2 ตอน On the beach
โดย Amber
[เรื่องสั้นสำหรับ Original character]
:On the beach:
ซันนิวามองทิวทัศน์ของคลื่นเมฆบนท้องฟ้าจากหน้าต่างของเครื่องบินแล้วนึกถึงชายหาดชื่อดังที่เขากำลังจะไป เพราะมีวันหยุดเพียงไม่กี่วัน หนุ่มนักศึกษาวัย 21 ปีจึงตัดสินใจไปแค่ทะเลในประเทศที่สามารถบินไปได้ภายในเวลาชั่วโมงกว่า ๆ ตอนที่ยังเด็กนั้นซันนิวาค่อนข้างเก็บตัว เป็นเด็กติดเกมที่ไม่ค่อยยอมออกไปไหน แต่พอถึงวัยหนึ่งเขาก็เริ่มออกไปเผชิญโลกกว้างมากขึ้น และทำให้รู้ว่าโลกภายนอกนั้นมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมาย
และหนึ่งในทริปที่ติดอยู่ในความทรงจำของซันคือครั้งหนึ่งที่เขาไปทะเลต่างประเทศคนเดียว เมื่อครึ่งปีที่แล้วนี่เอง
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ตอนที่ชายหนุ่มชาวอังกฤษได้เจอกับอากาศภายนอกสนามบินของประเทศไทยครั้งแรก เขาถึงกับสบถคำหยาบ(ในใจ)เพราะความร้อนระอุที่แทบจะเผาให้ผิวของเขาแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ ถึงจะอ่านรีวิวมาเยอะว่าที่นี่อากาศร้อนตลอดปี แต่ร้อนขนาดนี้ ผู้คนใช้ชีวิตกันได้ยังไงนะ
แม้จะมาถึงที่พักในพัทยา ซันก็ยังคงบ่น(ในใจ)ถึงความร้อนตลอดเวลา แต่เพราะไม่อยากเสียเวลาไปกับการนอนผึ่งแอร์ในโฮสเทล หนุ่มนักศึกษาเลยตัดสินใจออกไปหาอะไรเย็น ๆ ดื่มก่อนที่จะระเหยเป็นไอไปเสียก่อน
น้ำผลไม้ปั่นเรียงรายกันในร้านเครื่องดื่มที่ชายหาดทำให้ซันรู้สึกลังเล แต่สุดท้ายก็เลือกน้ำแตงโมปั่นเพราะอ่านเจอในรีวิวเยอะสุด เวลาล่วงเลยเกือบห้าโมงเย็นตามเวลาท้องถิ่นแล้ว ถึงจะยังปรับตัวตามเวลาที่เปลี่ยนไป 7 ชั่วโมงไม่ได้ แต่ซันคิดว่าเขาสามารถกินอาหารตรงมื้อได้แน่นอน
ใกล้ ๆ กันนั้นมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยกำลังทำอะไรบางอย่าง นักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึงเลยเดินดูดน้ำแตงโมปั่นเข้าไปใกล้ เขายังฟังภาษาไม่ค่อยออก แต่ดูจากอุปกรณ์ที่กองอยู่นั้น คงมีการถ่ายทำอะไรบางอย่างแน่ ทันใดนั้นกลิ่นหอม ๆ ของอะไรบางอย่างเรียกความสนใจ ซันอ่านข้อมูลการท่องเที่ยวแล้วรู้ว่าที่นี่มี street food ขึ้นชื่อหลายอย่างมาก (จริง ๆ ก็เป็นเหตุผลแรกที่เขาเลือกมาไกลขนาดนี้) แต่ขาของเขายังพาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าแม้สายตาจะจับจ้องไปตามแผงร้านอาหารที่เรียงรายตามชายหาด
“... live จาก… ที่ไหนน้า ลองทายกันคร้าบ...”
เสียงที่ดังเข้ามาใกล้แต่ไม่สามารถจับใจความได้ทำให้ซันหันไปมอง ทันใดนั้นก็มีร่างของชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเหยาะ ๆ ถอยหลังมาทางเขา ไม่ทันจะเอ่ยปากห้าม(เพราะปากยังคาบหลอดดูดแตงโมปั่น) ชายคนนั้นก็หันหน้ามาแล้วชนเข้ากับร่างของซันทันที แม้จะชนแค่เบา ๆ แต่เท้าที่เหยียบพื้นทรายนั้นไม่มั่นคง ซันพยายามจะยื่นมือข้างหนึ่งไปคว้าร่างของชายที่กำลังเสียหลักหงายหลัง แต่มือของเขาจับได้เพียงอุปกรณ์ยึดจับสมาร์ทโฟน (ที่เขาไม่แน่ใจว่าเรียกไม้เซลฟี่รึเปล่า) ส่วนซันเองก็โดนแรงดึงจากมือที่ยังจับอุปกรณ์นั้นดึงลงให้ล้มไปด้วย ถึงแม้จะเบี่ยงตัวไม่ให้ทับร่างของคนที่ชนด้วยได้แล้วก็จริง แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ...
เจ้าแก้วแตงโมปั่นมันร่วงไปกลางลำตัวของคนคนนั้นพอดี!!
ทันทีที่ทรงตัวได้ ซันรีบโกยแก้วน้ำเจ้าปัญหา(ที่หกจนเกือบหมด)แล้วยื่นมือไปหาคนที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนหงายบนพื้นทรายด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก
“ขอโทษครับ ผมขอโทษมาก ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า ขอโทษที่ทำเสื้อคุณเลอะ ผม... ผมจะทำยังไงดี คุณฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องมั้ยครับ”
ซันพูดรัวในขณะที่ยังยื่นมือออกไป ในหัวพยายามคิดคำว่า ขอโทษ ในภาษาไทยนั้นต้องพูดยังไง ก็ท่องมาแล้วนี่นา ทำไมนึกไม่ออกล่ะ ระหว่างที่กำลังคิด ซันก็ลอบสังเกตอากัปกิริยาของคนตรงหน้า ชายหน้าตาดีร่างสูงแต่งตัวดูมีคลาส เอื้อมมือไปกดจิ้มอะไรบางอย่างบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ตกอยู่ข้าง ๆ แล้วหันมาสำรวจเสื้อผ้าของตัวเอง ชายคนนั้นถอนใจเฮือกใหญ่แล้วหันมาประจันสายตากับชาวต่างชาติที่กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
ไม่ทันไรก็มีผู้หญิงสองสามคนวิ่งมาแล้วถามไถ่ชายรูปหล่อที่ยังนั่งบนพื้นทราย ซันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่คิดว่าคงสอบถามอาการ และคิดว่าชายคนนี้คงมีความสำคัญกับพวกเธอมาก ๆ จึงดูเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ หลังจากที่ซันเห็นว่าชายตรงหน้าลุกขึ้นยืนได้แล้ว เขาเลยพยายามถามอีกครั้งด้วยภาษาแม่ของตัวเอง (เพราะยังคิดคำที่ท่องมาไม่ออก)
“คุณไม่เจ็บอะไรตรงไหนใช่มั้ยครับ ส่วนเสื้อผมของคุณ ผม...”
“เป็นนักท่องเที่ยวเหรอ ยังดูเด็กอยู่เลยนี่” ซันเอียงคอตอบรับแม้ฟังไม่เข้าใจ เขาพยายามเดาความหมายจากน้ำเสียงและสีหน้า แต่พอมองหน้าคนคนนี้นานเข้าแล้วเขากลับรู้สึกแปลก ๆ
“อ่า .... ผม ... ขอโทษ” นักศึกษาชาวอังกฤษพูดทีละคำโดยหวังว่าชายรูปหล่อตรงหน้าจะเข้าใจ หลังจากนั้นสิ่งที่ซันได้ยินทำเอาใจเขากระตุกวูบไม่แพ้รอยยิ้มมุมปากที่ปรากฎขึ้นหลังจากประโยคนั้น
“You need to pay for this”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ซันนิวายืนมองสำรวจสิ่งก่อสร้างที่อยู่รอบตัวระหว่างกำลังรอชายหนุ่มผมเทาที่แนะนำตัวเองว่าเป็นนายแบบชื่อ “จูเซปเป้” ล้างเสื้อตัวเองลวก ๆ โดยใช้น้ำจากก๊อกที่อยู่ใกล้กับที่อาบน้ำกลางแจ้งสำหรับคนมาเที่ยวทะเล ซันยังคงรู้สึกร้อนจนเหมือนจะเป็นลม แถมยังร้อนวูบวาบเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อลอบมองคนที่กำลังสะบัดเสื้อเปียกน้ำของตัวเอง
...ทำไงยังไงดี ถ้าต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสื้อ จะมีพอจ่ายรึเปล่านะ...
ซันไม่ได้พกเงินมาเผื่อมากนักเพราะคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ แล้ว ไม่ได้เกินงบที่ตั้งไว้ แต่ดูแล้วเสื้อของคนที่เขาทำแตงโมปั่นหกใส่อาจจะแพงกว่าเงินที่เขาใช้ทั้งทริปนี้ก็เป็นได้
“ฉันไม่คิดว่านายจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อหรอก แต่เรื่องนั้นฉันไม่ซีเรียส” จูเซปเป้พูดไปยิ้มไป ในขณะที่ซันยังคงหลุบตาลงอย่างสำนึกผิด ตอนนี้ถึงจะคุยกันรู้เรื่องแล้วแต่ซันก็ยังมีเรื่องกังวลอีกเยอะ
“ยังไงผมก็เป็นฝ่ายผิดที่ทำเสื้อคุณเปื้อน คือผมอะ เฮ้อ พูดแบบนี้ได้มั้ยนะ”
“อะไรล่ะ ถ้ามีเหตุผลก็พูดมา”
“คือผมรู้ว่าวินาทีนั้นผมควรดึงคุณไม่ให้ล้มนะ แต่ผมคิดไม่ทันจริง ๆ แล้วผมก็มัวแต่ห่วงแตงโมปั่นในมือจนไม่ได้คิดว่ามันจะหกใส่คุณ คือผมควรจะโยนแก้วทิ้งก่อนจะได้ไม่หกใส่คุณแต่ผมก็คิดไม่ทันไง... “
หลังจากพูดรัวยาวจบประโยค ซันเฝ้ามองปฏิกิริยาตอบรับจากคนตรงหน้า แต่จูเซปเป้กลับเงียบไปจนซันหวั่นใจ
“ผมพูดอะไรผิดรึเปล่า”
ทันใดนั้นจูเซปเป้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนซันตกใจ นายแบบหนุ่มขำจนเอามือกุมท้อง ถึงแม้ซันจะยังรู้สึกข้องใจว่าเขาพูดอะไรแปลก ๆ ไปมั้ยแต่ก็ยืนมองจูเซปเป้หัวเราะโดยไม่ขัด
ถึงจะคิดว่าคนตรงหน้าดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง แล้วพอหัวเราะแบบนี้ เขายิ่งตาพร่าเข้าไปใหญ่ ถ้าเกิดเขาโดนคนคนนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ คงทำอะไรไม่ถูกแน่
“ตลกดีนะนายน่ะ” จูเซปเป้ซับหางตาเพราะหัวเราะมากไป
“ครับ? ผมเหรอ ปกติก็ไม่ได้พูดตลกเก่งหรอกนะ”
“เอาล่ะ ฉันคิดออกแล้วว่าจะให้นายชดใช้ยังไงดี”
ซันนิวากลับมายืนตัวตรงอีกครั้งพลางคำนวณยอดเงินที่เขามีเหลือ ถ้าฉุกเฉินจริง ๆ ยังมีบัตรเครดิตที่แม่ให้มา แต่อาจจะต้องส่งข้อความไปบอกก่อนว่าอาจมียอดเรียกเก็บเท่านั้นเท่านี้นะ
“นายมาเที่ยวคนเดียวใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
“มีแพลนจะไปไหนต่อรึเปล่า”
“ก็... ร้านอาหาร ซัก 2-3 ที่มั้งครับ สำหรับวันนี้อะนะ” อันที่จริงซันมีร้านที่อยากไปเยอะกว่านั้น แต่ดูจากเวลาตอนนี้คงไม่ทันแน่
“ส่วนสำหรับฉันวันนี้เสร็จงานแล้ว ถึงจะผิดแผนนิดหน่อยที่ไม่ได้ live กับแฟน ๆ แต่ก็ช่างเหอะ”
ใบหน้าหล่อจัดยื่นเข้ามาใกล้ซันจนต้องเผลอกลั้นหายใจ หรือเขาต้องจ่ายค่าเสียเวลาด้วยนะ เคยได้ยินว่าสำหรับดาราแล้วเวลาเป็นเงินเป็นทอง แต่เขาจะมีปัญญาจ่ายรึเปล่า
“ไปเที่ยวกับฉันเป็นการชดเชยละกัน คำตอบคือตกลงเท่านั้น” จูเซปเป้ยืดอกแล้วยิ้มกว้างใส่
“ครับ??? เที่ยว? หมายถึงให้ผมพาคุณเที่ยวเหรอ คือผมก็เพิ่งมาพัทยาครั้งแรก”
“เปล่า ฉันจะไปที่ที่ฉันอยากไป แต่นายต้องไปด้วย”
“เอ่อ... เป็นเพื่อนเที่ยวเหรอ ก็โอเค โอเคก็ได้” ซันพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง สมมติว่าต้องจ่ายค่ามื้อเย็นสำหรับสองคนแล้วเกิดไปร้านแพง ๆ ขึ้นมา จะมีพอจ่ายมั้ยนะ บัตรเครดิตของแม่วงเงินเท่าไหร่เนี่ย
“ฉันจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในโรงแรมก่อน นายตามมาเลยละกัน”
“เอ๊ะ? โรงแรม”
“ไปนั่งรอที่ล็อบบี้ไง เดี๋ยวจะได้ออกไปพร้อมกันเลย”
“อ้อ ครับ โอเคๆ”
ซันกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด แต่พอเห็นจูเซปเป้ยืนรออยู่แล้วส่งยิ้มมาให้ เขาเลยยิ้มตอบ เอาเถอะ มีเพื่อนเที่ยวก็คงไม่เลวเท่าไหร่ อย่างน้อยเป็นเจ้าถิ่น รู้ภาษา ถ้ามีอะไรก็คงช่วยเหลือกันได้ ว่าแล้วซันก็เดินตามจูเซปเป้ที่ออกเดินนำไปก่อน เขาก้าวไปจนตามทันพลางกระชับสายสะพายเป้ของตน
อากาศยามเย็นก็ยังคงร้อนระอุไม่ต่างจากกลางวัน แต่ซันนิวาคิดว่าการเดินทางครั้งนี้คงมีเรื่องดี ๆ ที่ทำให้เขาลืมความร้อนที่แสนน่ารำคาญนี้ไปได้แน่นอน
-จบ-
Comments (0)