งใดน่ากลัว แต่เป็นห้วงมิติแห่งหนึ่งกลางมหรรณพนี้เท่านั้น จะเป็นห้วงมิติของผู้ใด ตำแหน่งอย่างเจาะจงนั้นอยู่ที่ใด ก็ไม่มีปีศาจหน้าไหนทราบอีกเช่นเดียวกัน รู้เพียงว่าห้วงมิตินั้นซ่อนอยู่มานับหมื่น ๆ ปีแล้ว ไร้วี่แววความเคลื่อนไหว ไม่ทำอันตรายกับสิ่งใด สำหรับมนุษย์คือบริเวณที่พายุกรรโชก คลื่นน้ำซัดสาดดูดดึงสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่ความจริงแล้วบริเวณนั้นเป็นเขตแดนให้เหล่าปีศาจใช้ข้ามไปมา ไม่เกี่ยวกับห้วงมิติที่ซ่อนอยู่แต่อย่างใด

หากมีผู้ใดบอกมนุษย์ที่จินตนาการโลดแล่นเหล่านั้นว่าแท้จริงแล้วเป็นเทพองค์หนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่ กล่าวได้ว่ามนุษย์นั้นคงเปลี่ยนตำนานน่ากลัวทั้งหลายให้กลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทพที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ นานาตามแต่จะเสริมเติมแต่งได้

และหากมีผู้ใดบอกปีศาจทั้งหลายเหล่านั้นว่าแท้จริงแล้วเป็นเทพองค์หนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่ คงไม่มีปีศาจหน้าไหนในแดนปีศาจเชื่อ กลายเป็นเรื่องน่าขัน มีปากก็พูดเลื่อนเปื้อน เทพที่ไหนเล่าจะทิ้งแดนเทพที่เหนือจินตนาการถึงมาอยู่กลางมหาสมุทรห่างไกลแห่งนี้

จักรวาลกว้างใหญ่เพียงใด ใครเล่าจะรู้ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จบ้าง และใครเล่าจะรู้ว่า ตอนนี้ ณ ใจกลางมหาสมุทรทางใต้ที่กว้างใหญ่ ห้วงมิติในตำนานและเรื่องเล่าต่าง ๆ เหล่านั้นกำลังเผชิญวิกฤต มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนบริเวณภายในได้รับผลกระทบ สิ่งต่าง ๆ ล้มระเนระนาด กระจัดกระจายอย่างไร้ทิศทาง แรงกระแทกดังขึ้นส่งเสียงหวีดแสบหู รุนแรงขึ้นจนผู้ที่หลับใหลอยู่ภายในโลงคริสตัลน้ำแข็งถูกปลุกขึ้นมา

เปลือกตาสองข้างค่อย ๆ ขยับเปิดอย่างช้า ๆ เมื่อรู้ตนว่าตนเองถูกกระชากกลับมาจากการหลับใหลที่ยาวนาน นัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกขุ่นมัวไร้ประกายสดใส ราวกับมีห้วงมหรรณพกว้างใหญ่ซ่อนอยู่ในนั้น คิ้วเรียวขมวดเพราะการรุกรานที่รุนแรงจนปลุกเขาขึ้นมาได้นี้สิ่งมีชีวิตหน้าไหนก็ไม่สามารถทำได้ มีความเป็นไปได้มีเพียงไม่กี่อย่างและเจ้าของนัยน์ตามหรรณพนั้นไม่อยากจะคาดการณ์อีกต่อไป

ห้วงมิตินี้และนัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกอันเป็นเอกลักษณ์เป็นของเทพนิรันดร์ผู้กักขังตนเองไว้ในโลงคริสตัลน้ำแข็งมายาวนานถึงสองหมื่นปี ก่อนการหลับใหลเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะละทิ้งชีวิตที่เหลือ หากยังไม่ถึงเวลาที่รอคอย การหลับใหลที่ยาวนานนั้น ไม่ว่าจะกี่หมื่นปี เขาก็จะรอ

ร่างสูงสมส่วนของ เธย์เลียส ที่ยังคงดูเยาว์วัยแม้จะอายุหลายหมื่นปีแล้วก้าวออกมาจากโลงคริสตัลน้ำแข็ง ภายในห้วงมิติยังคงสั่นไหวเพราะแรงกระแทกจากภายนอกทำให้เขายืนโอนเอน จึงตัดสินใจส่งตัวเองลอยเหนือพื้นอาคารคริสตัล

เส้นผมยาวสีน้ำทะเลลึกทิ้งตัวสลวยจนถึงบริเวณกลางหลัง ชุดคลุมสีขาวขลิบสีเดียวกับสีผม พลิ้วไสวตามแรงลมที่กระทบมา ดวงตาหงส์ชี้สวยเหลือบมองไปรอบ ๆ สำรวจห้วงมิติที่เขาใช้พลังไม่น้อยสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ข้าวของเครื่องใช้ภายในนั้นไม่ได้มีมากมายเพราะนิสัยชอบความเรียบง่าย แต่ถึงอย่างนั้นพอกระจัดกระจายเช่นนี้ก็สร้างความวุ่นวายไม่น้อยจนต้องปวดขมับ

เมื่อครั้งยังอยู่แดนเทพ เทพทั้งหลายด้วยกันต่างก็รู้ดีว่าเทพนิรันดร์ผู้นี้ใช้ชีวิตได้เชื่องช้านัก แต่ถึงแม้จะเชื่องช้าและเกียจคร้านจะขยับตัว ความเชื่องช้าที่หากเป็นผู้อื่นคงน่ารำคาญตา แต่เมื่อเป็นเทพนิรันดร์ผู้นี้แล้ว กลับยังคงไว้ซึ่งความสง่างดงามยามเคลื่อนไหวท่วงท่า ราวกับสองเท้าสวยคู่นั้นไม่เคยได้เยื้องย่างแตะกับพื้นในแดนเทพ การกระทำใด ๆ ล้วนดูงดงามโดยที่เจ้าของร่างสง่านั้นไม่รู้ตัวและเทพองค์อื่นไม่อยากจะยอมรับนัก

ข้อมือเรียวสวยตวัดขึ้นลงสองสามครั้งก่อนที่โลงคริสตัลน้ำแข็งนั้นจะหายไป พร้อมกับสิ่งของต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายลอยกลับเข้าที่ทาง ปลายนิ้วเรียวตวัดจากล่างขึ้นบน ก่อให้เกิดคลื่นน้ำหมุนวนรวมกันอยู่กลางอากาศ เธย์เลียสเรียกมาเพื่อใช้ตรวจสอบผู้บุกรุกที่กล้าถือดีปลุกผู้ที่อยากหลับใหลตลอดกาลขึ้นมาและสร้างความปั่นป่วนภายในห้วงมิติของเขา ภายในคลื่นน้ำใสที่หมุนวนอยู่หน้าปรากฏภาพภายในเป็นอีกาขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังกระแทกกับม่านพลังของเขาอยู่

อีกา? หรือว่าจะมาจากเผ่าปีศาจ?

คิ้วเรียวโค้งขมวดมุ่นเป็นปมอีกครั้ง เมื่อครั้งยังเยาว์วัยเขาเคยไปเยือนแดนปีศาจก็จริง แต่ความจำของเทพนั้นแม่นยำเสียยิ่งกว่าอะไร เขามั่นใจว่าตนเองไม่เคยเฉียดใกล้ปีศาจจากเผ่าอีกาแน่นอน นอกจากพักอยู่ในกระท่อมซอมซ่อของตาเฒ่านั่นเขาก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย

อีกาบุกรุกตัวนั้นขณะนี้เปลือกตาปิด ทั่วทั้งร่างชุ่มไปด้วยโลหิตสีเดียวกันกับขนของตัวมันเอง บาดแผลน้อยใหญ่ที่มองจากไกล ๆ ยังเห็นชัดมากมายจนนับไม่ถ้วน เพียงแต่แล้วปีกเล่า? เหตุใดจึงเป็นอีกาที่ไร้ปีก ไม่สิ นี่เป็นอีกาที่โดนตัดปีกออกต่างหาก

คิ้วโค้งขมวดจนแทบจับก้อนกลม ปกติแล้วหากไม่ใช่ 4 เทพชั้นปกครองผู้ซึ่งมีพลังสูงส่งกว่าเขา ก็น้อยนักที่จะมีผู้สามารถบุกรุกทำลายห้วงมิติของเขาได้ แต่นี่กลับเป็นอีกาบาดเจ็บไร้สติตัวหนึ่งกระแทกม่านพลังที่มองไม่เห็นซ้ำ ๆ ราวกับตัวมันเองก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นควบคุมให้เกิดภายน่าประหลาดใจเช่นนี้เพื่อหวังว่าจะทะลุเข้ามาได้

หรือว่า...

ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสิ่งที่เขาหวาดหวั่นนั้นมาถึงแล้ว ข้อมือเรียวตวัดขึ้นลงอีกครั้งก่อนที่คลื่นน้ำกลางอากาศนั้นจะเปลี่ยนเป็นมวลเมฆก้อนหนึ่ง เขาถ่ายพลังลงไปในนั้นแล้วส่งมันออกไปรับแขกที่มาบุกรุกผู้นั้น

หากเป็นดั่งที่คาดไว้ ก็แสดงว่าถึงเวลาทำสิ่งที่ต้องทำ

ม่านพลังขยายออกเปิดรับอีกาโชกโลหิตตัวนั้น มวลเมฆปุกปุยเคลื่อนตัวออกไปห่อหุ้มร่างนั้นไว้ ประกายสีเงินจากพลังของเธย์เลียสแทรกซึมเข้าไปร่างอีกาบาดเจ็บเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับที่มวลเมฆค่อย ๆ ส่งตัวมันมาข้างหน้าเธย์เลียส ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างเป็นอีกาที่ตัวใหญ่สมกับเป็นปีศาจอีกาจริง ๆ และเมื่อเลื่อนสายตาไปยังบริเวณข้อเท้าที่หักบิดเบี้ยวของมัน เขาก็ได้คำตอบการมาเยือนของแขกไร้สติผู้นี้

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

ประกายสีเงินสว่างวาบออกมาจากบริเวณข้อเท้าของอีกาตัวนั้น หากจะพูดให้ถูก ความจริงแล้วมันมาจากจี้เงินรูปหยดน้ำที่เขาและตาเฒ่าเผ่าปีศาจสร้างพันธสัญญาร่วมกัน

ถือสร้อยคนละหนึ่งเส้น แลกกับความต้องการของอีกฝ่าย

เพราะเป็นของที่มาจากพันธสัญญา ทำให้จี้เงินนั้นนำพาอีกาตัวโค่ง โชกโลหิตตัวนี้มาที่นี่และเพราะพลังของพันธสัญญาทำให้มันปั่นป่วนห้วงมิติของเขาได้

จี้เงินรูปหยดน้ำถูกกระตุ้นเมื่อพบกับเจ้าของพันธสัญญา สร้อยที่ร้อยคล้องไว้กับขนของอีกาตัวนั้นหลุดออกลอยขึ้นมากลางอากาศก่อนที่จี้เงินรูปหยดน้ำนั้นจะสลายเป็นละอองสีเงินจาง ๆ ละอองนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เธย์เลียส ปลายทางของการเคลื่อนไหวคือสร้อยคอจี้เงินรูปขนนกที่เขาใส่อยู่

เธย์เลียสขยับตัวเล็กน้อยให้ละอองนั้นลอยเข้ามาสัมผัสกับจี้เงิน เพื่อเป็นสัญญาณว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องทำตามสัญญาของพันธสัญญาที่อีกฝ่ายตั้งไว้

เมื่อถึงเวลาเขาต้องดูแลผู้หนึ่งแทนตาเฒ่านั่น ซึ่งเวลานั้นก็คงเป็นตอนนี้เอง

นอกจากจะใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าและเกียจคร้านจะขยับตัวแล้ว เธย์เลียส เทพนิรันดร์ผู้นี้ยังเกลียดการผูกมิตรกับผู้อื่นอีกด้วย การพูดคุยกับผู้อื่นถือเป็นเรื่องยากเกินความสามารถเขาเสมอมา โดยเฉพาะกับเหล่าเทพด้วยกันเอง ที่ผ่านมาเขาล้วนใช้ชีวิตของตนเองอย่างปลีกวิเวก แต่ถึงแม้ในใจจะต้องการคุยกับใครบ้าง ก็น้อยนักที่จะมีใครเต็มใจเข้าหาเขาอยู่ดี

แม้จะไม่รู้ว่าอีกาตัวนี้เป็นใคร หรืออะไร มาจากไหน เหตุใดจึงบาดเจ็บเช่นนี้ เขาก็ยังต้องทำ เพื่อแลกกับสัญญาที่เขาตั้งไว้ให้ตาเฒ่านั่นทำตลอดหลายหมื่นปีมานี้เช่นเดียวกัน การไม่ทำตามพันธสัญญานั้นมีจุดจบว่าข้อตกลงระหว่างทั้งสองจะกลายเป็นเพียงฝุ่นผง หากเป็นความปรารถนาที่สำเร็จแล้วก็จะกลับคืนเดิม หากเป็นสิ่งของของก็จะสลายไป หากเป็นสิ่งมีชีวิตก็จะแตกดับไร้วันหวนคืน

แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการนำสิ่งที่ฝากฝังไว้กับตาเฒ่านั่นมาเสี่ยงลองผิดสัญญา

เธย์เลียสดีดนิ้วอีกครั้งเพื่อกางม่านพลังให้แข็งแรงกว่าเดิม ถึงแม้มันจะแข็งแรงชนิดที่เจ้าตัวจินตนาการไม่ถึงอยู่แล้วก็ตาม เขาตวัดมือขึ้นลง ชี้นิ้วไปมาสองสามครั้งเพื่อทำให้ห้วงมิติกลับมาเป็นเหมือนเดิม ก่อนจะใช้พลังส่งให้อีกาที่กำลังสลบไสลอยู่กลางเมฆวิเศษให้ลอยเข้าไปภายในอาคารคริสตัลน้ำแข็ง ที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของเขามาหลายหมื่นปี

เจ้าของร่างภายใต้เสื้อคลุมสีขาวไข่มุกขลิบขอบสีน้ำเงินเข้ม ส่งประกายสีเงินที่ดูน่าหลงใหลสำหรับผู้อื่นแต่น่ารำคาญนักสำหรับเขา ค่อย ๆ จรดปลายเท้าเปลือยเปล่าแตะกับบริเวณพื้นผิวคริสตัลแห่งนี้

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเขาก็เกลียดประกายสีเงินที่มักจะออกมาจากตัวเขาเลย เพียงแต่ทำอย่างไรมันก็ไม่ยอมหายไป เว้นแต่จะทำให้เบาบางลงไปบ้างเท่านั้น

สีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ถอนหายใจเบา ๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่ไม่เต็มใจก็ชวนให้เสียอารมณ์พอแล้ว ยังไม่ถึงหนึ่งวันดีก็รู้สึกอยากจะกลับไปหลับใหลตลอดกาลเช่นเคย แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำตามพันธสัญญาที่สร้างไว้

ไม่แน่ว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อาจเป็นสัญญาณว่าสิ่งที่เขารอคอยมาหลายหมื่นปีจากตาเฒ่านั่นใกล้เป็นจริง นัยน์ตาหงส์ส่องสำรวจร่างเจ้าอีกาข้างหน้าและเมื่อเห็นสภาพเจียนตายของร่างตรงนั้น คิ้วโค้งสวยก็ขมวดเป็นปมอีกครั้ง

ตื่นขึ้นมายังไม่ถึงวันดีแต่ขมวดคิ้วเป็นก้อนปมหลายครั้งนับไม่ถ้วน ชีวิตที่ยาวนานหลายหมื่นปี คงมีวันนี้ที่เจ้าของห้วงมิติแห่งนี้แสดงอารมณ์มากที่สุด หลายหมื่นปีก่อนที่ยังใช้ชีวิตอยู่นั้น เขามั่นใจนักว่าตนเองเก็บอารมณ์ได้ดียิ่ง แสดงสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์เสมอมา เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลับไปนานเกินไปหรือหงุดหงิดที่ถูกปลุกขึ้นมา ครานี้เขาไม่สามารถควบคุมใบหน้าของตนเองได้ดีนัก

เจ้าของใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ที่กำลังถกเถียงความเป็นไปของอารมณ์ตนเองในใจนั้นพยายามตั้งสติและลบเรื่องที่ชวนให้คลื่นอารมณ์แปรปรวนเหล่านั้นออกไป

สิ่งที่เธย์เลียสผู้นี้เกลียดที่สุดชนิดที่มากกว่าประกายสีเงินรอบตัวของตนเองก็คือความไม่มั่นคง ความรู้สึกมากมายที่ชวนให้คลื่นอารมณ์เบ้ซ้าย โย้ขวาเหล่านั้น เขาอยากจะลบออกไปให้หมด

เมื่ออารมณ์คงที่ ไร้คลื่นก่อกวน เธย์เลียสก็หันมาสนใจร่างไร้สติตรงหน้าอีกครั้ง

ร่างอีกาที่ใหญ่กว่าอีกาทั่วไปแสดงให้เห็นว่าเป็นร่างของปีศาจอีกาตนหนึ่ง บริเวณที่เคยเป็นที่ของปีกนั้นหายไปแทนที่ด้วยเนื้อปริขาด โลหิตสีดำไหลทะลักเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างจนแยกไม่ออกว่าเป็นสีขนหรือสีโลหิตกันแน่ บริเวณอื่น ๆ ก็ล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล ขนรอบตัวทั้งหลุดลุ่ยสลับกับฉีกขาด บริเวณขาทั้งสองหักงอจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม มองแล้วชวนให้รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ขาตนเองขึ้นมานัก เปลือกตายังคงปิดสนิทแต่ชีพจรเบาบางคล้ายกับพร้อมจะหยุดได้ทุกเมื่อ

เธย์เลียสตวัดข้อมือสวยอีกครั้งเพื่อให้โลงคริสตัลของเขาปรากฏขึ้นมาก่อนจะส่งร่างที่บาดเจ็บนั้นเข้าไปแทนที่ที่ตัวเองเคยใช้หลับใหลตลอดหลายหมื่นปีมานี้ ภายในโลงคริสตัลน้ำแข็งเป็นที่กักเก็บพลังงานชั้นเยี่ยมสำหรับเธย์เลียส สารพัดประโยชน์ทำทุกอย่างได้ตามใจนึก บาดแผลมากมายขนาดนี้ทำให้เทพจอมขี้เกียจอย่างเขาตัดสินใจใช้วิธีเร่งด่วน แช่ร่างนี้ไว้ในพลังของเขาแล้วปล่อยให้พลังนั้นทำหน้าที่รักษาไปเองก่อนมันจะสิ้นลมหายใจ

เมื่อร่างของอีกาตัวใหญ่ลงไปนอนในโลงคริสตัลน้ำแข็งแล้ว เธย์เลียสจึงใช้นิ้วเรียวชี้ขึ้นลงไปมาสลับซ้ายขวา พลันเกิดน้ำสีใสออกมากลางอากาศ ไหลเข้าไปในโลงคริสตัลนั้น แช่ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลนี้ไว้ โลหิตสีดำหยุดไหลแล้ว แผลน้อยใหญ่จำนวนมากค่อย ๆ สมานเข้าด้วยกัน เว้นแต่บริเวณปีกทั้งสองข้างที่ยากจะจัดการ

เมื่อน้ำสีใสเหล่านั้นห่อหุ้มร่างนี้จนจม ลอยอยู่ท่ามกลางน้ำมากมาย ประกายแสงสีเงินก็สว่างวาบไปทั่วบริเวณก่อนจะอันตรธานหายไปอย่างช้า ๆ ปรากฏเป็นสีเพลิงเข้าแทนที่ คล้ายจะมอบความอบอุ่นให้แต่ก็คล้ายจะแผดเผาสิ่งที่ไปจับต้องมัน

ภายในโลงคริสตัลที่เคยมีร่างปีศาจอีกาตนนั้นกลับแปลงกายเป็นร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่ผู้หนึ่ง เปลือกตาปิดสนิท ใบหน้าคมคายได้รูปเยาว์วัย แพขนตายาวขึ้นเงาบริเวณใต้ตาเพราะความยาวงอนของมัน คิ้วเข้มชี้ขึ้นราวกับกระบี่ ริมฝีปากเรียวได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันพอดี บริเวณกลางหลังทิ้งรอยแผลเป็นยาวซึ่งเป็นร่องรอยของปีกที่เจ้าตัวเคยมี สีผิวน้ำผึ้งสะท้อนแสงวิบวับจากโลงคริสตัลเช่นเดียวกับเรือนผมสีเพลิงชวนให้รู้สึกอบอุ่นและร้อนแรงไปพร้อม ๆ กัน ความคมคายที่ดูเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันแสดงให้เห็นว่าเจ้าของเรือนร่างนี้งดงามยิ่งนัก

ยังไม่ทันได้สำรวจอะไรไปมากกว่าบริเวณใบหน้าก็ต้องรีบเลื่อนสายตาออกจากร่างนั้น แม้จะยังคงแสดงสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เพราะร่างใหญ่ภายในโลงคริสตัลกำลังเปลือยเปล่า

นานมาแล้วที่ไม่ได้เห็นใครเปลือยเปล่าต่อหน้าเช่นนี้ และหากจะให้พูดกันตามตรง เขาไม่เคยเห็นร่างเปลือยเปล่าของใครต่างหาก เธย์เลียสกระดากใจที่เห็นเรือนร่างของผู้อื่นโดยไม่รับอนุญาตจึงสะบัดมือทำให้โลงคริสตัลน้ำแข็งสีใสมองเห็นข้างในทุกซอกมุมนั้นกลายเป็นโลงคริสตัลทึบแทน

เมื่อไร้ภาพชวนกระอักกระอ่วนจึงหันมาถ่ายพลังลงไปภายในน้ำที่ตนเสกขึ้นมาอีกครั้ง บาดแผลบริเวณปีกนั้นมาจากของวิเศษจากแดนปีศาจบางอย่างที่ไม่สามารถใช้พลังธรรมดาของเขาฟื้นฟูได้ เว้นแต่ต้องใช้สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในตัวเอง

น้ำตา

สีหน้าไร้คลื่นอารมณ์พลันเกิดอารมณ์ขึ้นมาจาง ๆ ก่อนจะหายวับไปทันทีราวกับไม่เคยเกิดขึ้น เขาเกลียดน้ำตาของตัวเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าน้ำตาของเขามันมีความพิเศษอยู่มาก คิดไม่ถึงเลยว่าตื่นขึ้นมาไม่ถึงหนึ่งวันกลับต้องทำทุกอย่างที่ตนเองเกลียดนัก

เธย์เลียสใช้สองมือขาวซีดปิดเปลือกตาตนเองไว้ครู่หนึ่งก่อนจะผละมือออกมา เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง น้ำตาที่กักเก็บไว้นานไหลบ่าออกมาเองราวกับต้องการประท้วงเจ้าของร่างที่กักเก็บมันไว้หลายหมื่นปี เขาใช้นิ้วชี้เรียวชี้มาที่หน้าตนเองแล้วตวัดกลางอากาศเบา ๆ เพื่อส่งหยดน้ำตาลงไปในน้ำสีใสที่ห่อหุ้มชายตรงหน้า หนึ่งหยดยังบริเวณที่เคยมีปีกขวาและอีกหนึ่งหยดยังบริเวณที่เคยมีปีกซ้าย โดยปกติแล้วเพียงหนึ่งหยดก็เพียงพอสำหรับใช้รักษาบาดแผลและทำทุกอย่างดั่งใจนึก แต่เมื่อเจ้าของหยดน้ำตาเหล่านั้นเห็นว่ามันยังไม่หยุดไหล เขาจึงส่งพลังเคลื่อนน้ำตาลงไปอีกนับไม่ถ้วนเป็นการประชดประชัน

หากอยากออกมานัก ก็จงไปให้พ้น ๆ ให้หมด

ก่นด่าน้ำตาของตนเองในใจราวกับว่ามันจะรู้เรื่อง

นิ้วเรียวปาดน้ำตาออกสะบัดมือที่เปื้อนน้ำตาสองสามทีก่อนมันจะกลายเป็นละอองสีเงินไปกับอากาศ หากเทพชั้นปกครองทั้ง 4 คนที่เลี้ยงดูเขามาได้เห็นภาพนี้คงแข่งกันกัดลิ้นทุบอกตนเองที่เขาใช้น้ำตาได้สิ้นเปลืองและไม่รู้จักรักษานัก เมื่อจินตนาการถึงปฏิกิริยาของเทพขั้นปกครองทั้ง 4 นั้นแล้วเขาก็แค่นหัวเราะในลำคอส่งเสียงออกมาสั้น ๆ

ตรงข้ามกับ 4 เทพที่หวงแหนน้ำตาเขานัก เทพองค์อื่น ๆ ต่างก็อยากจะครอบครองน้ำตาของเขา เพียงแต่เจ้าของหยดน้ำตาพวกนั้นกลับเอาแต่ปิดกั้น ไม่ยอมให้มีอะไรไหลรินออกมาจากดวงตาหงส์ที่ชี้สวยนั่น

เมื่อมั่นใจว่าถ่ายพลังลงไปเพียงพอแล้ว เพียงแค่แช่อยู่ในน้ำนั้นสักวันสองวันเจ้าของร่างนี้คงดีขึ้น เธย์เลียสจึงหยุดมือแล้วปิดโลงคริสตัลไว้ด้วยม่านพลังของตนเอง

ถึงบาดแผลทั้งหมดในตัวคนแปลกหน้าผู้นี้จะหมดไปเพราะพลังเขาแล้ว แต่คงไม่รวมไปถึงปีกนั่นด้วย

วิธีที่ง่ายที่สุดในการคืนปีกคือการนำปีกเก่ามาแล้วใช้น้ำตาเขาเชื่อมมันเข้ากับร่างกายใหม่อีกครั้ง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเจ้าของปีกนั้นบั่นปีกตนเองออกหรือโดนทำร้ายมา หากเป็นอย่างแรกก็คงไม่ต้องต่อให้ยุ่งยาก ทิ้งไว้กลายเป็นอีกาพิการตามที่เจ้าตัวต้องการ แต่หากเป็นอย่างหลังก็คงต้องว่ากันอีกทีกระมัง

พลังของเขาคงสามารถช่วยให้งอกปีกขึ้นมาใหม่ได้ก็จริง แต่การใช้พลังเขางอกปีกใหม่ออกมาดื้อ ๆ โดยไม่ถามเจ้าตัวเลยนั้นก็ดูจะเกินขอบเขตอยู่บ้าง และถึงอยากจะงอกใหม่ก็คงไม่ได้ง่ายสำหรับเจ้าของปีกนัก เพราะการงอกปีกใหม่ก็เปรียบเสมือนการแทงทะลุเนื้อหนังของตนให้ปีกได้โผล่พ้นออกมา สยายโบยบินต่อไป ความเจ็บปวดคงไม่ต่างจากตอนถูกบั่นออกไป ไม่แน่ว่าอาจจะเจ็บปวดมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

แม้จะวางใจเรื่องการรักษาแล้ว แต่เธย์เลียสยังคงสงสัยในรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับภาพฝันของคนตรงหน้า เขาจึงตัดสินใจส่งกระแสจิตเข้าไปตรวจสอบพลังและจิตของคนในโลงคริสตัลน้ำแข็ง สีหน้าไร้อารมณ์เปลี่ยนกลับไปขดเป็นปมอีกครั้ง ไม่ใช่ปีศาจธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริง ๆ แต่กลับเป็นครึ่งเทพครึ่งปีศาจ ซ้ำยังมีกระแสพลังของเทพที่เขาคุ้นเคยอยู่ด้วย เพียงแต่ความจำที่ภูมิใจนักหนาว่าแม่นยำของเขากลับนึกไม่ออก ราวกับว่ากระแสพลังนี้ถูกผสมกับกระแสพลังอีกหลายสายเพื่อปิดบังร่องรอยที่แท้จริง

ยังไม่ทันได้ไขความกระจ่าง เธย์เลียสพลันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง การตรวจสอบพลังและจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่นโดยปกติแล้วทำได้ง่ายเสียยิ่งกว่าใจนึก แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเข็มนับร้อยจี้เข้ามากลางขมับทั้งสองข้าง ของเหลวอย่างเหงื่อที่ปกติไม่เคยมีกลับผุดขึ้นตามตัวอย่างเอาแต่ใจ ทั้งร่างกายหนักอึ้งคล้ายโดนภูเขาทั้งลูกกดทับไว้ ความทรมานที่ไม่เคยพบเจอแล่นเข้ามาสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วจนต้องหยุดการกระทำไว้เพียงเท่านี้

ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้คือคนตรงหน้ามีพลังที่เหนือกว่าเขาหลายเท่าตัวนักแต่เรื่องนี้คงเป็นไปได้ยากเพราะเทพนิรันดร์ที่เกิดจากพลังจักรวาลอย่างเขามีกระแสพลังไม่ได้น้อยไปกว่าเทพหน้าไหนในแดนเทพ น้อยนักที่จะมีผู้มีพลังเหนือกว่าเว้นแต่จะเป็น 4 เทพชั้นปกครอง หากไม่ใช่เพราะมีพลังเหนือกว่า ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพลังของเทพสักองค์หรือปีศาจสักตนที่พยายามเสกคาถาอาคมปกปิดร่องรอยไม่ให้ผู้ใดตรวจสอบได้ หากเป็นผู้อื่นที่ไม่ใช่เธย์เลียสแล้ว อาจจะเลือดออกเจ็ดทวารหนักตั้งแต่แรกที่ส่งกระแสจิตเข้าไปตรวจสอบโดยยังไม่ทันได้รู้ว่านี่คือครึ่งเทพครึ่งปีศาจเสียด้วยซ้ำ

เมื่อร่างกายกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที เจ้าของห้วงมิตินี้ตัดสินใจปล่อยให้ร่างที่ไม่รู้ที่มานั้นพักผ่อนต่อไป แต่เมื่อต้องการจะนั่งพักผ่อนถึงนึกได้ว่าภายในอาคารคริสตัลหลังนี้ นอกจากโลงคริสตัลและข้าวของประดับประดาธรรมดาสองสามชิ้นล้วนไม่มีสิ่งใดอยู่อีกเลย

ยุ่งยากนัก

เทพนิรันดร์ผู้เชื่องช้าเกียจคร้านพลันดีดนิ้วเบา ๆ ก่อนที่สิ่งที่ต้องการจะปรากฏขึ้นยังบริเวณมุมห้อง เป็นมวลก้อนเมฆที่เจ้าตัวชอบนักอีกครั้ง เธย์เลียสตั้งใจใช้มวลก้อนเมฆนี้แทนเตียงนอน

ยามปกติตอนที่อยู่ในแดนเทพเขาก็นอนในโลงคริสตัลนั่นเพราะรู้สึกปลอดภัย จริง ๆ แล้วหากต้องการจะนอนในโลงคริสตัลหลังใหญ่แบบนั้นต่อ จะให้เสกขึ้นมาอีกหลังก็ไม่ได้ยากเย็น แต่คงพิลึกพิลั่นน่าดูหากมีโลงคริสตัลน้ำแข็งสองโลงวางตั้งอยู่บนแท่นกลางห้วงมิตินี้คู่กัน อีกอย่าง ไหน ๆ ก็ได้ตื่นมาทั้งที ลองเปลี่ยนมานอนบนเมฆนุ่ม ๆ คงช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นบ้าง

ร่างสง่าย้ายตัวเองไปนอนนิ่ง ๆ บนเตียงอย่างที่มักจะทำ เพียงประสานมือไว้บริเวณหน้าท้อง พลิกตัวไปมาช้า ๆ บนมวลเมฆนุ่มสองถึงสามครั้งก่อนจะกลับมายังท่านอนนิ่ง ๆ อีกครั้ง สำหรับเทพนิรันดร์ การกระทำเล็กน้อยแสนขี้เกียจกระทั่งจะพลิกตัวนี้คือนิยามของคำว่าเกลือกกลิ้งแล้ว

ใบหน้ายังคงไร้คลื่นอารมณ์ให้เห็น การอยู่นิ่ง ๆ ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เขามักจะชอบทำเสมอเมื่อครั้งอยู่แดนเทพ แต่ตอนนี้ชักจะชวนให้น่าเบื่อเกินไปแล้ว จึงตัดสินใจจะออกไปข้างนอก สองหมื่นปีผ่านมา ไม่รู้ว่าสรรพสิ่งเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด

ถึงแม้จะยังหวาดกลัวบางอย่าง แต่ระยะเวลาสองหมื่นปีก็มากพอให้แผลในใจเหล่านั้นเบาบางลงไปมาก

ผู้ที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลขยับกายลุกจากเตียงเมฆ จัดแจงกลบกลิ่นอายเทพของตนเองให้คล้ายกับมนุษย์มากที่สุด กระชับเสื้อคลุมสีขาวไข่มุกสีโปรด เรียวขาที่เคยเปลือยเปล่ามีรองเท้าสวมรัดไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันความร้อนใด ๆ ที่เจ้าตัวเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไร ก่อนจะสะบัดแขนกลางอากาศเบา ๆ ทันใดนั้นบริเวณที่เคยมีอยู่ของเทพนิรันดร์ก็เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า

สองหมื่นปีสำหรับมนุษย์ ยาวนานพอที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ครั้งเมื่อเขาออกจากแดนเทพมายังมหาสมุทรทางใต้เป็นครั้งแรก บริเวณโดยรอบยังคงรกร้างห่างไกล ไร้ผู้คน อารยธรรมต่าง ๆ ที่มีของมนุษย์ก็ไม่ได้มากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งอาณาเขตของแดนปีศาจกับภพมนุษย์ก็อยู่ติดกันเพียงแค่สองถึงสามก้าวเท่านั้น ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ก็เพราะเทพนิรันดร์อย่างเขาสร้างความวุ่ยวายไว้มากจนทำให้อาณาเขตขยายออกไปไกลขึ้น

นัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกชวนให้ลุ่มหลงทอดสายตาไปยังทั่วพื้นดิน สรรพสิ่งเปลี่ยนไปมากนัก สำหรับเขา สองหมื่นปีเสมือนฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์และสรรพสิ่งต่าง ๆ เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นร้อยเรียงรวมกันเป็นประวัติศาสตร์และอารยธรรมท สิ่งที่เกิดขึ้นจริงแต่พิสูจน์ไม่ได้กลายเป็นตำนานเรื่องเล่า

การออกมาในครั้งนี้ทำให้เทพนิรันดร์ผู้หลับใหลไม่รู้เรื่องราว ได้รู้สักทีว่าตนเองกลายเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเล่ามากมาย ทั้งราชาแห้งท้องทะเล ทั้งเทพผู้ผิดหวังในความรัก ทั้งภูตผีเฮี้ยนที่คอยอาฆาตตามฆ่าล้างผู้คนมากมาย

เพียงแค่ได้รู้ก็ชวนให้ใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ขมวดปมคิ้วเป็นก้อนลูกใหญ่อีกครั้ง

หลังจากทำความเข้าใจสรรพสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายอยู่ครึ่งค่อนวันก็ตัดสินใจกลับห้วงมิติของตนเอง การตื่นขึ้นมาครั้งนี้ช่างยุ่งยากจริง ๆ ถ้าเลือกได้ หากต้องดูแลชายเจ้าของผมสีเพลิงนั้นจริง ๆ เทพนิรันดร์ผู้นี้ก็จะทำเพียงแค่ดูแลอยู่ในห้วงมิติต่อไป ตัดปัญหายุ่งยากลดทอนความวุ่นวายให้มากที่สุด

ครั้นเมื่อนึกถึงร่างของอีกาไร้ปีกผู้นั้นแล้วจึงนึกขึ้นได้ ตัดสินใจเสกเงินซื้ออาหารมนุษย์มาสองสามอย่าง เทพอย่างเขาไม่จำเป็นต้องกินอาหารมนุษย์ใด ๆ เพียงแค่รับรู้รสแต่ไม่ได้รู้สึกหิวแต่อย่างใดเพราะพลังงานมากมายในตัวล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ไร้ความหิว แต่ถือวิสาสะคิดเผื่อว่าเจ้าของร่างที่หลับใหลนั้นจะเป็นปีศาจที่กินอาหารมนุษย์ ไม่แน่ว่าอาหารพวกนี้อาจจะมีประโยชน์กับเขาก็ได้ เมื่อได้อาหารมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ดีดนิ้วโยนเข้าคลังมิติเก็บของชั่วคราว แล้วเร่งกลับห้วงมิติที่ห่างไกลของตนเองเพราะคนเกียจคร้านจะขยับตัวอย่างเขาได้ฝืนตัวขยับตัวหลายครั้งรวมถึงการเปิดปากหนัก ๆ สอบถามมนุษย์แถวนี้เกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ถึงแม้จะตรวจสอบด้วยเนตรรับรู้เองได้แต่การสอบถามผู้ที่ผ่านไปมาก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

เมื่อกลับมาถึงห้วงมิติของตนเอง สัมผัสกับกลิ่นท้องทะเลและคลื่นลมที่เงียบสงบพลันจิตใจที่ปั่นป่วนมาทั้งวันก็ได้ผ่อนคลายลง สองขาเรียวภายใต้รองเท้าสีน้ำเงินสวยเปลี่ยนกลับมาเป็นเท้าเปลือยเปล่าเมื่อย่างเข้าสู่ห้วงมิติของตนเอง เธย์เลียสมักจะชอบเปลือยเท้าเมื่ออยู่ในห้วงมิติเพราะสบายเนื้อสบายตัวและชอบที่จะสัมผัสคริสตัลพวกนี้โดยตรง ระหว่างเดินก้มมองเท้าเปลือยของตนเองที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว มันยังคงขาวซีดแต่ระเรื่อเจือจางสีชมพูอย่างเช่นเคย

ทว่า เมื่อก้าวมาถึงบริเวณใจกลางอาคารคริสตัลที่เพิ่งจากมาไม่นาน สองขาเรียวสวยกลับต้องชะงักค้างก้าวไม่ออกเพราะภาพตรงหน้า

ชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ที่อยู่ใจกลางโลงคริสตัล ยืนหันหลังแสดงเรือนร่างเปลือยเปล่า ประกายสีเงินและสีเพลิงส่องสะท้อนระยิบระยับแข่งกันจนทำให้ภาพตรงหน้าคล้ายต้องมนตร์ บริเวณแผ่นหลังที่ทิ้งรอยแผลของปีกไว้สมานเรียบร้อยแล้วทั้งสองข้าง ถึงจะเป็นรอยแผลขนาดใหญ่ แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างที่งดงาม มีส่วนโค้งเว้าในร่างกายได้รูปพอดีกับรูปร่างสูงใหญ่ กลับชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง เส้นผมสีเพลิงทิ้งตัวปกปิดไหล่ลาดยาวลงมาถึงกลางหลังบริเวณของร่องรอยปีกคู่นั้น

ราวกับรับรู้ได้ว่าแผ่นหลังของตนเองกำลังถูกสำรวจ เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่กว่าเธย์เลียสถึงหนึ่งช่วงศีรษะค่อย ๆ หันกายมาหาผู้ที่แอบจับจ้องอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่

นัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกสบตากับเจ้าของเรือนร่างนี้ คล้ายถูกดูดเข้าไปในมิติที่มองไม่เห็น ดวงตากลมโตสีรัตติกาลนุ่มลึกชวนให้รู้อบอุ่นและหายใจไม่ออกในคราวเดียวกันแต่กลับงดงามยิ่งนัก

ไม่ได้มีเพียงนัยน์ตาสีรัติกาลเท่านั้นที่ดึงดูดให้สบตา แต่สำหรับเจ้าของนัยน์ตารัติกาลนั้นแล้ว คนตรงหน้าเขาผู้นี่ชวนให้มองยิ่งนัก เส้นผมสีน้ำทะเลลึกกับนัยน์ตาสีเดียวกัน คล้ายกับห้วงมหรรณพที่กว้างใหญ่ ดึงดูดให้เขาจมหายไปยังส่วนลึกพร้อมกับคลื่นน้ำมากมายที่ซัดสาดกระแทกเข้ามาภายในใจ เป็นความงดงามที่ดูเย่อหยิ่ง ลึกลับ จับต้องไม่ได้ ราวกับต้องการประกาศให้รู้ว่าหากใครเผลอสบตา จักต้องตกลงไปในทะเลลึกกว้างใหญ่ ไร้ซึ่งทางออก

เวลาผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่ให้ความรู้สึกราวเนิ่นนานยิ่งกว่าสองหมื่นปีที่หลับใหล ราวกับสรรพสิ่งทั้งหลายถูกหยุดค้างไว้ เหลือแต่ประกายในตาของอีกฝ่ายที่ยังส่งแสงระยิบระยับ

เป็นเธย์เลียสเองที่ได้สติกลับมาก่อน ถึงแม้จะยังคงไว้หน้าซึ่งไร้อารมณ์เช่นเคย แต่ตอนนี้ภายในกลับรู้สึกราวกับมีกัมปนาทมากมายส่งเสียงดังประท้วงความกระดากอายนี้ ไม่ใช่เพราะเผลอสบตากับอีกฝ่าย แต่เพราะเมื่อร่างกายที่เปลือยเปล่าล่อนจ้อนไร้สิ่งใดปกปิดจนทำให้เห็นแทบทุกอณูในเรือนร่างนี้

อีกครั้ง

อีกครั้งที่เทพนิรันดร์ผู้นี้รู้สึกว่าไม่สามารถบังคับให้ใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ได้แล้ว