3 ตอน Chapter 2
โดย Mianami
Chapter 2
ร่างของผู้ชายคนนั้นไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวและเย็นเฉียบ แต่ถึงอย่างนั้นมินกยูก็ยังคงสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันแผ่วเบาแม้เจ้าตัวจะยังไม่ได้สติก็ตาม รอยเลือดแห้งกรังบนเสื้อผ้านั่นทำให้เขาต้องรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด
เด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ค่อยๆประคองร่างตรงหน้าขึ้นมา อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโชคดีก็ได้ที่ผู้ชายคนนี้ตัวเล็กกว่าเขาค่อนข้างมาก และเพราะแขนข้างซ้ายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไป ทำให้มินกยูแบกคนตรงหน้าขึ้นหลังได้อย่างไม่ลำบากนัก
ช่วยไม่ได้คงต้องพากลับไปที่ห้องก่อนแล้วล่ะ
บอกกับตัวเองว่าไม่ใช่เพราะความใจอ่อนหรอก แต่เป็นเพราะหิมะที่กำลังตกหนักต่างหากที่ทำให้เขาต้องพาชายแปลกหน้าคนนี้กลับไปที่พักด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเด็กหนุ่มไม่มีปัญญาพาคนแปลกหน้าไปยังโรงพยาบาลและก็คิดว่าถ้าไซบอร์กอย่างเขาเรียก ตำรวจก็คงไม่มีทางมาหรอก
ดีไม่ดีตำรวจอาจจะคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุก็ได้
มีแต่ความเงียบงันตามทางที่มินกยูเดินกลับ เนื่องจากย่านที่เขาอาศัยอยู่นั้นเป็นย่านของชนชั้นกลางทั่วไปที่พอตกดึกทุกคนก็รีบเข้านอนเพื่อที่จะตื่นมาทำงานในตอนเช้า มันอาจจะไม่หรูหรานักแต่ที่นี่ ก็เป็นไม่กี่ที่ ที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันกับไซบอร์กได้
ถึงจะเป็นการอยู่แบบต่างคนต่างอยู่ก็เถอะ
แบกคนบนหลังไปได้สักพักก็มาถึงอาคารที่เด็กหนุ่มพักอยู่ มินกยูมองแสงไฟที่ลอดออกมาจากใต้ประตูห้องด้วยสายตาโล่งใจ
รูมเมทของเขายังไม่นอน
ไซบอร์กหนุ่มเคาะประตู รอครู่หนึ่งก่อนจะมีคนมาเปิด
“ทำไมไม่... เกิดอะไรขึ้น?” ประโยคสุดท้ายเป็นการอุทานอย่างตกใจเมื่อคนที่เดินมาเปิดประตูเห็นสภาพของเขาและคนแปลกหน้า
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” มินกยูพึมพำ ก่อนแทรกตัวเข้าไปในห้อง
ห้องพักของเขาเป็นห้องขนาดเล็กที่กั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เป็นห้องน้ำแคบๆ มีห้องครัวหรือส่วนหนึ่งของระเบียงอยู่ทางด้านหลัง ภายในห้องประกอบไปด้วยเตียง 2 ชั้น ที่มีตู้เก็บของวางชิดอยู่ ในขณะที่อีกผนังอีกด้านมีโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นหนังสือวางชิดอยู่กับตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก ฮีทเตอร์เครื่องเล็กกำลังทำงานอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
มินกยูวางคนบนหลังลงบนเตียงชั้นล่างอย่างระมัดระวัง
“ดูให้หน่อยได้ไหม?” เด็กหนุ่มหันไปเอ่ยกับรูมเมทที่ยืนมองอยู่ ก่อนขยับตัวให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ได้มากขึ้น รูมเมทของมินกยูไม่พูดอะไรยามย่อตัวลงเล็กน้อยยามสำรวจร่างกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ จากนั้นจึงหันมาสั่ง
“ไปเอาผ้าสะอาดกับน้ำอุ่นมา” ไซบอร์กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาพร้อมของที่คนเป็นเพื่อนสั่ง
ดิเอท หรือ หมิงฮ่าว สวี่ รูมเมทของเขาทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำเมืองนิวโซลแห่งนี้ นั่นเป็นเหตุผลให้เขาไว้ใจที่จะให้ผู้เป็นเพื่อนเป็นคนดูแลคนแปลกหน้าคนนั้น
มินกยูถอยออกมาเล็กน้อยในขณะที่คนเป็นเพื่อนสาละวนกับร่างกายของคนตรงหน้า ดิเอทพึมพำอะไรกับตัวเองสักอย่างเป็นคำศัพท์ที่เด็กหนุ่มฟังไม่ออก ก่อนเดินไปเปิดตู้เก็บของแล้วหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่พวกเขามีไว้ติดห้องเนื่องจากได้มาฟรีๆจากที่ทำงาน
“เป็นอะไรมากไหม?” ไซบอร์กหนุ่มถาม
“มีแผลที่หัวกับไหล่ คิดว่าน่าจะโดนยิงมา ส่วนที่เหลือเป็นแค่รอยฟกช้ำธรรมดา” คนที่กำลังสาละวนอยู่ตอบ “นายไปเก็บใครมาเนี่ย มินกยู”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” มินกยูพึมพำ ความหวาดระแวงในใจเริ่มบังเกิด นี่เขาคงไม่ได้ไปเก็บคนร้ายหรือคนที่ทางการต้องการตัวมาใช่ไหม “ว่าแต่นายรักษาได้รึเปล่า?”
รูมเมทของเขาพยักหน้า “แผลแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก แล้วได้แจ้งตำรวจรึยัง?”
“ยัง รอพรุ่งนี้ก่อน ตอนนี้หิมะตกหนักมาก” เด็กหนุ่มว่าพลางเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างที่ยังมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง “ว่าแต่ ผู้ชายคนนี้...”
“เป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็น” ดิเอทชิงตอบก่อนที่เขาจะพูดจบ ส่วนคนฟังก็แค่พยักหน้าเงียบๆ
ภาพสะท้อนของเขา ดิเอท และผู้มาใหม่ที่สะท้อนจากกระจกใสทำให้มินกยูอดไม่ได้ที่จะเหยียดยิ้มที่คล้ายกับกำลังขบขันออกมา มันเป็นภาพที่น่าแปลกประหลาด เมื่อทั้งมนุษย์ ไซบอร์ก และฮิวแมนนอยด์มาอยู่ในห้องเดียวกัน
ดิเอทเป็นฮิวแมนนอยด์...
ทุกส่วนของรูมเมทของมินกยูล้วนแต่ทำมาจากโลหะ หากคนตรงหน้าเขายังคงมีความคิด และมีความรู้สึกจากการทำงานของเส้นประสาทเทียมและความทรงจำของใครสักคนที่ถูกบรรจุไว้ภายใน
ถ้าสิ่งที่ไซบอร์กอย่างเขาเจอเรียกว่าความเกลียดชังแล้วล่ะก็ สิ่งที่ดิเอทเจอดูเหมือนจะหนักกว่าหลายเท่านัก เพราะอย่างน้อยมินกยูก็เริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์
แตกต่างจากฮิวแมนนอยด์ที่ไม่มีส่วนใดเป็นมนุษย์เลย
โชคยังดีที่ดูเหมือนว่าเจ้าของความทรงจำของดิเอทจะเคยเป็นแพทย์มาก่อน นั่นทำให้รูมเมทของมินกยูได้ทำงานในโรงพยาบาลที่มีการต่อต้านน้อยกว่าที่อื่น และนั่นก็ช่วยให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างดีกว่าไซบอร์กหรือฮิวแมนนอยด์ทั่วไป
“ว่างนักก็เอานี่ไปแขวนซะ”
ดิเอทที่เห็นว่าเขาเอาแต่มองเงาสะท้อนจากหน้าต่างโยนอะไรบางอย่างมาให้ เรียกให้ไซบอร์กหนุ่มต้องรีบคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
มินกยูมองเสื้อโค้ตสีดำในอ้อมแขนที่มีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่แล้วอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้าออกมา หากก็ยอมเดินไปที่ระเบียงเพื่อแขวนมันไว้นอกห้องโดยไม่พูดอะไร
บางทีดิเอทอาจจะลืมไปว่าเขาไม่ได้ชินกับเรื่องพวกนี้เหมือนตัวเอง...
มินกยูค่อยๆแขวนเสื้อโค้ตบนราวโดยพยายามสัมผัสคราบเลือดให้น้อยที่สุด ถึงตอนนี้เองที่เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
มีบางสิ่งถูกห่อไว้ซ่อนในกระเป๋าด้านใน
ด้วยความสงสัยรวมกับความหวาดระแวงที่อดไม่ได้ที่จะมี ทำให้เด็กหนุ่มเลือกที่จะละเลยมารยาทขั้นพื้นฐาน โดยหยิบมันออกมาดู ก่อนคลี่ผ้าที่ห่อไว้ออก
มันเป็นกล่องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก สัญลักษณ์ไม่คุ้นตาที่สลักอยู่บนฝากล่องทำให้ไซบอร์กหนุ่มต้องเลิกคิ้ว ลังเลเล็กน้อย หากแต่ก็เลือกที่จะเปิดมันออก ก่อนชะงักงันเมื่อมองเห็นของข้างใน
ดอกกุหลาบสีดำ...
มินกยูค่อยๆแตะปลายนิ้วลงบนกลีบดอกที่ดูบอบบาง สัมผัสเยียบเย็นที่รู้สึกได้ทำให้ไซบอร์กหนุ่มรู้ว่าความคิดของเขาถูกต้อง
ดอกกุหลาบนี้ทำมาจากเหล็ก
แม้จะไม่ใช่ของจริง หากแต่ไม่ว่าจะเป็น กิ่งก้าน เส้นใบ หรือกลีบดอกทุกกลีบที่ซ้อนกันอยู่อย่างปรานีต ก็ทำให้ดอกไม้ตรงหน้าเขาดูงดงามไม่ต่างจากของจริงเลย
ไซบอร์กหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามกลีบดอกด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
ดอกกุหลาบดอกนี้มีความหมายซ่อนอยู่
มันเป็นคำเปรียบเปรยที่ไม่ว่าเด็กคนไหนในเมืองนิวโซลซิตี้นี้ต้องเคยได้ยินโดยเฉพาะถ้าคุณเป็นไซบอร์กหรือฮิวแมนนอยด์
ดอกกุหลาบที่ทำจากเหล็ก แม้จะไม่ใช่ของจริงและมีรูปลักษณ์บางส่วนที่ดูขัดตา แต่ยังไงซะก็ยังเป็นดอกไม้ ยังคงงดงามและแสดงได้ถึงความอ่อนหวาน เหมือนไซบอร์ก... เหมือนฮิวแมนนอยด์... ที่ถึงจะมีบางส่วนเป็นของเทียม แต่ก็ยังคงมีความคิด มีความรู้สึก
และยังคงมีความเป็นมนุษย์
เพราะแบบนี้มันถึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนบางกลุ่มจนรัฐบาลสั่งห้ามประดิษฐ์ และกลายเป็นของต้องห้าม
สัญลักษณ์ของ 'กลุ่มต่อต้านรัฐบาล'
มินกยูกลืนน้ำลายอย่างเฝื่อนคอ ก่อนปิดฝากล่องแล้วซ่อนของตรงหน้าไว้ที่เดิมอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงดิเอทเรียก
"มินกยู"
"อะไร"
"ฉันคิดว่านายควรมาที่นี่หน่อยนะ" น้ำเสียงแปลกๆของคนเป็นเพื่อนทำให้มินกยูต้องเดินกลับไปที่เตียงอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ลางสังหรณ์ของเด็กหนุ่มเริ่มส่งเสียงเตือน
ให้ตายสิ นี่เขาไปเก็บใครมากันแน่นะ...
"ทำไมเหรอ"
ดิเอทไม่ตอบ ฮิวแมนนอยด์ขยับตัวเพื่อให้เด็กหนุ่มได้มองเห็นคนที่นอนอยู่ชัดเจนขึ้น
อาจเพราะในตอนแรกมีแต่แสงสลัวจากไฟกริ่ง รวมถึงเส้นผมสีดำที่ปรกหน้าคนตรงหน้าอยู่ ทำให้ถึงแม้มินกยูจะมีดวงตาข้างซ้ายที่มองเห็นได้ชัดกว่าคนปกติ แต่เขาก็ยังมองเห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าไม่ชัดนัก ประกอบกับอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปสนใจมากกว่าแทน
แต่ทว่าในตอนนี้ ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ใบหน้าของคนที่หลับใหลอยู่ก็ทำให้มินกยูต้องอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจพร้อมๆกับความงุนงงที่ดูเหมือนจะท่วมท้นขึ้นมา เมื่อความทรงจำบอกให้รู้ว่าเขารู้จักคนตรงหน้า
แม้จะไม่เคยพบตัวจริง และแม้จะเคยเห็นจากเครื่องฉายโฮโลแกรมเท่านั้น แต่มินกยูก็จำได้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร
หนึ่งในบุคคลที่ไม่ควรมานอนอยู่ตรงนี้และไม่ควรข้องเกี่ยวกับดอกกุหลาบเหล็กมากที่สุด
วอนอู จอน
สหายคนสนิทของมกุฎราชกุมารซึงชอล รัชทายาทแห่งสหพันธรัฐตะวันออก
TBC
Comments (0)