Chapter 2

 

          ร่างของผู้ชายคนนั้นไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวและเย็นเฉียบ แต่ถึงอย่างนั้นมินกยูก็ยังคงสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันแผ่วเบาแม้เจ้าตัวจะยังไม่ได้สติก็ตาม รอยเลือดแห้งกรังบนเสื้อผ้านั่นทำให้เขาต้องรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด

            เด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ค่อยๆประคองร่างตรงหน้าขึ้นมา อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโชคดีก็ได้ที่ผู้ชายคนนี้ตัวเล็กกว่าเขาค่อนข้างมาก และเพราะแขนข้างซ้ายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไป ทำให้มินกยูแบกคนตรงหน้าขึ้นหลังได้อย่างไม่ลำบากนัก

            ช่วยไม่ได้คงต้องพากลับไปที่ห้องก่อนแล้วล่ะ

            บอกกับตัวเองว่าไม่ใช่เพราะความใจอ่อนหรอก แต่เป็นเพราะหิมะที่กำลังตกหนักต่างหากที่ทำให้เขาต้องพาชายแปลกหน้าคนนี้กลับไปที่พักด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเด็กหนุ่มไม่มีปัญญาพาคนแปลกหน้าไปยังโรงพยาบาลและก็คิดว่าถ้าไซบอร์กอย่างเขาเรียก ตำรวจก็คงไม่มีทางมาหรอก

            ดีไม่ดีตำรวจอาจจะคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุก็ได้

            มีแต่ความเงียบงันตามทางที่มินกยูเดินกลับ เนื่องจากย่านที่เขาอาศัยอยู่นั้นเป็นย่านของชนชั้นกลางทั่วไปที่พอตกดึกทุกคนก็รีบเข้านอนเพื่อที่จะตื่นมาทำงานในตอนเช้า มันอาจจะไม่หรูหรานักแต่ที่นี่ ก็เป็นไม่กี่ที่ ที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันกับไซบอร์กได้

            ถึงจะเป็นการอยู่แบบต่างคนต่างอยู่ก็เถอะ

            แบกคนบนหลังไปได้สักพักก็มาถึงอาคารที่เด็กหนุ่มพักอยู่ มินกยูมองแสงไฟที่ลอดออกมาจากใต้ประตูห้องด้วยสายตาโล่งใจ

            รูมเมทของเขายังไม่นอน

            ไซบอร์กหนุ่มเคาะประตู รอครู่หนึ่งก่อนจะมีคนมาเปิด

            “ทำไมไม่... เกิดอะไรขึ้น?” ประโยคสุดท้ายเป็นการอุทานอย่างตกใจเมื่อคนที่เดินมาเปิดประตูเห็นสภาพของเขาและคนแปลกหน้า

            “เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” มินกยูพึมพำ ก่อนแทรกตัวเข้าไปในห้อง

            ห้องพักของเขาเป็นห้องขนาดเล็กที่กั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เป็นห้องน้ำแคบๆ มีห้องครัวหรือส่วนหนึ่งของระเบียงอยู่ทางด้านหลัง ภายในห้องประกอบไปด้วยเตียง 2 ชั้น ที่มีตู้เก็บของวางชิดอยู่ ในขณะที่อีกผนังอีกด้านมีโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นหนังสือวางชิดอยู่กับตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก ฮีทเตอร์เครื่องเล็กกำลังทำงานอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง

            มินกยูวางคนบนหลังลงบนเตียงชั้นล่างอย่างระมัดระวัง

            “ดูให้หน่อยได้ไหม?” เด็กหนุ่มหันไปเอ่ยกับรูมเมทที่ยืนมองอยู่ ก่อนขยับตัวให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ได้มากขึ้น รูมเมทของมินกยูไม่พูดอะไรยามย่อตัวลงเล็กน้อยยามสำรวจร่างกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ จากนั้นจึงหันมาสั่ง

            “ไปเอาผ้าสะอาดกับน้ำอุ่นมา” ไซบอร์กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาพร้อมของที่คนเป็นเพื่อนสั่ง

            ดิเอท หรือ หมิงฮ่าว สวี่ รูมเมทของเขาทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำเมืองนิวโซลแห่งนี้ นั่นเป็นเหตุผลให้เขาไว้ใจที่จะให้ผู้เป็นเพื่อนเป็นคนดูแลคนแปลกหน้าคนนั้น

            มินกยูถอยออกมาเล็กน้อยในขณะที่คนเป็นเพื่อนสาละวนกับร่างกายของคนตรงหน้า ดิเอทพึมพำอะไรกับตัวเองสักอย่างเป็นคำศัพท์ที่เด็กหนุ่มฟังไม่ออก ก่อนเดินไปเปิดตู้เก็บของแล้วหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่พวกเขามีไว้ติดห้องเนื่องจากได้มาฟรีๆจากที่ทำงาน

            “เป็นอะไรมากไหม?” ไซบอร์กหนุ่มถาม

            “มีแผลที่หัวกับไหล่ คิดว่าน่าจะโดนยิงมา ส่วนที่เหลือเป็นแค่รอยฟกช้ำธรรมดา” คนที่กำลังสาละวนอยู่ตอบ “นายไปเก็บใครมาเนี่ย มินกยู”

            “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” มินกยูพึมพำ ความหวาดระแวงในใจเริ่มบังเกิด นี่เขาคงไม่ได้ไปเก็บคนร้ายหรือคนที่ทางการต้องการตัวมาใช่ไหม  “ว่าแต่นายรักษาได้รึเปล่า?”

            รูมเมทของเขาพยักหน้า   “แผลแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก แล้วได้แจ้งตำรวจรึยัง?”

            “ยัง รอพรุ่งนี้ก่อน ตอนนี้หิมะตกหนักมาก” เด็กหนุ่มว่าพลางเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างที่ยังมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง “ว่าแต่ ผู้ชายคนนี้...”

            “เป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็น” ดิเอทชิงตอบก่อนที่เขาจะพูดจบ ส่วนคนฟังก็แค่พยักหน้าเงียบๆ

            ภาพสะท้อนของเขา ดิเอท และผู้มาใหม่ที่สะท้อนจากกระจกใสทำให้มินกยูอดไม่ได้ที่จะเหยียดยิ้มที่คล้ายกับกำลังขบขันออกมา มันเป็นภาพที่น่าแปลกประหลาด เมื่อทั้งมนุษย์ ไซบอร์ก และฮิวแมนนอยด์มาอยู่ในห้องเดียวกัน

            ดิเอทเป็นฮิวแมนนอยด์...

            ทุกส่วนของรูมเมทของมินกยูล้วนแต่ทำมาจากโลหะ หากคนตรงหน้าเขายังคงมีความคิด และมีความรู้สึกจากการทำงานของเส้นประสาทเทียมและความทรงจำของใครสักคนที่ถูกบรรจุไว้ภายใน

            ถ้าสิ่งที่ไซบอร์กอย่างเขาเจอเรียกว่าความเกลียดชังแล้วล่ะก็ สิ่งที่ดิเอทเจอดูเหมือนจะหนักกว่าหลายเท่านัก เพราะอย่างน้อยมินกยูก็เริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์

            แตกต่างจากฮิวแมนนอยด์ที่ไม่มีส่วนใดเป็นมนุษย์เลย

            โชคยังดีที่ดูเหมือนว่าเจ้าของความทรงจำของดิเอทจะเคยเป็นแพทย์มาก่อน นั่นทำให้รูมเมทของมินกยูได้ทำงานในโรงพยาบาลที่มีการต่อต้านน้อยกว่าที่อื่น และนั่นก็ช่วยให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างดีกว่าไซบอร์กหรือฮิวแมนนอยด์ทั่วไป

            “ว่างนักก็เอานี่ไปแขวนซะ”

            ดิเอทที่เห็นว่าเขาเอาแต่มองเงาสะท้อนจากหน้าต่างโยนอะไรบางอย่างมาให้ เรียกให้ไซบอร์กหนุ่มต้องรีบคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว

            มินกยูมองเสื้อโค้ตสีดำในอ้อมแขนที่มีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่แล้วอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้าออกมา หากก็ยอมเดินไปที่ระเบียงเพื่อแขวนมันไว้นอกห้องโดยไม่พูดอะไร

            บางทีดิเอทอาจจะลืมไปว่าเขาไม่ได้ชินกับเรื่องพวกนี้เหมือนตัวเอง...

            มินกยูค่อยๆแขวนเสื้อโค้ตบนราวโดยพยายามสัมผัสคราบเลือดให้น้อยที่สุด ถึงตอนนี้เองที่เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

มีบางสิ่งถูกห่อไว้ซ่อนในกระเป๋าด้านใน

ด้วยความสงสัยรวมกับความหวาดระแวงที่อดไม่ได้ที่จะมี ทำให้เด็กหนุ่มเลือกที่จะละเลยมารยาทขั้นพื้นฐาน โดยหยิบมันออกมาดู ก่อนคลี่ผ้าที่ห่อไว้ออก

มันเป็นกล่องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก สัญลักษณ์ไม่คุ้นตาที่สลักอยู่บนฝากล่องทำให้ไซบอร์กหนุ่มต้องเลิกคิ้ว ลังเลเล็กน้อย หากแต่ก็เลือกที่จะเปิดมันออก ก่อนชะงักงันเมื่อมองเห็นของข้างใน

ดอกกุหลาบสีดำ...

มินกยูค่อยๆแตะปลายนิ้วลงบนกลีบดอกที่ดูบอบบาง สัมผัสเยียบเย็นที่รู้สึกได้ทำให้ไซบอร์กหนุ่มรู้ว่าความคิดของเขาถูกต้อง

ดอกกุหลาบนี้ทำมาจากเหล็ก

แม้จะไม่ใช่ของจริง หากแต่ไม่ว่าจะเป็น กิ่งก้าน เส้นใบ หรือกลีบดอกทุกกลีบที่ซ้อนกันอยู่อย่างปรานีต ก็ทำให้ดอกไม้ตรงหน้าเขาดูงดงามไม่ต่างจากของจริงเลย

ไซบอร์กหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามกลีบดอกด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก

ดอกกุหลาบดอกนี้มีความหมายซ่อนอยู่

มันเป็นคำเปรียบเปรยที่ไม่ว่าเด็กคนไหนในเมืองนิวโซลซิตี้นี้ต้องเคยได้ยินโดยเฉพาะถ้าคุณเป็นไซบอร์กหรือฮิวแมนนอยด์

 ดอกกุหลาบที่ทำจากเหล็ก แม้จะไม่ใช่ของจริงและมีรูปลักษณ์บางส่วนที่ดูขัดตา แต่ยังไงซะก็ยังเป็นดอกไม้ ยังคงงดงามและแสดงได้ถึงความอ่อนหวาน เหมือนไซบอร์ก... เหมือนฮิวแมนนอยด์... ที่ถึงจะมีบางส่วนเป็นของเทียม แต่ก็ยังคงมีความคิด มีความรู้สึก

และยังคงมีความเป็นมนุษย์

เพราะแบบนี้มันถึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนบางกลุ่มจนรัฐบาลสั่งห้ามประดิษฐ์ และกลายเป็นของต้องห้าม

สัญลักษณ์ของ 'กลุ่มต่อต้านรัฐบาล'

มินกยูกลืนน้ำลายอย่างเฝื่อนคอ ก่อนปิดฝากล่องแล้วซ่อนของตรงหน้าไว้ที่เดิมอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงดิเอทเรียก

"มินกยู"

"อะไร"

"ฉันคิดว่านายควรมาที่นี่หน่อยนะ" น้ำเสียงแปลกๆของคนเป็นเพื่อนทำให้มินกยูต้องเดินกลับไปที่เตียงอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ลางสังหรณ์ของเด็กหนุ่มเริ่มส่งเสียงเตือน

ให้ตายสิ นี่เขาไปเก็บใครมากันแน่นะ...

"ทำไมเหรอ"

ดิเอทไม่ตอบ ฮิวแมนนอยด์ขยับตัวเพื่อให้เด็กหนุ่มได้มองเห็นคนที่นอนอยู่ชัดเจนขึ้น

อาจเพราะในตอนแรกมีแต่แสงสลัวจากไฟกริ่ง รวมถึงเส้นผมสีดำที่ปรกหน้าคนตรงหน้าอยู่ ทำให้ถึงแม้มินกยูจะมีดวงตาข้างซ้ายที่มองเห็นได้ชัดกว่าคนปกติ แต่เขาก็ยังมองเห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าไม่ชัดนัก ประกอบกับอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปสนใจมากกว่าแทน

แต่ทว่าในตอนนี้ ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ใบหน้าของคนที่หลับใหลอยู่ก็ทำให้มินกยูต้องอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจพร้อมๆกับความงุนงงที่ดูเหมือนจะท่วมท้นขึ้นมา เมื่อความทรงจำบอกให้รู้ว่าเขารู้จักคนตรงหน้า

แม้จะไม่เคยพบตัวจริง และแม้จะเคยเห็นจากเครื่องฉายโฮโลแกรมเท่านั้น  แต่มินกยูก็จำได้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร

หนึ่งในบุคคลที่ไม่ควรมานอนอยู่ตรงนี้และไม่ควรข้องเกี่ยวกับดอกกุหลาบเหล็กมากที่สุด

วอนอู จอน

สหายคนสนิทของมกุฎราชกุมารซึงชอล รัชทายาทแห่งสหพันธรัฐตะวันออก

 

 

 

 

TBC