01 (ย่าและคุณเคนต์)

 

 

คุณเคนต์เป็นหญิงเพี้ยน หน้าตาสะสวย พิการ และเพี้ยน...

 

คือหนึ่งในประโยคที่ถูกเขียนด้วยลายมือของย่า ในสมุดบันทึกของย่า หนึ่งในประโยคจำนวนนับไม่ถ้วนที่ย่าเอ่ยถึง คุณเคนต์ ในทีแรก ข้าพเจ้าไม่อาจทราบว่า คุณเคนต์ หญิงเพี้ยนนี้คือใคร แต่นานวันเข้า เมื่อถือวิสาสะอ่านบันทึกของย่าผู้ล่วงลับไปได้เกือบครึ่งเล่มอันหนาหนัก ข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่า คุณเคนต์ คือเพื่อนบ้านของย่า อยู่ห่างออกไปครึ่งไมล์ บ้านของหล่อนเป็นสีขาวทั้งหลัง แต่ผิวหล่อนเข้ม  ย่าเขียนไว้อย่างนั้น ข้าพเจ้าจึงเริ่มสร้างภาพเหมือนตามคำบอกในความคิด

 

คุณเคนต์ มีผิวสีเข้ม

มีขาข้างเดียว...ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ด้วยความชรา ย่าคงสับสน

 

วันที่สามของการมาเยือนที่บ้านของย่าเพื่อจัดการทรัพย์สมบัติที่มีอยู่น้อยชิ้น ชิ้นใหญ่สุดก็คือบ้านหลังนี้ บ้านที่อวลไปด้วยกลิ่นของย่า และแม้แต่ข้าวของ กระทั่งในกาน้ำชา เมื่อเปิดฝาทรงกลมบิ่นออก กลิ่นของย่าก็พวยพุ่งออกมา...ย่า หญิงชราผู้เหลือไว้เพียงกลิ่นกุหลาบแห้ง อบเชย และยางไม้ ตั้งแต่ข้าพเจ้าจำความได้ บ้านของย่าก็มีกลิ่นอย่างนั้น กระทั่งวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงหรือกระทั่งจืดจางลง สมุดบันทึกก็ไม่ต่าง...กลิ่นหมึกกลิ่นกระดาษไม่มีอยู่เลย มีเพียงกลิ่นของย่าเท่านั้นเมื่อข้าพเจ้าจรดจมูกลงดมรอยเปื้อนที่คาดว่าคงเป็นรอยน้ำชา วันที่สามนี้เอง ที่ความคิดของข้าพคล้ายเรือลำน้อยที่ถูกสมอซึ่งได้ชื่อว่า คุณเคนต์ ผูกถ่วงให้ลอยลำนิ่งอยู่กับที่ 

 

คุณเคนต์มาที่บ้าน พูดสวัสดีห้วนสั้นเหมือนเมื่อปีก่อน หล่อนชวนไปที่ชายหาด แต่ขอโทษทีเถอะ ฉันก็หญิงแก่ หล่อนก็หญิงขาด้วน เราน่ะรึ จะเดินลงเขาไปด้วยกัน มีแต่คนเพี้ยนที่ทำอย่างนั้น คุณเคนต์เป็นคนเพี้ยน แต่ฉันไม่...

 

ข้าพเจ้าพลิกหน้ากระดาษ เลขลงวันที่ของวันถัดไป ขึ้นเดือนใหม่ของย่า...ย่าเขียนไว้เพียงประโยคสั้นๆ

 

คุณเคนต์ตกจากหน้าผา แขนขวา (ขีดฆ่า) ซ้าย หัก ชาวประมงบอกอย่างนั้น

 

เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้านึกอยากมองเห็นชายหาดที่ว่า ที่แม้ย่าจะเขียนถึง ชื่นชมความงดงามของน้ำทะเลและโขดหินอยู่หลายครั้งหลายหน้าเหลือเกิน ข้าพเจ้าไม่เคยคิดอยากมอง...ครั้งนี้ต่างออกไป ข้าพเจ้าลุกจากโซฟาที่พาดทับด้วยผ้าคลุมไหล่ ไม่ต่างจากของชิ้นอื่น มันมีกลิ่นของย่า ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับได้เป็นหลานตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักของย่าอีกครั้ง สมุดบันทึกยังอยู่ในมือ ในตอนที่เพ่งสายตาผ่านบานหน้าต่างลงไปยังชายหาด ข้าพเจ้าเห็นว่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น...

 

มันว่างเปล่า หาดทรายสีอ่อน โขดหินสีเข้ม น้ำทะเลสีฟ้า ขนที่คอลุกชัน

 

ข้าพเจ้าไม่ชอบทะเล...ไม่ชอบผืนน้ำ ไม่ชอบหาดทรายที่อยู่ติดกับผืนน้ำ และไม่ชอบความคิดที่วกวนอยู่ในน้ำ เพราะเหตุนั้น วันนั้น ข้าพเจ้าจึงกลับมาทิ้งตัวบนโซฟาที่มีกลิ่นย่าตามเดิม

 

 

แม้แขนหัก ก็ยังไปที่ทางลงเขาอีกครั้ง

 

หล่อนใส่เสื้อสีชมพูอ่อน สวย แต่เปื้อนโคลน

 

คุณเคนต์ไม่ออกจากบ้านมาสามวันแล้ว ฉันแน่ใจ...เพราะหากออก หล่อนจะอยู่แต่ที่ทางลงเขา

 

เหมือนว่าแขนที่หักจะดีขึ้นแล้ว แต่อีกไม่นานก็คงได้หักอีก ถ้าหากว่าหล่อนยังทำเรื่องเพี้ยนๆ อยู่อย่างนั้น

 

 

ย่าเฝ้ามองและเขียนถึงคุณเคนต์ราวกับว่า นอกจากเพื่อนบ้านคนนั้นแล้ว ที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจพอให้เขียนถึง โดยไม่รู้ตัว ข้าพเจ้าเองก็ทำอย่างนั้น ขณะที่ข้าวของบางอย่างของย่าถูกขายทิ้งไป แต่บ้านหลังนี้ ข้าพเจ้ายังไม่ตระเตรียมกระทั่งราคาที่จะขาย ข้าพเจ้าเฝ้ามองชายหาดว่างเปล่าอยู่นานนับสัปดาห์ วันหนึ่ง เมื่อเปิดผ่านหน้ากระดาษที่มีกลิ่นกุหลาบแห้งชัดเจนกว่าหน้าไหนๆ ข้าพเจ้าพบว่า ย่าและข้าพเจ้า เราคาดคิดในสิ่งเดียวกัน ในตอนที่เราเผลอทอดสายตามองลงไปที่ชายหาด (แม้ไม่อยากจะมอง) มีใครคนหนึ่งยืนอยู่...แม้ห่างไกลจนเห็นเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ ยากเกินคาดคิด แต่เราทั้งคู่ก็คาดเดา

 

อาจเป็นคุณเคนต์ก็ได้

 

ย่าเขียน และข้าพเจ้าคิด...

 

อาจเป็นคุณเคนต์ก็ได้ ด้วยความคิดนี้เอง หน้ากระดาษที่มีรอยหมึกจึงสิ้นสุดลง ย่า...หญิงชราขาไม่ดีคงหยุดยั้งความสงสัยไว้ไม่ได้ หญิงเพี้ยนของย่าไปถึงชายหาดได้แล้วหรือ ย่าตายเพราะพลัดตกจากเขา...ข้าพเจ้าแค่คิด แค่หวัง หวังว่าก่อนสิ้นใจ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของย่าจะฉายชัดความจริงที่ว่า 

 

อาจเป็นคุณเคนต์ก็ได้

 

ประโยคนี้ที่ย่าเขียน ถูกต้องสักแค่ไหนกัน

 

 

 

Tbc…

#LadysKent