1 ตอน การสารภาพรักครั้งที่ 10 ของผม
โดย APCQ
ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นอีกวันที่ยอดเยี่ยม
เอสเทล ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสั้นสีน้ำตาล ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาดูดีประดับด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เห็นลักยิ้มที่มุมแก้มข้างหนึ่ง และเขี้ยวน้อยๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายสะท้อนอยู่บนกระจกหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง
หล่อเฟี้ยว!
ความคิดเรียกให้ชายหนุ่มยิ้มสุดท้ายอย่างพึงพอใจ วันนี้เป็นวันที่เขาตัดสินใจจะสารภาพรักขอคบเป็นแฟนกับคนคนหนึ่งที่รับคำชวนตกลงมาหาเขาตามที่นัด
เอาล่ะ มันต้องสำเร็จ
แม้เอสเทลจะคิดอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มพิกัด แต่ลึกๆ เขาก็ยังกังวลกับการโดนปฏิเสธจากอีกฝ่าย อันที่จริงนี่ไม่ใช่การสารภาพรักปุบปับอะไรแบบนั้น เขารู้จักกับฝ่ายนั้นมาเกือบหนึ่งปีสนิทสนมกันดี จนแน่ใจในหลายๆ อย่างว่าอาจจะมีความรู้สึกตรงกัน เพราะงั้นเอสเทลเลยตัดสินใจเริ่มต้นความสัมพันธ์
ถ้านับแล้วนี่คงเป็นการสารภาพรักครั้งที่สิบ ตลอดหลายปีของชีวิตชายโสดของเอสเทลเคยสารภาพรักไปแล้วเก้าครั้ง และแน่นอนโดนปฏิเสธรวดเดียวทั้งเก้าครั้งเช่นกัน ถึงจะชอกช้ำน้ำตาเช็ดหัวเข่า แต่ความรักที่ก่อตัวขึ้นก็ไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้กับความรัก ยังมุ่งมั่นว่าจะเจอรักใหม่กับคนใหม่ พร้อมเริ่มต้นความรักครั้งใหม่
ถือคติครั้งนี้โดนปฏิเสธ ครั้งหน้าก็ยังมีโอกาสสมหวังละน่า!
เอสเทลสูดลมหายใจเข้าออก เช็คความเรียบร้อยเสื้อผ้าหน้าผมเสร็จ ก็ยืนรอด้วยใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ สายตากวาดมองเข้าไปในฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ในย่านการค้า จนกระทั่งสบสายตากับนัยน์ตาคู่หนึ่งที่คุ้นเคย
อ๋า! มาแล้ว
ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างสูง เรือนผมสีดำซอยเป็นทรงรากไทร นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำที่หากเผลอสบมองราวกับถูกดึงดูดตรึงสายตาผู้พบเห็นได้ ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาดูดีจนเอสเทลหัวใจเต้นรัวทุกที
เชส เป็นชื่อของอีกฝ่าย พวกเขาเจอกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สามได้ฝึกงานที่เดียวกันโดยบังเอิญจนสนิทกัน เอสเทลก็อธิบายไม่ถูกว่าทำไม อาจจะเพราะเป็นรักแรกพบสบตาจนสนใจกับอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้
“ฉันมาสายเลย ขอโทษทีนะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังทำให้เอสเทลสั่นหัวด๊อกแด๊กพร้อมรอยยิ้มกว้างสดใสแข็งแรง
“ฉันเองต่างหากที่มาเร็ว” ว่าแล้วก็มองอีกฝ่ายในชุดลำลองที่เพิ่มออร่าความดูดีเป็นสามเท่า จังหวะนี้ต้องชม “นายใส่ชุดไหนก็ดูดีสุดๆ เลย”
คนโดนชมอย่างเชลขยับยิ้มรับ
“นายเองก็ดูดี”
“ผลัดกันชมแบบนี้ต่อไป ฉันได้ตัวลอยขึ้นฟ้าแน่ๆ ” เอสเทลว่ากลั้วหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยชวนด้วยความกระตือรือร้นกลบเกลื่อนความตื่นเต้นของตัวเอง “ไปกินข้าวกันเถอะ!”
“อืม ไปกัน” เชลรับคำชวนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แน่นอนการยิ้มน้อยๆ แบบนี้สร้างพลังการทำลายล้างสูงต่อเอสเทลอย่างหนักหน่วง นับว่าโชคดีที่เขามีภูมิคุ้มกันรอยยิ้มนี้มาตลอดหนึ่งปี ดังนั้นจึงยังคงสีหน้าปกติ ไม่เก้อเขินได้
เอสเทลทำตามแผนที่วางไว้ในหัว เริ่มต้นจากรับประทานอาหารในร้านอาหารประจำที่พวกเขาชอบมาด้วยกัน แล้วก็ไปดูภาพยนตร์อนิเมชั่นแนวฮีโร่ที่ชอบเหมือนกัน และสุดท้ายสารภาพรัก!
“เอส? ”
“เอ๋”
เสียงเรียกจากเชสทำให้เอสเทลเผลอหลุดสีหน้างุนงงออกมาชั่วขณะ ก่อนที่เจ้าตัวจะค้นพบว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังเดินเล่นอยู่ที่สวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตั้งใจจะใช้สารภาพรัก
เอ๋!?
เอสเทลกรีดร้องในใจ เขาเผลอตัวเผลอใจ จนมาถึงช่วงเวลาสำคัญของวันนี้ไปแล้วเรียบร้อย แถมอีกฝ่ายก็ยืนเอียงคอน้อยๆ มองเขาด้วยแววตางุนงงระคนเป็นห่วงที่สำหรับคนมองแล้วโคตรน่ารักจัง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
เชสถามอีกครั้งหลังจากเห็นเอสเทลยืนยิ้มเหม่อลอย ถึงแม้เขาจะชอบที่ได้ใช้โอกาสลอบมองนานมากขึ้นก็ตาม
“อะ ไม่ๆ เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร” เอสเทลเลิ่กลั่กปฏิเสธยกใหญ่ พอสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินของเชส เขาก็กลับมาตั้งสติอีกครั้ง ลอบสูดลมหายใจเข้าออก แม้หัวใจจะเต้นระรัวยิ่งกว่าจังหวะกลองสามช่า แม้ริมฝีปากจะสั่นระริก แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความรู้สึกและความกล้าทั้งหมดเพื่อบอกมันออกไป
“ฉันชอบนาย เชส”
พอได้พูดออกคล้ายความรู้สึกที่เก็บสะสมเอาไว้ล้นทะลักออกมา เอสเทลแย้มยิ้มกว้างเอ่ยคำพูดที่ซ้อมเอาไว้หลายรอบออกมาจนได้ในที่สุด
“คบเป็นแฟนกันนะ!”
คำพูดนี้แทบก้องกังวานไม่หยุด
เอสเทลตอนนี้คล้ายลูกโป่งที่ปล่อยลมหมดจนฟีบ ขณะที่คนโดนขอเป็นแฟนเผยสีหน้าคล้ายตกใจไม่ทันตั้งตัวเล็กน้อย จนทำใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อ และแน่นอนว่าเอสเทลสังเกตเห็นด้วย เขาแทบระงับความรู้สึกตอนรอคอยคำตอบจากอีกฝ่ายไว้แทบไม่ได้ ใบหน้าพลอยร้อนผะผ่าว มั่นใจว่าแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศไปแล้วแน่
เชสมองสบตาอย่างไม่ละสายตาไปไหน ใบหน้านี้ รอยยิ้มที่เห็นทั้งเขี้ยวเล็กๆ ทั้งลักยิ้มที่มุมแก้มที่เขาชอบมองมาตลอด และการสารภาพรักในครั้งนี้ที่เกิดขึ้น
“อืม เอสเทล ฉันก็ชอบนายเหมือนกันนะ”
คำตอบตกลงที่มาพร้อมกับการสารภาพความรู้สึก ทำให้เอสเทลเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกดีใจที่เอ่อล้น แทบอยากจะพุ่งกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย
สำเร็จ!
การสารภาพรักครั้งที่สิบ
ในที่สุด
เชส กับเขา
พวกเราคบเป็นแฟนกันแล้ว!
เอสเทลมีความรู้สึกดีใจเหลือล้น ตลอดชีวิตความรักที่ผ่านมาในที่สุดก็สมหวังแล้ว แถมยิ่งมองรอยยิ้มของเชสที่มอบให้ยิ่งทำให้รู้สึกเขินอายขึ้นมานิดหน่อย
ช่วงวินาทีแห่งความดีใจที่เกิดขึ้นนั้นสั้นกว่าที่คิด อยู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นกึกก้อง คลื่นแรงลมมหาศาลกระหน่ำซัดมาโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว
“เอส ระวัง!”
เชสตื่นตระหนกรีบพุ่งเข้ามาหาเอสเทลในวินาทีที่คลื่นลมแรงนั่นโหมกระหน่ำกวาดพวกเขาสองคน รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณนี้ไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
โลกก็พลันเปลี่ยนแปลงไป
Comments (0)