1 ตอน 00 Prologue - คำทำนายที่ขาดหาย
โดย zonlicht
เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัยสี่ปีในชุดกระโปรงลายดาวสีกรมท่า กำลังกินไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อยในสนามเด็กเล่นอยู่คนเดียว ระหว่างรอผู้เป็นแม่คุยธุระสำคัญผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แก้มกลมราวกับลูกโมจิยามเมื่อขยับริมฝีปาก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้ตาสองชั้นแสนหวานทอดมองเบื้องหน้า เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กเล็กที่เล่นเครื่องเล่นอย่างสนุกสนานไม่อาจทำให้วินรู้สึกสนุกตามได้ ราวกับความสุขทั้งหมดกระจุกรวมอยู่ที่ช็อกโกแลตเคลือบปลายแท่ง เธอดื่มด่ำกับของหวานจนไม่ทันสังเกตว่ามีหญิงวัยกลางคนกำลังจ้องอยู่
“หนู…หนูจ๊ะ”
วินหันไปมองทางต้นเสียง เห็นหญิงคนหนึ่งนั่งไม่ไกลนัก เสื้อสีขาวหม่นเต็มไปด้วยรอยขาดวิ่นและคราบสกปรก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาลึกโหลกับโหนกแก้มสูงจนหน้าตอบทำให้เด็กน้อยเขยิบออกห่างโดยไม่ละสายตาจากใบหน้า มือผอม ๆ ราวกับหนังหุ้มกระดูกเอื้อมมาใกล้หมายจะแตะตัว ทว่ากลับมีไอศกรีมมาคั่นกลางเสียก่อน
“ให้”
เด็กก็ยังเป็นเด็ก ไร้เดียงสาราวกับผ้าสะอาด วินเข้าใจว่าป้าคนนี้คงหิวเลยจะขอกินไอศกรีมแสนอร่อยด้วย นัยน์ตาสีเข้มมองช็อกโกแลตบนปลายแท่งอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่ดูจากสภาพของคนตรงหน้าน่าจะต้องการขนมมากกว่าเธอ
“โธ่…ช่างเป็นเด็กที่จิตใจงดงามจริง ๆ” หญิงแปลกหน้าชะงักมือแล้วยิ้มอวดฟันซี่เล็กที่มีคราบสีดำติดเต็มไปหมด “ไม่น่ามาเจอชีวิตแบบนี้เลย”
วินมองหญิงวัยกลางคนแล้วเลื่อนสายตามองไอศกรีมของตัวเอง ไม่เข้าใจในสิ่งที่หล่อนกำลังพูดว่าหมายถึงอะไร แต่มันต้องเกี่ยวกับส่วนปลายแท่งแหว่งไปหน่อยหนึ่งแน่ ๆ
ขณะที่เด็กหญิงกำลังจ้องของหวานในมือด้วยท่าทีสงสัย หน้านิ่วคิ้วขมวดจนน่าเอ็นดู หญิงแปลกหน้าก็ลุกขึ้นมานั่งยอง ๆ ตรงหน้า สิบนิ้วผอมเหลือแต่กระดูกจับต้นแขนเล็กไว้แน่น
“ฟังไว้ให้ดีนะ ตอนนี้หนูคงยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ป้าพูด แต่พอหนูหกขวบจะมีสัมผัสที่หกและวิญญาณร้ายจะตามหาหนูจนเจอ มันจะเกาะติดไม่ยอมไปไหน สิบเอ็ดขวบหนูจะป่วยหนัก อายุสิบเจ็ดจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และพอครบ....”
เสียงหวีดร้องของเด็กหญิงบนเครื่องเล่นกลบคำพูดที่เหลือทั้งหมดราวกับริมฝีปากนั้นขยับแต่ไม่ได้เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา วินมองหญิงแปลกหน้านิ่งงัน ไม่เข้าใจในสิ่งที่หล่อนพูดถึงเลยสักนิด และยิ่งงงงวยเมื่อเห็นคนตรงหน้าเหม่อมองไปทางด้านหลังพร้อมขยับปากพูดอะไรบางอย่าง เสียงที่ลอดผ่านริมฝีปากหนาแผ่วเบาคล้ายกระซิบ จู่ ๆ ต้นแขนบริเวณที่โดนจับก็แสบร้อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับถูกเหล็กลนไฟกดทับไว้จนปวดแสบปวดร้อน เธอเริ่มแหกปากร้องไห้ ไอศกรีมร่วงจากมือเล็กลงสู่พื้นดิน
ผู้เป็นแม่หันกลับมามองทันที เมื่อเห็นลูกสาวกำลังยืนอยู่กับหญิงแปลกหน้าท่าทางมีพิรุธก็รีบถลาเข้ามาผลักจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า ทว่าหล่อนไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองใด ๆ รอยยิ้มเหยียดกว้างอวดฟันกระดำกระด่าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงช้า ๆ โดยไม่สนใจปัดฝุ่นดินที่เปื้อนเสื้อผ้า
“อย่ามาแตะตัวลูกฉันนะ! ไปขอทานไกล ๆ โน่น ชิ่ว!!”
แม่สะบัดมือไปด้านหน้าไล่หญิงที่เธอกล่าวหาว่าเป็นขอทาน แล้วรีบนั่งยอง ๆ พลางกอดลูกสาวไว้
“วินเจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก? นี่ถ้าลูกฉันบาดเจ...”
หญิงวัยกลางคนพลิกตัวลูกสาวไปมาและหันเตรียมจะต่อว่าคนแปลกหน้า ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า เธอลุกขึ้นเต็มความสูงพลางกวาดตามองหาเป้าหมาย เสียงรอบข้างยังดังเช่นเดิม เด็กเล็กเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนานเช่นเดิมราวกับไม่เคยมีหญิงท่าทางไม่น่าไว้ใจย่างกรายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้มาก่อน แม่รีบอุ้มวินที่ยืนมองไอศกรีมละลายไว้แนบอกและรีบตรงกลับบ้านทันที
วินสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเฉกเช่นทุกคืน เหงื่อไหลโซมกายทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องยังทำงานจนหนาวปวดกระดูก ลมหายใจหอบหนักราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งทำเวลา มือเรียวปัดปอยผมชื้นเหงื่อออกจากใบหน้า
ฝันแบบนี้อีกแล้ว
อากาศบริสุทธิ์ไหลผ่านโพรงจมูกเข้าสู่ปอดเมื่อวินพยายามปรับลมหายใจให้กลับสู่สภาวะปกติ แต่เธอไม่อาจควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้สงบลงได้เลย ประโยคสุดท้ายยังติดในห้วงความทรงจำไม่ไปไหน ในฝันจดจำการขยับของริมฝีปากได้เป็นอย่างดี ทว่าพอรู้สึกตัวกลับนึกไม่ออกราวกับชิ้นส่วนนั้นถูกมือที่มองไม่เห็นหยิบไปซ่อนไว้
วินล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แสงสลัวจากไฟทางลอดรอยแยกของผ้าม่านที่พลิ้วไหวตามแรงลมจากเครื่องปรับอากาศ จิตใจไม่สงบเสียจนพลิกตัวอยู่หลายรอบก็ไม่อาจข่มตาหลับต่อได้ เธอลุกขึ้นเดินลงไปชั้นล่างเพื่อดื่มน้ำเย็น ๆ ดับความรุ่มร้อนภายในใจ แสงสว่างและเสียงคลอเบา ๆ จากโทรทัศน์ทำให้คนนอนไม่หลับแวะไปดู เห็นหญิงสาวผมยาวนั่งบนโซฟานั่งดูซีรีส์ดังเงียบ ๆ ด้านหลังที่คุ้นเคยทำให้เอ่ยเรียกชื่ออย่างไม่คิดสงสัย
“พี่แวน”
ผู้เป็นพี่ไม่ได้ตอบรับหรือหันมาตามเสียงเรียกแต่อย่างใด วินถอนหายใจพลางเดินกลับขึ้นห้องแล้วล้มตัวลงนอนเหม่อมองเพดานสักพักก่อนเปลือกตาจะปิดตัวลงช้า ๆ โดยไม่รับรู้เลยว่ามีสิ่งหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่บนหัวเตียง สองมือผอมจับเข่าทั้งสองข้างของตนเองไว้ หากแต่ใบหน้านั้นค่อย ๆ ค้อมลงมาหาคนบนเตียงและฉีกยิ้มกว้างจนมุมปากเกือบถึงหู
Comments (0)