13 ตอน ตอนที่ 12 มันต้องเป็นแฟนจริง ๆ ด้วยเหรอครับ
โดย อัญมณีสีน้ำเงิน
ตอนที่ 12 มันต้องเป็นแฟนจริง ๆ ด้วยเหรอครับ
การถ่ายทำเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย ถ่ายทำอีกไม่กี่ครั้ง เราก็จะได้ปิดกองกันแล้ว จริง ๆ การทำงานเสร็จสักชิ้นมันควรจะทำให้เรามีความสุข แต่กับผมมันดันตรงกันข้าม จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่ายังไม่อยากให้งานเสร็จ ผมยังสนุกกันการมากองถ่าย มาทำงาน แล้วก็ได้มาเจอเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก
โดยเฉพาะพี่ปลื้ม
แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ในเมื่องานพาเรามาเจอกัน ก็ไม่แปลกถ้าวันนึงงานจะพาเราแยกจากกันไป พอมาคิด ๆ ดูถ้าวันนั้นมาถึงผมก็คงใจหายเหมือนกัน พี่ปลื้มไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานที่มามอบประสบการณ์ในการทำงานให้ผมอย่างเดียว เขายังมอบประสบการณ์เกี่ยวกับเซ็กซ์ และมอบความสุขให้ผม ในช่วงชีวิตเหงา ๆ วัยยี่สิบห้าแบบนี้
ความรู้สึกหน่วง ๆ เกิดขึ้นในใจ แต่ผมต้องกลืนทุกอย่างลงไปก่อน แล้วหันกลับมาโฟกัสที่งาน เพราะตอนนี้ผมกำลังต้องถ่ายแก้ฉากที่ยังทำไม่ได้อยู่
แม้เราจะเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว แต่นักแสดงที่ไม่มืออาชีพแบบผม ก็ยังต้องพบเจอกับอุปสรรคเกี่ยวกับความสามารถตัวเองอยู่หลายครั้ง ฉากที่เรากำลังติดอยู่นี่ไม่ใช่ฉากเซ็กซ์แล้วครับ แต่เป็นฉากบอกรัก
มันเป็นตอนที่ท่านประธานถามบีมว่ารู้สึกยังไง แล้วบีมก็ตัดสินใจบอกรักท่านประธานออกไป ผมไม่เชิงว่าเล่นไม่ได้ ตรงกันข้ามคือผมอินกับบทนี้มาก ๆ ผมอินจนตอนเล่นผมไม่ได้มองว่าพี่ปลื้มเป็นท่านประธาน แต่มองพี่ปลื้มเป็นพี่ปลื้ม แล้วพอคิดได้ มันก็ทำให้ผมปิดตัวเอง ไม่กล้าเล่นฉากบอกรักออกไป
เราต้องเล่นฉากนี้ใหม่อยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายพี่โด้ก็ให้ผมพักก่อน แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เวลาที่ผมเล่นไม่ได้ก็จะมีพี่ปลื้มมาคุยกับผม เรียกว่ากองอื่นต้องจ้างแอ็กติงโค้ชประจำ แต่กองนี้มีพี่ปลื้มเนี่ยแหละ เป็นแอ็กติงโค้ชของผม
“เป็นอะไร เล่นไม่ได้เหรอ”
“อ่าครับ ผม เอ่อ ไม่เคยมีความรัก”
ผมเลือกจะบอกเหตุผลนี้ แทนที่จะบอกว่าเป็นเพราะผมนึกถึงแต่พี่ปลื้ม จนไม่กล้าแสดงต่อ เพราะถ้าขืนบอกแบบนั้นไป ผมก็กลัวพี่ปลื้มจะหาว่าผมหวั่นไหว ไม่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว แถมยังกลัวพี่ปลื้มจะตีตัวออกห่างผมด้วย ไหน ๆ เราก็ถ่ายทำกันอีกไม่กี่ครั้งแล้ว ผมอยากให้มันจบลงด้วยดี แยกย้ายกันไปด้วยความรู้สึกเป็นบวก
“งั้นเหรอ งั้นอยากลองมีไหม”
“อะไรนะครับ”
“ก็จะได้แสดงได้”
ผมทำหน้างงกับคำพูดของพี่ปลื้ม มีความรักมันไม่ใช่คิดจะมีก็มีได้เลยสักหน่อย แล้วถ้าผมมีความรัก มันจะช่วยผมได้จริงน่ะเหรอ
“มันจะช่วยได้เหรอครับ”
“ได้สิ ถ้าเรามีกับพี่”
“ฮะ”
“มันอาจจะไม่ถูกต้องในหลักการแสดงน่ะนะ การแสดงที่ดีเราควรเป็นตัวละครนั้นแล้วแสดงออกมา ไม่ใช่เอาทั้งชีวิตเรามาแสดง แต่เรายังไม่ได้มืออาชีพมาก จะสอนให้อินกับความเป็นบีมในระยะเวลาสั้น ๆ มันคงยาก งั้นต่อจากนี้ก็ไม่ต้องคิดว่าเป็นบีม แต่คิดซะว่าเป็นตัวเองก็ได้นะ”
“พี่ปลื้มหมายถึง...”
“ลองเป็นแฟนกันดูไหม จะได้เล่นบทรักกันได้ดี”
“…”
“แล้วต่อจากนี้ก็ไม่ต้องเล่นเป็นบีมกับท่านประธาน แต่เล่นเป็นพี่กับเรา”
ข้อเสนอของพี่ปลื้มทำโลกของผมหยุดหมุน จากที่สับสนอยู่แล้วยิ่งทวีความสับสนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบ ๆ เท่า เหมือนข้อเสนอของพี่ปลื้มกำลังมาซ้ำปัญหาที่ผมเป็นอยู่ ผมมีปัญหาเพราะนึกถึงพี่ปลื้มมากกว่าท่านประธาน แต่พี่ปลื้มดันมาชวนผมนึกถึงพี่ปลื้มเพิ่มอีก
แบบนี้มันก็เหมือนผมได้รับอนุญาตให้นอกบทได้เต็มที่รึเปล่านะ
“ว่าไง สนใจไหม”
“ละ แล้วต่อจากนี้ต้องทำยังไงครับ”
“ก็ยังเล่นตามบท เรียกชื่อบีมกับท่านประธาน แต่ความรู้สึก ให้มันเป็นเรากับพี่”
พี่ปลื้มให้ผมเลือก ว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นข้อเสนอที่ผมเห็นอยู่จะ ๆ ว่ามันสุดแสนจะอันตรายต่อหัวใจของผม ตอนนี้ก็อยู่ที่ผมแล้ว ว่าจะรีบหยุด หรือจะลองเล่นกับหัวใจตัวเองให้มันสุด ๆ ดี
ซึ่งแน่นอนว่าคนอ่อนหัดกับเรื่องหัวใจอย่างผมควรจะเลือกหยุดถึงจะเป็นทางที่ดีที่สุด แต่ลึก ๆ ในใจของผมก็บอกให้ลองดู ไหน ๆ จะแยกย้ายกันไปอยู่แล้ว เวลาที่เหลือก็ควรเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุดรึเปล่านะ
“โอเคครับ ลองก็ได้”
“งั้นจากนี้ เป็นแฟนกันแล้วนะ”
“ครับ”
เอาวะ จะเจ็บก็ค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอทำตามใจก่อนแล้วกัน
ผมกับพี่ปลื้มได้แสดงฉากที่เล่นไม่ได้อีกครั้ง คราวนี้บีมบอกรักท่านประธานได้ออกมาถึงอารมณ์พี่โด้มาก ๆ แล้วท่านประธานก็ได้ขอบีมเป็นแฟน ซึ่งก็เป็นการรู้กันเป็นนัย ๆ ของผมกับพี่ปลื้มว่า จากนี้จนถึงจบเรื่อง เราจะลองรับบทแฟนกันดู เพื่อการเข้าถึงอารมณ์ตัวละครแบบขั้นสุดยอด
เมื่อเล่นตอนยากได้ ที่เหลือก็ไม่ได้มีปัญหา ผมกับพี่ปลื้มเล่นผ่านแบบรัว ๆ จนกระทั่งถึงตอนเลิกกอง วันนี้เราเลิกกองกันตอนตีหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าพอดึกแบบนี้ ผมก็ต้องเรียกรถในแอปพลิเคชันกลับ เพราะรถโดยสารประจำทางมันหมดแล้ว
แต่ระหว่างที่ผมกำลังยืนรอรถ ก็มีเทพบุตรคนเดิม คนที่ชอบโผล่มาตอนผมรอรถเสมอนั่นก็คือพี่ปลื้ม เขาขับรถมาจอดตรงหน้าผม แล้วลดกระจกลงมาคุยกับผม
“ไปหาที่ห้องไม่เจอ วันนี้เก็บของเสร็จเร็วจัง”
“กลัวดึกน่ะครับ เลยรีบออกมาเรียกรถ”
“กดเรียกไปรึยัง”
“กำลังจะกดครับ”
“ยกเลิกไป แล้วขึ้นรถมา”
“พี่ปลื้มจะไปส่งอีกแล้วเหรอครับ”
“แล้วใครจะปล่อยให้แฟนกลับบ้านเอง”
เพียงแค่เท่านั้น ก็เหมือนโลกทั้งใบของผมมันหยุดหมุนเป็นรอบที่สองของวัน การย้ำคำว่าแฟน แม้จะเป็นแฟนเพื่อหน้าที่การงาน ก็ทำเอาหัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาของผมสดใสขึ้น
แล้วด้วยความที่ผมอาจจะเพ้อมากไป จึงทำให้ไม่ค่อยมีสติครบถ้วน เอาแต่ยืนเอ๋ออยู่แบบนั้น จนพี่ปลื้มต้องเรียกผมใหม่อีกครั้ง
“ขึ้นมาเร็ว ตรงนี้จอดนานไม่ได้นะ”
“อ่าครับ ๆ ขึ้นแล้วครับ”
ทันทีที่ผมขึ้นรถ พี่ปลื้มก็ออกรถไปทันที พี่ปลื้มแวะร้านสะดวกซื้อให้ผม เพราะกลัวผมจะหิว ซึ่งผมก็หิวจริง ๆ ผมซื้อของกินเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ได้กลัวหุ่นพังทั้ง ๆ ที่ยังเล่นหนังไม่จบ แต่ยังไงก็ต้องขอหน่อย เพราะวันนี้ทำงานหนักมาก มันหิวมากจริง ๆ
พอกลับไปถึงห้องพี่ปลื้ม เขาก็ปล่อยให้ผมได้นั่งจิ้มไส้กรอก โบโลน่าทั้งหลายที่ผมซื้อมาอย่างเต็มที่ ส่วนตัวพี่ปลื้มก็จัดการความเรียบร้อยต่าง ๆ แล้วหาชุดให้ผม ก่อนจะออกมาพร้อมเสื้อผ้าสำหรับผมในวันนี้
“ไม่มีชุดแล้ว ใส่เสื้อพี่ไปก่อนแล้วกันนะ”
“ได้ครับ”
“ต่อไปคงต้องไปเอาชุดเรามาไว้ที่นี่เยอะ ๆ แล้ว มาทีไรก็ไม่มีใส่ จริง ๆ ทุกครั้งที่เอามาก็ไม่น่ารีบเอากลับนะ”
“ผมไม่รู้ว่าจะได้มาอีก”
“งั้นต่อไปก็รู้ไว้ เพราะคงจะได้มาค้างห้องแฟนอีกบ่อย ๆ”
พี่ปลื้มเน้นย้ำคำว่าแฟนเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งย้ำก็ทำให้ผมยิ่งอิน ไม่อยากจะคิดเลยว่าวันที่เราต้องออกจากบทนี้ สภาพผมจะแย่แค่ไหน ถึงตอนนั้นผมจะให้พี่โด้เลี้ยงเหล้าชดเชย ข้อหาที่เพื่อนของเขามาทำให้ผมเสียทรง
แต่ตอนนี้ขอมีความสุขก่อนแล้วกัน ปล่อยให้ความเจ็บเป็นเรื่องของอนาคต
“ตัวนิดเดียว ทำไมกินเยอะจัง”
พอเตรียมของให้ผมเสร็จ พี่ปลื้มก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ ผม มือหนาลูบหัวผมเบา ๆ เหมือนเอ็นดู จะบอกว่าตั้งแต่ใช้คำว่าแฟน ไม่สิ ตั้งแต่วันนั้นที่ไปกินชาบูด้วยกัน พี่ปลื้มก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่แบบถาวร แถมยังพูดกับผมเยอะขึ้น แล้วก็ไม่ค่อยดุใส่ผมแล้ว
ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้พี่ปลื้มเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมาก ๆ พี่ปลื้มคนดุตอนนี้ยังดุกับคนอื่น แต่เขาใจดีกับผมแล้ว ตอนนี้ผมน่าจะเป็นคนสนิทของเขาแล้วจริง ๆ
“มันหิวน่ะครับ วันนี้ฉากเซ็กซ์น้อย แต่ใช้พลังเยอะมากเลย”
“เราเล่นฉากเซ็กซ์จนเก่งแล้วรึเปล่า เลยรู้สึกว่ามันง่าย มาเล่นฉากอื่นเลยยาก”
“อ่า ผมยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ ที่มาได้ขนาดนี้ก็เพราะพี่ปลื้มสอน”
“เอาจริงพี่แทบจะไม่ได้สอนเลยนะ”
“หืม สอนสิครับ พี่ปลื้มสอนผมตั้งเยอะ จำไม่ได้เหรอ”
“เฮ้อ พวกนั้นมันเรียกว่าสอนที่ไหนล่ะ”
“อะไรนะครับ”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ผมได้ยินไม่ชัดว่าพี่ปลื้มพูดอะไร พอถามซ้ำพี่ปลื้มก็ไม่ยอมตอบ ผมเลยไม่ได้คาดคั้นอะไร แม้พี่ปลื้มจะถ่อมตัวว่าไม่ได้เป็นคนสอนผม แต่สำหรับผมแล้ว ผมทำได้ขนาดนี้ก็เพราะการสอนและการฝึกให้ของพี่ปลื้มเนี่ยแหละ
“แล้วถ่ายอีกสองครั้งก็จะจบแล้ว ยังมีตรงไหนที่ไม่มั่นใจรึเปล่า”
ผมคิดตาม อันที่จริงตอนแรกมีฉากนึงที่ผมไม่มั่นใจ คือฉากมีเซ็กซ์กันไปบอกรักกันไป แต่พอตอนนี้พี่ปลื้มให้ผมฝึกด้วยการลองเป็นแฟนกันจริง ๆ ผมจึงคิดว่าผมน่าจะผ่านฉากนั้นไปได้ ดังนั้นพอมาคิด ๆ แล้วก็น่าจะไม่มีแล้วนะ
“เท่าที่นึกออกก็ไม่มีแล้วนะครับ”
“งั้นแบบนี้ก็ไม่ต้องฝึกกันแล้วสิ”
“อ่า”
ผมนิ่งไปตอนพี่ปลื้มบอกว่าอาจจะไม่ต้องฝึกแล้ว สมองด้านชั่วร้ายของผมเริ่มนึกอยากมีฉากที่เล่นไม่ได้ขึ้นมา เพราะอยากจะได้รับการฝึกจากพี่ปลื้มอีก
ระหว่างที่ผมกำลังหาทางใช้งานในทางมิชอบ พี่ปลื้มก็ได้พูดบางอย่าง ที่ทำให้ผมต้องทำลายความคิดที่จะหาฉากยากมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้พี่ปลื้มฝึกให้อีก
“ถ้าไม่มีฉากที่ต้องฝึกแล้ว งั้นคืนนี้มาทำกันแบบไม่ต้องฝึกดีไหม”
“หมายถึง?”
“เรากับพี่ ทำกันแบบ...ไม่เกี่ยวกับงาน”
แล้วก็คงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับ ว่าผมจะตอบยังไง
ตอนนี้ผมแพ้พี่ปลื้มแบบเต็มรูปแบบแล้ว ดังนั้นคำตอบของผมก็มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละ
“ครับ ทำก็ได้”
--------------------------------------------------------------
เคาะแล้วนะคะ ตอนพิเศษจะมีทั้งหมด 6 ตอน
เล่มราคา 200 รวมส่งค่ะ (เราพยายามให้ราคาเบาที่สุดแล้วค่ะ ได้เท่านี้จริงๆ)
ใครสนใจเก็บเงินรอเลยนะคะ ไม่เกินเดือนนี้ มาแน่นอนฮะ
Comments (0)