แสงไฟวูบวาบ เสียงดนตรีดังกระหึ่มเคล้าไปกับเสียงพูดคุย ผู้คนมากหน้าหลายตาละจากที่นั่งของตนออกไปกระโดดโลดเต้นเมื่อเพลงยอดนิยมดังขึ้น แพรวก็เป็นหนึ่งในนั้น หญิงสาวยกแก้วที่มีน้ำสีน้ำตาลทองอยู่ครึ่งหนึ่งขึ้นดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะดีดตัวขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรวมตัวกับฝูงชนที่ออกันอยู่หน้าเวที 

 

 

 

แขนซ้ายชูขึ้นตามด้วยแขนขวา สองเท้าที่สวมรองเท้าส้นเตี้ยกระโดดขึ้นลงตามจังหวะดนตรี ไม่มีอะไรให้ต้องคอยกังวลนอกจากว่าแขนของตนจะไปโดนใครเข้าเท่านั้น บทบาทนักท่องราตรีช่างอิสระ ราวกับจิตวิญญาณที่ปกติจะหลับใหลอยู่ภายในกายเนื้อได้ออกมากางปีกโผบินอย่างเสรี หญิงสาวหมุนตัวจนผู้คนและแสงไฟกลายเป็นภาพพร่าเลือน ในหัวครุ่นคิดว่าถ้าทุกวันเป็นวันพักผ่อนก็คงจะดี

 

 

 

ดนตรีสุดเร้าใจจบลงพร้อมกับอาการเหนื่อยล้าและความกระหายน้ำที่เพิ่มขึ้น แพรวเดินกลับไปที่โต๊ะของตนเพื่อเทของเหลวจากขวดทรงสูงลงในแก้วใส เธอดื่มมันอีกครั้ง พลางคิดว่าหากมองจากสายตาคนนอกมา การที่หญิงวัยยี่สิบตอนปลายมานั่งดื่มน้ำเมาแก้วแล้วแก้วเล่าเพียงลำพังมันจะเป็นภาพที่น่ามองไหมนะ เธอจะดูเหมือนพวกคนช้ำรักที่ต้องการที่ระบายหรือเปล่า การไปไหนมาไหนคนเดียวมันน่าสมเพชมากไหมในที่ที่คนมักจะมาพบปะเพื่อนฝูงกันแบบนี้

 

 

 

ช่างมันสิ แพรวคิด ขณะที่กระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง เธอโดนมาตั้งแต่เริ่มเข้าผับครั้งแรกแล้ว เธอไม่ได้อกหัก ไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไร เพียงแค่อยากสนุกเท่านั้น

 

 

 

ใช่สิ เรามาเพื่อสนุกนี่นา

 

 

 

งั้นก็ต้องใช้ชีวิตให้สนุก

 

 

 

นั่นเป็นหลักในการชีวิตแบบง่าย ๆ ของแพรว ไม่ต้องไปคิดมาก แค่ใช้ชีวิตให้สนุกสนานก็พอ ในเมื่อเรามีความสุขกับการอยู่คนเดียว เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาความรักแบบคนอื่นที่ต้องการมัน ไม่จำเป็นต้องสนสายตาคนนอกว่าจะมองมาอย่างไร เพราะไม่มีใครรู้ใจเราดีเท่าตัวเราแล้ว

 

 

 

ทว่าเหมือนความสนุกกำลังจะถูกขัดจังหวะ เมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามา

 

 

 

"น้องครับ" คำพูดนั้นทำเอาหญิงสาวขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะยึดถือเรื่องธรรมเนียมอาวุโส แต่เพราะรู้สึกประหลาดใจที่ตนผู้อายุเกือบเข้าเลขสามถูกชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ เรียกว่าน้องมากกว่า

 

แปลว่าเราหน้าเด็กเหรอ? แพรวยิ้มออกมา อดหยอกกลับไปไม่ได้ 

 

"ว่าไงคะพี่?"

 

มองดูแล้วผู้ชายคนนี้ไม่มีท่าทีขวยเขินแต่อย่างใด คงจะผ่านประสบการณ์การจีบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแล้วเป็นแน่

 

"พี่ชอบน้องอะ" เขายื่นแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เกินครึ่งมาตรงหน้า โดยมีเสียงโห่ฮาจากกลุ่มเพื่อนชายล้วนเป็นดนตรีประกอบฉาก พร้อมรอยยิ้มที่แพรวพอจะเดาได้ว่าเป็นพวกคาสโนว่าแน่นอน

 

แพรวลังเลเล็กน้อย อันที่จริงเขาก็หน้าตาพอใช้ได้อยู่หรอก ผมย้อมสีน้ำตาลเข้มเสยขึ้นจนเห็นหน้าผากเกลี้ยงเกลา เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนพับแขนเสื้อขึ้นจนเห็นท่อนแขนที่แลดูจะผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก เมื่อมองภาพรวมแล้วจึงพอจะบอกได้เลยว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีฐานะดีแน่นอน

 

"พี่อายุเท่าไรคะ?" หญิงสาวถามให้แน่ใจก่อนที่จะตอบรับไมตรี

 

"ยี่สิบห้า น้องล่ะ?" มาถึงตรงนี้แพรวจำเป็นต้องกลั้นหัวเราะ เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอชอบเลย

 

"ยี่สิบเก้าค่ะ" แพรวยกแก้วในมือขึ้นดื่มเองโดยไม่ชนกับชายหนุ่มอายุน้อยตรงหน้า

 

"ไม่สนใจแฟนเด็กเหรอครับ?" ชายคนนั้นถือวิสาสะมานั่งเก้าอี้ว่างตรงข้างแพรว เขาวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้าไปในแววตาของแพรว

 

คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะใจอ่อนเหรอ?

 

"พอดีชอบคนอายุมากกว่าค่ะ" แพรวส่งยิ้มให้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท พยายามทำเสียงให้ออกมานุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เธอน่ะ นักปฏิเสธมือหนึ่งอยู่แล้ว ผ่านประสบการณ์การปฏิเสธคนมานับครั้งไม่ถ้วน

 

"ทำไงผมถึงจะแก่กว่าพี่อะ?" ดูเหมือนมันจะยังไม่จบง่ายๆ เขาเท้าแขนลงกับโต๊ะ ทำสีหน้าออดอ้อนชวนให้เห็นใจ

 

"เดี๋ยวคุณก็เจอคนที่ดีกว่าพี่เองค่ะ" ในหัวหญิงสาวเฟ้นหาวิธีไล่เจ้าหมอนี่ออกไป

 

"แต่ผมไม่เคยเจอใครดีเท่าพี่แล้ว" ดูอาการตอนนี้ชายวัยยี่สิบห้าคนนี้ช่างดูเหมือนเด็กวัยห้าขวบที่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นที่อยากได้ให้

 

"เราเพิ่งเจอพี่เอง แล้วเรารู้ได้ไงว่าไม่มีใครดีเท่าพี่ ฮะ?" แพรวเริ่มสงสัย คำหวานจากปากหนุ่มคนนี้ช่างน่าขัน

 

"ผมมาที่นี่หลายรอบแล้ว ผมแอบมองพี่มาตลอด" เขายังไม่หยุดส่งสายตาออดอ้อน

 

"อุ๊ยตาย" แพรวแกล้งยกมือข้างที่ว่างอยู่ทาบอก

 

"แล้วทำไมเพิ่งมาจีบล่ะคะ?" เธออดที่จะถามไม่ได้

 

หนุ่มผมน้ำตาลยกมือขึ้นเกาศีรษะ แสร้งทำให้ดูว่าตนขวยเขิน ทว่ามันดูเหมือนการแกล้งทำมากกว่าในสายตาแพรว

 

"ก็…พี่สวยเกินไป" มาถึงตรงนี้แพรวหัวเราะออกมา มุกเห่ย ๆ แบบนี้ยังไม่หมดไปอีกเหรอเนี่ย

 

"ฟังนะคะ" แพรวกลับมาใช้เสียงละมุนหู

 

"พี่ไม่ได้คิดกับน้องเชิงชู้สาวเลยค่ะ" หวังว่าสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกไปเขาจะรับรู้นะ

 

 

 

เพล้ง! 

 

 

 

ชายหนุ่มปัดแก้วลงพื้นจนแตกกระตาย คนที่อยู่โต๊ะใกล้เคียงหันมามองด้วยความตกใจ

 

"คิดว่าสวยนักหรือไงวะ" ไม่มีอีกแล้วเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน

 

"ที่เมตตาเล่นด้วยเพราะเห็นนั่งคนเดียวหรอก"

 

ได้ยินมาถึงตรงนี้ความโกรธของแพรวพลันปะทุขึ้น

 

เมตตา? เราไม่ได้ร้องขอให้ใครมาเมตตาเราสักหน่อยนี่ แล้วต้องโลกแคบขนาดไหนถึงคิดว่าคนไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นคนน่าสมเพชล่ะเนี่ย

 

"ไม่ได้ขอให้มาสงสารเสียหน่อย" แพรวยักไหล่

 

"แล้วปาแก้วลงพื้นแบบนั้น อย่าลืมจ่ายเงินให้ทางร้านด้วยนะคะ" หญิงสาวยกกระเป๋าสะพายข้างขึ้นพาดบ่าเตรียมออกเดินออกไป แต่สายกระเป๋ากลับถูกคว้าเอาไว้

 

"คิดว่าจะไปง่าย ๆ แบบนี้หรือไง?" พูดจบก็กระชากกระเป๋าเต็มแรงจนร่างของหญิงสาวเซล้มลงกับพื้น แพรวรู้สึกเจ็บที่น่อง เมื่อก้มลงมองก็พบว่าถูกเศษแก้วปักเข้าเสียแล้ว

 

โทรศัพท์นับสิบเครื่องถูกชูขึ้นมาเพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ เสียงดนตรีเงียบหายไปแล้ว แพรวพยายามลุกขึ้นแต่พื้นก็ลื่นจนเซจวนจะล้มไปอีกรอบ

 

 

 

ทว่าไม่เป็นอย่างนั้น มีใครบางคนเข้ามาประคองเธอไม่ให้ลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง เมื่อหันไปก็พบกับผู้หญิงผมสีเหล้าองุ่นคนหนึ่งเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ได้ทัน

 

 

 

เขามาตั้งแต่ตอนไหน?

 

 

 

ยังไม่ทันที่แพรวจะสิ้นสงสัย หญิงคนนั้นก็ถามขึ้นมาก่อน

 

"โอเคไหมคะ?" แม้ลมหายใจจะเป็นกลิ่นสุรา แต่เสียงนั้นหวานปานน้ำผึ้ง

 

"คะ…ค่ะ" แพรวตอบกลับไป ก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับชายโมโหร้ายคนนั้นอีกครั้ง

 

"ก็บอกแล้วไงคะ ว่าไม่ชอบ" หญิงสาวพูดอย่างหนักแน่น

 

มือใหญ่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นสีแดงก่ำ

 

"เออ!" ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินกระแทกเท้าออกไป ท่ามกลางเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นมารอบทิศ

 

มุงกันเยอะขนาดนี้แต่คนที่มาช่วยเรามีแค่คนเดียวเนี่ยนะ? แพรวถอนหายใจ

 

 

 

 

 

"จริง ๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะคะ" แพรวเอ่ยด้วยความเกรงใจกับหญิงสาวผมสีไวน์แดงผู้สวมเดรสสายเดี่ยวสีดำที่กำลังขับรถอยู่ข้าง ๆ 

 

"คุณตัองไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลค่ะ จากนั้นก็ต้องไปสถานีตำรวจ" เธออธิบายอย่างใจเย็น

 

"เดี๋ยวต่อจากนั้นฉันจัดการเองก็ได้ค่ะ คุณส่งฉันที่โรงพยาบาลเลยก็ได้นะคะ นี่ก็ตีสองแล้ว" แพรวเหลือบมองนาฬิกาตรงหน้ารถ

 

 "คุณเห็นผู้ชายคนนั้นไหมคะ? เขาพาเพื่อนมาเป็นแก๊งเลยแน่ะ" เสียงหวานเอ่ย

 

"ฉันปล่อยให้คุณไปไหนมาไหนคนเดียวตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ" สารถีสาวบอกแบบนั้น

 

 

 

หลังจากพาเธอไปล้างแผลในห้องน้ำที่ร้านเหล้าแล้ว สาวผมแดงอมม่วงคนนี้ก็ชวนเธอขึ้นรถแล้วขับออกมา

 

 

 

"ขอทราบชื่อกับเบอร์โทรฯคุณไว้ได้ไหมคะ?" เป็นสาวเดรสดำที่เอ่ยในสิ่งที่แพรวกำลังคิดเอาไว้ก่อน

 

เธอก็กำลังจะขอชื่อกับเบอร์โทรฯหญิงใจดีคนนี้พอดีเลย

 

"แพรวค่ะ" เธอเอ่ย ก่อนจะรับมือถือจากสาวผมแดงมาพิมพ์เบอร์ของตน ไม่นานก็มีเสียงดังจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสีชมพูเข้มของแพรว เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่เคยได้บันทึกไว้

 

"เบอร์ฉันเองค่ะ มิดไนท์หรือเรียกว่าวันใหม่ก็ได้" สาวใจดีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

 

"ขอบคุณนะคะ คุณมิดไนท์" แพรวเอ่ยด้วยความจริงใจก่อนจะเดินหันหลังเข้าไปในอาคารคอนโดมิเนียมของตน

 

"ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้ตลอดเลยนะคะ" มิดไนท์ตอบด้วยรอยยิ้ม