วันที่สองของการไปโรงเรียนแวมไพร์

"เฮเซล" เสียงเรียกของเจเลนที่เรียกฉันก่อนที่จะเริ่มเรียน

เจเลนพูดถึงเรื่องเมื่อวานว่าสนุกมากเล่าเป็นฉากๆ ว่าไปทำอะไรมาบ้างและบอกว่า "ขนมอร่อยมากเลยชอบมาก" จากนั้นก็อธิบายความอร่อยของแต่ละรสชาติให้ฟังอีก ก็ไปมาด้วยกันจะเล่าทำไมแต่เราก็ไม่อยากจะขัดเพื่อนยังไม่ทันได้คุยกับใครจะหมดวันอีกแล้ว เจเลนชวนคุยไปเรื่อยจริงๆ แถมยังบอกว่าไปดูแผนที่ดินแดนแวมไพร์ทั้งวันทั้งคืนว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวที่ไหนน่าสนใจไว้จะไปเที่ยวกับเราอีก เจเลนแต่เราอยากมีเพื่อนคนอื่นด้วยอย่ามีกันสองคนเลยไปหาเพื่อนเพิ่มกันดีกว่าฉันได้แต่คิดในใจพูดออกไปไม่ได้เพราะเจเลนไม่ให้โอกาสฉันได้พูดเลย

ตอนกินอาหารกลางวันแน่นอนว่าพี่คาร์เวนขอมานั่งกินด้วยทุกวันพี่คาร์เวนก็ติดน้องสาวเหลือเกินแต่เฮเซลยินดีเฮเซลมีความสุข เจเลนเริ่มพูดคุยกับพี่คาร์เวนมากขึ้นและบอกพี่คาร์เวนว่า "ที่พี่คาร์เวนพาไปเมื่อวานชอบมากอยากไปเที่ยวอีกวันหลังให้พี่คาร์เวนพาไปอีกนะ" พร้อมอวยพี่คาร์เวนไปมากมายว่า "พี่คาร์เวนนิสัยดีมากเลย พาไปเที่ยวพาไปกินของอร่อยและยังขับรถมาส่งอีกขอบคุณมากๆ เลยนะครับเมื่อวานไม่ค่อยได้คุยกับพี่คาร์เวนมากเท่าเพราะยังไม่ค่อยกล้าคุยด้วย พี่คาร์เวนหล่อมากเลยเจเลนอยากสนิทกับพี่คาร์เวนด้วย" พี่คาร์เวนได้ยินขนาดนั้นก็เปิดใจให้เจเลนทันทีพร้อมบอกอีกว่า "จะพาไปเที่ยวอีกนะมีหลายที่เลยที่น่าไป"

คุยไปคุยมาสองคนนี้ก็สนิทกันเฉยเลยเจเลนนายจะแย่งพี่คาร์เวนไปจากฉันไม่ได้นะฉันไม่ยอม

พี่คาร์เวนชวนทุกคนไปเที่ยววันหยุดบอกว่า "อยากพาทุกคนไปเที่ยวที่ดินแดนแม่มดดูบ้างจะพาเฮเซลไปซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์หายากด้วยที่นี่คงไม่มี" อยากจะเอาใจน้องแหละดูออกเมื่อเช้าตอนนั่งมาบนรถถามเรื่องร้านเวทมนตร์ดีๆ ไปเพราะร้านที่ดินแดนแวมไพร์ไม่มีของที่ฉันอยากได้เลยได้โอกาสพาไปเลยสินะ

"ไปด้วยสิ" อยู่ ๆ พี่คาเรียดก็พูดขึ้นมาน่าแปลกที่พี่คาเรียดจะไปด้วย

"ได้อยู่แล้ว ก็ฉันชวนทุกคนไป" พี่คาร์เวนตอบกลับพี่คาเรียด

เจเลนก็ดูดีอกดีใจที่จะได้ไปดินแดนแม่มดเหลือเกิน

หลังจากนั้นวันต่อมาเจเลนก็พูดถึงแต่เรื่องดินแดนแม่มดพร้อมนำแผนที่และเขียนสรุปสถานที่ท่องเที่ยวร้านค้าร้านอาหาร และร้านเวทมนตร์ที่น่าสนใจรวมถึงร้านที่มีของแปลกของหายากพร้อมบอกว่าอยากไปที่ไหนบ้างมีที่นี่อยู่ตรงนี้ๆ อยากไปมากหามามากขนาดนี้คงจะไปหมดหรอกแค่แวะมาซื้อของไม่กี่ชั่วโมง พี่คาร์เวนดูจะไม่รำคาญเจเลนเท่าไรเหมือนจะเข้าใจเจเลนและยังพูดคุยเรื่องต่างๆ กับเจเลนด้วยซ้ำส่วนฉันก็อยากให้เจเลนหยุดพูดบ้างและก็เป็นอย่างนี้จนถึงวันสุดท้ายของการเรียนในสัปดาห์นี้

มาถึงวันที่เดินทางไปยังดินแดนแม่มดพี่คาร์เวนขับรถอีกคันไปเป็นรถที่มีสี่ที่นั่งแต่ก็หรูไม่แพ้คันเดิมเลย ระหว่างทางอยู่ๆ พี่คาเรียดก็พูดขึ้นมาว่าพาไปที่ร้านวิซวิดลี่หน่อยนะเหมือนจะเคยได้ยินชื่อร้านนี้จากไหนคิดออกแล้วที่เจเลนเคยบอกว่าเป็นร้านที่มีของหายากของโบราณเป็นพวกของแปลกๆ พี่คาเรียดจะไปทำไมดูไม่น่าจะสนใจของพวกนี้

เมื่อถึงร้านที่พี่คาเรียดบอก "พวกนายไปเที่ยวกันเลยนะค่อยกลับก็มารับฉันตรงนี้" 

พี่คาร์เวนตอบตกลงดูท่าทางไม่แปลกใจที่น้องชายตัวเอง จะมาแค่ร้านเดียว

เมื่อทิ้งพี่คาเรียดไว้ที่ร้านแล้วด้วยความสงสัยเรื่องพี่คาเรียดฉันเลยถามพี่คาร์เวนไปว่า "ทำไมพี่คาเรียดไม่มากับพวกเราเหรอคะ?" 

พี่คาร์เวนบอกว่า "คาเรียดก็เป็นแบบนี้แหละพี่ไม่แปลกใจเลยคิดไว้แล้ว่าไม่ได้อยากจะมาเที่ยวกับพวกเรา คาเรียดชอบไปไหนมาไหนคนเดียวส่วนมากก็จะหายไปทั้งวัน ที่หายไปส่วนมากก็มักจะมาที่ดินแดนแม่มดพ่อมดเนี่ยแหละพอถามว่ามาทำไมก็ไม่เคยบอกเลยจนหลังๆ ก็ไม่ได้มีใครสนใจแล้ว" เมื่อฟังจบก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่อยากรู้เข้าไปอีกว่าพี่คาเรียดมาทำไม

พี่คาร์เวนพาไปร้านอาหารที่คิดว่าน่าจะอร่อยจากการที่ดูรีวิวมาและก็พาไปร้านขนมชื่อดังไปลองชิมอยู่หลายร้านเลย เจเลนก็ดูท่าทางจะชอบใจและมีความสุขกับของอร่อยมากฉันก็ชอบนะร้านที่พี่คาร์เวนพามาดีทุกร้านเลย

ฉันมาซื้อไม้กายสิทธิ์อันใหม่รุ่นพิเศษที่มีขายแค่ที่ร้านนี้เท่านั้นดีกว่าของเดิมเยอะมากและก็แพงมากอีกด้วยแต่พี่คาร์เวนซื้อให้ พี่คาร์เวนบอกว่าอยากซื้ออะไรให้ซื้อเลยพี่คาร์เวนจะจ่ายทั้งหมดให้เองไม่ต้องกังวลแต่ฉันก็ไม่ได้ซื้ออะไรมากแค่อย่างเดียวก็พอแล้วแค่ค่าขนมวันนี้ก็น่าจะเยอะมากแล้วพี่คาร์เวนจ่ายทั้งหมดให้ทั้งฉันและเจเลนด้วยฉันก็มีความเกรงใจพี่คาร์เวนอยู่บ้าง

หลังจากที่สนุกกันเกือบทั้งวันก็ได้เวลาไปรับพี่คาเรียดแล้วพี่คาเรียดขึ้นรถมาพร้อมกับกระเป๋าที่ดูเหมือนจะมีของใส่อยู่ในนั้นตอนแรกกระเป๋าดูเหมือนจะไม่มีอะไรอยู่ฉันคิดในใจน่าสงสัยอยากรู้จริงๆ ซื้ออะไรมา

พี่คาร์เวนไปส่งเจเลนที่บ้านเหมือนเดิมเมื่อถึงบ้านพี่คาเรียดรีบเดินกลับห้องของตัวเองพร้อมบอกว่าวันนี้ไม่กินอาหารเย็นเพราะว่ากินมาแล้ว ส่วนฉันความจริงตอนนี้ฉันก็ยังอิ่มอยู่แต่ก็ยังกินได้แหละเลยอยู่กินอาหารเย็นกับทุกคนก่อนและกัน

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จคุณแม่ฝากขนมหวานแบบไม่หวานที่คุณแม่ทำเองให้ฉันเอาไปให้พี่คาเรียดที่ห้องเพราะคิดว่าพี่คาเรียดอาจจะยังไม่ได้กินอะไรหรือถ้ากินก็คงไม่มากนัก ด้วยความที่คุณแม่รู้จักนิสัยของลูกชายตัวเองดี

ประตูห้องไม่ได้ล็อกเมื่อเคาะห้องก็ไม่มีเสียงตอบรับฉันเลยเปิดประตูห้องเข้าไปในห้องว่างเปล่าไม่มีพี่คาเรียดฉันวางขนมไว้ที่โต๊ะและเดินดูห้องนิดหน่อย ห้องนอนของพี่คาเรียดมีหนังสือเยอะมากดูเป็นหนังสือแปลกๆ ฉันลองหยิบหนังสือดูเล่มหนึ่งน่าสนใจดีเป็นภาษาแม่มดด้วยเมื่อหยิบหนังสือออกมาพบว่าชั้นหนังสือแยกออกจากกันทำให้เห็นทางเดินเข้าไปที่เป็นบันไดเดินลงไปชั้นล่างห้องของพี่คาเรียดอยู่ชั้นแรกดังนั้นถ้าลงไปอีกก็ต้องเป็นชั้นใต้ดิน จะมีห้องลับในชั้นใต้ดินเหรอฉันคิดในใจฉันเดินเข้าไปตามทางด้วยความสงสัยเมื่อสุดทางก็พบกับห้องห้องหนึ่งเมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าพี่คาเรียดหันมามองด้วยสีหน้าตกใจ

"เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง"

ฉันก็ตกใจเหมือนกันตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยในห้องเต็มไปด้วยของแปลกประหลาดและดูเหมือนว่าของพวกนี้จะเป็นของแม่มดพ่อมดทั้งนั้นบางอย่างก็แปลกมากจนชวนอ้วกเลยทีเดียว พี่คาเรียดน่าจะต้องเป็นพวกคลั่งพวกแม่มดพ่อมดเวทมนตร์อะไรพวกนี้แน่เลย ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อพี่คาเรียดพูดขึ้นมาว่า "ในเมื่อรู้ความลับของฉันแล้วเรามาสนิทกันดีกว่าคุณน้องสาว" เสียงพูดที่เปลี่ยนไปน้ำเสียงช่างเยือกเย็นชวนขนลุก

ฉันคิดในใจก็อยากให้เราสนิทกันนะแต่ต้องไม่ใช่แบบนี้รู้สึกเหมือนกำลังโดนข่มขู่จะยืนร้องไห้ออกมาตรงนี้แล้วนะ หลังจากนั้นพี่คาเรียดก็พาฉันมาส่งที่นอกห้องเพราะหลังจากที่รู้ความลับพี่คาเรียดสติฉันก็ได้หายไปเรียบร้อย

"คุณน้องสาวเดินกลับห้องดีๆ นะเรื่องที่เห็นวันนี้ถ้าบอกใคร ระวังจะได้มาอยู่ที่ห้องนั้นตลอดไปนะ" น้ำเสียงเยือกเย็นแบบนี้คงมีฉันคนเดียวที่ได้รับแน่นอนรู้สึกพิเศษจังเลยอยากจะยืนร้องไห้ออกมาให้สิ้นเรื่องแต่ร้องไม่ออกเพราะน่ากลัวเกินไป คืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ แต่ถ้าเราไม่บอกใครก็คงไม่เป็นอะไรหรอกคิดในแง่ดีเข้าไว้ยังไงพี่คาเรียดก็เป็นพี่ชายเรานะพี่ชายคงไม่ทำร้ายน้องสาวได้ลงคอหรอกแถมตอนนี้ก็สนิทกันแล้วด้วยถึงจะสนิทแบบที่ไม่อยากจะสนิทก็ตาม