27 ตอน Chapter 27 My Girl Number Four.
โดย T.mines
Chapter 27 My Girl Number Four.
จนเวลาผ่านมาพ้นสองเดือน หลังจากคืนดีกันกับคนพี่เมเปิลจัดการโทรไปแจ้งกับจัสมินที่เป็นห่วงเธออย่างมาก ถ้าหากลูกชายคนเก่งของเจ้าตัวไม่อ้วกก็อยู่กับเธอทั้งคืน และทอ้งให้ใครบ้างคนนั่งเฝ้าหน้าห้องยันเช้าแน่ หนึ่งกลุ่มเพื่อนหอบบาดแผลอันบอบช้ำจากคนรักหนีไปต่างประเทศ โดยไม่มีใครสามารถติดต่อได้ เจโอจึงได้ทำการเรียกรวมพล เธอจึงตัดสินใจจะบอกเรื่องของเธอให้แก่ทุกคนฟัง
“มึงมาช้านะท่านรองประธาน AP เอเจนซี่” ชายหนุ่มหน้านิ่งผู้นัดหมายเอ่ยถามเพื่อนสาวเดินลงมานั่งร่วมโต๊ะ
“แล้วไง ก็ไม่ได้สายนิค่ะ”
ด้วยช่วงนี้เธอและเขาเจอหน้ากันบ่อยเพราะด้วยแฟนหนุ่มของเจโอได้รับการว่าจ้างไปร่วมงานเปิดตัวสินค้า ในฐานะแบรนด์แอมบาสอยู่นู่นดอร์ หรือแขนรับเชิญบ้าง ทั้งสองก็ทักทายไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไร่เพราะต่างมีหน้าต้องรับผิดชอบในงานนั้น ๆ
เจโอเท้าคางจ้องหน้าเมเปิล “วันนี้ไม่มีผู้ติดตามเหรอวะ ผู้ติดตามที่มีตำแหน่งสูงระดับผู้บริหารสายการบินอันดับต้น ๆ ของประเทศ”
“อย่างเช่น วัชรแอร์ไลน์น่ะนะ” คิวเสริมขึ้นมา
“เอ๋...พี่ฮาจิ ไม่สิพี่จิเป็นรองประธานผู้บริหารงั้นพี่โฟร์เหรอ” วีเจ้าน้องน้อยของกลุ่มยกนิ้วมาแตะปากขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แล้วจะมาเป็นผู้ติดตามเมเปิลทำไมเหรอ”
ทั้งสี่คน ได้แก่เจโอ คิว จัสมิน และเมเปิล หันไปมองด้วยความเจ้าตัวด้วยความเอ็นดู และลงความเห็นภายในหัวเฉกเช่นเดียวกัน ...ไร้เดียงสาได้น่ารักเหมือนเดิมถึงอย่างว่าสามีอย่างพี่หนึ่งไม่หนีบไว้ข้างตัวตลอด...
“ก่อนหน้านี้นั่งเม้ากูเหรอ” เมเปิลปรายตามองไล่ทั้งสามคนยกเว้นน้องวี
“เปล่า” คิวเสียงสูงพร้อมไหวไหล่ “แค่ไอ้โอมันถามจัสมินว่า มึงกับพี่ไอ้ไนน์แนบสนิทกันมากเหรอ บวกกับกูเกาะกระแสข่าวซุบซิบที่หลุดมาบ้างก็เท่านั้นเอง”
“แหม่!!! จะไม่หลุดมาได้ไง ก็พี่มันส่งดอกไม้ไปให้มึงแทบทุกงาน ช่อใหญ่กว่าเจ้าภาพอีก มองจากอีกระบบสุริยะก็ดูออกว่าจีบ สัด!” จัสมินจิกกัดเพื่อนสาว
“เออ! ถ้าจับได้ขนาดนี้ก็ยอมรับ ใจจริงวันนี้กูก็ตั้งใจจะบอกพวกมึง”
“จ้า ๆ สมใจ,มึงแล้วนิ ที่เคยพูดไว้อยากได้พี่ไอ้เชี่ยไนน์สักคน” จัสมินบอก
“...” เมเปิลมองชายหนุ่มตัวโตสองคนหัวเราะหึ หึ ใส่หน้าเธอ และมักจะเหลืออีกพระหน่อเดียวที่ไม่ค่อยจะทันคนอื่นในเรื่องพวกนี้
“เดี๋ยวนะ! เมเปิลคบกับพี่โฟร์ยังไง ตอนไหน วีก็ยังงงอยู่ตอนที่สามคนนี้คุยกัน สรุปว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกันจริง ๆ เหรอ”
“ใช้แล้วค่ะน้องวี คือคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่พ่อของเมลขอไว้ว่าให้แสดงออกในฟิวพี่น้องไปก่อน”
“พ่อนะพ่อ พี่น้องที่ไหนเขาท้องติดกัน” คิวแขวะทันที
“!!!...” จัสมินกำลังเตรียมจะสวนกลับในคำพูดของคู่กัด ยั้งปากไว้ทันเพราะเกรงว่าจะกระทบจิตใจของคิว
“วีตอนนี้เมลก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันไปแล้วนะ” จัสมินหยุดตามด้วยเสียงจิปาก “บ้านนี้ชอบกินเพื่อนน้องรักเน้อ”
“เออ...” เจโอและคิวขานเป็นลูกคู่ให้กับจัสมิน ส่วนสองคนที่เหลืออมยิ้มหน้าแดง
“เออวีได้ข่าวไอ้ไนน์มั่งไหม มันหายไปนานเกินไปแล้ว” เจโอผู้เป็นการเป็นงานที่สุดลากเข้าเรื่องที่ต้องการคุย
“วีก็ติดต่อไนน์ไม่ได้ ส่วนพี่คนอื่นได้คุยถ้าไม่ใช่เรื่องงานไม่เกินนาทีเลย ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามผ่านคีนอย่างเดียว แต่เท่าที่คีนรายงานมา หนักเอาการอยู่ง่ะ กินเหล้าจนหลับไม่ก็ทำงานจนโต้รุ่งเลย”
“ไปหามันไหมพวกมึง” เมเปิลเสนอ
“กูว่าปล่อยมันไปก่อนเถอะว่ะ แผลมันยังสดอยู่คงไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น รอจนมันพร้อมมากกว่านี้”
“แล้วมันจะพร้อมเจอพวกเราเมื่อไหร่” จัสมินถามด้วยเสียงอ่อยและห่วงใยมากที่สุด
“สักวันแหละพวกมึง ขึ้นอยู่กับมันเองเช่นกัน”
ห้าปีต่อมา
วีที่ได้คุยวิดีโอคอลกับไนน์ในช่วงหลังบ้างพบเห็นสภาพเพื่อนรัก และสภาพอดีตแฟนหนุ่มของเพื่อนก็ไม่ต่างกันเลย แม้จะรับรู้ผ่านทางพี่หนึ่งมาว่าไนน์อยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ก็ไม่สามารถคบกับใครได้เกินอาทิตย์ ส่วนเพื่อนคนอื่นก็พบได้โทรสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันเป็นครั้งครา แต่ส่วนมากจะเป็นคีนที่รับสายมากกว่า
เจ้าน้องน้อยจึงไม่อยากหลาย ๆ คนต้องมาทนในสภาพไนน์รวมถึงพี่ ๆ ทั้งหมดของเพื่อนรัก ที่หนักสุดคือแฟนหนุ่มของเขาทุกข์ใจไม่น้อยแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากบอกกับน้องชาย และความสัมพันธ์เพื่อนสาวอย่างเมเปิลยังติดแหง็กไม่สามารถเดินหน้าคงค้างไว้ที่แค่พี่น้อง เจ้าตัวน้อยจะไม่ทนอีกแล้วเพราะว่านี่มันนานเกินไปแล้วเขาคิดถึงเพื่อนรักคนนี้ด้วย ห้าปีเชี่ยวนะ
จึงจัดการคุยหลังทะเลาะกับพี่หนึ่ง ขอจัดประชุมพี่ ๆ ทั้งบ้านผ่านพี่นานะที่เป็นผู้นำตระกูลในตอนนี้แทนคุณปู่หรือเจ้าสัวชัช ภายในใจทุกคนรับรู้ว่าไนน์ยังรักซันอยู่ และพวกเขาอยากได้น้องกลับมาอยู่ในสายตาดังเดิม หลังจากคนตัวน้อยแสนน่ารักพูดแทงใจปฏิบัติการตามน้องรักกลับบ้านโดยการส่งน้องวีบินไปหาที่อเมริกา
กลุ่มเพื่อนทั้งหมดปล่อยให้เจ้าตัวจัดการในส่วนที่ต้องรับผิดชอบให้เสร็จและมั่นใจว่ามันจะไม่บินหนี เมื่อแน่ใจแล้ว ทั้งหมดจึงรวมตัวมาหา และนัดแนะไปกินข้าวมื้อเย็นและดื่มสังสรรค์ให้หายคิดถึงตามประสาเพื่อนสนิท เหล้าเข้าปากคนเล่ามึนความในใจก็เริ่มพรั่งพรู
“ไอ้ไนน์ ถ้ามึงหนีไปอีก พวกกูจะเลิกคบมึง ไอ้เพื่อนเชี่ย พวกกูเป็นห่วงแทบตายตอนเกิดเรื่อง ติดต่อก็ไม่ได้แม่ง” พัวะ! คิวที่เมาแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้หลังจบตามด้วยหมัดต่อยเข้าตรงแขนเขา
เพียะ! แรงตีต้นแขนจากเมเปิล ตามด้วยนิ้วจิ้มไปที่หัวเขา “ถ้ามึงทำอีก กูจะตามไปตบถึงที่เลย มึงจะมีเพื่อนไว้ทำไง เสียใจมาร้องกับพวกกูนี่”
“โอ๊ย!...” เสียงร้องตามแรงบิดเข้าที่หู ยกมือมากุมกลัวว่าจะติดมือไป “เจ็บนะไอ้อยู่นู่น!” ไนน์โวยวายใส่แต่ไม่กล้าขึ้นเสียงดัง ด้วยความที่ตัวเองมีความผิดอยู่
“เจ็บสิ! กูบิดให้เจ็บ ไม่เจ็บกูจะทำ! ทำไม!” เสียงพูดที่กัดฟันใส่ “อย่าหาทำแบบนี้อีกนะ!”
“เจโอ มึงจะด่าอะไรว่ามาเลย” เขายืดตัวขึ้นพร้อมกับบทลงโทษสำหรับคนสุดท้ายแล้ว
เจโอยกยิ้มอย่างร้ายมาให้เขา ไนน์รู้สึกเสียวสันหลังทันที ก่อนเอโจจะเดินเข้ามาล็อกคอ “อุก!” หมัดหนักเข้าหน้าท้องเขา และเขาเกร็งรอรับอยู่แล้ว “อย่าทำให้เพื่อนเป็นห่วงอีกนะ”
“ตั้งกี่ปีแล้ว พวกมึงยังไม่หายโกรธอีกเหรอวะ!” เสียงถามขุ่นเคืองเล็กน้อย ด้วยความที่ตัวเองมีความผิดแต่จะให้มาโดนรุมแบบนี้ก็ไม่โอเคนะ
พวกเขาเริ่มอัปเดตเรื่องราวส่วนตัวในชีวิตในเพื่อนที่มันหายหัวไปฟัง ระหว่างที่ไนน์ไปเข้าห้องน้ำ คิวโพล่งถามขึ้นมา
“เมเปิลมึงจะบอกเรื่องหญิงชู้ที่แอบลักลอบคบกันไหม”
“ไอ้เชี่ยคิว ปากมึงเนี่ยน่ะ มึงรีบทักจังวะ ใจกูไม่ได้แต่อยู่ตาตุ่มแต่ติดปลายตีนเลยไอ้เชี่ย!!” เมเปิลยกมือลูบอกให้รู้ว่าใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ด้วยมีชะงักปักหลังอยู่
“แล้วแต่มึง ยังไงพวกถือหางมึง” เจโอบอก
“กูพร้อมโยนขี้ให้พี่โฟร์เสมอ” เมเปิลหันไปมองจัสมินด้วยสายตาอาฆาต “พี่มันบอกกูมานะ” หญิงสาวรีบแก้ตัว
“ให้วีช่วยบอกไหม เอาแต่เกริ่น ๆ ก็ได้”
“หยุด!!!!” ทั้งสี่คนประสานเสียงทันที ...น้องวีขาแค่หนูนำเสนอก็เท่าบอกจนหมดให้มันจัดการเองเถอะ...
“เดี๋ยวเมลหาทางบอกมันเอง คงรอให้คืนดีกับพี่ซันก่อนล่ะมั่ง” เธอหันไปตอบน้องวีเพียงผู้เดียว ส่วนที่เหลือพยักหน้าเข้าใจ
เรื่องราวของเธอและพี่โฟร์ก็ยังไม่ได้รับการบอกกล่าวกับไนน์นับตั้งแต่กลับมาจนมาถึงงานแต่งงานของไนน์กับซัน เมเปิลยังได้รับหน้าที่ต่อจากเมื่อห้าปีที่แล้วดังเดิม
ในวันแต่งงานมีพิธีเรียบง่ายมาก ไม่มีการมอบสินสอดมีเพียงทำพิธีตามประเพณีและสวมแหวนแต่งงาน ท่ามกลางความชื่นหมื้นของผู้ร่วมงานแต่บรรดาพี่ที่หวงน้องก็ยังมีหน้าหงิกและสายตาพิฆาตหากมีใครเสนอให้แสดงความรักเจ้าบ่าวทั้งคู่ต่อหน้าพวกเขา
อย่างเช่นไอ้คีนบอดี้การ์ดคนสนิทที่พยายามยุให้จูบ รีบเปลี่ยนให้มาหอมแก้มแทนแทบไม่ทัน ในระหว่างฟังญาติผู้ใหญ่อวยพร
“นานะมึงเมื่อไหร่มึงจะแต่งงานและหลานให้พวกกูอุ้ม แบบว่าลูกครึ่งไทยฮ่องกงเนี่ย ตาตี๋ ๆ น่ารักสุด ๆ” ทาซอทเอ่ยถามน้องสาวที่เอาแต่จ้องมองน้องเกล้าที่จะกลายมาเป็นลูกบุญธรรมน้องชายเธอด้วยสายเอ็นดู
“...” นานะตวัดสายตาไปมองหนึ่งในพี่ชายฝาแฝดของเธอมุมปากกระตุกอยากจะด่า “มึงไม่ถามโฟร์ว่ะ มีคนพร้อมอุ้มท้องแล้ว” เสียงโหร้องแซวจากพี่ ๆ และเพื่อน ๆ ของทั้งสองคนที่นั่งสวีตหวานไม่สนใจคนอื่น
“เชี่ย!! เบาได้เบามึงกูยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับน้องเลย” โฟร์ตาขวางใส่คนแหกปากร่วมแซวเธอกับน้อง
“มึงรอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นเหรอวะ” ฮาจิน้องชายถามขึ้น
แก้วเหล้าตรงหน้าปาใส่หน้าคนถามเจ้าตัวยกมือรับ ลอบด่าในใจ ...พ่อมึงกับพ่อกูคนเดียวกันนั่งหัวโด่งอยู่นู่นไอ้น้องชายเชี่ย... “ไม่มีจังหวะให้แทรกบอก”
พี่น้องร่วมนามสกุลยกนิ้วขึ้นมาปากคอ ตามด้วยปากขยับพร้อมกันในความเดียวกัน “มึงตายแน่โฟร์แอบไปกินเพื่อนรักของน้อง”
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เมเปิลหันมาบอกคนรักตัวเองและเพื่อนด้วย
“พี่พาไปค่ะ” โฟร์ขึ้นยืนแตะแผ่นหลังประคองคนรักของตัวเอง เอียงใบหน้าส่งสายตาเตือนลูกพี่ลูกน้องให้หุบปากอย่าให้แฟนสาวของเธอเดือดร้อน
เมเปิลเดินออกห้องน้ำหลังเสร็จธุระส่วนตัว โดยมีคนพี่ยืนรออยู่ด้านหน้า เธอเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยในสายตาคนรักมองมา
“ก็หนูสวยค่ะ สวยมาก ๆ จนอยากจับกินตอนนี้เลย” โฟร์พูดพลางเดินมารวบคนรักในแนบชิดกับตัวเอง
“อื่อ...เดี๋ยวมีใครมาเห็นค่ะ” เมเปิลตีไหล่คนรักของเธอ
โฟร์กวาดสายตามองไปรอบ ๆ จูงมือคนน้องมายังมุมต้นไทรเกาหลีสำหรับกำบังส่วนนี้ “ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว ขอจูบคุณคนสวยได้ไหมคะ”
คนพี่โอบเอวคนน้องจนหน้าท้องทั้งสองแนบชิดกัน โฟร์โน้มตัวไล่ต้อนเลียปากจ้องไปยังริมฝีปากชุ่มฉ่ำด้วยลิปสติกสีชมพู เมเปิลยกแขนโอบคอคนรักแนบริมปากประกบเผลอแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย เพื่อเปิดทางให้คนพี่ช่วงชิมตามสิ่งที่ตัวเองร้องขอ
โฟร์ที่หลงใหลผู้หญิงคนนี้เป็นทุนเดิมยิ่งหลงใหลหนักเขาไปอีก น้องไม่เคยจะปฏิเสธเธอไม่ว่าจะร้องขออะไร ริมฝีปากเริ่มขยับขมเม้มสิ่งนุ่มหยุ่น ค่อย ๆ เล็มกลืนกินทีละน้อย จนสอดเรียวลิ้นเข้าในโพล่งปากน้อยจนคับแน่น ลิ้นเล็กตวัดรับสลับดูดกลืนกันไปมา จนเกิดเสียงจ๊วบ จ๊าบ มือเรียวยาวโอบเอวไล่ลงต่ำขย้ำสะโพกบาง ๆ
แอลกอฮอล์เจื่อจางในกระแสเลือดช่วยกระตุ้นความเร่าร้อนของสองสาว โฟร์ผละริมฝีปากขึ้นมาซู้ดปาก ก่อนจะก้มลงไปซุกขบเม้มซอกคอ ใช้มือที่เหลือยกขึ้นบีบเนินอก และเริ่มไล่เพื่อลงไปชิมสิ่งที่ซุกซ่อนภายใต้ร่มผ้า
“อะ พะ พี่โฟร์หยุด!!” เมเปิลปล่อยมือจากคอมาจับใบหน้าคนรักดันออกจากหน้าอกเธอ “พ พอค่ะ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แฮ่ก ๆ” เสียงละลักบอกแก่อีกคน
โฟร์กัดฟันอย่างเสียงดาย พยักหน้ารับคำ ทิ้งหัวลงบ่าเมเปิล จูบแก้มคนรักอีกครั้ง “เข้าไปในงานกันเถอะค่ะ” เธอยกใบหน้าขึ้นช่วยคนรักเธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเดินเคียงข้างกันไปร่วมงานแต่งของเพื่อนรักและน้องชายสุดที่รัก
“มึงไม่ไปแย่งด้วยล่ะ เพื่อจะได้แต่งกับเขามั่ง”
โฟร์ไหวไหล่ ยกแก้วเหล้ามากระดกอีกแก้ว “ส่งตัวแทนไปแล้วไง” สายตาจับจ้องไปยังคนรักของตัวเองด้วยรอยยิ้มมุมปาก
“แต่ว่าปากมึงเลอะน่ะ ระวังน้องจับได้ก่อนสารภาพล่ะ”
คนโดนทักยกมือลูบมุมปาก “เลอะเหรอวะ พอดีแอบไปชิมน้ำหวานจากใบเมเปิลมาวะ” โฟร์แลบลิ้นเลียปากซ้ำอีกรอบ เธอยังจำรสสัมผัสก่อนหน้านี้ได้ และยังอยากจะชิมต่ออีก ชิมอีกไปเรื่อย ๆ หันยิ้มเหยียดให้พี่ชายคนโตของบ้าน
“สัด!”
“เออกูเพิ่งรู้เรื่องจากนานะ ที่มึงยอมให้วีไปตามไนน์กลับมาเพราะน้องไม่ยอมตัดใจจากมัน และก่อนหน้านี้มันเคยมากราบเท้าขอโทษนานะ และให้ช่วยจัดการวีว่าหลังออกจากประเทศไปแล้วด้วย มันบอกว่าจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำลายความรักของมันกับไนน์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และแน่นอนนานะจ้องอยู่แล้ว”
“แต่อย่างน้อยที่พวกเรายอมปล่อยให้ซันมันมีลมหายใจอยู่ ก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้แหละ ถ้ากูไม่เคยรักใครสักคนคงจะไม่เข้าใจ คนเราไม่สามารถเลิกรักใครได้ง่ายขนาดนั้น”
“งั้นมึงก็รีบไปบอกกับน้องซะ แล้วจะได้มีความสุขแบบกู ฮ่า ฮ่า” หนึ่งเดินหนีไป พร้อมเสียงตะโกน “น้องวีขา...” หนึ่งเข้าไปกอดโอบเอวเจ้าคนตัวน้อยจากทางด้านหลัง ปรายตามาเยอะเย้ยน้องสาวหันกลับเกยคางบนบ่า กดหอมแก้มและขบกัดใบหูคนรักอย่างเอ็นดู
เสียงทุบประตูด้วยฝ่ามือสามที เมเปิลลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยงัวเงียเพราะเสียงดัง มองหาหญิงสาวที่นอนกกกอดกันเมื่อคืน นั่งหลับตาเรียกสติตัวเองอีก เสียงทุบประตูดังขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่งานแต่งไนน์ทั้งสองหยุดพัดร้อนต่อเลยด้วยต้องการความสะดวกและความเป็นส่วนตัวจึงยังคงอยู่บ้านใหญ่ต่อ
“เมลจ๋า ไปเปิดประตูให้พี่หน่อยค่ะ น่าจะไอ้พวกนั่นแหละ” เสียงตะโกนบอกของเจ้าของห้องดังลอดมาจากห้องน้ำ ไอ้พวกนั้นโฟร์หมายถึงบอดี้การ์ดของเธอ
แอ๊ด...ประตูบานสีขาวหน้าประตูมีภาษาอังกฤษเขียนระบุชื่อเจ้าของห้องว่า FOUR อ้าออกตามแรงคนดึงทางด้านใน หญิงสาวเบิกตาโตอ้าปากกว้าง สติที่หลุดล่องลอยจากการเพิ่งตื่น พุ่งเข้าสู่ร่างทันที “เชี่ยไนน์!!!”
เพื่อนสนิทยิ้มกว้างและหุบลงทันที “ครับ!! ว่าไงคะเพื่อนสาวคุณเมเปิล”
“...” คนโดนจับได้อ้าหุบปาก อยากจะพูดแต่ก็ไม่มีอะไรหลุดรอดออกมา
“อาบน้ำแต่งตัวนะ ไนน์รออยู่ข้างล่าง ฝากบอกเจ้าของห้องด้วยนะ” เจ้าของคำพูดเอื้อมมือมาช่วยปิดประตูแทนเพื่อนของเขา เมเปิลเดินด้วยสติล่องลอยไปถึงเตียงนอน
โฟร์อาบน้ำเสร็จออกมาในชุดคลุมพร้อมกับคนรักที่เดินกลับมา “ใครมาเหรอคะ หื้ม...ทำไมทำหน้าอย่างงั้นล่ะ” ออกแรงฉุดข้อมือเล็ก ๆ ให้ลงมานั่งบนตัก กดจูบลงบ่าขาวแอบขัดเบาด้วยความมันเขี้ยว
เมเปิลใบหน้าซี้ดเซียวโดยจับได้เรื่องกระทำความผิด “นะ ไนน์!!” สั้น ๆ ได้ใจความชัดเจน
ริมฝีปากหยุดชะงักลง “อีกตั้งหลายวันกว่าคนเก่งจะกลับไม่ใช่เหรอ แต่ว่าเราสองคนพลาดตรงไหน” โฟร์เอียงหน้าขึ้นเพ่งพินิจวิเคราะห์การแอบลักลอบคบกันลับหลังคนเก่งของเธอ และมั่นใจว่าไม่น่าจะพลาด
“ยังจะมาพูดอีกได้ว่าพลาดตรงไหน คิดหาข้อแก้ตัวดีกว่าไหมพี่” เมเปิลหันไปดึงแก้มคนรักอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกค่ะ เราคบกันมันไม่มีอะไรที่ผิดนิค่ะ เพียงแค่เราไม่มีจังหวะบอกก็เท่านั้น หนูโทษพี่คนเดียวเลยค่ะ ถ้ายังไม่พอใจคืนนี้พี่ยอมนอนให้หนูตีก้นทั้งคืนยังได้เลย” โฟร์จ้องริมฝีปากของคนน้องมีมักจะเม้มไปมาเวลามีเรื่องให้กังวลหรือคิดมาก และนั่นมันทำให้เธออดใจไหว
“อื่อ...”
เมเปิลโดนคนรักขโมยจูบดูดปาก เรียวลิ้นสอดแทรกเข้ามาสำรวจอย่างช่ำชอง มือไล่คว้านลูบไล้ไปส่วนเว้าของร่างกาย หญิงสาวที่ตกภวังค์รสจูบอันหอมหวาน ตอบรับด้วยการตวัดลิ้นจนความรู้สึกทั้งคู่หวานฉ่ำ ทั้งสองจูบดูดดื่มกันอยู่นาน จนคนพี่ค่อยถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งแบบเสียดาย คนน้องยังมัวเมายื่นขยับปากมาตามไล่จูบ ใช้ฟันงับดึงริมฝีปากล่าง โฟร์แลบลิ้นมาตามเลียเก็บน้ำลายเลอะขอบปากอวบอิ่มบวมช้ำ และคนน้องยอมปล่อยปากคนรักให้เป็นอิสระ
“ปากบวมอีกแล้วนะคะ” มือของโฟร์ไล้ริมฝีปากคนรักของเธอ “ไปอาบน้ำค่ะ”
“ค่ะ” คนบนตักหอมแก้มไปหนึ่งฟอดและลุกเดินไปยังห้องน้ำ
ด้านล่างสองคนคู่รักกำลังนั่งรอคนด้านบน เสียงพูดคุยระหว่างเดินลงมาของคู่รักอีกคู่ ไนน์ในฐานะคนกลางของทั้งคู่ ยกมือขึ้นกอดอกไขว้ขาเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ พเยิดหน้าให้ทั้งคู่นั่งลง ตามด้วยเสียงคำถามต้องการคำตอบ
“ใครจะเล่าก่อน”
“กูเอง...” เมเปิลยกมือขออนุญาตกับคุณครูไนน์อนุญาต “มึงจำได้ไหมตอนที่กูเพิ่งมีเรื่องกับไอ้ปริ้นแล้วเรียกมึงไปนั่งกินเหล้าที่บาร์ แล้วตอนที่มึงถามว่า ในสายตากูพี่โฟร์เป็นยังไง ตั้งแต่วันนั้นสายตากูมักจะคอยตกไปที่พี่เขาตลอด ท่ามกลางผู้คนมากมายพี่ของมึงจะโดดเด่นขึ้นมาทันที จนได้มีโอกาสทำความรู้จักและพัฒนามาถึงจุดนี้แหละ” ใบหน้ามองเมเปิลแดงซ่านอย่างเขินอาย มือไม้ตวัดพันกันนัวเนียไปหมด
โฟร์เองนั่งเท้าคางเอียงมองคนรักของตัวเองสารภาพรักกลาย ๆ อดอมยิ้มในความน่ารักไม่ได้ พอคนน้องพูดจบเธอขยับตัวเข้ามาจูบแก้มทันที หญิงสาวหอมแก้มต่อหน้าเพื่อนสนิทก้มหน้ามุดลง
“...” ไนน์กลอกตามองคนรักของตัวเองกำลังอมยิ้มในความน่ารักของคู่รักนี้ไปด้วย พบสบตากับเจ้าของหัวใจเขา ซันแอบขำที่เจ้าตัวต้องมาทนฟังคนบอกรักหวานใส่กัน
“ส่วนของโฟร์ประทับในใจในเมเปิล ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ในวันที่หนูออกตัวปกป้องน้องชายพี่ไงคะ” เมเปิลหันไปมองคนพี่หลับตานึกภาพตามที่บอกเอาไว้ หากย้อนกลับไปก็อยู่ในช่วงสมัยเรียนปีหนึ่งและเป็นวันที่เธอได้รู้จักกับพี่โฟร์เอง
“จริงเหรอคะ” เมเปิลถามเสียงอย่างเหลือเชื่อ
“จริงค่ะ ตอนนั้นพี่เองก็ยังไม่มั่นใจว่า หนูจะชอบแบบไหน แถมตอนนั้นยังมี ไอ้เชี่ยหนึ่ง!!” โฟร์เอ่ยชื่อพี่ชายด้วยความเกรี้ยวกราด สองหนุ่มมองหน้ากันพร้อมนึกถึงพี่ชายคนโตของบ้าน ถ้าหลับอยู่คงสะดุ้งตื่น ถ้าตื่นคงมีสะอึก “มันตามจีบน้องวีเพื่อนของคนเก่งอยู่ไงคะ พี่ถึงเกร็ง ๆ ถ้าพี่จะเข้าไปจีบเมลตอนนั้นก็คงไม่ดีใช่ไหมล่ะ”
ไนน์ก้มหน้านวดหัวนิ้วทั้งสองข้างพร้อมสบถออกมา “บ้านนี้มันยังไง จะกินเพื่อนไนน์ให้หมดเลยหรือไง”
ซันยกมือขึ้นพร้อมบอกแก่คนรักของตน “ไนน์ครับ เพื่อนเราคงไม่มีคนโดนกินอีกแล้วครับ เพราะมันหมดแล้ว”
ชายหนุ่มเบิกตาโตจ้องเขม็งไปยังอีกคนที่พูดขัดขึ้นมา “พี่ซัน!”
คนเกรงใจเมียขานรับทันที “คร้าบบบบ”
“คนเก่งจับได้ตอนไหนเหรอ”
“ใช่ ๆ เรื่องนี้กูก็อยากรู้ เพราะว่ากูกับพี่ไม่น่าจะพลาดง่าย ๆ นะ”
ไนน์หรี่ตามองเพื่อนเขาและย้ายไปมองพี่สาว “จริง ๆ ก็ไม่น่าจะจับได้อีกนานเลยแหละ ถ้าวันนั้น...” ไนน์ชี้นิ้วไปที่ทั้งคู่ “ไม่เมาด้วยกันทั้งคู่ ในช่วงที่พากันไปเข้าห้องน้ำ ไนน์เองก็บังเอิญผ่านไปแล้วมีสองคนกำลังกลืนกินปาก”
“...”
เมเปิลยกมือปิดปากตัวเอง มุดตัวซุกคนรักของเธอ “แต่มันแป๊บเดียวเองนะมึง...” โฟร์เองยิ้มอย่างเขินอายที่ดันเผลอทำอะไรรุ่มร่ามกับแฟนสาวจนน้องชายตัวเองจับได้
ไนน์แสยะยิ้มให้คุณเพื่อนที่พยายามแก้ตัว “มันไม่แป๊บนะมึง ถ้าต่ออีกนาทีคงเข้าหอแทนกูไปแล้ว”
เมเปิลมุดหน้าลงบนอกคนพี่ อับอายอย่างมากเพราะไนน์เล่นพูดออกมาแบบไม่โนสนโนแคร์ใครทั้งนั้น
“อย่างนี้แหละครับ ก็แฟนเรามันน่ารักเน้อ ใครจะอดใจไหวใช่ไหมครับคุณโฟร์” ซันเข้าใจความคลั่งรักของคนบ้านนี้ ถ้าเป็นเขาเองก็คงอดใจไม่ไหวเช่นกัน
“พูดดี อยู่เป็นนะ” หญิงสาวหันไปยกนิ้วให้แก่น้องเขย “ถ้างั้นพี่คบกับเมเปิลได้แล้วใช่ไหมคะ คนดีของโฟร์”
ไนน์ร้องเหอะในลำคอ “ขนาดนี้แล้วห้ามได้เหรอครับ จริงไหมคุณเพื่อนรัก” ไนน์ชี้หน้า “หลอกกูได้นะมึง ถ้าจะคบกูเคยห้ามเหรอ”
เมเปิลรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ทั้งที่เจ้าตัวเคยพูดเองว่าไม่ให้คบกับพี่ตัวเอง “มึงพูดใหม่สิไอ้ไนน์ มึงไม่เคยห้ามจริง ๆ”
พอเพื่อนสาวตอนนี้คงอยู่ในฐานะพี่สะใภ้อีกคนขึ้นเสียงใส่ “คง เคยมั่ง”
“...”
“ยอมรับว่าเคยพูด ขอโทษได้ไหมล่ะ” ไนน์ช้อนตามองเพื่อนสนิทก่อนจะยกยิ้มและหัวเราะพร้อมกัน “งั้นขอยินดีต้อนรับพี่สะใภ้สู่ตระกูลศิริกิจวัชรโชติ”
“ด้วยความยินดีค่ะ น้องไนน์ มากอดหน่อย”
“หยุด!!! ห้ามครับ!!!” เสียงประสานพร้อมกันจากอีกสองคนที่นั่งร่วมด้วย โฟร์และซันคว้าไหล่คนรักของตัวเองที่กำลังตั้งท่าจะโผเข้ามากอดแสดงความยินดีด้วยกันตามประสาเพื่อนรัก
“งั้นไนน์ยอมให้พี่คบกับเพื่อนเราแล้ว ไปขอน้องเมลกับพี่นะคะ”
“หา!!” โฟร์พนมมือส่งสายปริบ ๆ ออดอ้อนในแบบทุกครั้งที่เธอต้องการ ไนน์ถึงกลับกลอกตาทันที ค่อย ๆ พยักหน้ายอมรับส่ง ๆ
“กูก็ขอ”
“หา!!!!” มุมปากของชายหนุ่มกระตุกขึ้น จะมาขออะไรทั้งคู่เลยว่ะ
“มึงต้องรับผิดชอบเรื่องที่มึงมีส่วนให้กูกับพี่โฟร์ไม่สามารถแสดงความรักอย่างเปิดเผย และมึงต้องรับปากกูสถานเดียว ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำไว้กับคนอื่น” เมเปิลยกมือกอดอกเอนตัวพิงด้านหลัง ยักคิ้วท้าทาย
“เออ กูยอมให้เพราะเป็นมึงนะเมเปิล” ไนน์เค้นเขี้ยวตอบกลับ
เมเปิลพรมมือไหว้ย่อแบบเด็กอนุบาล “ขอบคุณค่ะคนเก่งของพี่ ไว้จะบอกอีกทีนะ”
ไนน์ขบกรามแน่นจนหน้าขึ้นรูปสัน เมเปิลปกติมันก็กวนตามประสาเพื่อนถึงจะไม่มากเท่าคิวและจัสมิน แต่ดูท่าว่ามันคงจะเอาคืนเขาแน่ ๆ “กูกลับล่ะ ว่าจะไปนอนต่อก่อน รีบบินมาก่อนกำหนด”
หลังจากน้องชายสุดที่รักกลับไป โฟร์รอบตัวคนรักขึ้นมานั่งบนตัก ออกแรงรัดให้แน่นที่สุด กดจูบริมฝีปาก เรื่องราวความรักของพวกเธอทั้งสองผ่านไปอย่างง่ายดาย ในคราวแรกคิดว่าไนน์จะฟาดงวงฟาดงาที่ไปแย่งเพื่อนรักของเจ้าตัวมา แต่คงเพราะผ่านเจ็บปวดของความรักมาด้วยตัวเอง คงไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดแบบตัวเองก็เป็นไปได้
“ดีจังค่ะ”
“เน้อดีจัง”
“เมลค่ะ เราเดินลงไปเล่นข้างล่างกันหน่อยไหม”
โฟร์พาเมเปิลเดินลัดเลาะไปยังทางด้านหลังของบ้านซึ่งจะอยู่ในมุมห้องนอนของเธอพอดี ในตรงนั้นมีต้นเมเปิลปลูกเรียงกันเป็นรูปโค้งกึ่งครึ่งวงกลม เมเปิลเองตกใจในภาพที่เห็นต้นเมเปิลสูงใหญ่มาก และตกใจอย่างมากที่มีต้นได้ชื่อเดียวกับตัวเองอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอแทบไม่เคยสังเกตว่าแท้ที่จริงมันคือต้นอะไรกันแน่ แค่มองผ่านจากหน้าต่างห้องเพราะมันไม่ได้อยู่ในช่วงผลัดใบ จนวันที่คนพี่พาเดินมาใกล้
“ต้นเมเปิลของพี่ของค่ะ เพราะในบ้านหลังนี้มีเพียงแค่สี่ต้นตามชื่อพี่ด้วย”
“...” เมเปิลไม่ได้ตอบกลับอะไรเพียงเดินไปหยิบใบไม้รูปสามแฉกขึ้นมาดู
“พี่ซื้อมาปลูกหลังจากเจอเราได้สองเดือน ในระหว่างสองเดือนพี่นั้นพี่เอาแต่ถามกับตัวเองว่ามันพอจะมีหวังไหม จะเข้าไปจีบดีไหม จนวันที่พี่รู้ว่าเมลกำลังคบกับผู้ชายคนหนึ่ง พี่เริ่มถอยหัวใจออกมา ทำแค่เฝ้ามองคิดว่าอาจจะมีวันที่เมลจะหันมามองพี่บ้าง จนวันนั้นมาถึงพี่ถึงรีบคว้าโอกาสทันที”
“พอรู้ว่าพี่ชอบเมลมาตั้งแต่ตอนนั้นเช่นกัน ก็แอบน้อยใจในโชคชะตาว่าทำไมถึงไม่ให้เรารักกันเร็วกว่านี้ แต่มองในมุมหนึ่งมันคงรอให้ความรักของเราสองคนเอ่อล้น จนแทบไม่ต้องจีบกันนานเพราะเราสองคนได้เรียนรู้มุมของกันและกันผ่านความสนิทสนมแบบพี่น้อง มีทั้งนิสัยที่แย่และนิสัยที่ดีและยอมรับในตัวตนของกันและกันได้นะคะ พี่โฟร์ว่าไหม”
“คงงั้นมั่งค่ะ มันไม่สำคัญเท่ากับในวันนี้เราได้รักกัน และพี่ว่ามันถึงเวลาพี่อยากให้เมลมาเป็นคู่ชีวิตของพี่” โฟร์หยิบแหวนเพชรออกจากกระเป๋ากางเกง “แหวนวงนี้พี่เตรียมตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว และพี่รอจนทุกอย่างลงตัวคงไม่มีเหตุผลที่หนูเมลของพี่จะปฏิเสธการขอแต่งงานในครั้งนี้ ยกเว้น...”
เมเปิลแนบริมฝีปากตัวเองกับคนพี่ เมื่อผละออก “คำตอบขอเมลคือยินดีที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับพี่โฟร์ค่ะ”
โฟร์ยิ้มมุมปาก รวบเอวดันตัวคนน้องให้มาแนบชิด โน้มตัวจุมพิตว่าที่เจ้าสาวในอนาคต ในใจคิดว่า ความรักครั้งมันหอมหวานราวกับเมเปิลไซรัป แต่เมเปิลนี้มันทั้งหวานและอบอุ่นหัวใจยิ่งกว่า
“ขอบคุณที่รักกันนะ หนูเมเปิลของพี่ My girl number four”
จบตอนหลัก
------ติดตามพิเศษได้ที่ E book------------