Chapter 2 ความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดภายในใจ

 

สถานีตำรวจแสนวุ่นวาย เมื่อทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมหยุดโต้เถียงกัน แกนนำของฝั่งเด็กวิศวะคือจัสมินกับคิวที่ลับฝีปากกันอยู่ประจำ ตอนนี้จากคู่กัดกลับกลายมาเป็นคู่หู ส่วนอีกฝั่งคือหญิงสาวคนควงของหนุ่มปริ้นและเจ้าตัวนั่นเอง

“มึงมาตามจีบปริ้นเหรออีนังชะนี”

“กูไม่เอาหรอกสันดานหมาอย่างมัน มัวชิบหาย”

“คุณมาว่าผมทำไม เพื่อนคุณดีนักเหรอไง หยิ่งอย่างกะอะไรดี ถือว่าตัวเองบ้านรวยถึงไม่เห็นหัวคนอื่น” ปริ้นที่หน้าบวม ปากแตกจนเจ่อหันมาต่อว่าจัสมินคืน

“สมควรแล้วแหละ เพื่อนกูคงมองออกมามึงนิสัยยังไง สัด!” คิวเข้ามาผสมโรงด่าชายหนุ่มด้วยคน

“เงียบครับก่อนครับ! ถ้ายังทะเลาะกันอีกผมจะจับขังทั้งหมดเลยนะครับ” ร้อยเวรตะโกนดังลั่นปรามสองฝ่ายที่ยังคงไม่หยุด

“พอแล้วมึง!” เจโอกดเสียงเข้มเตือนเพื่อนทั้งสองที่อารมณ์ยังคุกรุ่น ออกแรงบีบลงบนบ่าให้นั่งลงอยู่กับที่เอาไว้

หนึ่งที่ได้รับสายจากแฟนหนุ่มหัวใจเขาแทบลุกเป็นไฟ วิ่งตึงตังตามเสียงเพื่อนน้องชายมาอย่างเร็ว มองดูคนรักของตนที่มีไนน์น้องรักนั่งเคียงข้างให้เอาน้ำแข็งประคบแก้มที่แดงและบวม

“หนูวีขาเจ็บมากไหมคะ” คนร่างสูงนั่งข้างคนรัก ประคองใบหน้ายกมือมาลูบด้วยใบหน้าแสนจะเจ็บปวดหัวใจ ก่อนจะโยกตัวมามองน้องชาย “คนเก่งละครับ เจ็บตรงไหนไหม”

“อือ” ไนน์พยักหน้าบอกรู้ว่าตัวเองไม่เป็นไรมาก

“พี่หนึ่งวีไม่เป็นอะไรครับ” แต่ใบหน้างอง้ำตามด้วยปากยู่ขึ้นจมูก

“โอ๋นะคะ มาพี่เป่าให้ค่ะ เพี้ยงหายนะคะ เดี๋ยวกลับไปทายาที่ห้องน้า...”

ไนน์หันมองพี่ชายส่ายหัว และหันไปมองดูทนายประจำบ้านพยักหน้าให้จัดการปัญหาแทนพวกเขาสองคน และเบือนหน้าหนีสองคนแสดงความรักกันไม่เลือกสถานที่ ลุกไปหาเพื่อนทั้งสามคน เมเปิลวิ่งขึ้นมายังบนโรงพักเพิ่มอีกคน

“พวกมึง!!” เสียงเหนื่อยหอบเรียกเพื่อนของพวกเธอ

“เมล! พี่ภามม์...” จัสมินหันไปเอ่ยเรียกเพื่อนที่โพล่งมาในจังหวะนี้ รวมถึงคนรักที่อยู่ในสภาพเพิ่มออกจากห้องผ่าตัดและมองมายังเธอด้วยแววตาอดกลั้น หญิงสาวก้มหน้ากัดฟันสบถด่าตัวเอง รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าไม่ได้รับสายชายหนุ่มเกือบสิบสาย

คุณหมอหนุ่มแวะไปทักทายหนึ่ง ร่วมถึงการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์รวมถึงคดีความที่ทางฝั่งเราให้ทนายเข้ามาจัดการ

เมเปิลตรงไปยังกลุ่มเพื่อนรีบอธิบายว่าทำไมเธอถึงมาได้ “ผัวมึงโทรหามึงแล้วไม่รับ แล้วโทรหาคนอื่นจนครบ สุดท้ายโทรหาพี่หนึ่ง แล้วกูโทรกลับหาพี่ภามม์ผลเลยออกมาอย่างงี้” เมเปิลเพิ่งหันไปเห็นชายหนุ่มที่แยกจากเธอช่วยเย็น มีหญิงสาวเกาะแขนและใบหน้ามีรอยเล็บ หัวยุ่งเหยิง ที่เธอเดาว่าน่าจะฝีมือจัสมิน “ที่ไปฟัดกับคนอื่นคือเรื่องนี้เหรอ” นิ้วชี้ไปยังปริ้นหนุ่มสัตวแพทย์

“...” เพื่อนทั้งสี่คนพยักหน้ายอมรับ

“เมเปิลครับ ผมอธิบายได้นะครับ ฟังปริ้นก่อน” ชายหนุ่มลุกขึ้นปัดมือที่เกาะแขนเธอออก

เมเปิลยิ้มบาง ยกมือห้ามให้ปริ้นเข้ามาใกล้ “มองดูภาพตรง อธิบายเราได้ชัดเจนแล้วล่ะ อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีกดีกว่า” เธอเงยหน้าหลับตาสูดลมหายใจ “เราว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราควรจะจบกันตั้งแต่ตอนนี้”

คุณหมอภามม์เดินเข้ามาหวังว่าจะดุคนรักของเขาที่ยังเลิกใจร้อน แต่พอสบตาหญิงสาวส่ายหัวปรายตามองเพื่อนสนิท “เราไปคุยกันที่บ้านนะคะ”

“ค่ะ” คุณหมอหนุ่มขานรับอย่างเข้าใจ

จัสมินพาเมเปิลเดินออกมานั่งลงร่วมกับน้องน้อย พอวีเห็นว่าเพื่อนมาสะกิดเตือนแฟนหนุ่มของเขา “มึงโอเคไหม”

“เมเปิล...”

“โอเค ไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น แต่ว่าใครซัดมันปากแตกวะ กูเลี้ยงข้าวเดือนหนึ่งเลย” เธอปรับสีหน้าเป็นปกติและยังติดตลกเพื่อให้เพื่อนสบายใจ

“กูไม่รู้ว่ะ มันนัวไปหมด แต่รอยเล็บกับรอยมือนั่นฝีมือกู” จัสมินโอ้อวดด้วยความภาคภูมิใจอย่างน้อยได้เอาคืนให้เพื่อน

“จัสมินค่ะ” น้ำเสียงกดต่ำเตือนคนรักที่แสดงกิริยาแก่นแก้วเหลือเกิน

“ขา...” จัสมินที่รู้ตัวว่าผิดขานรับเสียงอ่อย

เพื่อนคนอื่นเดินตามออกมาตบบ่าเมเปิล ส่วนเธอเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มให้รู้ว่าไม่เป็นไร “ขอบใจพวกมึงมากนะ”

“เพื่อนกันคิดไรมากวะ เสียดายมีคนมาห้ามก่อน ไม่งั้นนอนคาตีนพวกกูแน่” เจโอบอก

“เล่นรอบหลังดิ กูพร้อมยำ” ไนน์

“ให้พี่หนึ่งลากไปซ้อมให้ไหมเมเปิล” น้องวีบอกด้วยสีหน้าสดใสราวกับว่า คือเรื่องอยากร่วมด้วย

หื้ม...เสียงร้องพร้อมกัน ทั้งหมดย้ายสายตาไปยังเจ้ากระต่ายน้อยของกลุ่ม ยังรวมถึงคุณหมอภามม์ด้วยคน แล้วแฟนหนุ่มผู้ตามใจเมีย กระแอมอย่างมีความสุข “ถ้าหนูสั่งพี่ทำได้อยู่แล้วค่ะ พี่ขอแค่อะไรนิดหน่อยนะคะ” หนึ่งส่งสายตาหิวกระหายบอกถึงรางวัลที่ต้องการ

“...” เจ้าตัวน้อยที่คุ้นชินกับสายตานี้ถึงกับหน้าแดงก้มหน้าลงชิดคาง เม้มปากบ่นอุบอิบ “พี่หนึ่งง่ะ...” ท่าทางโดนแกล้งแสนน่ารักเรียกรอยยิ้มให้พวกเขาทั้งกลุ่ม

“แค่นี้คงพอแล้วค่ะ ไม่ต้องไปยุ่งให้เปลืองพลังงาน ถ้ายังไม่เลิกเมลจัดการเองได้ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย แบบว่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว

ทนายที่ไปจัดการเรื่องราวเดินเข้ามารายงานว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สามารถกลับบ้านได้ เมื่อไม่มีอะไรกันแล้ว พวกเขาก็ต่างพากันแยกย้ายไปรักษาบาดแผล

 

เช้าวันเสาร์เมเปิลตื่นมาด้วยอารมณ์ไม่มั่นคง เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกแบบไหน เสียใจเหมือนโดนนอกใจก็ไม่ขนาดนั้น โล่งอกก็ไม่ มันแค่หน่วง ๆ แต่ไปแบบไม่สุดด้วยเพราะไม่ได้ใจเต้นแรงกับคนนี้แค่รู้สึกดีที่มีคนคุยด้วย

ชายหนุ่มยังส่งข้อความรวมถึงโทรหาหลายสาย แต่เธอปิดเสียงแล้วจับมันโยนไว้โต๊ะกินข้าวด้านนอกห้อง สิ่งที่ทำตามมาคืออ่านคำแก้ตัวที่ข้าง ๆ คู ๆ เสียงหัวเราะในความหน้าด้านแล้วกดบล็อกเบอร์ไปให้มันจบ ๆ

 

เมเปิลมาห้างสรรพสินค้าในช่วงเย็นคนเดียว โดยมีเพื่อนแต่สลับกันโทรมาเพื่ออาสาออกไปกินของหวานด้วยแม้แต่คิวกับเจโอผู้ที่ไม่ชื่นชอบของหวานยังเสนอตัว แต่เธอกลับปฏิเสธออกไป ให้เหตุผลคือ ไม่ได้อกหักโว้ย!!

เธอเดินทิ้งอารมณ์ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงร้านโปรดจนได้ พลางถอนหายใจเหยียดยิ้มให้กับตัวเอง ว่าครั้งหนึ่งเธอเองเคยพาชายหนุ่มคนนั้นมานั่งกินกันที่นี่

โฟร์ออกมาทานข้าวกับพิงกี้นางแบบสายคู่ควงคนปัจจุบัน เธอทั้งสองพบกันในงานการเปิดตัวเส้นทางการบินของวัชรแอร์ไลน์ เมื่อห้าเดือนก่อน หญิงสาวแสดงความสนใจแก่ตัวเธออย่างมาก ด้วยความน่ารักสดใสและขี้อ้อนโฟร์ถึงยอมตกลงคบ ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้

ระหว่างเดินซื้อนั่นซื้อนี่ของพิงกี้ โฟร์เห็นเพื่อนของน้องชายสุดรัก เดินเพียงคนเดียวบวกกับได้ยินเรื่องเล่าผ่านของไอ้หนึ่งที่มีน้องชายและแฟนสุดที่รักไปมีเรื่องกับคนที่กำลังตามจีบเมเปิลที่แอบนอกใจ

“น้องเมเปิลบังเอิญเจอกันอีกแล้วนะคะ” โฟร์ที่มีคนควงแขนข้างกายปรี่เข้ามาขวางหน้า

“อะ พี่โฟร์สวัสดีค่ะ มาเดินเล่นอีกแล้วเหรอคะ” เธอเหลือบตามองคนด้านข้างก่อน “สวัสดีค่ะ” พยายามยิ้มกว้างแสดงความจริงใจว่าระหว่างเธอกับโฟร์แค่คนรู้จักเท่านั้น

“หยุดหน้าร้านของหวาน...” โฟร์หรี่ตามอง

“ใช่ค่ะ ของหวานกับเมลคู่กันอยู่แล้ว” เมเปิลโดนจับได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนพี่สาวคนนี้ซื้อไปฝาก เธอแอบบ่นว่ากลัวน้ำหนักขึ้นเพราะกินของหวานเยอะจัด

โฟร์หัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู หันมาถามคนข้างกาย “พิงกี้กินขนมไหมคะ”

“คุณโฟร์พิงกี้กินของที่แคลเยอะแบบนี้ไม่ได้ค่ะ อาชีพนางแบบคือสิ่งต้องห้าม” หญิงสาวไล่มองสำรวจรูปร่างคนตรงหน้าเทียบกับตัวเอง

“อ๋อค่ะ” สองคนได้รับคำตอบหน้าเจื่อนลงไปทันที

“งั้นพี่ไม่รบกวนเราแล้วนะ มีความสุขกับสิ่งที่เราชอบนะคะ พี่ไปล่ะ”

“ค่ะ สวัสดีค่ะพี่โฟร์”

แล้วทั้งสองฝ่ายหมุนตัวเดินไปคนละทาง เมเปิลเดินเข้าไปในร้านโปรดของเธอ ส่วนโฟร์เองเดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าวหยุดลง “พิงกี้รอตรงนี้แป๊บนึงนะ” หันหลังตรงไปยังเคาน์เตอร์สั่งอาหารพร้อมกับจ่ายเงิน

ในตอนที่โฟร์เดินออกไป ภายในพิงกี้มีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะทุกครั้งที่เจอผู้หญิงคนนี้ แฟนสาวของเธอจะตรงเข้าไปหาแทบจะทันที ทุกครั้งจะได้คำตอบคืนกลับมาว่า เพื่อนสนิทน้องชายทักทายเรื่องปกติ มันจะไม่ปกติหลังจากนั้นมากกว่าคือสีหน้ามีความสุขมากกว่าเวลาที่อยู่กับเธอ

 

เมเปิลสั่งกาแฟและขนมเค้กผลไม้รวมหนึ่งชิ้นเล็ก ๆ นึกถึงวันเวลาที่เธอมานั่งกินร่วมกับปริ้น โต๊ะมุมร้านที่นั่งด้วยกันบัดดนี้กลับมาคู่รักนั่งอยู่ บรรยากาศรอบนั้นเต็มไปด้วยสีชมพู ถ้าเป็นแบบการ์ตูนคงมีหัวใจดวงเล็ก ๆ ลอยในอากาศ

“คุณค่ะ มีคนสั่งขนมเค้กให้ค่ะ” พนักงานของทางร้านเดินถือถุงบรรจุขนมเค้กมาขนาดหนึ่งปอนด์สองชิ้น

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ไม่ทราบว่าคนที่ฝากมาให้มีลักษณะอย่างไรคะ” เมเปิลสอบถามกับพนักงาน

“เป็นผู้หญิงค่ะ ถ้าจำไม่ผิด คนที่คุยกับคุณลูกค้าก่อนเข้าร้านนะคะ” พนักงานสาวตอบกลับมา

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

เมเปิลเอียงคอมองเค้กสองชิ้นในถุงอย่างสงสัย ว่าพี่โฟร์ซื้อให้เธอทำไม คิดว่าคงเห็นว่าชอบกินล่ะมั่ง ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจหันไปจดจ่อกับของกินตรงหน้าตามเดิม

 

จนกลับถึงบ้าน เมเปิลหยิบขนมเค้กสองชิ้นออกจากถุง แต่ด้วยความแปลกใจเพราะมันคือร้านโปรดและมักจะไปกินเป็นประจำ แต่ปกติหน้าเค้กจะไม่ตกแต่งด้วยข้อความ จึงหยิบขึ้นมาอ่าน หน้าเค้กมูสส้ม เขียนด้วยคำว่า Cheer Up! และส่วนเค้กมูสชาเขียวมัชฉะ เขียนด้วยคำว่า Smile on Chin up! นั่นทำให้เธอยกยิ้มกว้างในความเอาใจใส่ พร้อมกับเดาได้ว่าพี่โฟร์คงรับรู้เรื่องราวของเธอเองผ่านเพื่อนสักคนไม่ไอ้ไนน์ก็น้องวี เพราะมีคนบางคนทำให้เธอรู้สึกจนอกข้างซ้ายมันสั่นไหวเบา ๆ

 

สัปดาห์ต่อมาทางบ้านโทรเรียกตัวไปกินข้าวกับครอบครัว นั่นทำให้เธอมั่นใจว่านี่คือการนัดดูตัวแอบแฝงของมารดา พบไปถึงพบว่าในห้องอาหารส่วนตัวมีสมาชิกนอกเหนือจากพ่อและแม่ เพิ่มมาสองคนแม่ลูก

“เมเปิลมานั่งข้างพี่เขาสิลูก นี่พี่กานต์เราน่าจะจำพี่เขาได้ พี่เขาเพิ่งกลับหลังเรียนจบพอดีแม่เลยชวนมากินข้าวกับบ้านเรา”

“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูจำได้ค่ะ สวัสดีค่ะพี่กานต์ คุณน้ากิ่ง” เธอยกมือไหว้ พร้อมหันไปฉีกยิ้มให้คุณแม่สุดสวย ส่วนพ่อเองขยิบตาบอกนัยว่า แม่คือคนจัดการเรื่องนี้พ่อไม่เกี่ยว

บรรยากาศการรับประทานอาหารมีเพียงแค่แม่และคุณน้าพูดคุยเล่าเรื่องของลูกทั้งสองแลกเปลี่ยนกันไปมา หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่โดนมัดมือชกมา ทำได้เพียงขานรับและพยักหน้าโต้ตอบ

“หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เมเปิลหาข้ออ้างปลีกตัวหนีออกมา

“กานต์พาน้องไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิลูก” แม่ของชายหนุ่มใช้ข้ออ้างนี้เพื่อให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกัน

“ครับ เชิญครับน้องเมเปิล”

หลังออกจากห้องรับประทานอาหาร ทั้งสองลอบถอนหายใจพร้อมกัน ก่อนจะหันมาสบตาและกลั้นหัวเราะพร้อมกัน

“พี่ขอโทษแทนแม่พี่ด้วยนะที่พยายามจับคู่เรากับพี่ คงอึดอัดแย่เลย” ชายหนุ่มเอ่ยบอกในระหว่างทั้งสองเดินออกมา “แล้วนี่จะไปเข้าห้องน้ำจริงหรือเปล่า หรือแค่หนีออกมาเฉย ๆ”

“อย่าหลังค่ะ” เมื่อถามมาเมเปิลก็ไม่คิดจะปกปิดตอบไปตามความจริง

“ไปหาที่นั่งคุยกันไหม ถ้าเข้าไปตอนนี้คงจะพยายามชงเราอีกรอบ”

“ได้ค่ะ”

ด้วยเป็นโรงแรมจึงมีมุมในนั่งพักผ่อนต่าง ๆ เมเปิลเองก็เห็นท่าทีของชายหนุ่มอึดอัดพอ ๆ กับเธอ

“พี่ขอสารภาพว่า พี่มีคนรักอยู่แล้ว แต่ด้วยเพศของแฟนพี่ มันเลยไม่ค่อยจะถูกใจแม่พี่เท่าไหร่ เขาเลยพยายามหาคู่คนใหม่ให้พี่” น้ำเสียงเอ่ยปากเต็มไปด้วยความทุกข์ใจอย่างหนัก

“แล้วแฟนพี่ไม่ว่าอะไรเหรอ ส่วนเมเปิลเองก็เพิ่งโดนคนที่ตามจีบไปคั่วกับผู้หญิงอื่น เพื่อนทั้งกลุ่มยกพวกไปฟากซะหน้าแหก” พอเล่าเรื่องนี้นึกถึงสภาพชายหนุ่มก็อดที่จะขำไม่ได้และภูมิใจในตัวเพื่อน ๆ

“ดูเป็นเพื่อนที่รักกันมากนะครับ” เสียงถอนหายใจ “ส่วนแฟนพี่เขาว่าอะไรได้ล่ะ แต่เพราะเขารักพี่มากเลยยอมจำทนหวังว่าสักวันแม่พี่จะเห็นในความรักเราสองคน”

“เอาใจช่วยนะคะ ส่วนเรื่องนี้เดี๋ยวจัดการเองค่ะ ไม่ต้องกังวล ยังไงแม่ก็บังคับเมเปิลไม่ได้อยู่ดี” หญิงสาวตบต้นขาให้กำลังพี่ชายที่พอคุ้นเคยกันในสมัยเด็ก “กลับไปข้างในเถอะค่ะ อีกสักพักคงได้กลับแล้ว แล้วก็หวังว่าพี่สองคนจะจับมือกันแน่น ๆ นะคะ”

“พี่สัญญาค่ะ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างพร้อมใจที่ฟูขึ้นมา

 

ทั้งสองเดินกลับเข้าในห้องอาหาร เมเปิลชิงพูดก่อน จะมีใครตัดหน้าชักนำไปเรื่องอื่น “แม่ค่ะ พ่อค่ะ เมลของตัวก่อนนะ เมื่อกี้ไนน์ส่งข้อความมาบอกว่ารออยู่ที่เลานจ์แล้ว ไปก่อนนะ” หญิงสาวโบกมือและทำหน้าทะเล้นให้มารดา “สวัสดีค่ะคุณแม่คุณพ่อ ไปก่อนนะน้ากิ่งพี่กานต์” พร้อมยกมือไหว้คนทั้งสี่แล้วเดินหนีมาทันที ส่วนแม่ของเธอได้แต่อ้าปากขยับเหมือนมีเรื่องจะพูด

 

บนเลานจ์โรงแรม เธอตรงไปนั่งยังบาร์และสั่งเครื่องดื่มมาจิบ ชายหนุ่มแวะเวียนเข้ามาทักทายและขอเลี้ยงเครื่องดื่ม แต่สำหรับเธอแล้วไม่ต้องการเสวนากับใครในตอนนี้ ครั้นมีหญิงสาวแต่งตัวดูดีเดินผ่าน เธอกลับรู้สึกสนใจพร้อมชายตามอง ในที่สุดทนรำคาญผู้ชายที่ขยันเข้ามาชวนพูดคุยไม่ได้ ส่งข้อความไปหาไนน์หนุ่มโสดประจำกลุ่มมาเป็นไม้กันหมา

“ไงมึง” ไนน์เดินเข้ามาทักทายตัวเธอนั่งลงข้างในโซนบาร์

“อือ...” เมเปิ้ลขานรับ โบกมือเรียกบาร์เทนเดอร์มาสั่งเครื่องดื่มให้เพื่อนสนิท

“เหงาหรือไงมึงถึงชวนกูมา” ไนน์รับแก้วเหล้ายกขึ้นมาจิบ

“ก็ประมาณนึงแหละ ช่วงนี้มึงไม่ควงใครเหรอวะถึงมาเร็วจัด”

“ไม่ว่ะ เบื่อ ๆ ด้วย มึงยังคิดมากเรื่องไอ้เหี้ยนั่นอยู่เหรอวะ กูเลยว่างพร้อมมาช่วยปลอบโยนเพื่อนทันที” ไนน์หันไปมองใบหน้าด้านข้างเพื่อนสาวยังเจือปนความคิดบางอย่างอยู่ “บ่ากูว่างนะมึง”

หญิงสาวปรายตามองมือตบลงบนบ่า ก่อนจะเสนอความคิดแปลก ๆ ที่ผุดมาในหัว “ถ้าอายุครบสามสิบแล้ว มึงกับกูยังไม่มีใคร มาคบกันไหม” ไนน์ร้องเสียงหลงขมวดคิ้วทันที “หื้ม...” หญิงสาวพูดต่อ “อยู่กันแบบเพื่อนดูแลกันไปไหมวะ เฮ้ย...เอาจริงนะมึง หลายวันมาเนี่ย กูไม่แน่ใจว่าความรู้สึกกูแบบไหนกันแน่ ไม่มั่นใจในความชื่นชอบระหว่างหญิงหรือชาย เพราะมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ใจกูเต้น และไอ้เชี่ยนั้นใจกูเต้นในช่วงแรกนะ แต่หลังจากนั้นก็นิ่ง”

ไนน์หันตัวเอียงข้างไปยังเมเปิลใช้ความคิด “เอางี้ มึงมองหน้ากู กูหล่อสำหรับมึงไหม เรื่องความรู้สึกมันไม่มีหรอก แต่มึงลองมองกูในแบบผู้ชายที่ไม่ใช่เพื่อนมึง กู หล่อ ไหม” ไนน์เน้นย้ำคำ

เธอหันมองเพื่อนสนิท หลับตาสูดลมหายใจ ปากพึงพร่ำ “มองแบบผู้ชาย มองแบบผู้ชาย” เปลือกตาเปิดออกมองหน้าชายหนุ่มนั่งอมยิ้มให้เธอ “มึงหล่อมาก บางมุมมึงน่ะน่ารัก ยิ่งตอนยิ้มมันหวานมาก จนใจกูละลาย น่ารักเวอร์ so cuts”

ใบหน้าอมยิ้มหุบลงทันที เขากัดฟันด่าเพื่อนให้เสียงลอดออกมา “เชี่ย กูเกลียดคำว่าน่ารักที่สุด พี่กูพูดพอแล้ว พวกมึงอย่าได้มาใช้คำนี้กับกูอีกนะ!!!” เมื่อพูดไก่ ไก่ก็จะมา แต่เมื่อไนน์พูดถึงบรรดาพี่ของเขา มักจะมีหนึ่งในแปดโพล่งมาให้เห็นและลางสังหรณ์เขาไม่เคยผิดพลาด พี่สาวคนโตแต่เป็นพี่คนลำดับที่สี่ในบ้านเดินเข้าประตูมา เขายกมุมปากขึ้นและเอ่ยถาม “แล้วถ้ามึงมองโฟร์ล่ะ พี่กูเป็นยังไงในสายตามึง” ไนน์เองยอมรับในตัวพี่สาวว่าเธอมีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่งั้นคงตกสาว ๆ หลายคนไม่ได้

เมเปิลเอียงใบหน้ามองหญิงสาวสวย ผอมสูง แต่งตัวในชุดสูทเข้ารูป กางเกงขายาว สวมรองเท้าส้นสูงกำลังเดินมายังตรงที่พวกเธอนั่ง พร้อมยกยิ้มด้วยความดีใจมองมายังทั้งสอง

“ดูสวยและดูดีไปพร้อมกัน มีเสน่ห์ชวนให้มองแล้วไม่อยากละสายตาไปไหน มุมปากที่ยกยิ้มบาง น่ารักวะ ใจกูสลายไปหมดแล้ว” เมเปิลหลุดบรรยายจนจบพร้อมกับเจ้าตัวมาประชิด

โฟร์เดินเข้ามาได้ยินช่วงท้ายพอดีพร้อมกับการก้าวมาประชิดแผ่นหลังหญิงสาวยกแขนพาดพนักพิง โน้มใบหน้ามาด้านข้างถามด้วยเสียงกระซิบข้างกกหู “ใครน่ารักเหรอคะ น้องเมเปิลกำลังชมใครเหรอคะ แล้วใครทำให้ใจเราสลายกันเหรอ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มติดไปทางขี้เล่นถาม

น้ำหอมกลิ่นพีชอ่อน ๆ จากตัวหญิงสาว ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว “มะ ไม่มีอะไรค่ะ เมลชมไอ้ไนน์ค่ะ”

โฟร์เองยกยิ้มกว้างมอบแก่เจ้าตัว “ใช่แล้วค่ะ คนเก่งของพี่น่ารักที่สุดใช่ไหมจ๊ะ”

ไนน์กลอกตามองบนอย่างเหลืออดที่พี่สาวกับเพื่อนสาวคนสนิทเข้ากันอย่างดี “แล้วนี่มาทำไม” เขาเอ่ยถามพี่สาวตัวเอง

โฟร์ชักสีหน้าเหม็นเบื่อ ยกมือข้างที่ยังว่างนวดต้นคอ “มีคนให้มารับ บอกว่าขับรถไม่ไหว”

“...” น้องชายทำหน้าร้องอ๋อ เข้าใจว่านั่นคือหนึ่งในเด็กของพี่สาว

“เค้าต้องไปแล้วนะ ขอกอดหน่อยได้ไหมคนเก่ง” โฟร์ยู่ปากอ้อนน้องชาย อ้าแขนรอรับการกอดจากน้องชายสุดที่รัก ทั้งที่ยังโอบต้นคอของเมเปิล

“หยุดเลย” น้องชายคนเก่งถลึงตายกนิ้วชี้หน้าพี่สาวตัวดีห้ามเข้ามาใกล้

มือหยุดชะงักค้างเปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบศีรษะของหญิงสาวเข้ามาแนบอก จนตัวเธอสัมผัสกับก้อนนิ่มนูนตรงหน้าอกและได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวดัง ตึกตัก ตึกตัก คล้ายกับของเธอในตอนนี้ “เมเปิลขา คนเก่งของพี่ใจร้ายอีกแล้วน่ะ”

“พอเลย จะรีบไปเลย แล้วมากอดคนอื่นเขาได้ไง ลูกเขามีพ่อมีแม่นะ ปล่อยเลย” น้ำเสียงดุจากชายหนุ่มเพียงคนเดียว ตามด้วยการแงะมือออกจากตัวเพื่อนเขา

โฟร์คลายกอดอย่างอ้อยอิ่งอย่างเสียดาย “เมเปิลยังไม่ว่าอะไรเจ๊เลย ถ้าไปขอกับพ่อแม่เขา คนเก่งจะยอมพาไปไหมล่ะค่ะ” คำพูดทีเล่นทีจริงหยอกล้อกับน้องชาย แต่คนที่ถูกพูดอ้างเม้มปาก อยากจะบอกเพื่อนหนุ่มตัวเองว่า มึงยอมเถอะไนน์ พี่มึงรวยกูชอบคนรวย

โฟร์ยืดตัวขึ้นมองไปยังโต๊ะอีกฟากจ้องมายังเธอ “คนเก่งไปเค้าล่ะน้า...” มือที่ยังคล้องคอพาดไหล่ของอีกคน ไล้ไปตามไหล่ก่อนย้ายขึ้นมาบนหัว ใบหน้าสวยคมเข้มเอียงมามองด้วยสายตาหวานฉ่ำ “พี่ไปก่อนนะคะ อย่าดื่มเยอะล่ะ” โฟร์บอกกับทั้งคู่

“อื่อ” ไนน์ขานรับไปที

“ค่ะ” เมเปิลจ้องมองไปยังสายตาของหญิงสาวรู้สึกผิดหวังที่ต้องจากไป ใบหน้าที่เห่อร้อนอยู่แล้ว ค่อยลามเพิ่มขึ้นเหมือนกับไฟลวก เธอมองตอบก่อนจะย้ายไปยกยิ้มใบแก่เพื่อนหนุ่มตรงหน้า ยกแก้วเหล้ามาจิบดับความเขินอาย ลอบเป่าลมออกปากเบา ๆ ยังโชคดีที่ในนี้มันค่อนข้างสลัวจึงไม่มีใครสังเกตสีแดงที่แก้มเธอ

ไนน์ที่จับสังเกตเพื่อนคนนี้ หรี่ตาพร้อมกับมุมปากยกขึ้น “กูว่ามึงชอบแบบโฟร์วะ แต่อย่าให้เป็นพี่กูก็พอ”

เมื่อเมเปิลพอจะรับรู้ความรู้สึกตัวเอง เมื่อได้ยินคุณเพื่อนพูดดักคอ เธอถึงกับชะงักทำได้เพียงขานรับ “อ่า..อื่อ...”

TBC...

อีพี่มันร้ายแอบโปรยเสน่ห์ แอบหยอดและหยั่งเชิงด้วย แต่หนูเมลของฉันก็หลงไปกับคนพี่ แต่ยังไม่ทันจะคิดไปไกลกว่านั้น โดยเพื่อนสนิทออกการหวงซะแล้ว แน่ใจว่าเจ้าตัวเองหวงเพื่อนมากกว่าหวงพี่ตัวเอง หัวใจคนกำลังพองโตเล่นมาเจาะจนแตกแล้วจะไปต่อยังไง ฮึบไว้ก่อนนะ