Chapter 3 ความรู้สึกมันชัดเจน

 

“สวัสดีค่ะ น้อง ๆ พี่ซื้อขนมมาฝาก คนเก่งของพี่มาหรือยัง” โฟร์หิ้วถึงมาเต็มทั้งสองมือ ทักทายเพื่อน ๆ น้องที่นั่งรวมตัวกันตรงโต๊ะประจำหน้าตึกเรียน วางทุกสิ่งลง “กินเลยนะไม่ต้องรอเจ้าตัวมา ยังไงก็มีสำหรับทุกคนอยู่แล้ว พี่ขอนั่งด้วยค่ะ” โฟร์แตะตัวเมเปิลให้ขยับไปด้านใน จากนั้นนั่งลงเคียงข้าง

“น่าจะถึงแล้ววีโทรหาก่อนออกจากห้อง แล้วพี่โฟร์กินอะไรหรือยังครับ”

“ยังเลยกะว่ามากินพร้อมพวกเรานิแหละ ลุยสิคะเด็ก ๆ” หญิงสาวคะยั้นคะยอ พลางหยิบขนมออกจากถุงเลื่อนไปตรงหน้าแต่ละคน “วีน้ำส้มค่ะ ชาเขียวหวานน้อยค่ะของน้องเมเปิล” เธอยกแก้วน้ำส้มให้แก่พี่สะใภ้คนโต และเลือกอีกแก้วให้คนด้านข้าง ส่วนตัวเองลากแก้วกาแฟมาดื่ม แถมยังพลางดันกล่องขนมจีบให้แก่สาวโสดคนเดียวในกลุ่ม ปรายตามองพร้อมพยักหน้าให้จัดการมันซะ

“โฟร์ ไปจัดการเด็กด้วยนะ เมื่อวานมาด่าไนน์ถึงสนาม” ไนน์เดินหน้านิ่งมาบอกพี่สาว

“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัดการให้ แต่ว่าไปสนามเหรอ” เธอรับปากตามคำสั่งน้องรัก

“พี่โฟร์ค่ะ” นิ้วมือสะกิดแขนของคนข้างที่กำลังจิ้มขนมจีบยกขึ้นมาให้

โฟร์อ้าปากงับสิ่งที่อีกคนยื่นมาให้ เคี้ยวจนหมดหันไปคุยกับน้องชายต่อ “ระวังโดนปู่ดุนะ” เอียงหน้ามองรอรับขนมจีบต่อ “ขอบคุณค่ะ” เธออ้าปากงับเจ้าก้อนสีเหลืองอีกคำอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมอมยิ้มมอบแก่คนป้อน ย้ายสายตาไปยังน้องชายดังเดิม

“บอกปู่แล้ว แค่ไปดูเครื่องยนต์ไม่ลงแข่ง” ไนน์บอกติดน้ำเสียงรำคาญเพราะต้องคอยตอบคำถามนี้ตั้งแต่เมื่อวาน นี่ปาไปห้ารอบแล้ว

“รับทราบแล้วค่ะ” เมเปิลทำหน้าที่ป้อนต่ออีกชิ้น แต่คนถูกป้อนทำราวกับว่ามันคือเรื่องธรรมดาไม่ได้มีอะไรมาก

“...” เมเปิลเม้มปากราวกับว่าตัวเองเป็นถูกป้อนมากกว่า แต่นั่นยังไม่เท่ากับเวลาคนด้านข้างไม่ว่าจะพูดคุยกับใครสายตามักจะตกลงมาที่เธอเสมอ จนเพื่อนคนอื่นเผลอไม่สนใจ เมเปิลเอ่ยถามคนพี่ด้วยเสียงเบา “กินอีกไหมคะ”

“ถ้าป้อนก็กินค่ะ” โฟร์ให้สายตาหวานเยิ้มมองก่อนจะย้ายไปยังน้องชายที่กำลังคุยกับเธออยู่ “แล้วโปรเจคถึงไหนแล้วคนเก่ง”

“นี่ค่ะ” ขนมจีบชิ้นอีกชิ้นยกมือจากยังจุดเดิม แต่ความประหม่าเธอจึงเกร็งมือเอาไว้ โฟร์จับตาเฝ้าสังเกตอาการจึงคว้ามือนั้นมาป้อนเข้าปากเองและปล่อยออก

สัมผัสไอร้อนบนมือกระตุ้นการสูบฉีดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอย่างแรง แต่ด้วยกลัวจะโดนคนอื่นจับได้ เธอจึงเริ่มไล่ป้อนเพื่อนคนอื่นบ้าง

โฟร์แอบชำเลืองใบหูของเมเปิลที่ออกสีแดง ด้วยใบหน้าที่ปกปิดด้วยเครื่องสำอางบาง จึงมองลำบาก แค่นั้นใจรู้สึกชุ่มฉ่ำอย่างบอกไม่ถูก

“พี่ไปทำงานก่อนนะเด็ก ๆ” โฟร์ลุกขึ้นพร้อมกล่าวลาเด็ก แล้วเดินอ้อมไปยังน้องชายสุดรักอย่างเร็ว โน้มตัวกอดคอแน่นกดหอมหัวไปหนึ่งทีอย่างรักใคร “ไปก่อนนะคนเก่ง รักไนน์ที่สุด”

“โว้ย!! ออกไปเลย” น้องชายชี้รำคาญแงะมือเธอออกอย่างเร็ว ใช้มือทั้งสองข้างล็อกตัวดันไปให้ห่างมากที่สุด “กลับสักที แล้วรีบไปจัดการเด็กของตัวเองด้วย” เสียงจิ๊ปากดังตามอีกครั้งกับการหมดความอดทน เพราะแบบนี้แหละ เขาถึงโดนบรรดาสาว ๆ เจ้าตัวตามมาด่าอยู่ประจำ

“ใจร้ายกับเขาจังเลย ไปจริงแล้วนะคนเก่ง แล้วเจอกันเด็ก ๆ”

กลุ่มเพื่อนน้องชายในกล่าวลาคนพี่พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณที่ขนอาหารเช้ามาให้ในวันนี้

คำต่อว่าพี่สาวของเพื่อนเขา นั่นทำให้เธอคิดขึ้นได้ว่า พี่โฟร์เขามีคนคบหาอยู่แล้ว แต่ด้วยนิสัยขี้เล่นของเจ้าตัว ถ้าจะทำแบบนี้กับเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป เพราะไม่แสดงอะไรมากกว่าที่ต่างจากเพื่อนคนอื่น จะมีพิเศษขึ้นมากว่าคนอื่น ก็ไนน์และวี

 

“ไนน์ที่มึงบอกว่าโดนเด็กพี่มึงมาด่า มันยังไงวะ” เมเปิลถามหลังจากอีกคนจากไป

“ใช่มึง กูอยากเสือกมาก” จัสมินยืนใบหน้ามา แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้เรื่องราว

ไนน์มองสองสาวถอนหายใจเบา ๆ “คือก็ไม่อะไรมา เด็กมันน่ะ ที่เป็นนางแบบตัวเล็ก ๆ ชื่ออะไรวะ” เขาพยายามเค้นสมองแต่เหมือนกับว่ามันติดอยู่ปลายลิ้น

“พิงกี้” เมเปิลโพล่งชื่อออกมา

“เออนั่นแหละ คุณเธอมาด่าว่ากูไปอ่อยโฟร์ ไม่รู้รสนิยมว่าไม่ชอบผู้ชาย กูนึกในใจว่าจะไม่รู้ได้ไงนั่นมันพี่กูแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น พูดอะไรอีกไม่รู้จนกูรำคาญแล้วบอกไปว่า กูเลยบอกว่ากูเป็นแค่น้องชาย คิดว่าจะจบมันดันพูดชื่อมึงออกมา” ไนน์หันไปพยักหน้าให้กับเมเปิล “มันพูดว่ามึงก็ไม่อ่อยพี่กูเหมือนกัน ไม่รู้จักว่ามองตัวเองอะไรเงี่ย กูเลยสวนกลับไปว่า จะตามหึงหวงกันก็เรื่องของพวกคุณ แต่อย่ามายุ่งกับผมและเพื่อนผม ไม่งั้นมันจะไม่จบแค่นี้แน่ เพราะพี่ผมมองเมเปิลแค่น้องสาวเท่านั้น และผมเองไม่มีวันยอมให้เพื่อนผมเป็นแฟนพี่ผมอีกคนแน่” น้ำเสียงบอกเล่าพยายามข่มความไม่พอใจทั้งพี่สาวและแฟนของพี่สาว ใจจริงเขาไม่อยากบอกเรื่องเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่บอกเพื่อนเธออาจจะโดนลากเข้ามาในความสัมพันธ์นี้และโดนด่าฟรีโดยไม่รู้ที่มาที่ไป

“แบบนี้เองเหรอ” เมเปิลพยักหน้าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“แต่ว่ามึงไม่เล่าให้พวกกูฟังว่าเจอพี่โฟร์บ้างวะ แล้วโดนป่วนอะไรไหมมึง” เจโอถามอย่างสงสัย ในตอนท้ายเหมือนจะกังวล

“เดินห้างแล้วเจอกันทักทายทั่วไป ต้องเล่าให้พวกมึงฟังด้วยเหรอ” เมเปิลเลิกคิ้วถาม

“เออก็จริงวะ” จัสมินเห็นพ้องกับเพื่อนสนิท

“แต่ว่ามึงไปทำบุญมั่งก็ดี ช่วงนี้มีแต่เรื่องรักสามเส้า บินไปไหว้พระที่ฮ่องกงวัดอะไรสักอย่าง เดี๋ยวไปถามน้องโรมกูให้แล้วจะส่งมาบอกนะมึง” คิว

“เดี๋ยวพวกกูบินไปเป็นเพื่อน จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน” ไนน์

“ไปกันเน้อ ไม่ได้เที่ยวด้วยกันมานานแล้ว” น้องหนูวีรีบเสนอตัวมาด้วย

คิวแอบดีดหน้าพาเจ้าน้องน้อย “เที่ยวด้วยกันล่าสุดก็กระทืบไอ้เชี่ยปริ้นไง นานที่ไหน”

“ไอ้เชี่ยคิวพูดมากมึง” พลัว! เจโอฟาดหัวหนุ่มลูกครึ่งยังไม่เลิกปากเสีย รอบแรกแซะเรื่องมือที่สามทีหนึ่ง พอมารอสองก็อดไม่ไหวจริง ๆ

เมเปิลยกยิ้มให้แก่เพื่อน แต่มันคล้ายเพื่อนจะห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก คงต้องพักเรื่องราวความรักไปจนกว่าจะเจอคนที่ใช่จริง ในส่วนความรู้สึกแก่พี่สาวคนนั้นคงเป็นเพราะความใจดีเท่านั้น และคนพี่นับตั้งแต่รู้จักพร้อมกับเพื่อนคนอื่นข้างกายก็ไม่เคยว่างให้คนอย่างเธอแทรกเข้าไปได้ คงต้องม้วนความรู้สึกซ่อนเอาในใจจนกว่าจะเจอคนที่เหมาะกับใจดวงนี้แล้วกัน

“ช่างมันเถอะ ขอบใจพวกมึงมาก แต่กูบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร แต่ว่าของกินที่เหลือ” เมเปิลชี้ของกินที่โฟร์ซื้อมาแทบถมโต๊ะ ส่วนขนมจีบที่เหลือชิ้นสุดท้ายเธอกลับไม่อยู่ในอารมณ์จะกินเหมือนก่อนหน้านี้

“ปีหนึ่ง! กลุ่มตรงนั้นน่ะ มานี่หน่อย” ไนน์โบกมือรุ่นน้องนั่งโต๊ะห่างจากกลุ่มของพวกเขาไม่มากนัก

“คะ ครับพี่...” ชายหนุ่มตัวน้อยสองคนเดินมาหยุดตรงหน้า

“นี่ค่ะน้อง เอาขนมพวกนี้ไปแบ่งเพื่อนกินกันนะ พี่สาวไอ้นี่มันซื้อมาถมที่ เอาไปแจกเพื่อนกินให้หมดเลย” จัสมินรวบถุงขนมที่พวกเธอยังไม่ได้แตะยัดใส่มือหนุ่มน้อยทั้งสอง

“หมดนี่เลยเหรอพี่ มันเยอะมากเลย พวกผมกินไม่ไหวหรอก เกรงใจด้วยครับ” รุ่นน้องสองมือที่เต็มไปด้วยข้างละห้าหกถุง

“เอาไปครับ รุ่นพี่สั่งต้องทำ” เจโอกดเสียงเข้มใบหน้านิ่ง

“คะ ครับ”

“จบเรื่องไปแล้วไปเรียนกัน”

ทั้งกลุ่มลุกหนีทิ้งให้รุ่นน้องปีหนึ่งยืนงุนงง จนต้องพาตัวเองกลับมายังกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นปีและเริ่มแยกจ่ายขนมที่รับมา ทั้งกลุ่มถึงกับตาโตเมื่อเห็นแบรนด์ขนมแต่ละอัน แอบปลื้มในความใจของรุ่นพี่

 

สองปีต่อมาหลังจากทั้งหมดเรียนจบ เมเปิลเข้ามาเรียนรู้งานในตำแหน่งผู้ช่วยประธานบริษัทของผู้เป็นบิดา ธุรกิจของทางบ้านคือการจัดงานออแกไนซ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะงานแต่ง งานคอนเสิร์ต สัมมนาขององค์กรต่าง ๆ ในส่วนของเธอได้รับมอบหมายให้ดูอีเว้นเกี่ยวกับงานแต่งและคอนเสิร์ต ซึ่งถือว่าเป็นงานหนักและท้าทายสำหรับมือใหม่ในการจัดการ

เมเปิลยังจำวันแรกที่เข้ามาทำงานได้ คุณพ่อสั่งให้เธอเข้าประชุมและไปสรุปผลการประชุม รวมถึงการดีไซน์งานตามความต้องการของลูกค้า ถึงแม้ช่วงแรกจะทำออกมาได้ไม่ดีมากนัก เมื่อมีประสบการณ์และทีมงานมืออาชีพคอยช่วยเหลือทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พอมองย้อนกลับไปอีกครั้งเธอรู้สึกเสียดายที่ในตอนปีหนึ่งเห็นไนน์เข้าไปเรียนรู้งาน แต่เธอกลับไปคิดจะไปทำ แค่เรียนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ส่วนมันน่ะยังมีเข้าไปคณะบริหารเพิ่ม บางทีสวรรค์น่าจะเฉลี่ยความเก่ง ความขยันและความฉลาดให้เท่า ๆ กันบ้าง

 

หญิงสาวขับรถมายังงานเดินแบบชุดแต่งงานคอลเลคชันใหม่ประจำปีของร้านพี่สาว ด้วยสภาพที่การขึ้นเหนือล่องใต้ ขับรถไปอีสาน ตัดผ่านไปตะวันออก ในช่วงเดือนที่ผ่านการบวกกับการพักผ่อนน้อย จึงเจ็บคอและน้ำมูก แต่ด้วยเป็นงานของรับปากไว้แล้ว จึงต้องหอบสังขารมาร่วม

“พี่เอ้ เจ๊ชิงชิงล่ะ” เมเปิลทักทายหนึ่งในทีมของเธอที่รับผิดชอบดูแลงาน

“ไม่แน่ใจนะคะ แต่น่าจะดูแลความเรียบร้อยเรื่องชุดอยู่ค่ะ แต่คุณชิงชิงสั่งไว้ว่า ถ้าบอสเล็กมาแล้วให้ไปแต่งหน้าทำผมได้เลยค่ะ”

“อื่อ... ถ้าเจอแล้วบอกให้ไปหาด้วยล่ะ แล้วงานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม” สั่งงานเสร็จ กลอกตามองบนเดินเข้าไปทางด้านหลังเวที

“ค่ะบอสเล็ก”

 

ภายในห้องแต่งตัว ในสภาพความวุ่นวาย แบ่งแยกออกมาเป็นสามส่วนหลังหลัก คือ โซนสำหรับแต่งหน้านายแบบ โซนที่สองคือนางแบบตัวน้อย ๆ และโซนสุดท้ายที่ได้รับการเสนอพิเศษคือนางแบบวีไอพี ซึ่งมีเพียงแค่หญิงสาวเมเปิลและนางแบบเดินชุดฟินนาเล่เท่านั้น

“สวัสดีค่ะ” เมเปิลยกมือไหว้ช่างแต่งงานนั่งรอในห้อง

“คุณเมเปิลใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ เชิญนั่งเลยเน้อ” ช่างแต่งหน้าผายมือไปยังเก้าอี้ว่าง กำลังจากนั่งลง “วันนี้พี่จะแต่งให้สวยจนโลกตะลึงไปเลย”

“สวัสดีค่า..” ช่างแต่งหน้าอีกคนกล่าวทักทายเช่นกัน

“ไหงพูดแบบนี้ล่ะ ปกติหนูไม่สวยเหรอคะ” หญิงสาวแกล้งทำหน้างอง้ำ ก่อนจะหัวเราะ “เอาเลยค่ะ ตอนนี้แค่ภาวนาไม่ล้มตอนเดินก็พอ” พูดจบก็ถอนหายใจอย่างกังวล

“งั้นพวกพี่ของจัดการเลยนะเดี๋ยวต้องไปแต่งให้อีกท่าน”

“ตามสบายค่ะ หนูหลับได้ไหม”

“ได้ค่า...เสร็จแล้วพี่ปลุกขึ้นมาดูความสวย” ช่างต่างหน้าและช่างผมลงมืออย่างพร้อมเพรียง

 

หญิงสาวคิดว่าตัวเองน่าจะหลับไปประมาณสองชั่วโมงได้ เมื่อเริ่มขยับตัวช่างแต่งหน้ายกมือห่างจากใบหน้าเพราะกลัวเลอะ

“ขอโทษด้วยค่ะ”

“พี่แค่เก็บความเรียบร้อยนิดหน่อย อีกนิดเองค่ะ”

 

เสียงเปิดประตูมาพร้อมกับเสียงพูดคุยของนางแบบสาวชื่อดังกับผู้จัดการส่วนตัว ทั้งสามสบตากับผ่านกระจก ใบหน้าแสนสวยบิดเบี้ยว

“ทำไมถึงมีนางแบบมาแต่งในห้องนี้ ทางทีมงานไม่ได้จัดสำหรับน้องไบร์ทคนเดียวเหรอคะ” ผู้จัดการรีบถามแทน

“พอดีน้องเป็นแขกของคุณชิงชิง”

“อ๋อเหรอ” ทั้งสองปรายตามองหญิงสาว

“ลูกท่านหลานเธอที่หวังดันเข้าวงการ” คำพูดถางกางจากปากนางแบบสาว

“...” เมเปิลยกมือให้ทางทีมแต่งหน้าพอแล้ว และไปจัดการนางแบบได้เลย

 

เมเปิลกดคอลไม่ยังกลุ่มเพื่อน พวกนั้นทั้งหมดที่รอคอยชื่นชมผลงานการแปลงโฉมของเพื่อนสาวรับสายแทบจะพร้อมเพรียงกัน

[ว้าว...เพื่อนกูสวย] จัสมิน

[เมเปิลสวยมาเลย ถ่ายรูปเยอะมาให้วีดูด้วย] วี

[ไม่ทราบว่าคุณคือใคร นี่ใช่เมเปิลเพื่อนของผม] คิว

[เฮ้ยมึง สวยว่ะ] ไนน์

[เมเปิลสวยครับ] เจโอ

“ปกติกูสวยอยู่แล้ว พวกมึงเพิ่งมารู้เหรอว่ากูสวยวันนี้ สัด!”

[แต่มือหนักตีนหนัก ความสวยก็ไม่ช่วยนะมึง] คิว

[เชี่ยคิว]

 

ชิงชิงดีไซเนอร์เจ้าของงานเปิดประตูเพื่อมาทักทายนางแบบ แต่เมื่อเห็นว่ากำลังยุ่งในการแต่งหน้า จึงหันไปหาน้องสาวที่สวยสะพรั่งจึงเข้ามาทักทายก่อน

“เมเปิล...สวยมากค่ะซิส...” ดีไซเนอร์สาวจีบปากจีบคอชื่นชม มีสองคนอีกฝั่งเบะปากในความชื่นชมนั้น

คนโดยทักหันขวับ “เจ๊ทำไมคำเรียกนี้มันเหมือนเมลเป็นพี่ของพี่ยังไงไม่รู้”

“ว่าแต่ทำอะไรอยู่ รีบไปแต่งตัวได้แล้ว” เพื่อไม่ให้งานมีอะไรผิดพลาดจึงออกมาเร่งน้องสาว แต่เธอเองรู้ว่าเจ้าตัวคงรู้ดีกว่า

“คุยกับเพื่อนอยู่ นี่พวกมึง เจ๊ชิงชิงของกูเอง”

[สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ] เสียงกล่าวทักทายจากคนในจออย่างพร้อมกัน

[หู้ย...แต่ละคนหน้าตามาก นี่คัดหน้าตาในการคบกันไหมเนี่ย] ชิงชิงชื่นชมจากใจจริง

[ต้องขอบคุณพี่ชิงชิงมากนะ ที่ทำให้พวกหนูเห็นความสวยอันเจิดจรัสเพื่อนสาว]

[พี่ครับฝากถ่ายรูปมาเยอะ ๆ หน่อย พวกผมจะเอามาติดประจาน เฮ้ย ติดโชว์ที่หน้าบ้าน]

เมเปิลขยับปากอยากจะด่าคิว แต่ด้วยเกรงใจพี่สาวจึงรีบตัดบทแทน “แค่นี้นะพวกมึง กูไปแต่งชุดแล้ว เกิดงานผิดพลาดพ่อกูได้เรียกเข้าห้องเย็นอีกรอบ แล้วเจอกัน”

[บาย...]

“ใช่กลุ่มเรียนมหาลัยด้วยกันใช่ไหม” เมเปิลหยักหน้าตอบ ชิงชิงเอ่ยบอกให้ทำต่อ “ไปจัดการตัวเองแล้ว พี่ไปดูนางแบบคนสำคัญก่อนนะ”

หญิงสาวเข้าไปทักทาย ไม่งานทีมแต่งตัวก็มาพร้อมชุด และรูดม่านแบ่งห้องแต่งตัวออกเป็นสองส่วน ชุดที่เมเปิลใส่เป็นชุดราตรียาวเกาะอก สีขาวลูกไม้ไล่ลงถึงช่วงครึ่งเข่า ส่วนชายที่เหลือลงมาเป็นวีชมพูเอิร์ทโทน สวนทรงผมติดเวลชมพูยาวแผ่นหลัง

หลังจากแต่งตัวเสร็จเธอต้องไปรวมตัวกับนางแบบคนอื่น แต่บังเอิญพบว่ามีลูกน้องส่งข้อความแจ้งว่า คือวงสตริงควอเต็ต*ยังไม่มาสแตนด์บายไม่ครบ ขาดไปหนึ่งคน

MApLE : [ตอนนี้มีแล้วสาม ขาดเครื่องดนตรีอะไร]

AA : [คนเล่นซลโล ตอนนี้ยังอยู่บนถนนอยู่เลย]

MApLE : [ถามพิกัดแล้ว ส่งพนักงานแว้นมอไซค์ไปรับมาเลย]

AA : [จัดการเดี๋ยวนี้ แล้วจะแจ้งผลนะคะ]

 

เมเปิลลอบถอนหายใจ จดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์ ในส่วนอื่นก็รายงานผลว่าทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมสแตนบาย ไม่นานเสียงพูดคุยจากด้านข้างพลันมาเข้าหูตามด้วยชื่ออันคุ้นเคย

“นี่คุณน้องขา คุณโฟร์จะมาไหมเนี่ย”

“มาสิ หนูบอกเอาไว้แล้วยังไงก็ต้องมา”

“ดีแล้ว จะได้สร้างกระแสความหวานให้ติดเทรนเลยนะจ๊ะ”

“เออนี่พี่จะต้องเกาะคุณโฟร์นี่อีกนานไหม หนูรู้สึกขนลุก เวลาโดนโอบเอวหรือหอมแก้ม”

“แกก็คิดว่าเหมือนพี่สาวหอมอะไรประมาณเนี่ย แต่แกก็ได้ไปเยอะไม่ใช่เหรอ อ้อนเอาอะไรซื้อให้หมด คอนโด รถ เครื่องประดับอีกเยอะแยะ”

“มันก็ดีแหละ แต่พอรับรู้ว่าพี่มันคิดกับเราแบบงั้น หนูก็ขยะแขยง รสนิยมก็ไม่ใช่ แล้วตอนนี้มีนักธุรกิจมาตามจีบด้วยนะพี่ ถ้าพลาดคนนี้เสียดายนะพี่ทั้งหล่อ รวยมากด้วย”

“งั้นให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน แล้วมั่นใจว่าคนนั้นสามารถสร้างกระแส ๆ ได้พอกับคุณโฟร์ก็สะบัดทิ้งไปเลย”

“อื่อ..”

“แต่แกไม่รู้สึกอะไรกับคุณโฟร์เลยเหรอ คบกันมาตั้งปีกว่า ๆ”

“จะให้คิดอะไรล่ะ หนูชอบผู้ชาย ส่วนที่ยอมคบเพราะพี่ทั้งนั้นแหละ”

“ฉันทั้งนั้น แต่แกก็ได้ทั้งนั้นแหละจร้า...”

 

เสียงโต้เถียงของสองคน นั่นทำให้เมเปิลกำโทรศัพท์แน่นจนอยากจะปาระบายความโกรธ เธออยากเดินไปกระแทกฝ่ามือลงบนใบหน้าทั้งสอง แต่ถ้าหากปล่อยให้ความหุนหันพลันแล่นเข้ามาแทรก มันไม่เสียแค่เธอแต่งานพี่ชิงชิงก็จะพัง สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์องค์กร และยิ่งกว่านั้นเธอเองไม่แน่ใจว่าจะคนพี่จริงจังกับคนนี้มากแค่ไหน แต่คงมากพอ ไม่งั้นไม่ยอมคบและทุ่มเทมากแบบนี้ คิดแล้วรู้สึกจุกที่ใจตัวเอง

 

โทรศัพท์มือถือสั่นเรียกสติให้กลับมา ทางนั้นรายงานมาว่า นักดนตรีมาครบแล้ว กำลังเช็ดและเตรียมตัวพร้อมกับงานในวันนี้แล้ว เธอลุกเดินออกไปยังประตูไปรวมตัวกับนายแบบและนางแบบเพื่อนเดินบนแคทวอคตามหน้าที่ พร้อมส่งข้อความไปลูกน้องมารับกระเป๋าไปเก็บแทน

 

ชิงชิงและเลขาลำดับจัดคิวพร้อมกำชับนางแบบและนายแบบให้เดินตามที่ซักซ้อมกับไว้ และถ้าหากใครสะดุดก็มั่นหน้ามั่นโหนกเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนใครล้มก็ลุกให้เร็ว และลงมาหยุดที่น้องสาวตัวเอง ขยับตัวมากระซิบ

“เริ่ด เชิด หยิ่งไว้นะ แกทำได้”

เมเปิลกัดฟันกระซิบ “ถามจริงเอาเมลมาเดินทำไม”

ชิงชิงฉีกยิ้มกว้างด้วยความเจ้าเล่ห์ “ฉันจะเอาน้องมาขาย จะได้มีหนุ่ม ๆ มาจีบสักที”

“...” เมเปิลกลอกตามองบน จ้องกลับอย่างเซ็ง นี่คงเป็นแผนคุณแม่กับเจ๊ชิงชิงแน่นอน พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเรื่องนี้

 

ในช่วงเวลาท้ายการแสดงแฟชั่นโชว์แสนน่าเบื่อ นางแบบในชุดสุดท้ายก่อนจะปิดตัวชุดฟินนาเล่ ของคนเธอกำลังคบหาด้วย กลับมาเจอเมเปิลหญิงสาวที่เธอไม่ได้พบหน้ามาเกือบสองปีถึงกับจ้องตาค้างในความสวย ราวกับมีมนต์สะกดที่จะไม่ให้ละลายตา มุมปากค่อย ๆ คลี่ยิ้มส่งมอบไปยังเพื่อนน้องชาย เจ้าตัวพอได้เห็นรอยยิ้มก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน โฟร์มองแผ่นหลังหายไปด้านหลังเวทีและจ้องค้างอยู่อย่างนั้น แม้นางแบบในชุดสวยสุดในงานและเป็นคนที่เธอต้องให้ความสนใจกลับไม่สามารถดึงสายของเธอกลับมามองได้

TBC...

สตริงควอเต็ต* คือวงดนตรีเครื่องสาย 4 ชิ้น ประกอบด้วย ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน และเชลโล 1คัน

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ว้าย...คุณแม่ขา หวังจะลูกสาวคุณแม่จะตกหนุ่ม ๆ แต่น่าจะตกพี่สาวเพื่อนลูกมามากว่านะ อิอิ ลูกสาวฉันสวยนะยะ ฟิลน่าเล่ก็สู้ไม่ได้