26 ตอน Chapter 26 การง้อคืนดี
โดย T.mines
Chapter 26 การง้อคืนดี
โฟร์หลังจากได้การสั่งสอนจากหนึ่งพบว่า ตัวเองทำพลาดไปอย่างมหัน ความคิดของเธอคิดปล่อยให้เวลามีสักพัก เพราะตัวเองเองก็ยังไม่มีหน้าจะไปหาคนน้องด้วยความรู้สึกผิด แต่จากสิ่งที่หนึ่งบอกถ้าทะเลาะกันไม่รีบปรับความเข้าใจ ยิ่งปล่อยเวลานานเท่าไหร่การจะกลับคุยกันอีกมันยิ่งยากขึ้น โฟร์เองไม่อยากเสียเมเปิลและทำใจไม่ได้หากชีวิตไม่มีน้องเคียงข้าง แค่นึกภาพในน้องยืนเคียงข้างใครสักคนที่ไม่ใช่ตัวเธอเจ็บปวดใจ
รถยนต์เคลื่อนออกจากตึก ศิริกิจวัชรกรุป ด้วยใจเอาแค่คิดว่ายังไงต้องกลับไปพูดคุยให้รู้เรื่อง จึงสั่งให้เป้ขับรถไปส่งยังคอนโดคนรักของเธอ จนพาตัวเองมายืนหน้าห้อง ในมือถือคีย์การ์ดช่างใจว่าจะเข้าไปรอข้างในไหม ยืนค้างอยู่ครึ่งชั่วโมงกลับตัดสินใจนั่งพิงประตู
เมเปิลออกจากประตูลิฟต์หันไปมองทางกลับห้องตัวเอง ใจด้วยห่อเหี่ยวเม้มปากกดกลั้นน้ำตาอีกครั้ง จนสายตาไปตกยังหญิงสาวที่เธอรอคอยมาตลอดสัปดาห์นั่งก้มหน้าอยู่หน้าประตูห้อง ภาพแรกเธอคิดว่าเป็นภาพหลอกจากจินตนาการตัวเอง ยืนจ้องอยู่นานคิดว่าภาพนั้นจะเลือนหายไปในไม่ช้า แต่มันยังอยู่ดังเดิมนั้นทำให้เธอรู้ว่านั่นคือพี่โฟร์จริง ๆ มือบางยกขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงร้อง เงยหน้าขึ้นมาข้างบนพยายามให้น้ำตาไหลย้อนกลับคืนไป ใจเต้นรัวไม่มั่นใจว่าคนพี่มาวันนี้ด้วยเหตุผลอะไร เธอก็ต้องยอมรับมัน ไม่ว่าจะเดินไปด้วยกันหรือแยกกัน เธอก็เคารพการตัดสินใจจากพี่โฟร์คนเดียว
เมเปิลปาดคราบน้ำตา สูดหายใจลึก ๆ เข้าปอด ตลอดเวลาเธอเฝ้ามองจากที่ไกล คนพี่ไม่ขยับเขยื้อน เธอจึงถอดรองเท้าเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน ก้าวเดินไปด้วยร่างอันสั่นเทาหวาดหวั่น หากพี่โฟร์หลับก็ขอเฝ้ามองให้หายคิดถึง เพราะในใจกลัวว่าถ้าต้องเลิกกันจริง ๆ เธอคงไม่สามารถมองหน้าผู้หญิงคนนี้โดยที่ไม่ร้องไห้ได้
โพร์นั่งรอมาตั้งแต่บ่ายสามล่วงเลยมาถึงสองทุ่มตรง จู่ ๆ มีเท้าคู่หนึ่งมายืนตรงหน้าเธอ โฟร์มองไล่ตั้งแต่เท้าขาว ๆ เรียวบางไต่ขึ้นจนถึงใบหน้าแสนสวยที่บัดนี้ซูบเซียว ดวงตาขอบตาแดงและบูดบวมดูรู้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
ในขณะอีกคนกำลังโน้มตัวก้มลงไปด้วย ทั้งสองประสานสายตากันค้างอยู่ และเป็นเจ้าของห้องเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้งและอู้อี้เต็มไปด้วยความห่วงใย
“มานั่งตรงนี้ทำไมคะ ไม่ไปรอข้างใน ร้อนก็ร้อนแล้วยุงไม่กัดพี่เหรอคะ” เมเปิลเอื้อมมือตั้งใจดึงคนรักของเธอลุกขึ้นหยุดชะงักค้าง เพราะในวันที่พี่ปัดมือเธอออก จึงไม่มั่นใจว่ายังแตะต้องได้อีกหรือไม่
ก่อนจะมือข้างนั้นจะชักกลับไป โฟร์คว้าสิ่งตรงหน้าออกแรงกระตุก “อะ!! ตึก! ตึก!” เมเปิลไม่ทันระวังตัวล้มลงในอ้อมกอดตามด้วยเสียงร้องตกใจและรองเท้าหิ้วมาร่วงหล่นไปกับพื้น โฟร์ปล่อยมือข้างนั้นและใช้แขนทั้งสองข้างรัดตัวคนน้องอย่างแน่น สัมผัสได้แล้ว รับรู้กลิ่นกาย เมเปิลยังอยู่ในตรงนี้
ทั้งที่คนเป็นทำร้ายเมเปิลด้วยคำพูดร้าย แต่น้องกลับไม่มีน้ำเสียงโกรธเคืองแม้แต่น้อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย โฟร์รู้สึกว่าความรักที่เธอว่ามอบให้หญิงสาวตรงหน้ายังเทียบไม่ติดกับความรักที่เจ้าตัวมอบให้แก่เธอ
“เมเปิลพี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริง พี่ พี่มันไม่ดี พี่ พี่...” โฟร์ยังกอดคนน้องแนบราวกับกลัวหญิงสาวจะผละตัวออกและลุกขึ้นเดินหนีจากไป
เมเปิลที่ร้องไห้มากก่อนหน้านี้ น้ำตาไหลพรากออกมาอีกรอบ เพราะเธออเองกลัวว่าคนพี่จะไม่ยอมมางอหรือมาหาเธออีกครั้ง และอาจจะเลิกกันไปแบบเงียบ “พี่โฟร์ อื่อ...มะ เมล...ฮื่อ...”
“เมล พี่ขอโทษ พี่มันไม่รู้จักโตแยกแยะอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของหนู แต่พี่ยังเอาทั้งหมดมาลงกับหนู ได้โปรดอย่าเกลียดพี่เลยนะคะ เมลจะทำอะไรพี่ก็ได้ ด่าพี่ ตีพี่ อย่าเกลียดพี่พอ”
“มะ เมลจะเกลียด อึก พี่ได้ไง อึก พี่ต่างหากจะเกลียดเมล อื่อ...เมลกลัวว่าพี่โฟร์จะไม่รักเมลแล้วอีกต่างหาก อื่อ”
โฟร์ชะงักในคำพูดของเมเปิล เธอเนี่ยนะจะเกลียดเมเปิล หรือว่าคำพูดไม่คิดในวันนี้มันทำให้น้องรู้สึกในแบบนั้น เธอผละตัว จับไหล่คนรักและดันตัวมามองหน้า โฟร์ย้ายมือปากน้ำตาเอ่ยล้นจากใบหน้าหญิงสาวตรงหน้า “มาคุยกันก่อนนะคะ”
“...” เมเปิลพยักหน้า
“หนูโกรธพี่อยู่ไหมคะ”
“...” เมเปิลส่ายหัวให้คำตอบ
โฟร์รู้สึกอยากตบหน้าตัวเองในตอนนี้มากกว่า หลังจากน้องออกจากห้องเธอเอาแต่คิดว่าน้องคงโกรธมากจนไม่อยากเจอหน้า และเอาแต่ให้น้องหายโกรธแล้วค่อยมาคุย กลับเป็นการสร้างความกังวลให้คนที่รักเธอมากกว่าขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งโมโหตัวเอง ถ้าไม่ยอมลดศักดิ์ศรีไปขอคำปรึกษาไอ้หนึ่ง เธอคงต้องปล่อยให้น้องร้องไห้ต่ออีกกี่วันอีกกี่ชั่วโมง และอีกกี่นาที
“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธพี่และยอมยกโทษให้พี่ง่าย ๆ แบบนี้ นั่นยิ่งทำให้พี่รู้สึกแม่งทำตัวไม่สมกับความรักที่หนูมอบให้เลย” โฟร์ก้มลงส่ายหัวด่าทอตัวเอง
เมเปิลประคองใบหน้าให้คนพี่มาสบตาอีกครั้ง “แค่เมลรักพี่และพี่โฟร์รักเมลตอบมันเกินสิ่งที่หวังเอาไว้มากแล้วค่ะ” น้ำเสียงจริงจังตามด้วยรอยยิ้มกว้างปนคราบน้ำตา
ผู้หญิงคนนี้มีแต่เรื่องทำให้เธอเป็นคนโง่งม เรื่องที่น้องไม่บอกสถานะของเราก็คงเพราะห่วงความรู้สึกระหว่างเธอกับไนน์มากกว่าความรู้สึกตัวเอง และไม่ใช่ว่าน้องจะไม่พยายามจะบอก แต่กลับมีเหตุการณ์ต่างๆ มาขวาง ถ้ายังปล่อยผู้หญิงคนนี้หลุดมือก็บรมโคตรโง่เลย
“เราเข้าไปข้างในไหมคะพี่โฟร์” เมเปิลเอ่ยถาม
“ค่ะ”
มิกซ์กับเป้ที่ยืนดูเจ้านายทั้งสองกอดกันและจูงมือกันเข้าไปด้านในผ่านกล้องวงจรปิดหน้าห้อง ถอดหายใจด้วยความโล่งอกสักที
“ดีกันสักทีนะพี่ ผมโคตรสงสารคุณเมเปิลเลย เอาแค่ร้องไห้วันนี้ผมแม่งโคตรลุ้น ว่าจะขึ้นไปบนห้องไหมกลัวจะขับรถหนีไปแบบรอบก่อนหน้านี้ ใจผมน่ะกลัวมาก ๆ ด้วยสภาพไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบนี้สุ่มเสี่ยงอุบัติเหตุสุด ๆ”
“เอออันนี้เห็นด้วย กูว่าคุณหนึ่งดึงสติคุณโฟร์กลับมามั่ง เรื่องอื่นจัดการได้หมด เพราะอะไรเกี่ยวกับคุณเมเปิลเหมือนเครื่องพังไปเลย”
“..”
“กูว่าที่ทะเลาะกันคงเกี่ยวกับคุณไนน์ด้วยแหละ คนอื่นก็สตั้นไปพอ ๆ กัน”
“แต่ดีกันแล้ว ก็สบายใจแล้วแหละพี่ คงไม่ออกไปไหนแล้วมั้ง ผมขอไปนอนก่อนนะพี่” มิกซ์ลุกขึ้นเดินไปทิ้งตัวบนโซฟาคว้าหมอนอิงมากอดและหลับไปในเพียงไม่กี่นาที
เป้ถอนหายใจพิงพนักเก้าอี้ ด้วยอารมณ์ทั้งโล่งอก น้อยใจ และเหนื่อยกายด้วย ...เจ้านายทะเลาะกันแต่คนเหนื่อยและอดทนเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมงคือพวกผมนี่แหละ บ่นไม่ได้ด้วยเพราะด้วยเงินและความเคารพล้วน ๆ ...
ภายในห้อง โฟร์ช้อนตัวเมเปิลไปนั่งโซฟา “นั่งรอตรงนี้นะคะ” เจ้าตัวผละตัวออกไปหยิบทิชชูเปียกมือ ยกเท้าของหญิงสาวคนรักมาวางต้นขาตัวเอง “ทำไมเดินเท้าเปล่ามาล่ะ”
เมเปิลมองมือของนักธุรกิจสาวผู้เกิดพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างและสามารถหามองกองตรงหน้าได้ บรรจงใช้ทิชชูเปียกลูบไล้ไปตามฝ่าเท้าให้ เธอรู้สึกว่าพี่โฟร์ไม่ควรทำแบบนี้ดึงเท้าออก “พี่โฟร์ไม่ต้องทำค่ะ เดี๋ยวเมลทำเองดีกว่า”
“หื้ม...ทำไมค่ะ เช็ดเท้าให้แฟนตัวเองก็ไม่ได้เหรอ” โฟร์ล็อกเท้าข้างนั้น ช้อนตาขึ้นมอง “แล้วถ้าจูบล่ะ ทำได้ไหม” ก้มลงให้ริมฝีปากประทับลงหลังเท้า
“...พี่โฟร์!” เมเปิลรีบเอามือสองข้างประกบแก้มดึงหน้าอีกคนออกจากเรียวเท้าของเธอ “พอแล้วค่ะ เช็ด ๆ ค่ะ” เมเปิลล่ะกลัวใจคนพี่จัง เธอรับรู้ว่าพี่โฟร์ยังคงมีความรู้สึกผิดค้างในใจจึงพยายามชดเชยให้แก่เธอ แต่สำหรับเธอแล้วแค่พี่มางอแค่นั้นก็ดีมากแล้ว
“หื้ม ...ยังไม่บอกพี่เลยว่าทำไมเดินเท้าเปล่ามา ข้อเท้าเคล็ดหรือเมื่อยขาเพราะใส่ส้นสูงค่ะ พี่จะได้นวดให้” มือเช็ดเท้า พลางจับพลิกสำรวจไปด้วย
“เมลคิดว่าพี่หลับอยู่ค่ะ กลัวเสียงรองเท้าดังรบกวนพี่เลยถอด และจะแอบมาดูหน้าพี่ให้หายคิดถึงก่อนค่อยปลุก เพราะเมลกลัวว่าหลังจากที่เราคุยกันจบ อาจจะไม่ได้มองหน้าพี่ใกล้ ๆ อีก” ตอบด้วยเสียงสั่นเครือและสูดน้ำมูกเข้าจมูก
โฟร์ค่อย ๆ วางเท้าคนรักเธอลงกับพื้น เช็ดทำความสะอาดและตามด้วยเจลแอลกอฮอล์ ลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างคนรัก โน้มศีรษะมาเอียงซบไหล่ของเธอ “พี่สาบานนับจากนี้จะไม่มีวันนั้นค่ะ ยกเว้นหนูจะไม่ต้องการพี่แล้ว”
“ไม่มีทางค่ะ!!” เมเปิลดีดตัวขันมาแย้งทันที
โฟร์ยกยิ้ม จูบไปยังหน้าผาก เปลือกตาทั้งสองข้าง จมูก และสิ่งสุดท้ายแนบสัมผัสริมฝีปาก “พี่รู้ค่ะ ถ้าปล่อยให้คนที่รักพี่ขนาดนี้หลุดมือไปอีก ถือว่าพี่โง่ที่สุดในโลกนี้แล้ว” โฟร์ฉีกยิ้มกว้างตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ รวบตัวคนรักของเธอมาซุกอก
“อื้ม...”
โฟร์รัดแน่นขึ้นตอบรับในเสียงขานรับของอีกฝ่าย “ชาตินี้ทั้งชาติ ไม่สิชาติต่อไปด้วยพี่จะไม่ยอมเสียเมเปิลใบนี้เด็ดขาด พี่ยังคิดอยู่ว่าถ้าหนูไม่ยกโทษให้ จะมากางเต้นนอนหน้าห้องหรือใช้วิธีเดียวแบบไอ้หนึ่งคือซื้อทั้งชั้นแล้วย้ายมาอยู่ห้องตรงข้าง ให้เห็นหน้าทุกวันจนกว่าจะยอมใจอ่อน”
“ถ้าเป็นแบบนั้นเมลก็แค่กลับไปนอนบ้านไม่ดีกว่าเหรอคะ” เธอตอบไปด้วยความจริงใจ ถ้ายังโกรธอยู่จะต้องมาทนเห็นหน้าทำไมหนีไปอีกที่ไม่ได้กว่าเหรอ ไม่ใช่คนไม่มีที่ไปสักหน่อย
“ม่ายอาวววว” เสียงโอดครวญดังขึ้นตามด้วยแรงรัดอีก
“แอก!! อี้โอ หะ อายใอไม่ออก อ่อย...” นี่คือบนลงโทษในการพูดในสิ่งที่คิด (พี่โฟร์หายใจไม่ออก)
“โอ๊ะ!! ขอโทษค่ะ เจ็บไหม พอดีว่ารักหนูมากไปหน่อยค่ะ” โฟร์ผละตัวออก ยกมือแตะแก้ม “เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปอาบน้ำนะคะ” เมื่อเห็นคนน้องกัดริมฝีปากยั่วหลังจากเธอพูดจบ จนต้องเสตามองไปหาอื่นไม่งั้นจะยับยั้งช่างใจไม่อยู่
โฟร์นอนพิงหัวเตียงมองคนรักเธอใส่ชุดนอนแบบวาบหวิว ถ้าเป็นสัปดาห์ก่อนจะทะเลาะกันรับรองว่าไม่ได้นอน เมเปิลยืนบิดตัวไปมา เธอจึงกวักมือเรียกให้ปีนขึ้นมานอนด้านข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาบุคคลสำคัญที่ต้องทำการบอกข่าวดีในชีวิตในฟัง
[โอ๊ะโอ...ลูกสาวโทรมาหา ที่รักค่ะ...ลูกสาวเราโทรมาค่ะ] เมเปิลแอบอิงพิงโฟร์จ้องมองไปยังหน้าจอตกใจเบิกตากว้าง เตรียมจะลุกหนี แต่โดนคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน “ห้ามหนีค่ะ”
เมเปิลขยับปากไม่ออกเสียง “มันโป้” พร้อมกับยกมือปิดหน้าอกตัวเอง เป่าแก้มพองไม่พอใจ จนเธออดจะหอมแก้มในความน่ารักไม่ได้
[เฮ้ย ๆ ๆ ถ้าจะโทรมาแล้วโชว์ความหวานขนาดนี้ไม่ต้องโทรมาก็ได้มั้ง]
“...” โฟร์ไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้านในคำพูดของบิดา
เมเปิลรีบคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำของคนพี่มาสวมทับ ยกมือไหว้บุคคลทั้งสองอีกฝ่ายฝั่ง “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” ต่อให้ไม่บอกก็พอจะรู้ว่าเธอกับพี่โฟร์ต้องมีความสัมพันธ์มากกว่าคำว่าพี่น้อง จากชุดที่ใส่และการมานั่งด้วยกันบนเตียงนอนแถมไม่ใช่ห้องลูกสาวของพวกท่านทั้งสอง
[หนูเมเปิลยอมแล้วเหรอ] เสียงถามจากบิดาด้วยคลางแคลงใจ
“ก็ไม่ได้ยอมนะคะ แต่โฟร์มัดมือชก เพราะต้องการให้เตรียมเงินไปสู่ขอลูกสาวเขาให้ด้วย”
“...” เมเปิลงุนงงในคำพูดระหว่างคนพี่กับทางพ่อและแม่ พอประโยคสุดท้ายเธอต้องยกมือมาปิดปากกั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดกรี๊ด
[เราน่ะพูดอะไรต้องรับผิดชอบในคำพูดด้วยนะ และมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าเป็นน้อง] พยักฆ์หยุดพูดให้ลูกสาวเขาได้คิดก่อนจะตอบและหันไปหาแฟนของเจ้าตัว [ลุงไม่ได้ไม่มั่นใจในตัวหนูนะลูก แต่มันนั่นแหละประวัติเยอะแยะ ถ้าเกิดทำให้หนูเมเปิลเสียใจขึ้นมา ลุงไม่กล้าแบกหน้าไปเจอพ่อหนู แถมยังจะโดนเจ้าไนน์มาแหกอกอีก]
[ใช่ค่ะ แล้วลูกบ้านนี้เขากลัวหลานชายคนเล็กสุด ยิ่งหนูเมเปิลเป็นเพื่อนรักของไนน์ด้วย ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ] หญิงสาววัยกลางคนยิ้มไปพูดไป ก่อนก้มลงไปกดมองโทรศัพท์ตัวเองและกดบางอย่าง
“มั่นใจแล้วค่ะ ชาตินี้ทั้งชาติคงหาคนที่รักโฟร์แบบน้องไม่ได้แล้ว”
[งั้นแกต้องยิ่งต้องดูแลน้องให้สมกับความรักที่น้องมอบให้แก และห้ามทำน้องร้องไห้อีก] น้ำเสียงกดเข้มสั่งสอนบุตรสาว แค่มองผ่าน ๆ รับรู้ว่าทั้งสองคงมีเรื่องทะเลาะกันมา และยิ่งการกระทำของลูกสาวเขาแล้วมั่นใจเลยว่าเกิดจากเจ้าตัวแน่นอน [ทำได้ไหมโฟร์!!!]
[ที่รักจะดุลูกทำไมคะ รีบขนาดนี้แสดงว่ารู้สึกผิดมากแล้ว แม่เชื่อว่าลูกสาวแม่มีความรับผิดชอบในสิ่งที่พูดอยู่แล้ว ใช่ไหมพี่โฟร์ของแม่]
“ขอบคุณค่ะแม่ โฟร์สัญญาจะดูแลและรับผิดชอบน้องด้วยชีวิต”
[เมเปิลขา แม่อยู่ไกลเลยไม่มีของรับขวัญน่ะลูก เดี๋ยวกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ค่อยไปเลือกดูด้วยกันนะคะ ส่วนนั้นก็ค่าน้ำตาที่พี่เขาทำหนูร้องไห้นะลูก]
“...” เมเปิลครุ่นคิดเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดูพบว่า มีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวนห้าสิบล้านบาท “คุณป้าค่ะ...มัน...”
[เป็นแฟนกับพี่โฟร์แล้ว ไม่เรียกคุณป้านะลูก แม่รู้สึกแก่]
“คุณแม่ คุณพ่อ”
[น่ารักมากค่ะลูก พ่อกับแม่ไปรบกวนแล้วล่ะ นอนหลับฝันดีเด็ก ๆ]
[วันนี้แกห้ามรังแกน้องนะ ให้น้องพักเลย] ชายวัยกลางคนชี้หน้าพร้อมด้วยคำขู่
“ยังไม่ทันไปขอเขามาเป็นลูกออกอาการห่วงกว่าลูกตัวเองซะอีก นี่เมียโฟร์ดูแลเองได้ค่ะคุณพ่อ” ลูกสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
พยัคฆ์ยกนิ้วสองนิ้วขึ้นมาส่งสัญญาณบ่งบอกถึงการจับตาดู โฟร์เริ่มหมั่นไส้พ่อตัวเอง มองดูรู้ว่าเห่อลูกสาวคนใหม่ เพราะพ่อและแม่เธอเคยเปรยว่าเอ็นดูเจ้าน้องนี้มากด้วยความสดใสบวกนิสัยแสนน่ารัก ใครจะไม่หลงและตัวเธอหลงมาตั้งกี่ปี
หลังจากวางสายเมเปิลเหนื่อยและอดนอนมาหลายวัน พอความรู้สึกได้รับการผ่อนคลายก้หลับไปทันทีหลังทิ้งหัวลงหมอน
โฟร์ก้มลงไปจูบริมฝีปากบาง “แต่งตัวมายั่วพี่แต่ชิงหลับแบบนี้ก็ได้เหรอคะ หลับฝันดีค่ะเจ้าแก้มกลมของพี่” โฟร์สอดแขนดันตัวคนน้องให้มาอยู่ในอ้อมอกและหลับไปด้วยกัน
หลังกลับมาคืนดีกัน โฟร์ขอร้องคนน้องให้พาเธอไปแนะนำตัวกับที่บ้านเพื่อแสดงความจริงใจ เมเปิลเองก็อยากพาเช่นกัน เจ้าของบ้านที่ได้ยินเสียงรถเข้าจอดภายในรั้วบ้าน ด้วยตัวเองที่อยู่ให้อาหารปลาด้านข้างของบ้าน จึงเดินเข้ามารับแขกด้วยตัวเอง และถือว่าสำรวจแฟนลูกสาวตัวเองไปในตัวด้วย
“สวัสดีค่ะคุณน้าอดิศร”
“สวัสดีหนูโฟร์ วันนี้เจ้าเมลบอกว่าจะพาแฟนมาแนะนำตัว ป่านนี้ยังไม่มาเลย” ชายวัยกลางคนมองหญิงสาวแสนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมากยกมือไหว้ และด้วยช่วงนี้ก็สนิทสนมกับลูกสาวของตัวเองอย่างมาก ในใจคิดว่าคงไม่ได้มาในฐานะนี้ อาจจะมาช่วยประเมินแฟนลูกสาวเขาอีกคน แต่ด้วยมือถือของฝากมาสองฝั่งเขารู้สึกทะแม่ง ก่อนจะผายมือเชิญแขกพร้อมกับชะเง้อคอดูทางประตูรั้วบ้าน
เมเปิลยืนกอดอกมองดูสองคน “ก็ที่คนที่พ่อกำลังพาเข้าบ้านนั่นแหละค่ะ แฟนหนู” เมื่อพูดจบเดินมาควงแขนคนพี่ทันที
โฟร์ยิ้มกว้างในความน่ารักของคนนี้แนะนำสถานะมือไหว้อีกรอบ “ขอแนะนำตัวอีกรอบนะคะ เมเปิลคือคนรักของโฟร์ค่ะ”
“อ้าวหนูโฟร์สวัสดีจ้ะ” แม่ของแฟนสาวเธอเดินมาหลังสุดกล่าวทักทายจึงไม่ได้ยินที่บุตรสาวตัวเองแนะนำสถานะ “มาเข้าบ้านกันค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณน้าแก้ว นี่ขอฝากค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ และยื่นถุงในมือให้
ชายวัยกลางคนหน้าตึงถลึงตาใส่ภรรยา กดเสียงต่ำให้แก่สองสาวยืนควงแขนกันหน้าตาเฉย “เราสองคนตามพ่อมา เรามีเรื่องคุยกัน” เขาเดินนำไปข้างและหยุดเท้าลง “เลิกควงแขนกันได้แล้ว” สาวเท้าเดินไปยังห้องรับแขก
“อุ๊ย!!...” เมเปิลร้องอุทานแสร้งตกใจ และปล่อยแขนแฟนสาวตัวเองขยับไปควงแขนคนแม่แทน “แม่ค่ะ หนูกับพี่โฟร์เราสองคนเป็นแฟนกันนะคะ”
“หา!!!” แก้วเจ้าจอมหญิงวัยกลางคนถึงกับผงะยกมือทาบอก “หนูไม่ได้ล้อเล่นกับแม่ใช่ไหม” เธอหันไปสบตาลูกสาวและคนที่เป็นแฟนลูกสาวตัวเองได้รับรอยยิ้มและสายตาพวกเขามองกันด้วยความหลงใหล “แม่ก็ว่าอยู่ทำไมลูกสาวไม่เคยมีแฟนหนุ่มสักคน ลูกแม่รักใครคบกับใครแม่ก็อยู่ข้างหนูค่ะ ฝากลูกสาวแม่ด้วยนะโฟร์” ด้วยคราวก่อนลูกสาวเธอเปรยไว้ก่อน จึงไม่เกินความคาดหมาย ที่สำคัญคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมอยากให้ลูกมีความสุข
“ขอบคุณค่ะคุณน้าที่ไว้ใจโฟร์” คนพี่ยกมือไหว้ค้อมตัวลง
“น้องเมเปิล!!” เสียงขึงขังของชายวัยกลางคนตะโกนเรียกจากด้านใน
“ขา...กำลังไปค่ะ” เมเปิลขารับเสียงใส
“ไปกันค่ะ” มารดาเดินควงแขนไปกับลูกสาวตัวเอง และจูงมือหญิงสาวอีกคนไปด้วยกัน
“นั่งลง!! แม่มานั่งข้างพ่อนิ!!” อดิศรชี้นิ้วบอกคนสองคนในฝั่งตรงข้าม และกวักมือเรียกภรรยาตัวเองให้มาเคียงข้าง
“คบกันมานานเท่าไหร่แล้ว แล้วใครจีบใครก่อน” ชายเจ้าของบ้านกอดอกวางอำนาจคาดคั้น
โฟร์จะยกมือแต่คนน้องคว้ามือเธอเอาไว้และยกมือตัวเองแทน “หนูเองค่ะพ่อ หนูอ่อยพี่เขาก่อน”
ชายวัยกลางฟังแล้วลมแทบจับ ควันพวยพุ่งจากหู “ไอ้ลูกคนนิ”
“คุณอาค่ะ ความจริงแล้วโฟร์เองก็แอบชอบน้องมานานหลายปีแล้วค่ะ แต่ในตอนนั้นโฟร์เองไม่มั่นใจว่าน้องชอบโฟร์หรือเปล่าจึงได้เก็บเอาไว้ในใจ แต่พอน้องได้แสดงออกถึงความจริงใจมอบให้ โฟร์ตัดสินใจเดินหน้าจีบน้องด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ และขอรับรองด้วยเกียรติลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตดูแลและรักผู้หญิงคนนี้ค่ะ”
“...” คนเป็นแม่ปรบมือเบา ๆ ให้แฟนลูกสาวแอบเหล่ตามองคุณสามีตัวเองไปด้วย
“เฮ้ย...” เสียงถอนหายใจอย่างจำนนของชายวัยกลางคน “พ่ออนุญาตให้คบกันได้ แต่อยากให้คงการแสดงออกแบบพี่น้องไปก่อน แบบที่ทำมาตลอดนะ คือน้องยังเพิ่งเข้ามาแวดวงธุรกิจพ่อยังไม่อยากประเด็นพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ห้ามแสดงความรักกันจนเยอะเกินไป ห้ามโอบเอวห้ามกอด ห้ามหอมแก้มในที่สาธารณะ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ตามเถอะ” น้ำเสียงอนุญาตแบบไม่เต็มใจ
“พ่อหวงหนูใช่ไหมคะ” เมเปิลถามอย่างเริงร่า
คนเป็นพ่อตวัดสายตาดุใส่ลูกสาว “ก็ใช่น่ะสิ ไม่หวงเราจะให้หวงหมูหมากาไก่ที่ไหน พ่อมีลูกสาวคนเดียว” เสียงตวาดดังลั่นท่าทางขึงขังแต่ไม่ดูน่ากลัวสำหรับคนลูกแม้แต่น้อย เธอรู้ว่าพ่อแค่ดุไปเท่านั้นถึงยังไงก็ตามใจอยู่แล้ว
“แล้วแม่จะได้อุ้มหลานไหมลูก” คุณแม่แก้วถามเสียงอ่อยอย่างเสียดาย
“คุณแก้วจะมาถามเรื่องลงเรื่องหลานได้ไง ผมยังไม่ยกลูกให้เขาสักหน่อย แค่ยอมให้คบเฉย ๆ คบเฉย ๆ” กดเสียงเน้นย้ำคำท้ายประโยคอีกหลายรอบ
“จ้า ๆ ๆ คนหวงลูกสาว ไปกินข้าวกันเถอะลูก ตอนนี้แม่ก็เบาใจที่ลูกสาวคนเดียวของแม่มีคนดูแลแล้ว” หญิงวัยกลางคนตบตักสามีให้เลิกทำบูดบึ้งได้แล้ว
“อือ..”
“ขอบคุณอาทั้งสองที่ไว้วางใจโฟร์ให้ดูแลน้องนะคะ”
“เมลก็ขอบคุณพ่อและแม่ด้วยนะคะที่เข้าใจในความชอบของเมล”
คนพ่อกวักมือเรียกบุตรสาวให้เข้ามาหา “ก็พ่อกับแม่รักลูก ย่อมอยากให้ลูกมีความสุข”
ทั้งlk,คนภายในต่างยกยิ้มในความน่ารักและเอ็นดูในความขี้อ้อนของเจ้าเมเปิลคนนี้
TBC...