บทที่ 1

นี่ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว… 

โจนาธานถอนหายใจอย่างรู้ชะตากรรมก่อนวางมือถือลงบนโต๊ะ อันที่จริงผลลัพธ์มันก็ชัดเจนตั้งแต่เขาหั่นมันฝรั่งพลาดไปโดนนิ้วตัวเองแล้ว นี่เขาหวังอะไรกับการสมัครงานครั้งนี้กัน

เขาหยิบคุกกี้ที่อบเสร็จเมื่อตอนเที่ยงขึ้นมาชิม บางทีเขาควรไปสมัครงานที่ร้านเบเกอรี่แทนที่จะเป็นภัตตาคารอาหารจีน เพราะนอกจากมันจะเป็นงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสงบ อเล็กซานดรายังชอบขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย

หัวหน้าพ่อครัวบอกว่าคนที่ผ่านการสัมภาษณ์จะได้รับการติดต่อมาภายในวันนี้ และมันก็ได้ล่วงเลยเวลาตามที่แจ้งเอาไว้แล้ว หลังสี่โมงเย็นยังไม่มีข้อความตอบกลับในอีเมล หมายความว่าถึงเวลาแล้วที่โจนาธานจะต้องเตรียมตัวบอกข่าวร้ายกับภรรยาสุดที่รักของเขา หลินคงไม่พอใจแน่ๆ เพราะจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านเพียงลำพัง 

แม้จะเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่อง แต่เขาก็หวังว่าตัวเองอาจจะทำหน้าที่พ่อที่ดีได้บ้าง

ว่าแล้วก็เดินไปหยิบตุ๊กตากระต่ายสีขาวมา แล้วเดินตรงไปลั่นกุญแจประตู

การยืนรอลูกสาวกลับจากโรงเรียนคือหน้าที่ของพ่อผู้แสนอบอุ่น นอกจากการชมต้นไม้ในสวนไปพลาง โจนาธานสังเกตว่าบรรยากาศละแวกบ้านของเขาดูแปลกไป วันนี้มีรถกระบะสองคันมาจอดเรียงกัน กินพื้นที่ถนนไปเกือบครึ่ง ขวางทางเข้าออกหน้าบ้านและล้อรถนั่นก็บดดอกไม้ของเขากับพื้นหญ้าจนเละเทะ

เขาเกือบจะเอ็ดการกระทำที่ไร้มารยาทของคนพวกนั้น แต่พอเห็นชายสองคนที่ลงมาจากรถรีบขนของบนท้ายกระบะอย่างขะมักเขม้น ก็เข้าใจได้ว่าทั้งสองก็คงเป็นพวกรับจ้างขนของย้ายบ้าน เมื่อเสร็จภาระหน้าที่ก็คงจากไปแต่โดยดี

ที่น่าประหลาดใจคือสัมภาระและเฟอร์นิเจอร์พวกนั้น ถูกย้ายเข้าไปในบ้านข้างๆ ที่ร้างมานานหลายปี มันเป็นบ้านราคาแพงหูฉี่ ตกแต่งอย่างหรูหราเหมือนเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็ก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนกลุ่มหนึ่งมาทำความสะอาด จัดการกับไม้เลื้อยและต้นหญ้าที่รกรุงรัง จนในที่สุดก็มีคนมาเติมเต็มให้บ้านเป็นบ้าน

พลันสายตาสบเข้ากับชายคนที่ยืนใต้ต้นไม้ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ โจนาธานจึงตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่

เขาเป็นคนที่ทำให้นึกถึงใบเมเปิ้ลขึ้นมาทันที 

มีผมสีแดงที่ไม่เหมือนใคร ชายคนนั้นแต่งตัวเรียบหรู เสื้อตัวในสีขาว กางเกงคลุมด้วยโค้ทสีเขียวเข้ม กางเกงสแลคและรองเท้าหนัง ยืนสูบบุหรี่อยู่เงียบๆ พลางมองคนงานยกของเข้าบ้าน 

“พ่อคะ กลับมาแล้วค่ะ” เด็กหญิงตะโกนเสียงใสมาแต่ไกล เธอวิ่งลงจากรถโรงเรียน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นการเดินเนื่องจากสีหน้าดุแกมเอ็นดูของพ่อ โจนาธานเลิกสนใจชายข้างบ้านมาหาลูกสาวแสนรัก

“คุณพ่อพาอลิสออกมารับหนูด้วยเหรอ” อเล็กซ์พูดอย่างดีใจ 

“ใช่ แล้วพ่อก็เตรียมคุกกี้ไว้ให้ลูกด้วยนะ” สองพ่อลูกเดินจับมือกันเข้าบ้านอย่างอบอุ่น 

จะว่าไป ต้องเอาขนมไปให้เพื่อนบ้านใหม่ด้วยนี่นา

“อเล็กซ์ เดี๋ยวพ่อเอาขนมไปฝากเพื่อนบ้านใหม่ก่อน ลูกเปลี่ยนชุดแล้วค่อยลงมากินขนมนะ” เด็กหญิงพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ โจนาธานจึงออกมานอกบ้านพร้อมกระปุกคุกกี้ เมื่อเขาออกมาก็พบว่าชายผมแดงได้เข้าไปด้านในตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว 

โจนาธานจัดเครื่องแต่งกายของตนเองให้ดีก่อน ถึงจะเป็นแค่ชุดลำลองทับด้วยแจ็กเกตธรรมดา แต่ยังไงก็ควรดูเรียบร้อยเป็นความประทับใจแรก ชายหนุ่มเคาะประตู สักพักก็มีคนเปิดประตูออกมา 

เป็นชายคนเดิม ครั้งนี้เขามองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใบหน้าดูอ่อนวัยกว่าเขาประมาณสี่ถึงห้าปี ดวงตาสีฟ้าหม่นดูตกใจที่เห็นเขา ก่อนที่โจนาธานจะทันพูดอะไร อีกฝ่ายก็ปิดประตูเสียงดังใส่หน้าเขาไปแล้ว ทำเอาเขาอึ้งไปเลย เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอเพื่อนบ้านแบบนี้ 

หรือเขาทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? โจนาธานได้แต่สงสัย ในเมื่อเพื่อนบ้านไม่อยากผูกมิตร เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจแล้วกลับบ้าน

 

ในบ้านหลังนั้น ท่ามกลางกล่องลังที่วางอย่างเป็นระเบียบ เอเดรียนนั่งหันหน้าเข้ากับผนัง บนผนังมีสัญลักษณ์ไม้กางเขนติดอยู่ เขานั่งคุกเข่า มือกุมไว้ที่อก พึมพำเสียงเบา

“ข้าแต่พระบิดา ลูกได้พบเขาแล้ว อีกครึ่งหนึ่งของตัวลูก ลูกได้เจอคู่ชีวิตของลูกแล้ว ขอพระองค์มอบความกล้าและอวยพรให้เราได้เคียงคู่กันเถิด เอเมน” 

 

เช้าวันต่อมา หลังจากกิจวัตรยามเช้า เอเดรียนยืนอยู่หน้ากระจก เขาพินิจดูเสื้อผ้าของตน หยิบเสื้อสองตัวมาลองทาบดู เขาไม่เคยไม่มั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเองแบบนี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะชายคนเมื่อวาน คู่ของเขา แน่นอน ใครๆ ก็อยากจะดูดีที่สุดในสายตาคนรัก

เอเดรียนเดินลงมาหยิบขนมที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้ามืด จัดทรงผมตัวเองอีกเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูออกไป ทันทีที่ประตูเปิด แทนที่จะเป็นความว่างเปล่า กลับเป็นร่างสูงของชายหนุ่มเพื่อนบ้าน เอเดรียนนิ่งค้างไป ใบหูเริ่มแดง ภาพตรงหน้ามันมากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว

ชายตัวสูงวัยประมาณสามสิบ ผิวสีแทนถูกทับด้วยเสื้อยืดคอวีและแจ็กเกตสีเข้ม รอบตัวเปล่งประกายด้วยแสง แสงแบบเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อวาน มันเป็นแสงสว่างนวลตาชวนมอง 

 

“เอ่อ คุณครับ?” โจนาธานที่เห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้า ได้โบกมือเพื่อเรียกสติให้กลับมา เอเดรียนกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว โจนาธานจึงกระแอมเล็กน้อยแล้วแนะนำตัวก่อน

 

“ผมโจนาธาน วิลสัน ยินดีที่ได้รู้จักครับ ส่วนคุณ?” เอเดรียนยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะตอบกลับ 

“เอเดรียนครับ เอเดรียน แว็กเนอร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณวิลสัน” 

เมื่อชายผมแดงเรียกแบบนั้น โจนาธานก็รีบโบกไม้โบกมือคล้ายปฏิเสธ

“คุณวิลสันอะไรกันครับ เรียกโจนาธานเถอะ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว” 

เอเดรียนพยักหน้าอย่างประหม่า เขารับคุกกี้ที่อีกฝ่ายนำมาให้ก่อนจะเชิญคนตรงหน้าเข้าบ้าน

“เชิญเข้ามาก่อนครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมชามาให้” 

ชา? คนตรงหน้าย้ายมาจากเกาะอังกฤษหรือเปล่านะ อีกทั้งสำเนียงบริติชฟังยากๆ นั้นด้วย

โจนาธานคิดระหว่างเดินตามเจ้าของบ้านไปนั่งที่โซฟา เอเดรียนเดินหายเข้าไปในห้องครัว ไม่นานนัก กลิ่นหอมของชาก็ลอยมาแตะจมูก เขาไม่มีความรู้เรื่องชามากนัก ปกติเขากับครอบครัวจะดื่มชาอู่หลงคู่กับขนมที่ทำเอง แต่กลิ่นหอมนี้ เขาไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก 

เอเดรียนเดินออกมาพร้อมชาและคุกกี้ที่เขาทำ 

“ย้ายมาคนเดียวเหรอครับ” โจนาธานเอ่ยถาม ในบ้านหลังใหญ่นี้ดูไม่มีวี่แววผู้อาศัยคนอื่นเลยนอกจากคนตรงหน้า

“ครับ ย้ายออกมาจากครอบครัวน่ะ” เอเดรียนตอบ เป็นคำตอบที่ไม่น่าซักไซ้ต่อสักเท่าไหร่สำหรับคนที่เพิ่งเจอกัน

“แต่ผมไม่ได้มีปัญหารุนแรงกับทางบ้านหรอกครับ แค่อยากออกมาใช้ชีวิตคนเดียวเฉยๆ” เอเดรียนพูดต่อ อีกฝ่ายพยักหน้าเชิงว่ารับรู้

 

“คุกกี้นี่อร่อยมากเลย ทำเองเหรอครับ?” หลังจากชิมคุกกี้ที่เขานำมาให้ เอเดรียนก็ตาลุกวาว โจนาธานเห็นเช่นนั้นก็ดีใจ 

“ใช่ครับ ผมทำเองกับมือเลย ปกติผมมักจะทำให้- “ยังไม่ทันจบประโยค มือถือของโจนาธานก็ส่งเสียงดังขึ้นมา 

“ขอตัวสักครู่นะครับ” 

 

“สวัสดีค่ะ จากครูบรินฮิลล์นะคะ พอดีว่าอเล็กซ์เธอลืมยาประจำตัวมาด้วยน่ะค่ะ คุณพ่อสะดวกนำมาให้ไหมคะ?” เสียงคุณครูประจำชั้นเอ่ยถาม

อเล็กซ์คงจะรีบมากจนลืมเอายาไปสินะ

“อ่า ครับ เดี๋ยวผมจะรีบเอาไปให้ครับ” หลังจากวางสาย โจนาธานได้กลับไปหาเอเดรียนเพื่อขอตัวลา

 

“ธุระด่วน? ที่โรงเรียนเซนต์แมรี่เหรอครับ” 

เขาเป็นครูเหรอ หรือมีคนรู้จักเรียนอยู่ที่นั่นกันนะ เอเดรียนเก็บความสงสัยไว้ และอาสาเป็นคนขับรถไปส่ง

“ผมมีรถยนต์ และโรงเรียนก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก ให้ผมไปส่งเถอะครับ” โจนาธานจะส่ายหน้า แต่ก็นึกได้ว่า เขาไม่มีรถยนต์ และกว่าจะนั่งแท็กซี่ไปเวลาก็น่าจะเลยคาบพละของลูกสาวไปเสียก่อน 

“ถ้างั้น ขอความกรุณาด้วยครับ” เอเดรียนยิ้มกับคำพูดนั้น

 

เมื่อทั้งคู่มาถึง ก็พบครูสาวและเด็กหญิงคนหนึ่งรออยู่ นั่นคือครูบรินฮิลล์และอเล็กซ์ โจนาธานนำยาให้ลูกสาวพร้อมตักเตือนเธอเล็กน้อย อเล็กซ์ทำหน้ารู้สึกผิดอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ยิ้มสดใสกอดพ่อของเธอไว้แน่น 

ทุกๆ การกระทำอยู่ในสายตาของเอเดรียน เขานึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีครอบครัวแล้ว ความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา ดวงตาสีฟ้าหม่นดูหม่นหมองลงไปอีกเมื่อเขามองไปที่สองพ่อลูก 

 

คืนนั้น เอเดรียนไม่สามารถหลับลงได้ ชายหนุ่มเดินมาเปิดหน้าต่างเพื่อรับลม

สูบบุหรี่สักมวนแล้วกัน

เขาคิดเช่นนั้น ก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สายตากวาดไปที่บ้านหลังข้างๆ ผ่านเงาม่าน เขาเห็นชายหญิงคู่หนึ่ง ท่าทางเหมือนกำลังโต้เถียงกัน ร่างสูงกว่าพยายามเดินหนี แต่ถูกดึงแขนกลับมา เอเดรียนมองเงานั้นไม่วางตา ทันใดนั้นห้องนอนเขาก็สว่างขึ้น เทียนหอมที่เขาวางเรียงไว้ถูกจุดขึ้นมา เปลวไฟสะท้อนบนดวงตาของเอเดรียน แววตาของเขาเปลี่ยนจากวาวโรจน์เป็นเคลิ้มฝัน 

ที่รักของผม รอผมก่อนนะ ผมจะทำทุกทางเพื่อให้ได้เราได้กลับไปอยู่ด้วยกัน 

รออีกไม่นานหรอก โจนาธาน…