เรื่องสั้นจากกิจกรรม Christmas 2010 Memorial

 

-----------------------------------------------------

 

หน้าหนาวปีนี้ดูเหมือนจะหนาวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ฮารุโอะห่อตัวพลางไขกุญแจประตูบ้านด้วยมือสั่นเทา เขาพ่นลมหายใจที่กลายเป็นไอสีขาวออกแรง ๆ หนึ่งครั้งแล้วเดินเข้าไปในบ้านเดี่ยวขนาดย่อมที่ตอนนี้เหลือผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียว

“กลับมาแล้วครับ”

ฮารุโอะพูดกับรูปถ่ายของพ่อกับแม่ที่ติดอยู่ข้างฝาใกล้กับประตูทางเข้าหลังจากเปิดไฟ เดินเข้าไปเปิดฮีทเตอร์เก่า ๆ แล้วอังมือใกล้ ๆ หวังคลายความหนาวเย็นที่ทำให้ตัวเขาแทบชาไปหมด ถึงแม้การทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนในร้านอาหารช่วงปลายปีจะเหนื่อยเหงื่อโทรมกายแค่ไหน แต่เขาก็ยังต้องเดินตากความหนาวกลับมาจนถึงบ้านอยู่ดี เครื่องทำความร้อนอายุขึ้นสองหลักครางอื้ออึงพักหนึ่ง ก่อนจะหยุดนิ่งในที่สุด

“เฮ้ย เป็นอะไรน่ะ อย่าเงียบไปแบบนี้สิ ฉันเหลือแค่นายเท่านั้นที่ให้ความอบอุ่นได้นะ ฟื้นขึ้นมาสิ”

ถึงจะลงทุนปั๊มหัวใจแถมผายปอดให้ด้วยก็คงไม่เป็นผล ฮารุโอะถอนหายใจยาวอย่างอ่อนล้าให้กับความไม่ค่อยมีอันจะกินของตน อีกแค่ปีเดียวเขาก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัย ถึงตอนนั้นเขาต้องหางานทำที่ดีกว่านี้ จะได้มีเงินมากกว่าระดับพอประทังชีวิตเสียที! อ้อ แต่ก่อนหน้านั้น งานพิเศษที่เขารับทำช่วงนี้จนถึงหลังปีใหม่ก็เงินดีเสียด้วย ช่วงปลายปีนั้นมีเทศกาลที่ทำให้ผู้คนออกมากินเลี้ยงนอกบ้านกันมากขึ้น ทำให้งานในร้านอาหารของเขายุ่งเป็นเงาตามตัว แต่นั่นก็เท่ากับค่าจ้างที่มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

“พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียนแล้ว จะไปทำงานตั้งแต่บ่ายเลย คงเลิกดึกเหมือนกัน พ่อกับแม่เฝ้าบ้านไว้ด้วยนะ ฮะๆๆ ผมขึ้นไปนอนล่ะ”

ฮารุโอะพูดกับป้ายวิญญาณอย่างที่เคยทำทุกวัน ถึงแม้เขาจะเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว แขนขายาวและไหล่กว้างแลดูแข็งแรงพึ่งพาได้ ต่างจากเด็กน้อยในรูปถ่ายที่ยืนจับมือพ่อกับแม่ของตน ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ยังไงเขาก็ยังคงเป็นลูกน้อยของพ่อแม่อยู่ดี

ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ทำให้ฮารุโอะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วหลังจากเอนตัวลงบนฟูก แต่อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นบวกกับดื่มน้ำเสียเยอะทำให้เขาไม่สบายตัวจนสะดุ้งตื่นในที่สุด ฮารุโอะงัวเงียคลำทางลงไปชั้นล่างหวังจะเข้าห้องน้ำ แต่แล้วเขากลับได้ยินเสียงบางอย่างจากห้องนั่งเล่น หรือจะเป็นขโมย?? บ้านนี้ก็ไม่ได้ดูมีฐานะถึงขนาดจะเชื้อเชิญนักจารกรรมเข้ามาเสียด้วย สองเท้าค่อย ๆ ก้าวอย่างเงียบเชียบ ฮารุโอะชะโงกเข้าไปดูในห้องช้า ๆ ป้ายวิญญาณของพ่อกับแม่ตั้งเด่นเป็นสง่า ใกล้กันนั้นมีเงาตะคุ่มของใครซักคน ข้างกันนั้นมีถุงใบใหญ่ตั้งอยู่บนพื้น เขากำไม้เบสบอลที่หยิบได้ใกล้ ๆ กันนั้นขึ้นมาแล้วเปิดไฟในห้องพร้อมกระโจนเข้าไป

“หยุดนะเจ้าหัวขโมย!!!”

มือใหญ่คู่นั้นเงื้อไม้เบสบอลสีหม่นพร้อม ๆ กับที่คนแปลกหน้าหันมาด้วยความตกใจ แต่พอดูใกล้ ๆ แบบนี้ฮารุโอะกลับยิ่งตกใจมากกว่า ผู้บุกรุกอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวตัวใหญ่สีแดงขลิบขาวซึ่งดูไม่สมกับร่างของชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังอ้าปาหวอพูดอะไรไม่ออก หมวกไหมพรมที่ใส่ก็เป็นสีแดงสลับขาวเข้าชุดกัน ถุงใบใหญ่บนพื้นนั่นก็ด้วย

“แกเข้ามาทางไหนน่ะเจ้าหัวขโมย ขนอะไรไปกี่อย่างแล้วมั่งหา เทของในถุงออกมาซิ” ฮารุโอะคำรามใส่อีกฝ่ายที่ยังตกตะลึงไม่หาย

“ไม่... ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้มาขโมย ผมเป็น..”

“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดย่องเบาเข้าบ้านคนอื่น ขโมยมากี่บ้านแล้วล่ะ เอ้า บอกให้เทของในถุงออกมา รึว่าจะชิมไม้เบสบอลนี่”

“ผมไม่ได้เป็นขโมย ไม่ได้ขโมยอะไรเลย ผมมาให้ของขวัญคุณต่างหาก” ชายปริศนาโบกมือพัลวันในขณะที่เอาตัวบังถุงผ้าใบใหญ่ไว้

“ทำใส่ชุดเลียนแบบซานตาคลอส คิดว่าจะตบตาได้เรอะ อย่ามาเนียนเป็นลุงซานต้าเลย”

“ผมเป็นซานตาคลอสจริงๆนะ”

“ซานตาคลอส! ชะ อย่ามาพูดให้ขำ ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ จะให้แกมาหลอกกัน แล้วนี่ก็เพิ่ง 22 ธันวา ซานต้าที่ไหนเค้ามากันคืนนี้!!”

“ก็... ให้แจกคืนคริสมาสต์อีฟคืนเดียวมันไม่ทันนี่นา” ผู้บุกรุกในชุดแดงตอบอย่างจริงจัง “ผมต้องไปตั้งหลายบ้าน เลยทยอยแจกล่วงหน้าก่อนไง เพิ่งเริ่มเมื่อคืนวานนี่เอง ไม่น่าจะเร็วไปหรอกน่า”


ถึงตอนนี้ฮารุโอะชักงงกับคำตอบของผู้มาเยือนยามวิกาล หรือจะพูดหลอกให้เราไขว้เขว? บอกออกมาได้ว่าเป็นซานตาคลอส หน้าตาท่าทางก็ไม่ใช่ลุงแก่ ๆ ไม่ลงพุง ไม่หัวเราะโฮะ ๆ ๆ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ซานตาคลอสมีจริงที่ไหนกันเล่า!! ถึงตอนเด็ก ๆ เขาจะโดนพ่อกับแม่หลอกอยู่บ่อย ๆ ก็ตามที

“เจ้าหัวขโมย อย่ามาอำฉันหน่อยเลย แน่จริงให้ดูของในถุงสิ” ฮารุโอะพยักหน้าไปทางถุงใบใหญ่ทั้งๆที่ยังเงื้อไม้เบสบอลอยู่เช่นนั้น

“ผมให้ดูไม่ได้หรอก มันเป็นความลับสุดยอด” พูดพลางคว้าถุงใบนั้นมากอดแนบอกราวกับเป็นสิ่งสำคัญ

“เฮ้ย แอบฉกของมีค่ามาเยอะล่ะสิ จะให้ฉันแจ้งตำรวจมั้ย หา”

“โธ่... เชื่อผมเถอะ ผมต้องมอบของขวัญให้คุณจริงๆนะ”

“งั้นก็เอามันออกมา”

“ไม่ได้หรอก ผมให้คุณเห็นไม่ได้เด็ดขาด ได้โปรดล่ะ กลับไปนอนเหมือนเดิมเถอะนะ” นอกจากพูดเสียงอ่อยแล้วยังส่งสายตาเว้าวอนมาอีกจนฮารุโอะต้องสะบัดหัวไล่ภาพน่าหวั่นไหวในหัวใจอกไปก่อนจะขู่อีกครั้ง

“ไม่ได้ ฉันไม่เชื่อว่าแกไม่ได้เข้ามาขโมยของจนกว่าจะได้เห็นในถุงนั่น”

ผู้บุกรุกถอนหายใจแล้วกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด ทันใดนั้นเขาเป่าปากหนึ่งครั้งจนเกิดเสียงวี้ดแล้วอาศัยจังหวะนั้นวิ่งไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดทิ้งไว้อย่างรวดเร็ว

“งั้นผมไปบ้านอื่นก่อนก็ได้ ค่อยมาคืนพรุ่งนี้”

เสียงพึมพำราวกับจะหายไปในสายลมหนาวที่พุ่งเข้ามาหอบใหญ่ ฮารุโอะชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะทิ้งไม้เบสบอลแล้ววิ่งตามไปที่หน้าต่าง แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของชายปริศนา

“หายไปไหนวะ” เขาหันมองไปทั่วในสวนแคบ ๆ ริมหน้าต่าง เงยหน้าขึ้นมองด้านบนและชะโงกข้ามไปหมายจะมองทะลุอีกบ้าน แต่กลับไม่มีวี่แววของนักย่องเบาคนนั้น

“พ่อครับ แม่ครับ มันเข้ามาได้ยังไงน่ะ ผมลงกลอนหน้าต่างไว้หมดแล้วนี่นา ใช่มั้ยครับ ผมไม่ได้เปิดมันมาหลายวันแล้วนะ ทำไมมันถึง...”

ชายหญิงในรูปถ่ายถึงแม้จะยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่คงคาดหวังคำตอบไม่ได้

**********


วันถัดมา ฮารุโอะรีบไปทำงานแต่เช้าโดยขอแลกช่วงทำงานในตอนดึกออกไป เขารู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ กับคำที่หัวขโมยในคราบซานตาคลอสทิ้งเอาไว้ ‘ค่อยมาคืนพรุ่งนี้...’ งั้นคืนนี้ก็มาอีกงั้นเหรอ มีโจรที่ไหนกล้าบอกเจ้าของบ้านว่าจะมาอีก? ยิ่งคิดก็ยิ่งหาคำตอบไม่เจอ เขาสะบัดหัวแรง ๆ หวังไล่อาการมึนงงออกไป แต่กลับมีภาพใบหน้าผู้มาเยือนเมื่อคืนนี้แทน

“หนอย.. คิดว่าน่ารักแล้วจะมาหลอกขโมยของบ้านคนอื่นได้เรอะ ฝันไปเหอะ คืนนี้ถ้ามาอีกจะจับให้ได้เลย ฮึ่ม”

คืนนั้นฮารุโอะนั่งขดในผ้าห่มผืนใหญ่กลางห้องนั่งเล่นปิดไฟมืดใกล้กับตำแหน่งที่เจอนักย่องเบาเมื่อคืน ก่อนหน้านี้เขาเดินสำรวจกลอนประตูหน้าต่างรอบบ้านจนแน่ใจว่าไม่สามารถเปิดได้เว้นแต่จะพังเข้ามา และเลือกนั่งเฝ้าในห้องนี้เพราะเขาคิดว่า ชายคนนั้นน่าจะมาทางเดิม พร้อมกันนี้ฮารุโอะยังเตรียมกาแฟพร้อมเครื่องดื่มชูกำลังไว้สำหรับการโต้รุ่งโดยเฉพาะ แต่พอมองดูอีกทีกลับรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรพิลึกชะมัด มานั่งรอหัวขโมยที่ไม่รู้จะมาจริงหรือเปล่าเนี่ยนะ

“อ๊ะ แต่ถ้าหมอนั่นมาจริง ๆ จะได้จับส่งตำรวจซะเลย อืม เพื่อความสงบสุขของเพื่อนบ้านและเพื่อทรัพย์สินของเราที่ไม่ได้มีอะไรมากมายก็เหอะ เราต้องจับเจ้าโจรชุดซานต้านี่ให้ได้”

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ฮารุโอะเผลอสัปหงกไปหลายครั้ง จนต้องซดเครื่องดื่มชูกำลังไปอีกอึกใหญ่ ข้างกายมีไม้เบสบอลคู่ชีพที่พ่อซื้อให้ตั้งแต่อยู่ประถมเผื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว ทันใดนั้นเองก็มีเสียงก๊อกแก๊กที่หน้าต่าง ฮารุโอะรีบขยับตัวหลบหลังชั้นวางหนังสือริมผนังแล้วชะโงกออกมาดู หน้าต่างบานหนึ่งขยับน้อยๆก่อนที่จะเปิดออกอย่างง่ายดาย เขาถึงกับขมวดคิ้วด้วยความฉงน ทั้งๆที่กลอนหน้าต่างเป็นแบบต้องดึงจากข้างในขึ้นมา แล้วผลักออกข้างนอก แต่ราวกับมีมือปริศนาปลดกลอนนั้นจากด้านในเผื่อเปิดทางให้กับผู้บุกรุก

ใครบางคนโยนถุงใบใหญ่ข้ามผ่านหน้าต่างแล้วปีนตามเข้ามา แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องร่างของบุคคลปริศนาจนพอมองออกว่าเป็นคนเดียวกันกับที่บุกรุกเข้ามาเมื่อคืนนี้ ชายร่างเล็กเดินลากถุงสีแดงไปทางป้ายวิญญาณ แล้วนั่งลงเปิดปากถุง ขณะที่เขากำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงนั้นเอง ฮารุโอะก็กระโจนออกจากที่ซุ่มหมายจะคว้าร่างนั้นไว้ ชายในชุดแดงรู้สึกตัวทันทีเลยรีบผลักถุงนั้นออกห่างจากฮารุโอะแล้วหันมาถีบร่างใหญ่นั้นออกจากตัว เพราะอุ้งเท้าปะทะเข้าที่กลางอกพอดี ทำให้ฮารุโอะจุกไม่น้อย เขานั่งตัวงอแล้วเงยหน้ามองอย่างเจ็บใจที่แพ้คนตัวเล็กกว่า

“ขะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บตัว ก็... ก็คุณเล่นกระโจนพรวดออกมา ผมตกใจก็เลย...”

“ไม่ต้องเลย นอกจากข้อหาบุกรุกแล้ว แกต้องโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกระทงด้วย อูย...” ฮารุโอะฝืนลุกขึ้นในที่สุดแต่ยังยืนตัวตรงไม่ได้

“ผมไม่ได้บุกรุกนะครับ แค่เอาของขวัญมาให้คุณเท่านั้น” ประโยคคำพูดเหมือนกับเมื่อคืนดังออกมาอีกครั้ง “แค่ผมวางของขวัญให้คุณเสร็จผมก็จะไปแล้ว ไม่ได้เข้ามาขโมยของอะไรของคุณจริงๆ”

“จะให้เชื่อได้ไงเล่า”

“ผมเป็นซานตาคลอสจริงๆนะ วันนี้ผมเอาบัตรประจำตัวมาให้คุณดูด้วย”

ชายผู้อ้างตัวเป็นซานต้าควักแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอประมาณให้ฮารุโอะดู นามบัตรที่เห็นท่ามกลางแสงอันน้อยนิดเหมือนจะระบุชื่อและตำแหน่งอย่างที่อ้าง พร้อมกับรูปถ่ายหน้าตรงเหมือนคนยื่นบัตรให้ดูราวกับคนเดียวกัน ฮารุโอะยื่นมือหมายจะคว้าบัตรมาดูชัด ๆ เพราะมืด ๆ แบบนี้อาจทำให้ดูพลาด แต่ถึงจะเป็นบัตรประจำตัวซานตาคลอสจริงๆ ใครมันจะไปเชื่อ!

“แล้ว... แก.. เอ่อ คุณซานต้าต้องเอาของขวัญมาให้ทุกบ้านเลยเหรอ” ฮารุโอะนึกครื้มใจลองถามเหมือนกับยอมรับคำสมอ้างของผู้มาเยือน

“อ๋อ ก็ไม่ทุกหลังหรอก เฉพาะบ้านที่มีคนขอให้ส่งของขวัญให้น่ะ” ซานต้าน้อยดูผ่อนคลายขึ้นแล้วเริ่มพุดคุยเหมือนคนปกติ “เราจะแบ่งพื้นที่กันรับผิดชอบ อย่างผมก็รับส่งในเขตนี้ ส่วนเขตอื่นก็แบ่ง ๆ กันไป”

“มาแจกแค่ช่วงคริสต์มาสรึไง”

“อืม ก็เป็นโปรเจ็คต์พิเศษน่ะ ช่วงอื่นผมก็ไปทำงานอย่างอื่น วันคริสต์มาสน่ะ เค้าให้ของขวัญกันเป็นธรรมเนียมใช่มั้ยล่ะ แม้แต่คนที่ตายไปแล้วก็อยากให้... อุ๊บ ผมเล่าอะไรออกไปเยอะแยะเนี่ย” ซานต้าร่างผอมลืมตาโตด้วยความตกใจพร้อมปิดปากตัวเองแน่น

“ตายล่ะ ผมพูดมากเกินไปแล้ว คุณรีบไปนอนซักที ผมจะได้ส่งของขวัญให้คุณแล้วไปที่อื่นต่อ”

“ถ้าฉันจะอยู่ตรงนี้แล้วนายไปวางของขวัญที่อื่นไม่ได้รึไง”

“ไม่ได้ ๆ คุณลูกค้าระบุว่าต้องวางของขวัญให้คุณที่ห้องนี้...”

“ลูกค้า?? ใครกันน่ะ มีคนจ้างนายให้มาส่งของขวัญให้ฉันใช่มั้ย”

“ผมบอกไมได้ครับ มันเป็นความลับ”

“งั้นของขวัญล่ะ มันคืออะไร”

“ผมบอกไม่ได้เหมือนกัน ถ้าผมส่งมอบให้คุณเรียบร้อยตอนที่คุณไม่เห็น ตื่นเช้าขึ้นมาคุณก็จะรู้เอง”

“วะ อะไรจะยุ่งยากขนาดนั้น” ฮารุโอะพ่นลมหายใจอย่างเหลืออด “แล้วกลางวันไม่คิดจะมา”

“ก็ผมมาได้แค่ตอนกลางคืนนี่นา... น่า... ผมขอร้องล่ะ อย่าขัดขวางงานผมไปมากกว่านี้เลย ถ้าไม่ทันคืนพรุ่งนี้ผมแย่แน่ๆ นะ... ได้โปรดเหอะ”

สายตาเว้าวอนอย่างเดิมทำเอาฮารุโอเริ่มใจอ่อน ถึงแม้คำพูดของซานต้าจำแลงจะดูไม่น่าเชื่อถือแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเกิดถูกอ้อนแบบนี้ต่อไป เขาอาจคล้อยตามได้ในที่สุด นึกเจ็บใจตัวเองขึ้นมาที่ดันแพ้ทางคนแบบนี้

“ไม่! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น แน่จริงก็เอาของในถุงออกมาให้ดู..”

“เอ๊ะ คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง” ฉับพลันใบหน้าอ่อนหวานกลับกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที

“ผมบอกไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่าผมเป็นซานตาคลอส มีหน้าที่เอาของขวัญมาให้คุณ แต่มันเป็นความลับ ให้เจ้าตัวรู้เห็นไม่ได้ คุณก็เชื่อแล้วไปนอนซะแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ”

เสียงตะโกนอย่างคนหมดความอดทนดังขึ้น ฮารุโอะเบิกตาด้วยความตกใจ ใครจะคิดว่าเมื่อสามสิบวินาทีที่แล้ว คนคนนี้ยังพูดจาเหมือนเด็กอ้อนขอขนมอยู่เลย

“โอ๊ะ... ไม่ได้ๆ จะแสดงท่าทีโกรธเคืองไม่ได้ ใจเย็นไว้” หนุ่มน้อยหายใจเข้าแล้วหายใจออกช้าๆ ราวกับจะดับอารมณ์ตัวเองที่ปะทุขึ้นมา “เอาล่ะ ผมให้โอกาสคุณอีกครั้ง คุณจะออกไปจากห้องนี้หรือไม่”

“ไม่” ฮารุโอะตอบทันควัน

“งั้น คุณเชื่อในตัวผม ว่าจะไม่ขโมยอะไรจากคุณเด็ดขาด หันหลังให้ผมซักแป๊บ พอผมวางของขวัญให้คุณเสร็จ แล้วผมจะไปทันที ตกลงมั้ย”

“ไม่”

“ฮึ่ย... ทำไมนะ ไปที่ไหนไม่เคยเจอคนหัวดื้อแบบนี้เลย” หนุ่มน้อยในชุดแดงสะบัดหัวแล้วพ่นลมออกจมูกอย่างขัดใจ

“เออ ดื้อแล้วทำไม”

“งั้นผมไม่มีทางเลือกล่ะ”

ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงมองถุงใบใหญ่ที่วางอยู่บนพื้น เขาก้มลงหยิบทันทีแล้วพุ่งตัวเข้าใส่ฮารุโอะจนล้มลงกระแทกพื้นอย่างจัง ทั้งที่ดูเหมือนถุงน่าจะหนักมากแต่เจ้าซานต้าตัวเล็กกลับแบกขึ้นหลังอย่างคล่องแคล่ว พอเป่าปากเสร็จ ร่างนั้นก็ผลุบหายไปทางหน้าต่าง และเหมือนเคย ฮารุโอะไม่เห็นแม้แต่เงา ครั้งนี้เขาตัดสินใจวิ่งออกไปนอกบ้านแล้ววิ่งหารอบ ๆ บ้านตัวเอง วิ่งออกไปที่ถนน มองไปตามหลังคาบ้านข้าง ๆ ทุกหลังล้วนอยู่ในความสงบ ฮารุโอะได้แต่พ่นเอาหมอกสีขาวออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน เขาเจอนักย่องเบาชั้นเซียนเข้าแล้วรึไงนะ จุดประสงค์ของเจ้านั่น คือการส่งของขวัญให้เขาแค่นั้นจริงๆหรือ?

*************


วันที่ 24 ธันวาคม ร้านอาหารที่ฮารุโอะทำงานพิเศษอยู่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน บ้างก็มาฉลองเป็นครอบครัว บ้างก็มากันเป็นกลุ่มใหญ่ แม้แต่คู่รักวัยใสจนถึงรุ่นดึกก็ออกมาทานอาหารข้างนอกกัน เขาไม่เดือดร้อนนักที่ตัวเองไม่มีเงินพอจะไปนั่งร้านอาหารหรู ๆ เพราะปกติเขามักจะเก็บอาหารเหลือจากที่นี่กลับไปทานอยู่แล้ว และที่สำคัญ เขาไม่มีใครให้พามานั่งทานอะไรนอกบ้านด้วย

ถึงแม้ฮารุโอะอยากจะขอแลกกะทำงานเพื่อกลับบ้านเร็วแค่ไหน แต่คืนเทศกาลพิเศษเช่นนี้ ใคร ๆ ก็อยากเลิกงานเร็วทั้งนั้น และอาจเป็นเพราะมีคำว่า “คนโสด” แปะหน้าเอาไว้ เขาเลยต้องรับทำงานอย่างเสียไม่ได้ จะอ้างว่านัดเจอซานตาคลอสที่บ้านก็ไม่ได้ซะด้วย เดี๋ยวจะโดนหาว่าโหมงานจนเพี้ยนซะก่อน

หรือเขาจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ?

ตลอดทั้งวัน ฮารุโอะไม่อาจสลัดภาพของซานต้าร่างเล็กได้เลย ทั้งที่ดูเหมือนอ่อนแอแท้ๆ แต่กลับทำเขาเจ็บตัวได้ถึงสองครั้งสองครา ใบหน้าแลดูอ่อนโยนนั่นก็สามารถแสดงความฉุนเฉียวออกมาได้ ฮารุโอะสะบัดหัวแรงๆหลายครั้งจนเริ่มมึนหัว แต่ยิ่งพยายามลืมแค่ไหน ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม

“คืนนี้... เจ้านั่นจะมารึเปล่านะ...”

*-*-*-*-*-*-*-*-*


กว่าฮารุโอะจะกลับถึงบ้าน เวลาก็ล่วงเลยจนเกือบเข้าวันใหม่ เขาเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วกวาดสายตามองรอบห้อง ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นไปได้ว่าซานต้าจอมบุกรุกอาจจะยังไม่มา หรือว่าอาจจะมาแล้วและกลับไปแล้ว? พอคิดเช่นนั้น ฮารุโอะรีบเดินวนไปวนมาหน้าป้ายวิญญาณทันที เหมือนเจ้าซานต้าจะบอกเป็นนัยว่า ต้องมอบของขวัญให้เขาที่ห้องนี้ บริเวณนี้ ถ้าเจ้านั่นมาแล้ว แสดงว่าของขวัญต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง ถึงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเห็นสิ่งแปลกปลอม เขาต้องรู้แน่ ๆ

“เอ๊ะ.. ทำแบบนื้ก็เหมือนกับเชื่อที่เจ้านั่นพูดออกมาน่ะสิ” ฮารุโอะโพล่งออกมา “นี่เราไปเชื่อถือคำพูดลอย ๆ ของใครที่ไหนก็ไม่รู้ได้ไงเนี่ย มันจะเป็นไปได้ไง มีคนจ้างซานตาคลอสเอาของขวัญมาให้ ใครมันจะไปเชื่อลง..”

ฮารุโอะกำหมัดโขกหัวตัวเองเบา ๆ เหมือนเรียกสติ ทำไมถึงเลิกคิดเรื่องเจ้านั่นไม่ได้สักที เขาหวังลึก ๆ ... ไม่สิ คาดหวังอย่างมากว่าจะได้พบกับซานตาคลอสหนุ่มนั่นอีก ยิ่งได้คุยกันเมื่อคืน ทำให้เขาอยากจะรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น นานแค่ไหนแล้วนะ... ที่ฮารุโฮะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์จริงจังกับใคร เขาเหลือบมองป้ายวิญญาณของพ่อกับแม่ ตั้งแต่พวกท่านจากไป เขาก็ทำงานพิเศษเป็นบ้าเป็นหลัง เจอหน้าเพื่อนแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไปเรียน เลิกเรียนก็ตรงดิ่งไปทำงานพิเศษ เวลาไปเที่ยวหลีสาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“นี่เราอ้างว้างถึงขนาดเฝ้ารอใครก็ไม่รู้ที่บุกเข้ามาในบ้านได้เนี่ยนะ เฮ้อ... สงสัยจะบ้าไปแล้วจริงๆ”

เขาส่ายหัวไปมาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้กับตัวเอง เลิกคิดเสียดีกว่า ฟุ้งซ่านเปล่า ๆ ชายหนุ่มเข้านอนทั้ง ๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า นอนลืมตาโพลงเช่นนั้นอยู่เกือบชั่วโมงแต่ก็นอนไม่หลับ ในที่สุดจึงตัดสินใจเดินลงไปข้างล่าง

เสียงก๊อกแก๊กจากห้องนั่งเล่นทำให้ฮารุโอะหัวใจเต้นแรง หรือว่าเจ้าหมอนั่นจะมาแล้ว! เขาวิ่งตรงไปยังต้นเสียงแล้วเปิดไฟในห้องจนสว่างจ้า มีคนแปลกหน้าที่ช่วงนี้กลายเป็นคนคุ้นเคยหันมามองเขาอยู่พอดี

“เฮ้อ... คุณอีกละ น่าเบื่อจริง ๆ ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่รู้จักหลับจักนอนอีก” คราวนี้หนุ่มน้อยเริ่มต้นด้วยเสียงบ่น คิ้วเรียวยาวขมวดเป็นปมแล้วมองฮารุโอะด้วยหางตา กอดอกแล้วจงใจถอนหายใจเสียงดังให้ได้ยิน

“แล้วคุณซานตาคลอสล่ะ ดึกป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอน ย่องเข้าบ้านคนอื่นอยู่ได้ อ๊ะ.. หรือคิดถึงผมจนทนไม่ไหว เลยต้องมาหาทุกคืนแบบนี้” ฮารุโอะเผลอพูดหยอกออกไป แต่ไม่ทันไรก็คิดว่าที่พูดออกไปนั่นมันตัวเขาเองชัด ๆ

“หนอย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน กล้าพูดกับฉันแบบนี้เรอะ ฮึ่ม” ซานต้าหนุ่มชูกำปั้นให้อย่างเอาเรื่อง ก่อนจะรู้สึกตัว “ชิ ไม่ได้ๆ จะอาละวาดใส่ไม่ได้อีกเด็ดขาด โดนเตือนไปครั้งนึงแล้ว ถ้าคืนนี้งานไม่สำเร็จแย่แน่ ช่างเป็นงานที่ยุ่งยากจริง” พึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วพ่นลมออกจมูกอย่างขัดใจ

ทุกอากัปกิริยาไม่รอดพ้นสายตาของฮารุโอะ เจ้าของบ้านยิ้มแบบขัน ๆ แล้วเดินตรงเข้ามาหาผู้บุกรุก มองตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว

“แล้วคืนนี้เอาไงครับ มาส่งของขวัญใช่มั้ย เชิญเลยครับผม” ฮารุโอะกล่าวเชื้อเชิญด้วยภาษาสุภาพ แต่ไม่มีท่าว่าจะออกจากห้องไปไหน

“เบื่อจะพูดแล้วนะ ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าให้คุณเห็นไม่ได้ ท่าทางก็ไม่ใช่พวกความจำสั้นซักหน่อย” ประโยคหลังบ่นเบา ๆ กับตัวเอง แต่ในห้องเงียบ ๆ แบบนี้ เป็นใครก็ได้ยิน

“อ้อ นั่นสิ ผมลืมไป คุณซานต้าต้องทำภารกิจแบบลับ ๆ ใช่มั้ย ว้า... แย่จัง คืนนี้ผมอยากฉลองคริสมาสต์กับคุณพ่อคุณแม่พอดี ผมจะนั่งข้างพวกท่านทั้งคืนล่ะ คุณคงไม่ว่าอะไรนะ” พูดจบก็ยักคิ้วอย่างท้าทาย

“ก็ได้ เล่นแบบนี้ใช่มั้ย” สายตาของซานต้าจำแลงที่จ้องฮารุโอะครั้งนี้ดูเด็ดเดี่ยวกว่าทุกที “ถ้านั่งเฝ้าได้ทั้งคืนก็ลองดู จะบอกให้ว่าผมน่ะ ไปส่งของบ้านอื่นครบทุกหลังแล้ว เหลือแค่บ้านนี้เป็นหลังสุดท้าย ผมมีเวลาอีกเหลือเฟือกว่าจะถึงเช้า และผมก็จะนั่งรออยู่ที่นี่เหมือนกัน”

“ท้าแข่งกับผมเหรอ?” ฮารุโฮะชี้ตัวเอง “น่าสนุกนี่ จะว่าไป คืนนี้คริสมาสต์อีฟ ของขวัญของคุณน่ะ ต้องส่งภายในคืนนี้รึเปล่าล่ะ”

“ฮึ” ได้รับการสะบัดหน้าพรืดเป็นคำตอบ

“งั้นมาแข่งกัน ถ้าผมเผลอหลับเท่ากับคุณชนะ วางของขวัญแล้วออกไปได้เลย แต่ถ้าผมไม่หลับและไม่ไปไหนจนถึงเช้า อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะทำยังไงต่อ”

ฮารุโอะนั่งลงหน้าป้ายวิญญาณโดยหันเข้าหาซานต้าหนุ่ม ในขณะที่อีกฝ่ายนั่งลงกอดถุงแดงใบใหญ่ที่พกติดตัวตลอดเวลา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พูดหยอกล้อกับคนอื่นแบบนี้ ถึงแม้จะเจอกันในสถานการณ์ที่แปลกพิสดารแต่เขากลับรู้สึกสนิทใจกับคนคนนี้อย่างน่าประหลาด ถึงตอนนี้คนตรงหน้าจะเป็นนักย่องเบา หรือซานตาคลอสตัวจริงแปลงกายมา (ต้องแปลงร่างอยู่แล้ว ปกติซานต้าเป็นลุงอ้วนแก่ ๆ ไม่ใช่เหรอ) ภายในเช้านี้ ยังไงก็ต้องรู้ผล

เจ้าของบ้านนั่งจ้องหน้าผู้มาเยือนไม่ละสายตา ซานตาคลอสหนุ่มออกอาการฮึดฮัดแต่ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม หันไปมองรอบห้องบ้าง จับชายเสื้อตัวเองขึ้นมาดูบ้าง ถอดหมวกสีแดงท่าทางนุ่มนิ่มออกมาเหวี่ยงเล่นมั่ง บางครั้งก็เหลือบมองดูว่าคู่กรณีเผลอหลับไปหรือยัง แต่พอเห็นสายตาแน่วแน่จ้องตรงมา ก็ขมวดคิ้วบึ้งหน้าใส่จนฮารุโอะเผลอหัวเราะ

“ใครเป็นคนส่งของขวัญมาให้ฉันน่ะ บอกไม่ได้จริง ๆ ใช่มั้ย” อยู่ ๆ ฮารุโอะก็นึกอยากชวนคุย “เป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะเป็นพ่อกับแม่ ปกติพวกท่านต้องมีของขวัญให้ฉันทุกปี เพิ่งจะมีสองสามปีที่ผ่านมานี่แหละที่ไม่ได้” ซานต้าหนุ่มยังคงนั่งปิดปากเงียบ “ฉันน่ะ ยังไม่เคยมอบของขวัญให้พวกท่านเลย ถึงตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้ว เฮ้อ... คนเราก็เป็นแบบนี้ล่ะนะ ต้องสูญเสียก่อนถึงจะเห็นความสำคัญ แล้วก็มานั่งเสียใจทีหลัง”

ฮารุโอะนั่งคอตก พอคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เขาก็อดเสียใจไม่ได้ทุกครั้งไป เพราะความที่เป็นลูกคนเดียวเลยค่อนข้างเอาแต่ใจ และไม่เคยนึกถึงอนาคตจริงจัง จนกระทั่งพ่อกับแม่ ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวจากไปพร้อมกัน เขาเลยสำนึกตนได้ ซานต้าหนุ่มมองเจ้าของบ้านที่ซึมลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยความเห็นใจ เพราะตัวเองก็เคยเจอเหตุการณ์คล้ายกัน

“แล้ว... คุณอยากให้อะไรพวกท่านล่ะ” ผู้บุกรุกในชุดแดงยอมเอ่ยปากในที่สุด

“ก็... ไม่รู้เหมือนกัน อะไรก็ได้ที่พวกท่านอยากได้ ตอนนี้ที่ฉันพอจะนึกออกก็แค่ ตั้งใจเรียน และตั้งใจทำงาน”

“แค่นั้นพวกท่านก็พอใจแล้วล่ะ แม่คุณน่ะนะ ทั้งสวยแล้วยังใจดีอีก ท่านบอกว่าไม่อยากให้คุณต้องมาตรากตรำทำงานหนักตั้งแต่ยังเรียนอยู่ ก็เลยอยากจะให้... อุ๊บ แย่แล้ว” หนุ่มน้อยเผลอพูดจนปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

“รู้จักแม่ฉันจริงด้วย ใช่มั้ย บอกมานะว่าเจอกันที่ไหน” คู่สนทนาส่ายหน้าทั้งที่ยังปิดปากอยู่ “ทีงี้มาทำเงียบ เผลอพูดอะไรต่ออะไรไปตั้งเยอะแล้ว เอาเป็นว่า ถ้าเจอพวกท่านล่ะก็ บอกด้วยละกันว่าฉันสบายดี ถึงจะทำงานหนัก แต่ก็ไม่มีปัญหา พวกท่านเคยลำบากมามากกว่านี้ ยังผ่านมาได้ ฉันก็ต้องผ่านมันไปให้ได้”

ฮารุโอะยิ้มนิด ๆ ก่อนจะก้มหน้าลง ภาพครอบครัวในอดีตผุดพรายขึ้นมาในห้วงความคิดแบบหยุดไม่ได้ ถ้าเกิดผู้ชายอายุเท่านี้จะมานั่งร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อแม่ มันจะดูน่าอายมั้ยนะ

“เดี๋ยวผมบอกให้ก็ได้ ยังไงก็ต้องเจอกัน”

“จริงนะ ขอบคุณมากเลย” ฮารุโอะยิ้มกว้างในที่สุด “ว่าแต่ คุณบอกว่าซานตาคลอสรับส่งของขวัญให้ตามสั่ง งั้นถ้าผมอยากให้คุณส่งของขวัญให้ใครซักคน จะรับคำขอของผมหรือเปล่า”

“คุณก็ตายก่อนสิ แล้วปีหน้าตอนอยู่โลกวิญญาณก็ไปลงชื่อซะตั้งแต่ต้นเดือนธันวา” ซานตาคลอสหน้าใสพูดจริงจังจนฮารุโอะตะลึง

“ต้องตายก่อนเหรอ ขอตอนนี้ไม่ได้รึไง งั้นพ่อกับแม่ส่งอะไรมาให้ล่ะ”

“ไม่! บอก!”

“ถ้าของขวัญที่ส่งมาเป็นใครซักคนที่จะอยู่ข้าง ๆ ฉันได้ก็ดีน่ะสิ ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว” ฮารุโอะยิ้มกว้างแต่แววตาเศร้าสร้อย “แต่ของแบบนั้นคงใส่ถุงไม่จุหรอก”

“ยังไม่เห็นมีใครสั่งของแบบนี้เลย จะส่งยังไงกันนะ” คนฟังเผลอกอดอกคิดอย่างจริงจัง “แต่ปกติก็ต้องอัดมวลอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่จะไปหามาจากไหน”

“อะไรกัน นี่.. คิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นเลยเหรอ ฮะ ๆ ๆ” หนุ่มร่างสูงเผลอหัวเราะออกมา

“อ้าว... เผื่อคราวหน้ามีคนต้องการแบบนี้ขึ้นมา ผมจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง สงสัยต้องไปปรึกษารุ่นพี่” พูดจบก็พยักหน้าให้กับตัวเอง

เวลาล่วงเลยไปแค่ไหนไม่มีใครรู้ การได้นั่งคุยกันแบบนี้ทำให้ฮารุโอะสบายใจอย่างคาดไม่ถึง จะดีแค่ไหนนะถ้าเขาสามารพบปะพูดคุยกับคนคนนี้ได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เจอหน้ากันตามปกติทุกวัน ทักทายถามไถ่ทุกข์สุขเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เวลาแห่งความสุขนี้คงสิ้นสุดลงเมื่อแสงอาทิตย์มาเยือน คนตรงหน้าของเขาอาจไม่ใช่มนุษย์ และในเช้าวันนี้ก็คงต้องลาจากกันไป

เสียงไก่ขันดังขึ้นมาอย่างน่าพิศวง ในเมืองใหญ่แบบนี้ การได้ยินเสียงไก่ขันเป็นเรื่องที่หาได้ยากเต็มที ซาตาคลอสหน้ามนผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขามองออกไปข้างนอกแล้วหันมามองฮารุโอะ

“แย่แล้ว เผลอคุยจนลืมเวลาไปเลย” แววตาที่จ้องมามีแววตำหนิ แต่ฮารุโอะกลับดีใจที่ทำให้อีกคนลืมเรื่องงานไปได้

“สงสัยจะเช้าแล้วมั้ง เอาไงล่ะทีนี้ จะทุบหัวฉันให้สลบรึยังไง”

“เฮ้อ... มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ทำไงได้ ผมไม่มีสิทธิ์แตะต้องคุณด้วยซ้ำ ที่ผ่านมานี่ผมละเมิดกฎไปหลายข้อแล้ว ขืนส่งของขวัญให้คุณไม่ทันต้องซวยถึงขั้นโดนไล่ออกแน่”

หนุ่มในชุดแดงสลับขาวเปิดถุงใบใหญ่สีแดงออกแล้วควานหาบางสิ่งก่อนที่จะหยิบขึ้นมา ฮารุโอะได้แต่มองอย่างตกตะลึงกับของขวัญที่เขากำลังจะได้รับ

“ยังไงคุณก็ต้องเห็นอยู่ดี งั้นผมมอบให้คุณเลยละกัน จริง ๆ ปกติถ้าวางไว้ตรงหน้าป้ายวิญญาณ พอคุณตื่นเช้าขึ้นมา เดินมานั่งข้างหน้านี้ คุณก็จะได้รับมันเอง แต่ตอนนี้มันผิดแผนไปหมด เอ้า ยื่นมือมาสิ”

ซานต้าหนุ่มยื่นลูกบอลเรืองแสงขนาดเท่าฝ่ามือให้กับฮารุโอะ เขายื่นมือออกไปรับอย่างงง ๆ ด้วยไม่อาจจินตนาการได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ลูกบอลส่องแสงสีขาวราวกับหลอดไฟอยู่บนมือเขาแล้วแต่กลับไร้น้ำหนัก ยังไม่ทันได้สัมผัสมันสิ่งนั้นก็จมหายลงไปในร่างของเขา

“ตู้เซฟ... หลังภาพวาด” ภาพต่างๆไหลเข้ามาผ่านม่านตาของฮารุโอะ “ภาพวาดในห้องนี้” เขาหันไปมองข้างโต๊ะตั้งป้ายวิญญาณ มีรูปทะเลแขวนเอาไว้ เขาเห็นมันมาตั้งแต่จำความได้ แต่ไม่เคยคิดจะย้ายที่หรือปลดออก เขาดึงสายคล้องรูปแล้วยกมันออก ด้านหลังมีประตูตู้เซฟเล็กๆซ่อนไว้อย่างกับในหนัง

“รหัสตู้เซฟ..” ฮารุโอะไม่เคยใช้ตู้เซฟมาก่อน เขาทำตามภาพที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนมีใครฉายให้ดู พอทำตามภาพนั้น ตู้เซฟก็เปิดออกมาอย่างง่ายดาย ภายในสมุดบัญชีสองเล่ม พร้อมกับตราประทับ แน่นอนว่าเจ้าของบัญชีเป็นพ่อกับแม่ของเขา

“พวกท่านบอกว่าเสียใจที่ไม่ได้บอกคุณก่อนที่จะจากไป ไม่งั้นเงินเก็บพวกนี้คงทำให้คุณพออยู่ได้สบายจนกว่าจะเรียนจบแล้วหางานทำ”

ฮารุโอะพูดอะไรไม่ออก น้ำอุ่น ๆ เริ่มทะลักออกมารื้นเบ้าตาแล้วไหลอาบแก้มในที่สุด ซานต้าหนุ่มที่จริง ๆ แล้วอายุไม่ได้น้อยเหมือนหน้าตามองภาพนั้นอย่างตื้นตัน

“ผมต้องไปล่ะ งานผมเสร็จแล้ว” คำกล่าวนั้นเหมือนคำลา ทำเอาหัวใจของฮารุโอะกระตุกวูบ

“งั้นเหรอ... ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก” ถึงจะคิดว่ามารู้สึกตัวเอาตอนนี้ก็คงสายไป แต่เขาก็สร้างความเดือดร้อนให้ซานต้าคนนี้พอตัว

“ช่างมันเหอะ ผมเองก็ไม่มีความสามารถพอที่ทำงานให้สำเร็จลุล่วงโดยไม่มีปัญหา กลับไปโดนด่าอีกแหง” ประโยคหลังลดเสียงลงเหมือนกระซิบกับตัวเอง จากนั้นจึงเดินออกไปที่หน้าต่าง เป่าปากทีนึงแล้วยกถุงผ้าสีแดงใบใหญ่ขึ้นพาดบ่า

“เดี๋ยวก่อน” ฮารุโอะร้องทัก “เอ่อ... คือว่า”

“ผมต้องรีบกลับแล้วล่ะ ถ้าสว่างขึ้นมาแล้วผมยังอยู่ที่นี่เดี๋ยวจะเกิดเรื่องยุ่ง” ร่างนั้นกระโดดออกทางหน้าต่าง พอชะโงกหน้าออกไปมองก็พบว่ามีเลื่อนลากขนาดนั่งได้คนเดียวเทียมกับม้าสีน้ำตาลสองตัว ฮารุโอะเอียงคอด้วยความฉงน “อ่า... พอดีกวางเรนเดียร์หมดอ่ะ ผมไปช้าเอง เลยเหลือแค่เจ้าสองตัวนี้ แต่มันวิ่งเร็วมากเลยนะ ถึงจะคุมทิศทางไม่ค่อยอยู่ก็เหอะ” ผู้โดนพาดพิงร้องรับเหมือนรู้ว่ากำลังมีคนพูดถึง

“ฉันว่าแบบนี้ก็เท่ห์ดีออก ดูแข็งแรงกว่ากวางตั้งเยอะ”

“ใช่มั้ยล่ะ! ตอนแรกนะผมโดนหัวเราะเยาะแทบตาย แต่พอเจ้าสองตัวนี้วิ่งแซงทุกคน คราวนี้ไม่มีใครกล้าหัวเราะผมเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ซาตาคลอสหนุ่มหัวเราะเสียงใสราวกับระฆังทองก้องกังวานรับยามเช้า

“นี่... เราจะได้เจอกันอีกมั้ย” ฮารุโอะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าคุณตายเร็ว ๆ นี้ ผมจะขอมารับวิญญาณคุณเองละกัน” คนตอบก็ตอบด้วยเสียงจริงจังไม่แพ้กัน

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องจนสว่างไสวกลบแสงจากหลอดไฟ ฮารุโอะยังคงเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับยังคงจ้องมองรถลากเทียมม้าที่วิ่งหายไปในท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

คืนข้ามปีครั้งนี้ ฮารุโอะไม่ได้ออกไปเคาท์ดาวน์ฉลองปีใหม่เช่นผู้คนอีกหลายล้านบนโลกนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจนัก เพราะกำลังเป็นปลื้มกับฮีทเตอร์เครื่องใหม่ที่ซื้อมาได้ตอนลดราคาท้ายปีจนไม่ยอมหลับยอมนอน

“ดีจังเลย ทีนี้จะได้ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวในบ้านแล้ว ไม่ต้องนั่งขดในผ้าห่มตอนดูทีวีด้วย ไม่เสียแรงที่ทำงานพิเศษยาวจนถึงวันสิ้นปี ได้ค่าแรงเป็นกอบเป็นกำแบบนี้ สงสัยจะเลิกทำงานพิเศษไม่ได้แล้วมั้ง ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

ฮารุโอะเปิดคู่มือการใช้แล้วนั่งอ่านเป็นรอบที่สาม จะเพราะความเห่อหรืออะไรก็ตาม เขาตั้งใจว่าจะเข้าตอนตอนรุ่งสางเพราะอยากใช้ฮีทเตอร์ให้คุ้มค่า แต่จู่ๆก็คิดถึงเรื่องราวก่อนคืนคริสมาสต์ขึ้นมา ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาได้เจอซาตาคลอสตัวจริงมามอบของขวัญให้ถึงที่ แต่นี่ก็เป็นคริสมาสต์ที่มีความหมายมากที่สุดครั้งหนึ่งของเขา

“อยากเจออีกจัง ต้องตายก่อนถึงจะได้เจองั้นเหรอ ยังไม่อยากตายนี่นา คริสมาสต์ครั้งหน้าจะได้เจอกันอีกมั้ยนะ”

เครื่องไฟฟ้าสร้างความอบอุ่นขนาดย่อมมีสีแดงสลับขาว ชวนให้นึกถึงชุดประจำตัวของซาตาคลอส ฮารุโอะจิ้มไปบนตัวเครื่องในขณะที่กำลังคิดถึงใครบางคน ทันใดนั้นเองเสียงกริ่งประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ เขายืดตัวขึ้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่กำลังสงสัยว่าเป็นเสียงจากบ้านไหน ก็ได้ยินเสียงดังอีกครั้ง

ใครมาหาดึกดื่นขนาดนี้??

ฮารุโอะคว้าไม้เบสบอลคู่ชีพแล้วค่อย ๆ เดินย่องไปเปิดประตูหน้าบ้าน ใครบางคนยืนอยู่นอกบ้าน เขามองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“นะ..นาย มาได้ไงเนี่ย”

ครั้งนี้หนุ่มน้อยไม่ได้อยู่ในชุดสีแดงสลับขาวเหมือนซานตาคลอสแต่เป็นโค้ทตัวใหญ่สีน้ำตาลอย่างที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ถุงสีแดงใบใหญ่ถูกแทนที่ด้วยกระเป๋าสะพายข้างเหมือนที่นักกีฬาชอบใช้ ไม่มีรถลากเลื่อน และที่สำคัญรอบนี้ไม่ได้ดอดเข้ามาทางหน้าต่าง

“ให้ผมเข้าบ้านก่อนได้มั้ย หนาวจะแย่อยู่แล้ว” ผู้มาเยือนพ่นไอสีขาวยืนยันว่าหนาวจริง ฮารุโอะถลันเข้าไปปลดล็อกประตูรั้วทันที แต่พอไปถึงกลับหยุดชะงัก

“นี่... นี่นายมารับวิญญาณฉันเหรอ ฉันตายไปแล้วรึไงเนี่ย นายถึงมาปรากฏตัวที่นี่น่ะ” ฮารุโอะถึงกับหน้าซีดเพราะจำคำพูดของคนตรงหน้าได้แม่นยำที่บอกว่าจะมาหาเขาอีกครั้งเมื่อเขาตาย “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ฉันยังนั่งเล่นฮีทเตอร์อันใหม่... อ๊ะ รึฉันโดนไฟช๊อตตายโดยไม่รู้ตัว บ้าที่สุด ยังใช้ไม่คุ้มเลย แพงนะเนี่ย”

“ก็บ้าน่ะสิ เรื่องที่ค้างคาใจหลังตายกลายเป็นเรื่องใช้ของไม่คุ้มกับที่ซื้อ เพิ่งเคยได้ยินนะเนี่ย ว่าแต่ให้ฉันเข้าบ้านก่อนได้มั้ย เดี๋ยวก็แข็งตายก่อนคุยจบพอดี”

ฮารุโอะเปิดประตูให้ผู้มาเยือนเข้าบ้านอย่างทำใจรับไม่ค่อยได้ ถึงจะคิดถึงเจ้านี่ก็เหอะ แต่พอเจอกันแล้วทำไมใจหายแบบนี้นะ เขาตายแล้วจริง ๆ เหรอ แล้วทำไมครั้งนี้เจ้านั่นไม่เปิดประตูเข้ามาเองเหมือนที่เคยปลดกลอนหน้าต่างครั้งก่อน ขณะที่ความคิดกำลังพันกันยุ่งเหยิง หนุ่มน้อยก็เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงหน้าป้ายวิญญาณ หลับตาและยกมือขึ้นพนมซักครู่ ก่อนจะหันมาทางเจ้าของบ้าน

“นี่ฉันกำลังจะไปยมโลกแล้วเหรอ นายเป็นยมฑูตใช่มั้ยล่ะ” ฮารุโอะถามย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางซึมเศร้า แต่คนตรงหน้ากลับแสดงท่าทางเหมือนอยากหัวเราะ

“เดี๋ยวก่อนนะ ให้ผมอธิบายอะไรก่อน ตอนนี้ผมมีข่าวดีกับข่าวร้ายจะมาแจ้งให้คุณรู้ คุณอยากฟังข่าวไหนก่อน”

“จะอะไรก็คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้นักหรอก ข่าวร้ายก่อนละกัน” ฮารุโอะมองป้ายวิญญาณของพ่อกับแม่พลางคิดว่า แล้วป้ายวิญญาณของเขาใครจะเป็นคนจัดการให้

“คือ ผมโดนไล่ออกน่ะ” ข่าวร้ายทำเอาฮารุโอะงงเป็นไก่ตาแตก “เพราะเรื่องคริสต์มาสที่ผ่านมา ผมโดนตัดสินว่า ทำความผิดซ้ำซ้อน ตั้งแต่เรื่องที่ทำให้คุณเห็นตัว ทำร้ายคุณ พุดคุยกับคุณ รวมถึงให้คุณเห็นของขวัญกับตาตัวเอง ผมก็เลยต้องออกจากงาน ชดใช้ความผิดด้วยการ..”

“มาเอาวิญญาณต้นเหตุของเรื่องใช่มั้ย” ผู้ฟังอดพูดแทรกไม่ได้ “มันก็เป็นความผิดของฉันนี่นะ งั้นรับผิดชอบร่วมกันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”

“ฟังผมพูดให้จบก่อนสิ!” โดนตวาดใส่จนได้ “กำลังจะบอกอยู่เนี่ยว่าคุณยังไม่ตายซักหน่อย ตีโพยตีพายไปเองอยู่ได้”

“งั้นนี่ก็เป็นข่าวดีที่กำลังจะบอกใช่มั้ย” ฮารุโอะร่าเริงขึ้นมาทันที “อ้าว.. งั้นนายมาทำไม มีของขวัญปีใหม่มาส่งเหรอ อยู่ในกระเป๋านั่นใช่ปะ ว่าแต่ชุดส่งของขวัญรอบนี้ธรรมดาจัง อ้อ.. ถูกไล่ออกจากงานนี่ คงไม่มีเครื่องแบบให้เหมือนครั้งก่อนสินะ อืม... ฉันไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้นหรอก”

อดีตซานตาคลอสถึงกับกุมขมับ นิสัยพูดเองเออเองของผู้ชายคนนี้นี่คงแก้ไม่หาย แต่ถ้าไม่ห้ามซะบ้างก็คงต่อความยาวสาวความยืดไปได้อีกเรื่อยๆ

“จะคิดเอาเองไปถึงไหนเนี่ย บอกให้ฟังผมพูดให้จบก่อนก็ไม่ฟัง เดี๋ยวปั๊ดดึงวิญญาณออกจริง ๆ ซะเลย” คำขู่ได้ผล ฮารุโอะนั่งพับเพียบเรียบร้อย สงบปากสงบคำทันที “ไม่รู้นี่จะเรียกว่าข่าวดีได้มั้ย เพราะแม่ของคุณช่วยพูดให้ผมไม่ต้องไปทำงานชดใช้ความผิด แต่ส่งผมมาที่นี่แทน แม่คุณบอกว่า ยังมีอีกอย่างที่อยากมอบให้ลูกชาย”

ฮารุโอะใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้รับของขวัญจากแดนไกลในระยะเวลาใกล้ ๆ กันสองครั้งสองครา อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ หรืออะไรก็ตามแต่ ที่จริงเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เงินในบัญชีของพ่อกับแม่ เขาคิดว่าคงใช้แค่เป็นค่าเล่าเรียนอีกหนึ่งปีที่เหลือและเก็บเอาไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัว เขายินดีทำงานพิเศษเพื่อหาเงินมาใช้เอง บ้านหลังนี้ก็ผ่อนหมดแล้ว เขาจะอยู่ไปตลอดชีวิตก็ยังได้ ความต้องการทางวัตถุอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แล้วแม่ของเขามีอะไรจะมอบให้อีกนะ?

หนุ่มน้อยยื่นมือออกมา ในมือเล็กขาวซีดนั้นว่างเปล่า ฮารุโอะคิดทบทวนอีกครั้ง หรือจะมีลูกบอลเรืองแสงเหมือนครั้งที่แล้ว แต่อยู่ไหนล่ะ เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายที่แสดงอาการกระอักกระอ่วนพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ทำท่าแบบนี้ หรือว่าจะขอมือ? ฮารุโอะรับมุกด้วยการวางมือใหญ่ทาบทับกับมือเล็กแล้วร้องโฮ่งเบา ๆ

“คือ... ที่คุณขอไว้เมื่อคืนคริสมาสต์น่ะ เอ่อ... จำได้ใช่มั้ย เค้าก็เลย... ส่งผมมา”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดวงหน้าขาวเหมือนหิมะที่เห็นเมื่อครั้งแรก บัดนี้กลับมีสีเลือดฝาด อาจเพราะได้เข้ามาอยู่ในห้องอุ่น ๆ ก็เป็นได้ มือที่ฮารุโอะกุมไว้จึงอุ่นขึ้น

ใครสักคน... ที่จะอยู่ข้างๆเขา

“อื้อ จำได้สิ จำได้แม่นเลย” ฮารุโอะดึงมือเล็กเข้าหาตัวจนเจ้าของร่างเซมาข้างหน้าเล็กน้อย “บอกไว้ก่อนนะว่าของขวัญชิ้นนี้ ให้แล้วให้เลย ห้ามเรียกคืนทีหลังด้วย”

พูดจบฮารุโอะคว้าของขวัญชิ้นใหญ่ที่เพิ่งได้เข้ามากอดแนบอก สัมผัสของหัวใจเต้นบ่งบอกถึงความมีชีวิต ไม่ใช่แค่จังหวะหัวใจของเขาแค่คนเดียว ยังมีอีกหัวใจที่เขาต้องดูแลและรักษา ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

หิมะแรกของปีโปรยปรายลงมาเหมือนต้องการอวยพรปีใหม่ให้กับผู้คนที่กำลังดำเนินชีวิตอย่างแข็งขัน

บางครั้งบางคราวคุณอาจเห็นรถลากเลื่อนแล่นตัดผ่านท้องฟ้ายามราตรี

ถ้าคุณเห็นช่วงก่อนคริสมาสต์เพียงไม่กี่วันล่ะก็ ช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและยอมเข้านอนแต่โดยดีด้วยละกันนะ

The end