ก่อนหน้านั้น 1 วัน

 

“...”

“เบื่อแล้วรึไง?”

“พวกเขาคุยกันเรื่องเดิม”

คนฟังถอนหายใจ เอนหลังพิงผนังหน้าห้อง ขณะบทสนทนากำลังดำเนินด้วยความเงียบ มีเสียงพูดคุยแว่วมาจากข้างใน

เป็นเสียงบ่นที่ได้ยินมาตลอดนับแต่ใครคนหนึ่งออกจากทีม

“..ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะไม่ให้เราแต่งตัวเป็นผู้ชาย! ทั้งที่เราต้องปลอมตัวกันอยู่แล้ว!”

“ถ้าคุณวิสนายังอยู่คงไม่ถามหาเหตุผลด้วยซ้ำ”

“เธอเข้าใจผู้หญิงพอ ๆ กับที่ไม่ถือสาพวกผู้ชายมีสมองนั่นแหละ เฮ้อ คิดถึงชะมัด”

“ฉันฝากความหวังไว้ที่คุณเรียแคน หวังว่าหัวหน้าใหม่จะยอมฟังเขาบ้าง”

คนโดนเอ่ยถึงหันหลังให้กับเสียงของสมาชิกทีม เดินลงจากตึกพักออกไปยังสวนด้านหน้า ด้านหลังเป็นชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยกว่าเดินตามมาด้วยสีหน้านิ่งสงบ แผ่บรรยากาศประหลาดที่หากมองผ่านอาจไม่ทันสังเกตถึงตัวตน

หลังจากอดีตหัวหน้าทีมถูกปลดสายฟ้าแลบ ชื่อของทีมฉมวกคำรามก็กลายเป็นอดีต เรียแคนถูกเลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้าด้วยผลการโหวตของสมาชิก ขณะที่พวกเขากำลังสลัดความรู้สึกไม่ยินยอมและเสียดายทิ้ง ก็พบว่าหัวหน้าทีมคนใหม่ค่อนข้างเข้ากันได้ยาก ทำให้สมาชิกกว่าครึ่งค่อนข้างต่อต้านเล็กน้อย

มันจะไม่เป็นปัญหาไปมากกว่านี้ หากหัวหน้าใหม่รู้จักรับฟังแนวทางปฏิบัติเก่าเสียบ้าง โดยไม่อ้างเหตุผลว่าเป็นความคิดของผู้หญิงที่ถูกปลดไปแล้ว

นั่นทำให้ชายหนุ่มที่รับตำแหน่งรองหัวหน้าทีมค่อนข้างหงุดหงิด เขากล้าพูดได้เต็มปากว่า สมาชิกทีมส่วนใหญ่ล้วนเข้ามาเพราะกิตติศัพท์การทำงานของเธอ

แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไปแล้ว มีแค่พวกเขาที่ยังต้องทำงานต่อไปกับคนเฮงซวย

“คุณจะทำยังไงต่อ?” เสียงชายคนข้าง ๆ ถามขึ้น

เขาเป็นหนึ่งในหลายคนข้างต้น แต่ไม่ค่อยสนิทกับคนไหนเป็นพิเศษ จึงไม่ได้ออกเสียงบ่นกับใคร

แต่เรียแคนทำงานกับชายคนนี้มานาน เขาย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะหมดความอดทนลงแล้ว

“ฉันจะลองคุยกับเขาดูก่อน ถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเราคงต้องแก้ปัญหากันเอง แล้วค่อยรอดูวิธีการทำงานของเขาตอนปฏิบัติจริง”

“ตกลงตามนั้น”

“แต่ถ้าบรรยากาศมีแต่แย่ลงเรื่อย ๆ ก็อาจถึงเวลาต้องนึกถึงอนาคต”

การทำงานสำรวจกับองค์กรเคยเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำมาก่อน พวกเขาหลายคนสมัครใจเข้ามา แต่อีกหลายคนก็ไม่มีทางเลือก

เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากตรากตรำทำงานเสี่ยงอันตราย พวกเขาก็มีเงินเก็บมากขึ้น เริ่มมองหาหนทางขาวสะอาด สู่ทางเลือกที่ไม่ต้องเสี่ยงชีวิต ถ้าไม่ใช่เพราะมอบความไว้วางใจให้อดีตหัวหน้า พวกเขาก็คงตัดสินใจถอนตัว และกลับไปทำงานตำแหน่งเล็ก ๆ ในบ้านเกิดกันนานแล้ว

ด้วยคะแนนที่สั่งสมมา เรียแคนสามารถขอถอนตัวได้ในทันที โดยไม่ต้องทำตำแหน่งเล็ก ๆ ค้ำประกัน และยังแลกเป็นของรางวัลได้อีกเล็กน้อย

“แล้วนายคิดไว้รึยังว่าจะทำอะไร?”

แต่กับชายคนนี้จะต่างออกไป

เขาเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับเผ่าอื่น มีพลังเฉพาะตัวอันหาได้ยาก ต้องมีคนคอยค้ำประกันเพื่อเก็บงำความลับ แต่เจ้าตัวยินยอมจะฝังตัวตนเอาไว้ที่นี่ จึงไม่คิดจะดึงใครในครอบครัวมาข้องเกี่ยว

เขาได้รับการบ่มเพาะในองค์กรได้ไม่นาน ก็กลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในเวลาอันรวดเร็ว ยากนักที่จะขอถอนตัวได้ง่าย ๆ อาจจะถูกยื้อไว้หลายครั้ง

เหตุผลที่เขาเลื่อนการขอถอนตัวออกไป แม้จะสั่งสมคะแนนจนผ่านเกณฑ์เกษียณไปเมื่อปีก่อน เพราะความรู้สึกถูกชะตากับอดีตหัวหน้า และส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังมองไม่เห็นลู่ทางในอนาคต

แต่เมื่อได้ยินคำพูดจากรองหัวหน้าที่ขึ้นชื่อว่าไม่ค่อยมีปัญหากับใคร มันก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าพื้นที่รอบข้างค่อย ๆ ถูกสั่นคลอน

“ไม่รู้” เขาตอบแค่นั้นแล้วเงียบอึดใจ ก่อนจะกล่าวต่อเนิบช้า “อาจจะขอย้ายไปทำหน่วยข่าวกรองที่บ้านเกิด”

เรียแคนพยักหน้า กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อนึกภาพเพื่อนร่วมทีมสวมชุดพนักงานร้านขายของธรรมดา

“ฉันอยากเห็นชุดใหม่ของนายจริง ๆ”

“แล้วคุณล่ะ?”

“ฉันเหรอ?” คนโดนถามกลับมาถอนหายใจอีกรอบ แกะอมยิ้มในกระเป๋ากางเกง “ก็คงถึงเวลาที่ต้องนอนเป็นอีกาโง่ ๆ ให้คนเลี้ยง”

“แต่คุณไม่ใช่อีกา”

เขารู้ว่าตัวตนอีกฝ่ายค่อนข้างพิเศษ เพราะสัญชาตญาณเผ่าตามธรรมชาติ มักจะร้องเตือนให้เขาต้องก้มหัวให้รองหัวหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เจ้าตัวได้ยินแบบนั้นก็ไหวไหล่อย่างไม่แยแส เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ไม่ต้องไปสนใจ

แม้เขาจะพยายามทำตามคำแนะนำมาตลอด แต่การร่วมงานมานานก็ทำให้เข้าใจถึงเหตุผลนั้นในที่สุด

ช่วงเวลาของพวกเขาห่างกันมากเกินไป

“นายก็เห็นสีขนฉันนี่” เรียแคนดันอมยิ้มติดกระพุ้งแก้ม ยกตัวขึ้นนั่งบนคานรั้วเหล็ก

“มันเกือบจะเป็นสีขาว และไม่มีทางเป็นอีกา” เขาจ้องมองด้วยสีหน้าสงบ คล้ายกับไม่เห็นว่าอีกคนกำลังพูดจาวกวน

“ฉันแกล้งเล่นโอเคไหม? อีกาก็แค่คำเปรียบเปรยที่วิสนาชอบพูดบ่อย ๆ”

ไม่ทันไรบทสนทนาของพวกเขาก็วกมาที่คนคนเดิม

คนฟังพยักหน้ารับคล้ายเข้าใจ “ผมนึกว่าคุณหมายถึงอีกาจริง ๆ”

“นั่นก็ด้วย ฉันอาจจะซื้อมันมาเลี้ยงแก้เหงาตอนลาออก”

“แต่โลกยุคนี้ไม่มีอีกา..” เขาย่นคิ้วพยายามนึกถึงภาพของสัตว์สีดำในหัว

“นั่นสินะ”

“คุณมีเป้าหมายแล้วเหรอ?” เขาจำได้ รองหัวหน้าชอบให้เหตุผลในการทำงานว่ามันเป็นความจำเป็น และทำมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้คิดอะไร

“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปก็ไม่แน่”

แม้อีกาจะเป็นสัตว์ที่หาไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน แต่พวกมันเคยเป็นสัญลักษณ์ของเมืองในแผ่นดินใหญ่มาก่อน

พวกเขามีแนวทางการดำเนินชีวิตที่ต้องมีเป้าหมายเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม โดยมีความพอใจเป็นพื้นฐาน สั่งสมประสบการณ์จนกลายเป็นเสาหลักในการดำรงชีวิต

แต่ด้วยแนวคิดที่ไม่แบ่งแยกขาวดำ มันจึงถูกนำไปเป็นเหตุผลในการกระทำผิดด้วย

อีกาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความแน่วแน่ที่แปดเปื้อน

คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึงมันเท่าไร เพราะถือว่าเป็นสัตว์ในอดีตที่ห่างกันเป็นพันปี แต่กับอดีตทีมฉมวกคำราม พวกเขามักจะได้ยินหญิงสาวคนหนึ่งพูดย้ำหลายครั้ง และใช้มันเตือนสติเวลาต้องเสี่ยงอันตราย

สมาชิกทีมส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจความเชื่อมโยงที่เธอเคยพูดมากนัก แต่ก็จำใส่ใจเอาไว้ แค่อ้าปากพูดถึงอีกา พวกเขาก็เข้าใจตรงกันว่าหมายถึงอะไร

มีหลายเหตุผลที่รองหัวหน้าผู้นี้เริ่มคิดถึงการลาออก

หนึ่งในนั้นเป็นการที่เขาได้เห็นเธอโดยบังเอิญหลังจากถูกปลด พวกเขาได้พูดคุยกันเล็กน้อย เรียแคนพบว่าแม้จะมีเรื่องไม่คาดฝัน แต่เธอยังคงมีความสุขดี และเริ่มวางแผนสำหรับอนาคตอีกครั้ง

นั่นทำให้เขาหันกลับมามองตนเอง

เดิมทีชายหนุ่มไม่อยากรู้สึกว่ากำลังหลงทางจนมองไม่เห็นอนาคต หรือรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เขาจึงพยายามเต็มที่ในการปรับตัวเข้ากับตำแหน่งรองหัวหน้า

แต่เมื่อได้ลงมือทำแล้วมันไม่ประสบผลอย่างที่ต้องการ เขาก็เริ่มสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นรวมถึงความสามารถของตนเอง

จิตใจที่เคยมั่นคงเริ่มถูกสั่นคลอนทีละน้อยจากสถานการณ์รอบตัว

เขาตั้งใจว่าจะถ่วงความคิดนี้ให้นานสักหน่อย

อย่างน้อยก็อยากให้นานพอที่จะมั่นใจว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ จะไม่มีสมาชิกคนไหนอยากเกษียณอีก

แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้ถ้ายังมีเขาอยู่

นี่แหละที่ทำให้ตัดสินใจลำบากขึ้น

บางทีคำสั่งปลดของเธออาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วก็ได้..

 

‘อันที่จริงฉันมีเรื่องที่อยากพูดมานานแล้ว..’

 

จู่ ๆ เสียงคนร่วมบ้านก็ดังขึ้นในโสตประสาท ภาพอีกฝ่ายยกมือดันแว่นลอยเข้ามาในหัวแจ่มชัด

 

‘ตอนนี้งานที่ทำกำลังไปได้สวย เงินเก็บของพวกเรา.. โดยเฉพาะส่วนของนายก็มีเยอะจนใช้ได้เกินครึ่งชีวิต ทำไมไม่ลองหางานอื่น.. ฉันหมายถึงงานที่เสี่ยงอันตรายน้อยกว่านี้’

‘ฉันไม่อยากต้องรู้สึกเหมือนโดนแทงอกทุกครั้งที่นายบาดเจ็บ และไม่อยากรู้สึกกระวนกระวายด้วย’

‘..ที่พูดน่ะไม่ได้บังคับ แค่อยากให้นายลองพิจารณาดูก่อน มันอาจไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้?

‘สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องมีเส้นทางของตัวเองอยู่ดีนะ’

 

คนร่วมบ้านพูดแบบนั้นและไม่วายจิกกัดตัวเองทิ้งท้าย เพราะตัวเขาก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางชีวิตเพราะใครบางคนเหมือนกัน

 

เรียแคนยกยิ้มเมื่อนึกถึงวีรกรรมหลายปีก่อน เขายกมือยีหัวเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นปัดกางเกง พยักเพยิดกับสมาชิกทีมด้านข้าง

“ไปสะสางงานที่น่ารักของเรากันเถอะ”