3 ตอน เทวายาใจ ตอนที่ ๓
โดย ที่รักของพระจันทร์
:: สาม ::
ถึงแม้ว่าโรงงานผลิตปุ๋ยของเทวาจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น เพราะพื้นที่โดยรอบนั้นก็เป็นไร่ของเขาเอง แต่ยังไงเรื่องการบำบัดน้ำเสียและการจัดการปัญหาเรื่องกลิ่นก็ยังสำคัญ
ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มจึงกำลังพิจารณางบสำหรับปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม และอีกเหตุผลคือรองรับการผลิตที่กำลังเติบโตขึ้นจากการเพิ่มไลน์ผลิตสินค้า
หลายวันมานี้จึงค่อนข้างยุ่ง เพราะการพิจารณางบประมาณที่ต้องใช้เป็นจำนวนค่อนข้างมาก หากจะเลือกทำแบบที่ดีที่สุดไปเลย
ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ภายในห้องทำงานขนาดเล็กซึ่งสร้างไว้ภายในรอบรั้วเดียวกับบ้าน ผนังโดยรอบนั้นเป็นกระจกใสเขาจึงเห็นบรรยากาศภายนอกชัดเจน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ที่ผ่านไปแวบหนึ่ง และหายไปภายในสวนที่ติดไฟอัตโนมัติสีส้มซึ่งให้แสงสว่างนวลตา
บ้านของเขาไม่ได้เลี้ยงสุนัขหรืออะไร คิดได้แค่อย่างเดียวนั่นแหละว่าคงเป็นหญิงสาวหลานของแม่บ้านซึ่งมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้ว หลายครั้งเขาเห็นเธอแอบออกมาคุยโทรศัพท์อยู่บ้าง แม้จะไม่ใช่ครั้งละนานๆ แต่ก็บ่อยอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าคุยกับใคร
เทวาถอนหายใจ ยอมรับล่ะว่าตอนเห็นหลานสาวของแช่มช้อยเขาก็ไม่ได้ใจบริสุทธิ์อะไรนัก ถึงจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างแต่ก็เพิ่งเห็นตัวจริงเป็นครั้งแรก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าหวานๆ น่ารักจิ้มลิ้มนั้นถูกตาต้องใจไม่น้อย ถ้าณรักจะไม่ใช่สาวน้อยขี้กลัว บางทีเขาคงเผลอกระโจนเข้าหาเธอไปนานแล้ว ไม่ใช่มานั่งสงบจิตสงบใจถือศีลกินเจอยู่แบบนี้หรอก
สาวไม่เล่นด้วย ยังไงก็คงต้องถอย
ชายหนุ่มนั่งอ่านข้อมูลต่างๆ ที่บริษัทรับบำบัดน้ำเสียส่งมาให้อยู่อีกพักใหญ่ถึงได้ลุกขึ้นยืดแข้งยืดขา ตั้งใจว่าจะกลับเข้าบ้านขึ้นห้องอาบน้ำนอน
แต่เสียงสะอื้นที่แว่วดังอยู่ในความเงียบนั้นกลับสะดุดหู เทวาตัดเรื่องหลอนน่ากลัวออกไปก่อนเป็นอย่างแรก เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มหมุนตัวเดินตามเสียงไป ยิ่งใกล้ก็ยิ่งได้ยินชัดเจนขึ้น จนเจอเข้ากับร่างเล็กนั่งคู้ตัวอยู่แทบจะติดผนังของรั้วบ้าน ภายในมุมมืดที่แสงไฟส่องไปไม่ถึง
“เธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ยุงไม่กัดหรือไง” เทวาทักและเสียงของเขาก็ทำให้ณรักผวา ใจหายวาบ ตกใจจนร้องไม่ออกสักแอะ
“ขอโทษค่ะที่รบกวน” เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบลุกขึ้น ยกสองมือเช็ดน้ำตาที่นองเต็มแก้ม ตั้งใจว่าจะรีบเดินกลับเข้าบ้าน แต่เขาไม่หลีกเธอเลยชนโครมเข้ากับหน้าอกกว้างอย่างจัง
เทวาที่ตั้งใจจะขวางทางเธอไว้อยู่แล้ว ไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเลยสักนิดที่ถูกชน คนเจ็บกลับเป็นณรักเสียมากกว่าที่ต้องยกมือขึ้นมาลูบจมูกตัวเองป้อยๆ
เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืด ชายหนุ่มถึงเห็นว่าดวงตาของหญิงสาวรื้นไปด้วยน้ำใสๆ “เธอร้องไห้ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ณรักปฏิเสธเสียงเบา
“แต่ฉันได้ยินเสียงเธอร้องไห้ ถึงได้เดินตามมาดู” เทวารู้สึกขัดใจที่หญิงสาวเลือกจะปฏิเสธ ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา “มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
ณรักเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ได้เห็นกันมาตั้งเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ถึงจะยังรู้สึกกลัวๆ อีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้กลัวหนักเหมือนวันแรกๆ แล้ว
“คุณทิวช่วยไม่ได้หรอกค่ะ”
คิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันทันที “บอกมาก่อนสิ แล้วฉันจะตัดสินเองว่าช่วยได้หรือไม่ได้”
“คุณทิวช่วยไม่ได้จริงๆ ค่ะ” ณรักยังยืนยันคำเดิม
“ก็แล้วมันอะไรล่ะที่ว่าฉันช่วยไม่ได้” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุๆ ในหัวกำลังคิดว่าบางทีครอบครัวของเธออาจจะกำลังตามมารังควานหรือเปล่า หรือมีปัญหาเรื่องเงิน
ณรักพอได้ยินเสียงดุๆ ของเทวาก็ใจฝ่อ เหมือนกลับไปตอนเพิ่งเจอกันใหม่ๆ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มๆ
“แฟนโทรมาขอเลิกกับหนูค่ะ”
เทวาเกือบจะหลุดเสียงสบถออกมา เพราะถ้าเป็นเรื่องนี้เขาก็ช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ว่าแต่ณรักมีแฟนอยู่แล้วเหรอเนี่ย!
น้ำตาที่เกือบจะหยุดไหลไปแล้วไหลพรั่งพรูออกมาอีกรอบ “ขอหนูร้องไห้เงียบๆ อยู่แถวนี้อีกสักพักนะคะ ไม่อยากรบกวนย่าตอนนอน”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “งั้นก็มานั่งในห้องทำงานของฉัน มานั่งอยู่ตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามเธอไปกินหรอก” สายตาดุๆ ของเขาทำให้เธอเหมือนมีอะไรมาจุกปาก ปฏิเสธไม่ออก ตัวลีบไปหมด ได้แต่ทำตามที่เขาพูด
เทวาเดินนำหญิงสาวที่ยังส่งเสียงสะอื้นกลับไปที่ห้องทำงานเล็กของเขา ก่อนไขประตูเปิดให้เธอเข้าไปนั่งด้านใน ชายหนุ่มจัดการเปิดไฟและแอร์ที่ปิดไปเมื่อครู่ขึ้นมาอีกรอบ
เขาอยากจะหาอะไรให้เธอดื่มสักหน่อย แต่ในห้องนี้มีแค่น้ำเปล่ากับกาแฟ ไม่มีเครื่องดื่มประเภทอื่นที่เด็กๆ ชอบดื่มเลย
พอณรักเข้ามาแล้วก็ได้แต่หาที่ว่างๆ ทรุดตัวลงนั่งยังมุมหนึ่งของห้องทำงาน เพราะที่นี่เทวาไม่ได้ใช้รับแขก ห้องนี้จึงมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้ทำงานของเขาเท่านั้น
“น่ารักมานั่งนี่สิ” เทวาเอ่ยเรียก “เดี๋ยวช่วยปิดไฟกับปิดแอร์แล้วก็ล็อกห้องนี้ให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน”
ณรักมองเก้าอี้ของชายหนุ่ม เธอลุกขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย ส่วนเทวาก็ถอยห่างออกมา
“คบกับแฟนมานานแล้วเหรอ”
“คบกันมาตั้งแต่มอสามแล้วค่ะ แต่พอจบมอหกเขาก็ไปเรียนต่อที่ขอนแก่น จากนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลยเพราะเขาบอกว่ายุ่ง ปิดเทอมก็ไม่ยอมกลับบ้าน เลยได้แต่ส่งข้อความคุยกันแล้วก็โทรหาบ้างถ้าเขาว่าง”
เทวาเดาและคิดว่าเดาไม่ผิดหรอก อีกฝ่ายคงมีผู้หญิงอื่นอย่างแน่นอน “ฉันก็เคยอกหัก เจ็บหน่อย แต่อีกเดี๋ยวก็หาย”
หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย แต่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด ทำเอา
เทวาสงสารจับใจเลยทีเดียว แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าดีแล้ว เขาชั่วมากที่ลึกๆ แอบคิดแบบนี้
“เขาว่าเขายังรักหนู แต่เขาเสียใจมากที่ไม่มีเวลาให้หนูก็เลยอยากเลิก หนูจะได้เจอคนที่ดีกว่าเขา”
ตอแหลน่ะสิ! ชายหนุ่มอยากตะโกนบอกเธอ
ณรักสะอื้นพลางกัดริมฝีปาก “แต่หนูคิดว่าเขาทำมาเป็นพูดดีไปอย่างนั้นเอง สุดท้ายก็คงมีแฟนใหม่อยู่ที่โน่นแล้วนั่นแหละค่ะ”
เทวามองหญิงสาวแล้วยิ้มน้อยๆ “เห็นเธอรู้ทันผู้ชายแบบนี้ฉันก็ดีใจ” เขาหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป แล้วให้เวลาส่วนตัวกับคนเพิ่งเคยอกหัก แต่ก็ยังทิ้งท้าย “ทีหลังอย่าแอบไปนั่งร้องไห้ที่ไหนให้ยุงกัดอีก เกิดป่วยขึ้นมาเดี๋ยวย่าเธอเป็นห่วงแย่”
หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มไปจนกระทั่งเขาหายไปจากสายตาเธอ เขาหมายความว่าถ้าอยากร้องไห้เมื่อไหร่ให้มาที่นี่ได้ตลอดเหรอ
ณรักฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานของเทวา เธอสัมผัสได้ถึงความห่างเหินของแฟนได้ตั้งแต่เดือนแรกที่เขาไปเรียนต่อแล้ว ยังยื้อคบกันมาจนถึงตอนนี้ก็นับว่าไกลเกินกว่าที่คิด บางทีอาจเพราะสงสารเขาถึงเพิ่งจะกล้ามาขอเลิกกัน
เธอมองภาพถ่ายบนหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งเป็นรูปมือกำลังกุมกัน คำสัญญาที่บอกว่าเรียนจบเมื่อไหร่จะมาพาเธอหนีออกไปจากบ้านและเขาจะเป็นคนดูแลเธอเอง สุดท้ายก็แค่ลมปาก ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะพึ่งตัวเอง ทำทุกวิถีทางเพื่อหนีมาจากบ้านนั้น
ณรักออกมายืนรอรถตู้รับส่งนักเรียนทุกวัน ภายในรถตู้นอกจากนักเรียนของวิทยาลัยอาชีวะแล้วก็ยังมีนักเรียนสายสามัญอีกด้วย ทุกวันเธอจะนั่งที่เดิม ซึ่งกลายเป็นที่ประจำของเธอบนรถไปโดยปริยาย
การเรียนและการคบเพื่อนนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าเธอจะแก่กว่านักเรียนคนอื่นๆ อยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ยกเว้นแค่เธอไม่สามารถไปเที่ยวเล่นต่อในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนกับเพื่อนๆ ได้ เพราะเธอต้องทำงานและไม่อยากใช้เงินไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย ดังนั้นจึงต้องเอ่ยปากปฏิเสธเพื่อนอยู่เสมอๆ แล้วขึ้นรถรับส่งกลับมาบ้านของเจ้านายอย่างเทวา
เมื่อกลับมาถึงหญิงสาวก็จะตรงไปสวัสดีแช่มช้อยก่อนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดบ้านหลังโตทั้งกวาดและถูจนเรียบร้อย แล้วค่อยออกไปเก็บกวาดใบไม้ที่ด้านนอกของตัวบ้าน จากนั้นถึงจะวิ่งเข้าไปช่วยหญิงชราทำกับข้าวมื้อเย็นไว้รอเทวา
“พรุ่งนี้ไปทำบุญที่วัดกับย่าไหม”
“ไปค่ะ” ณรักตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริง วัดอยู่ไม่ไกลนัก เวลาไปด้วยกันเธอก็แค่ขี่จักรยานแล้วให้แช่มช้อยซ้อนท้าย แต่อนาคตเธอจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ สักคันหนึ่ง
“คราวนี้สบายหน่อย เดี๋ยวคุณทิวไปด้วย”
มือที่กำลังเด็ดขั้วพริกชะงักเล็กน้อย “คุณทิวจะไปทำไมคะ”
“อ้าว! ก็ไปทำบุญเหมือนหนูนั่นแหละลูก แต่คุณทิวเขานานๆ จะไปสักที”
“อ๋อๆ ก็จริงนะย่า คุณทิวเขาก็ต้องไปทำบุญสิเนอะ” ณรักหัวเราะแหะๆ
“ไปทำบุญที สาวๆ แถวนั้นแทบใจแตกกันหมด คุณทิวของย่าหล่อสุดในอำเภอแล้ว”
ณรักได้ยินแบบนั้นก็หลุดเสียงหัวเราะคิกคัก เทวาหล่อจริง อย่างที่คนเป็นย่าของเธออวย แต่หล่อสุดในอำเภอนี่ก็ดูจะอวยจนเว่อร์เกินไปหน่อย
“ย่าคะ คุณทิวก็อายุสามสิบกว่าแล้ว เขาไม่มีแฟนเหรอคะ”
“คนมันจะคู่กันก็คงไม่แคล้วกันหรอก แต่ถ้ามันไม่ใช่ทำยังไงก็คงไม่ใช่” แช่มช้อยถอนหายใจยืดยาว
“อันนี้ย่าตอบคำถามหนูแล้วใช่ไหม” เธองงเล็กน้อย
แช่มช้อยเสียงเบาลงจนเกือบจะเป็นกระซิบ “เคยมีมาหลายแต่มีอยู่คนหนึ่งรักมากกว่าคนอื่น แต่ก็เลิกกันไปแล้ว เขาไปได้ผัวเป็นไฮโซในเมืองฟ้าโน่น เศรษฐีบ้านนอกก็เลยกินแห้วไปตามระเบียบ กับทางนี้น่ะหมั้นหมายกันแล้วด้วยซ้ำ เฮ้อ! คนเราทำกันได้ลงคอ”
ณรักก้มหน้าก้มตาฟังอย่างเงียบๆ แต่อย่างเทวาน่าจะหาใหม่ได้ไม่ยากอยู่แล้วนี่นา ทุกวันนี้ยังโสดอาจเพราะยังฝังใจกับรักครั้งเก่าอยู่ละมั้ง
เมื่อมาถึงวัดณรักก็จูงมือแช่มช้อยไปนั่งยังพื้นที่ว่างในศาลา ส่วนตัวเองถือปิ่นโตตรงไปยังตะกร้าจานชามที่เตรียมไว้ให้คนที่มาทำบุญใส่กับข้าวและของหวานเพื่อถวายพระ
หญิงสาวสะดุ้งเล็กๆ เมื่อจานที่เธอเลือกหยิบขึ้นมาถูกใครบางคนยื่นมือมาดึงไป เธอหันไปมองทางเทวาทันที ชายหนุ่มแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีน แต่ก็ยังดูเคร่งขรึมอยู่ดี
เขาเปิดปิ่นโตเถาโตและจัดการเทอาหารออกมาใส่จาน ก่อนส่งให้เธอเอาไปวางยังโต๊ะที่ถูกจัดแยกของคาวกับของหวานไว้คนละฝั่ง
“เดี๋ยวหนูไปเรียกย่ามาตักบาตรด้วยกันนะคะ” เมื่อเทวาพยักหน้า เธอจึงหมุนตัวเดินกลับไปหาแช่มช้อย แต่อีกฝ่ายพอได้พบเพื่อนแล้วก็คุยติดลมจนไม่อยากลุกไปใส่บาตร
ณรักจึงเดินกลับไปหาชายหนุ่มซึ่งถือปิ่นโตชั้นที่ใส่ข้าวไว้ในมือ เขาเลิกคิ้วสูงเมื่อไม่เห็นแช่มช้อยตามมาด้วย
“พอดีย่าเจอเพื่อน คุยกันเรื่องเลขเด็ดอยู่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาจนแทบกลายเป็นกระซิบ
เทวาหลุดหัวเราะ ก่อนจะยิ้มบาง ใบหน้าที่ติดจะเคร่งขรึมดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย “งั้นเธอจะไปใส่บาตรกับฉันไหม”
“ไปค่ะ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า ชายหนุ่มจึงเดินนำไปยังด้านข้างศาลาซึ่งบาตรพระเก้าใบถูกวางตั้งไว้บนแท่นปูนความสูงราวๆ เอว
ปกติณรักจะเกาะแขนของผู้เป็นยาย แต่พอเป็นชายหนุ่มเธอเลยแค่เพียงเกาะชายเสื้อของเขาเบาๆ ส่วนเทวาได้แต่เหลือบมองหญิงสาวแล้วคิดในใจ เกาะแค่เสื้อนี่ก็ได้บุญใช่ไหม
หลังจากตักบาตรกันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินนำหญิงสาวกลับเข้าไปในศาลาทันที และบังเอิญสวนกับคนเคยสนิทเข้าพอดี ทำให้ชะงักงันไปครู่หนึ่ง
บรรยากาศระหว่างเทวากับหญิงสาวที่จูงเด็กชายวัยเจ็ดแปดขวบมาด้วยนั้นดูอึดอัดชอบกล อีกฝ่ายเหมือนกำลังพยายามยิ้ม ส่วน
เทวามีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่เอ่ยปากทักทาย
ณรักกับเทวาเดินไปนั่งคู่กันยังด้านหลังของแช่มช้อย เพราะตอนนี้ด้านข้างซ้ายขวาของหญิงชราถูกเพื่อนวัยเดียวกันจับจองไปเรียบร้อยแล้ว
ช่วงที่ยังไม่ถึงเวลาที่พระสงฆ์จะลงมายังศาลา หญิงสาวเลยหยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดเล่นเกมฆ่าเวลา เพราะไม่กล้าชวนชายหนุ่มข้างกายคุย และไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาคุยด้วย
ในระหว่างที่นั่งอยู่มัคนายกก็ส่งเสียงผ่านไมค์ขึ้นมาว่า วันนี้มีผู้ใจบุญจากกรุงเทพฯ มอบเงินให้กับวัดเป็นจำนวนถึงหนึ่งแสนบาท ทุกสายตามองไปยังบุคคลที่ถูกกล่าวถึง จึงทำให้ณรักรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนบริจาค
ชายหนุ่มกับหญิงสาวผู้บริจาคแต่งกายด้วยชุดดูดีมีแบรนด์มาพร้อมกับเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นลูกๆ ของทั้งคู่ เธอก็คือคนที่เดินสวนกับพวกเขาเมื่อครู่
“เมื่อก่อนก็แค่สาวโรงงาน ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไร ได้ผัวรวยเป็นร้อยล้านเฉยเลย เห็นว่ามาเจอกันตอนผู้ชายเขามาทอดผ้าป่าที่วัดนี้นี่แหละ” เสียงซุบซิบนินทานั้นไม่เบาเลยเพราะว่าเป็นคนแก่คุยกัน ถ้าพูดเบาไปอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน ณรักเลยได้ยินตำนานรักของหญิงสาวในคำเล่าลืออย่างชัดเจนไปด้วย
เธอได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่แฟนเก่าที่เคยเกือบได้แต่งกับเทวาหรอกนะ
“เห็นว่าทิ้งผัวเก่าไปด้วยนะ”
หรือใช่ เธอครุ่นคิด
แต่สองหญิงชราก็ไม่ได้ซุบซิบคุยอะไรกันต่ออีก เพราะพระสงฆ์ลงศาลามาพอดี หญิงสาวรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กทันทีก่อนจะยกมือไหว้พระ
ณรักเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้าเธอได้ยินชัดขนาดนี้ เทวาก็ต้องได้ยินเหมือนกัน ดังนั้นจึงแอบเหลือบมองชายหนุ่ม แต่ก็พบเพียงสีหน้าเคร่งขรึมเรียบเฉยเหมือนปกติ ยังไม่ทันจะหันกลับ ก็ถูกเขาจับได้ว่าเธอแอบมอง ชายหนุ่มหันมามองเธอพลางเลิกคิ้วสูง หญิงสาวทำได้เพียงเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
Comments (0)