อึก เจ็บ

เอสเทลนิ่วหน้ากับความรู้สึกปวดร้าวที่แล่นปราดไปตามร่างกายทั้งทีที่มีสติ เขาพยายามฝืนลืมตาขึ้นมามอง แต่กลับพบแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากนั้นยังรู้สึกถึงน้ำหนักกดทับบนร่างกาย จึงทำให้เขาค้นพบว่าไม่สามารถขยับแขนขาได้อย่างใจคิด

เกิดอะไรขึ้น?

ชายหนุ่มค่อนข้างสับสนอยู่สักพัก เนื่องจากเกิดการกระทบกระแทกหลายครั้งโดยเฉพาะบริเวณศีรษะที่เขาพึ่งรู้สึกถึงความเหนอะหนะเหนียวจากของเหลวกลิ่นคาวที่เป็นเลือดนั่นเอง

นี่มัน?

เชส? เชส!

เอสเทลตื่นตระหนก เขาจำได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่สารภาพรักกับเชสสำเร็จ จู่ๆ ก็มีเสียงดังจากนั้นก็ลมแรงพัดกรรโชกใส่ ทำให้พวกเขาทั้งคู่แทบจะปลิวลอยไปตามแรงมหาศาลนั่น

เชสกอดเขาเอาไว้แน่น คอยรับแรงกระแทกชนทุกอย่างระหว่างที่ปลิวไปทั้งๆ แบบนั้น

“เชส”

เอสเทลพยายามส่งเสียงแหบแห้งของตัวเองออกไป เพียงแค่ออกเสียงลำคอก็เจ็บแปล่บราวกับมีดกรีดอยู่ภายใน เขากัดฟันฝืนทนความรู้สึกแล้วเปล่งเสียงเรียกชื่ออีกฝ่าย ถึงแม้มันจะแผ่วเบา แหบแห้งจนแทบฟังไม่ออก

“เชส”

“เชส นายอยู่ไหน”

แบบนี้ไม่ได้

เอสเทลคิดอยากขยับตัวลุกขึ้น แต่กลับทำได้ยาก ทุกการขยับคือความเจ็บปวดระลอกใหม่ที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย แต่เพราะแรงใจที่มีทำให้ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นได้แล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งฝ่าความมืด อาจจะเพราะสายตาเริ่มปรับชินทำให้พอมองเห็นเค้าร่างของสิ่งที่อยู่รอบบริเวณ ซึ่งเหมือนจะเป็นเศษซากปรักหักพังของตึกอาคาร และร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกาย

“เชส!”

เอสเทลตื่นตระหนก พึ่งรับรู้ว่าน้ำหนักที่กดทับเอาไว้คือร่างกายของเชสก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายยังคงแน่นิ่งหมดสติ ทำให้เขาไม่กล้าขยับอีกฝ่าย นอกจากพยายามส่งเสียงเรียกชื่อไม่หยุดเพียงเท่านั้นเอง

“เชส เชส เชส”

เอสเทลรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ที่จะทำร้ายลำคอตัวเองไปมากกว่านี้ เขาตั้งสติพยายามกวาดเพ่งมองฝ่าความมืดที่ราวกับห้วงเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด ก่อนจะกลับมาค่อยๆ ขยับร่างกายของเชสให้นอนแนบกับพื้นดีๆ แต่ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงของเหลวเลอะเปื้อนมือ

ไม่ ไม่ เชสต้องไม่เป็นอะไร

เอสเทลสะบัดความคิดอันน่าหวาดหวั่น สำรวจร่างกายตัวเองที่มีรอยแผลฟกช้ำไปทั่ว แต่ยังสามารถขยับได้ แม้ความเจ็บปวดจะแล่นริ้วก็ยังนับว่าโอเค

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แผ่นดินไหวเหรอ? ลมแรงขนาดนั้น พายุทอร์นาโดหรือเปล่า

แม้จะพยายามคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามฟื้นตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงแม้ดูแล้วไม่น่ามีใครอยู่แถวนี้เลยก็ตาม

“ตั้งสติไว้ เอสเทล” ชายหนุ่มพึมพำ คอยแตะตัวเชสที่ลมหายใจแผ่วเบาเหลือเกิน จนหัวใจบีบรัดทุกครั้ง

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ท่ามกลางความมืดเริ่มเห็นเส้นแสงปรากฏขึ้น เอสเทลรีบขยับตัวมองตามทิศของแสงที่ค่อยๆ สาดส่องครอบคลุมบริเวณนี้ จนเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้น

ซากปรักหักพังที่แทบไม่เหลือร่องรอยของการเป็นสิ่งก่อสร้าง สภาพร่างกายของเอสเทลที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ฝุ่น เสื้อผ้าที่ฉีกขาด รอยแผลที่เกิดจากการกระแทกโดนบาดหลายแห่ง

ขณะที่ร่างกายของเชสก็ไม่ต่างกัน และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อมีแท่งเหล็กเสียบปักคาไว้ที่แผ่นหลัง และรอยเลือดที่ซึมไปตามเนื้อผ้า

เอสเทสเม้มริมฝีปาก รับรู้ถึงขอบตาตัวเองที่ร้อนผ่าวจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ หยดน้ำใสค่อยๆ ไหลอาบแก้มพร้อมกับเสียงร้องในลำคอแผ่วเบา

“เชส เชส”

เสียงเรียกที่แทบขาดห้วง กับหัวใจที่แหลกสลายในพริบตาที่รับรู้ว่าลมหายใจแผ่วเบาของเชสที่รับรู้มาตลอดช่วงเวลานั้นได้เลือนหายไป

เชส

ทำไมนะ

เอสเทลโอบกอดร่างของเชสเอาไว้ ก่อนจะซบหน้าลงไปเพื่อร้องไห้โดยไม่อดกลั้นเอาไว้อีกต่อไปแล้ว

พวกเราพึ่งจะได้เริ่มต้นเป็นแฟนกันเอง ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำร่วมกันแท้ๆ

เอสเทลกัดริมฝีปาก เหม่อมองใบหน้าของแฟนคนแรกในชีวิต ยกมือลูบไล้เช็ดรอบเปรอะเปื้อนที่ยิ่งเช็ดมากเท่าไหร่กลับกลายเป็นการเพิ่มรอย

“ขอโทษนะ ฉันทำหน้าหล่อนายเปื้อนกว่าเดิมเลย” เอสเทลกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน ฝ่ามือสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกของร่างกายอีกฝ่ายก็พลันรู้สึกหนาวเย็นถึงขั้วหัวใจ

ชายหนุ่มกอดร่างของแฟนหนุ่มเอาไว้อยู่อย่างงั้นคล้ายไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงต่อไป จนกระทั่งรู้สึกถึงการขยับไหวในอ้อมกอด

“เชส!? ” เอสเทลเบิกตาด้วยความรู้สึกคาดหวัง มองร่างกายอีกฝ่ายที่เริ่มค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหว ไม่สิ กระตุกอย่างรุนแรง

“เชส!”

แรงขยับนั้นรุนแรงจนร่างของเชสดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของเอสเทลที่บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ลงไปกระตุกดิ้นอยู่ที่พื้น ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบร้อนพุ่งเข้าไปเพื่อพยายามหยุดการเคลื่อนไหวรุนแรงนั่น ก่อนจะพบเส้นเลือดตามร่างกายกำลังปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด

เกิดอะไรขึ้น!?

เอสเทลตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นพยายามกดร่างของเชสที่ดิ้นไม่หยุดเอาไว้เต็มกำลังที่มี ก่อนที่เสียงครางในลำคอขาดห้วงจะทำให้เขาเห็นดวงตาขาวขุ่นที่เบิกโพลงของอีกฝ่าย

ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัวเอสเทลอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาร่างกายแข็งเกร็งด้วยความเคร่งเครียด

ซอมบี้!?

แต่ทำไม ทำไมเชสกลายเป็นซอมบี้ อีกฝ่ายติดเชื้อไวรัสตอนไหน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ในห้วงความคิดอันสับสนวุ่นวาย เอสเทลตัดสินใจหยิบแท่งเหล็กที่เคยปักหลังเชส แต่หลุดออกมาจากแรงดิ้น นำมาใส่ปากให้เชสกัดคาบเอาไว้ก่อน ก่อนจะพยายามล็อกแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วฉีกชายเสื้อตัวเองทำเป็นเชือกมัดมือ

เชสที่กลายเป็นซอมบี้พยายามดิ้นไปมาตามสัญชาตญาณ แต่อาจจะเพราะพึ่งเริ่มกลายสภาพจึงไม่มีแรงต่อต้านอะไรมาก หรือเพราะหยดน้ำตาของเอสเทลที่ตกกระทบลงบนใบหน้าซีดขาวเห็นเส้นเลือดมากมายของเชส การเคลื่อนไหวจึงหยุดลง ทว่าก็ยังมีเสียงครางร้องฮือฮาลอดออกมา

“เชส”

เอสเทลมองเชลที่สงบลงจึงลองพยายามเรียกอย่างมีหวังว่าอีกฝ่ายอาจจะยังมีสติ แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ หนำซ้ำนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มบัดนี้กลายเป็นขาวขุ่นเหลือกถลน เส้นเลือดมากมายปูดโปนจนเห็นเป็นเส้นสายชัด

สภาพที่บ่งบอกชัดว่าได้กลายเป็นสิ่งหนึ่งที่เอสเทลเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

ซอมบี้

เชสกลายเป็นซอมบี้

เอสเทลกัดริมฝีปากรับรู้ได้ถึงรสเลือดที่ซึมเข้ามา ความรู้สึกเจ็บปวดที่ราวกับค้อนแห่งความจริงทุบโครมลงมาตอกย้ำว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน

“ฮือแฮ่”

รวมทั้งเสียงครางในลำคอของเชสที่กลายเป็นซอมบี้ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ตรงหน้าเอสเทล

ไม่เป็นไร

เอสเทลปลอบตัวเองราวกับละทิ้งทุกอย่าง เขาเริ่มขยับยิ้มจนลักยิ้มปรากฏที่ข้างแก้ม

“ไม่เป็นไร ต่อให้นายเป็นซอมบี้ พวกเราก็ยังเป็นแฟนกันเหมือนเดิมนะ เชส”

“แฮ่”

เสียงร้องตามทันทีราวกับตอบรับยิ่งทำให้เอสเทลยิ้มกว้างตาหยีอย่างมีความสุข

รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวจนดูไม่ได้