III

ศิริวรรณ เติ้งพูดว่า

“นี่เพื่อนรัก ฉันได้ข่าวงานหมั้นหมายที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจากหนังสือพิมพ์สยามแลนด์ ซึ่งอันที่จริงฉันควรจะได้ยินเรื่องนี้จากเธอมากกว่า”

แพรนั่งมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามก่อนจะถอนหายใจออกเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า “นั่นก็จริงเพื่อนรัก ฉันขอโทษอย่างสุดหัวใจถ้ามันจะทําให้เธอผิดหวัง...”

“ซึ่งอันที่จริง...ใช่! ฉันผิดหวังเล็กน้อยที่ต้องมารู้จากหนังสือพิมพ์แทนที่จะเป็นเธอ เพื่อนรัก ของฉัน”

ปรอยฟ้า พูดตัดบทเธอในทันที “ขอโทษด้วยเพื่อนรัก”

“เธอรู้ไหมข่าวงานหมั้นของเธอทําให้ญาติหรือเพื่อนของฉัน อันที่จริงรวมถึงครูที่ฉันรู้จักต่างพากันฮึกเหิมกับข่าวของเธอเป็นอย่างมาก”

“อันที่จริงต้องเรียกว่าความสนอกสนใจเรื่องชาวบ้านเห็นจะมากกว่า” แพรพูดขึ้น เธอยิ้มให้ปรอยฟ้าก่อนเพื่อนสาวของเธอจะกล่าวต่อ

“นั่นแหละเพื่อน เธอก็รู้คนสูงอายุหรือพวกคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ค่อยจะทํางานจะมีเวลาหันมาสนอกสนใจข่าวคนดังหรือเรื่องที่น่าสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก เธอก็รู้นะเพื่อนรัก ทุกครั้งที่มีข่าวคราวของเธอหรือรวมถึงคนทั้งตะกูลเธอที่น่าสนใจเห็นจะมีเรื่องความสัมพันธ์มากมายต่อคนอื่นหรือเรื่องเศรษฐกิจ ฉันจะกลายเป็นเป้าหมายแรกที่ญาติพี่น้องของฉันจะหันมาสนใจในที่สุดรวมถึงเรื่องนี้ ทีนี้ฉันจะถามเธออย่างที่นักข่าววงการซุบซิบที่วันหนึ่งคอยหาแต่เรื่องทําตัวเป็นแมลงวันตอมดอกไม้”

“ฉันว่าแมลงวันไม่ได้ตอมดอกไม้นะ” แพรขัด

“ใช่ค่ะ! ฉันแค่ใช้คําแทนที่พอจะให้มันดูสุภาพเสียหน่อยซึ่งที่จริงดูสุภาพเกินไปเห็นจะได้ ทีนี้ฉันจะเข้าเรื่อง ได้แล้ว งานหมั้นของเธอที่จะจัดขึ้นมีสิทธิ์เป็นไปได้ไหมที่เธอจะยอมตกลงหมั้นหมายกับภูริภัทร คนหล่อ” หน้า ปรอยฟ้าแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในเรื่องนี้มากแค่ไหน ปรอยฟ้ามองเธออย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อคําตอบที่จะได้ ไปเล่าต่อให้ญาติของเธอฟัง

“อันที่จริง ฉันว่าเธอก็น่าจะรู้นะเพื่อนรัก เกี่ยวกับความรู้สึกของฉันต่อภูริภัทร” ปรอยฟ้าพยักหน้า แพรกล่าวต่อไปว่า “แล้วเธอก็ควรบอกญาติของเธอให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ฉันคิดว่าถ้าฉันบอกไปแบบนั้น พวกเขาไม่มีทางเชื่อคําพูดฉันอย่างแน่นอน แต่ถ้าเฮียให้พูดจะดูน่าเชื่อถือกว่าด้วยซ้ำไป ฉันรู้ว่าสุดท้ายยังไงเธอก็ไม่มีวันแต่งงานหรือหมั้นหมายกับภูริภัทรเพราะเธอเห็นเขาเป็นแค่เพื่อน คน หนึ่งในวัยเด็ก”

“เธอก็เข้าใจแล้วสินะ”

“แน่นอน! ว่าแต่เธอจะดื่มน้ํานั้นอีกนานไหม ฉันจํารสชาติครั้งล่าสุดที่ดื่มเข้าไปมันทําเอาฉันจะอ้วกออกมา” ปรอยฟ้าทําหน้าขยะแขยงก่อนจะมองไปที่ขวดแก้วด้านในบรรจุน้ําสีน้ําตาลอ่อนเอาไว้

“ไม่นะเพื่อนรัก เธอก็รู้นี้คือน้ําที่ฉันโปรดปรานมากที่สุดในชีวิต”

“น้ําอัลมอนด์เนี่ยนะ! ให้ตายเถอะเพื่อนรักน้ําดื่มอย่างอื่นก็มีเห็นจะได้ คาปรีซัน ไฮซี ชัดเจนแคนาดาหรือ น้ําที่หาได้ยากซึ่งมีเพียงแค่เธอที่จับต้องมันได้อย่างชาซีลอนจากศรีลังกา”

“เธอก็รู้ว่าเครื่องดื่มพวกนั้นฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร”

“ให้ตายเถอะแม่คุณคนนี้”

บรรยากาศเงียบไปสักพักสายลมอ่อนพัดผ่าน มันช่วยไล่ความร้อนจากแสงแดดที่ส่องลงมาได้ในระยะหนึ่ง เสียงจอแจยังดังขึ้นอยู่บ้างในยามที่พวกเธอนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสนาม อากาศร้อนยังคงทําพิษให้แก่นักเรียนรวมถึงคุณครูที่อยู่นอกร่มเงา เดือนพฤศจิกายนร้อนแรงเหมือนไฟที่กําลังปะทุทําให้การอยู่ในห้องที่ไม่มีลมพัดผ่านเหมือนเตาอบขนมปัง สนามหญ้าที่ถูกตัดจนเรียบเนียนสมบูรณ์แบบยังคงมีกลุ่มนักเรียนชายวิ่งเล่นอย่างไม่เกรงกลัวอากาศที่ร้อนแรงในฤดูนี้ อันที่จริงพวกเขาคงสนุกหรือหาอะไรทําให้หายร้อนมากกว่า แต่สําหรับคนทั่วไปรวมถึงตัวแพรชอบวิธีคายร้อนด้วยการนั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงามากกว่าการที่ต้องขยับร่างกายภายใต้แสงอาทิตย์ เสียงโห่ร้องดังอยู่เป็นระยะเมื่อคนในทีมเตะลูกบอลไม่เข้าประตู แต่พวกเขายังคงเล่นต่อไป สายตาที่ทอดมองของแพรแสดงให้เห็นนักเรียนชายคนหนึ่งที่เดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนชายที่เล่นอยู่ เขามีผิวแทนจากการออกแดด ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนนายแบบตามปกนิตยาสารทั่วไป รูปร่างสูงใหญ่เหมือนนักกีฬา เขาวิ่งเหยาะมาหาเธอก่อนจะมีเสียงโห่ ร้องมาจากเพื่อนที่เขาวิ่งจากมา

ภูริภัทรเดินมานั่งข้างเธอ ก่อนที่จะพูดขึ้น

“ฉันขอคุยด้วยได้ไหม”

แพรหันหน้าไปหาปรอยฟ้า ก่อนที่เพื่อนสาวจะลุกเดินออกไปจากตรงนั้น

“ได้สิ” แพรกล่าว

“เห็นข่าวเรื่องงานหมั้นของเราใช่ไหม”

“ใช่ฉันเห็นแล้ว อันที่จริงฉันควรจะรู้ก่อนที่ข่าวจะออกไปด้วยซ้ำ แต่นั่นแหละไม่รู้เรื่องกับคุณพ่อสักเท่าไร”

“งั้นสินะ คุณพ่อของเธอคงมีเหตุผลมากพอที่จะให้ข่าวแบบนั้นออกไป แล้วเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้เหรอ”

“อันที่จริงฉันอาจจะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปให้คุณพ่อฟัง ฉันเข้าใจว่ามันจะช่วยในการตัดสินใจในเรื่องนี้อีกอย่างแน่นอน”

“แล้วถ้าไม่เป็นอย่างงั้น”

“ฉันคงจะต้องปล่อยให้มันเป็นไป”

แพรรู้สึกได้ถึงเสียงอันเศร้าสร้อยของเธอในตอนนี้ มันแน่นอนอยู่แล้วเรื่องงานหมั้นที่จะจัดขึ้น เพื่อทรัพย์สินที่เพิ่มพูน

“แต่ฉันไม่ให้เป็นอย่างงั้นแน่นอน ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง เธอไม่ได้ชอบฉันสักหน่อย”

คําพูดนั้นทําให้แพรตกใจเล็กน้อย ในตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะแอบเห็นแก่ตัวอย่างที่เขาเคยเป็น แต่เขาคงเข้าใจถึงความรู้สึกของเธอ

“แล้วนายจะทํายังไง”

“ก็คงบอกพ่อให้พ่อยกเลิกมั้ง”

“คุณพ่อจะยอมเหรอ เธอก็รู้จักนิสัยเขานะ เขาเป็นคนที่ฟังใครที่ไหน”

“เรื่องนั้นไม่เป็นไรปล่อยให้ฉันจัดการเถอะ”

แพรหยักหน้า เธอรู้ถึงความเป็นไปได้ที่แผนการ นี้จะไม่สําเร็จทั้งพ่อของเธอและพ่อของภูริภัทรเป็นเพื่อนกันมาก่อน พวกเขาหมั้นหมายให้เธอกับเขาแต่งงานกันตั้งแต่อายุสามขวบ

“อันที่จริงฉันควรไปก่อน เพื่อนฉันยังต้องการให้แข่งบอลในนัดนี้”

“ครั้งนี้กับห้องไหนอีกเหรอ”

“ห้องแปดน่ะ”

เขาลุกออกไปในทันที เธอเห็นเขากลับไปเข้าร่วมในกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่เล่นอยู่ก่อนจะออกวิ่งไปตามหน้าที่ในสนามของตัวเอง ปรอยฟ้าเดินกลับมาจากห้องน้ํามากับพู่กัน เพื่อนสาวอีกคนของเธอ พวกเธอดูอารมณ์ดีกันมาแต่ไกล ก่อนจะหยุดตรงโต๊ะหินอ่อนแล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ

“มันตลกมากเลยนะละครเรื่องนั้นน่ะ” พู่กันหัวเราะคิก

“จริงแท้แน่นอน นายคนนั้นชื่ออะไรนะ”

“อินทรีย์”

“ใช่ ๆ ช่างน่าขําสิ้นดีละครในตอนวันเที่ยงคืน วันนี้เห็นว่าจะเป็นตอนจบแล้วใช่ไหม”

“ใช่แล้ว”

“ฉันจะตั้งตารอเลย”

ทั้งคู่หยุดหัวเราะ แต่ยังมีเพียงพู่กันที่ยังคงหัวเราะคิกอยู่บ้าง ก่อนปรอยฟ้าจะหันมาถามแพรด้วยอารมณ์ที่ปกติของเธอ

“เป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี เขาเข้าใจแล้วก็จะพยายามจะช่วยฉันเรื่องงานหมั้น”

“งั้นดีแล้ว”

“เรื่องนั้นเหรอ” พู่กันถามขึ้นหลังจากเธอควบคุมอารมณ์ได้

แพรพยักหน้า

“แม่ฉันเองก็บอกเหมือนกันว่าเธอไม่มีจะแต่งงานกับเขาแน่นอน แม่ฉันเชื่อคําของฉัน”

“งั้นก็ดีสินะที่ยังมีคนเข้าใจ”

“แม่ฉันดูออกว่าเธอเป็นคนหัวสมัยใหม่ แม่ฉันเดาได้จากการกลับมาเรียนเมืองไทยหลังเธอไปอยู่ต่างประเทศมาเป็นแรมปี”

“ขอบคุณนะ”

“อันที่จริงฉันมีอีกเรื่องหนึ่ง” พู่กันกล่าวอย่างกระตือรือร้นราวกับว่าเธอจะลืมเรื่องที่เธอจะพูดอีกหน “วัน ศุกร์นี้ครูปิติ นัดทําโครงงานเจอกันที่ห้องเคมีชั้นสามเวลาหกโมงเย็น”

“จะไม่เย็นเกินไปเหรอ” ปรอยฟ้าถาม

“ฉันไม่รู้สินะ แต่ยังไงฉันต้องเต็มที่กับมันจะได้มีผลงานเวลาเข้ามหาวิทยาลัย”

“งานนี้คงเหนื่อยอีกแล้วสินะ”