เหตุอันใดทำไมท่านไม่เลือกข้า

ไหนท่านบอกว่ารักข้าสุดหัวใจ

มันเป็นเพียงกลอุบายใช่หรือไม่

เพราะเหตุนี้ทำให้ข้า…

ชายใบหน้างดงามดั่งหยกสลักผมยาวดำเงาสลวยพลิ้วไหวให้น่ามองกำลังยืนมองแม่น้ำเถียนอย่างใจลอย อาบแก้มขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตายืนมองพระจันทร์เสี้ยวอยู่ตรงหน้าในยามวิกาล เท้าเปลือยเริ่มขยับเหยียบย้ำพื้นดินที่มีแม่น้ำซัดเข้ามา

บรรยากาศในยามนี้ช่างหนาวเย็นต้นดอกอิงฮวาก็ร่วงโรยตามธรรมาชาติของมันกลีบสีชมพูของดอกนั้นช่างบอบบางเหมือน อ้าย ในตอนนี้ ชื่อไร้แซ่ช่างสั้นเหมือนตั้งชื่อของเขาแบบส่งๆ ลำตัวของอ้ายเริ่มจมลงสู่สายนทีก่อนที่ศีรษะจะจมหายเขาฝากน้ำตาไปที่อาบน้ำหยดหนึ่ง

ลู่หยุนร์ ในวัยอายุ18ปีพึ่งกลับมาจากโรงเรียนเหงื่อไหลไปทั่วร่างกายเพราะอากาศร้อนจัดเหมือนเตาผิงเขาหยิบกุญแจบ้านที่เต็มไปด้วยสนิมปลดล็อกประตูอันผุๆ

สภาพบ้านไร้งบประมาณในการทาสี บ้านจึงมีสีเทาเป็นสีของปูน ลู่หยุนร์เขาไม่ล็อกประตูเพราะอีกประเดี๋ยวแม่ของเขาก็จะกลับมาจากที่ทำงานส่วนพ่อนั้นเขาก็ไม่กลับมาบ้านมาสามวันติดต่อกันแล้วเขาไม่รู้ว่าพ่อหายไปไหนแต่แม่และเขาต่างไม่กระตือรือร้นใดๆ เพราะถึงกลับมาบ้านก็คงไถเงินแม่และทุบตีเขาเพื่อระบายความเครียด

คนแบบนี้ไปตายซะยังดีกว่า...ลู่หยุนร์ขบคิด

ใจกลางห้องนั่งเล่นลู่หยุนร์ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของเขาอย่างไม่ขบคิดอะไรเพราะเขาทำเป็นเรื่องปกติ

เสียงฝีเท้าหนักๆ จนลู่หยุนร์ได้ยินก็แปลกใจแต่หาได้คิดมากเขาโยนเสื้อนักเรียนไปในตะกร้าสีแดงแล้วมาปลดเข็มขัดนักเรียนต่อ

เสียงเปิดประตู…

“กลับมาแล้วเหรอครับแม่”

เขากล่าวก่อนที่จะหันหลังไปมอง ตาเบิกโพลงกว้างเพราะคนที่เขาเห็นไม่ใช่แม่แต่เป็นลุงของเขาแท้ๆ ของเขาลุงที่สร้างปมใหญ่ที่สุดในชีวิตของลู่หยุนร์

“ลุงมนัส” ลู่หยุนร์ไม่รู้ว่าเขาควรทำตัวอย่างไรดีควรยกมือไหว้ไหมหรือจะถามก่อนว่ามาทำอะไรที่นี่

ลุงมนัส “ไง” หน้าตาของลุงมนัสคล้ายคนเล่นของหนวดเครายังคงยุ่งเหยิงแถมผมก็เริ่มงอกขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ

“ขาวขึ้นนะเราเนี้ย” เป็นประโยคคำพูดที่ทำให้ลู่หยุนร์ขนลุก เขารีบเอามือมาปิดบังร่างกายส่วนบนทันที ลุงมนัสหัวเราะเบาด้วยความเอ็นดู

เสียงฝีเหมือนทหารกำลังใกล้เข้ามา…

เสียงผู้ชายวัยกลางคนหัวเราะคึกคัก…

ใกล้เข้ามาบ้านเก่าๆ ของลู่หยุ่นร์

มีกลุ่มผู้ชายประมาณห้าคนเดินเข้ามาในบ้านของลู่หยุนร์อย่างไร้มารยาทคนสุดท้ายที่เข้ามาล็อกกลอนประตูพวกเขายืนอยู่ข้างหลังลุงมนัสเหมือนเป็นแก๊งไถเงินชาวบ้าน

สีหน้าของลู่หยุนร์แสดงถึงความหวาดกลัวได้อย่างชัดเจนภาพในหัววิบัติอนาจารเข้ามาในหัวอย่างไม่หยุดหย่อนจนทำให้เขา ขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด

ลุงมนัสกล่าว “พ่อมึงนะติดหนี้กูอยู่หมื่นสอง-ยืมกูเอาไปจ่าย ค่าเหล้า ค่าคาราโอเกะ ค่าเด็กนั่งดริ้ง แล้วก็...ตีกะหรี่ ฮ่าๆๆๆ ” ลุงมนัสหัวเราะอย่างสะใจ

“แต่พ่อมึงไม่มีเงินจ่ายคืนกู...พ่อมึง...เลยขายมึง-ให้-กับ-กู!” ลุงมนัสกล่าวชัด ถ้อย ชัดคำ เน้น ย้ำๆ ลู่หยุนร์รู้ได้ทันทีเลยว่าหลังจากนี้จะเจอเข้ากับอะไรเพราะสายตาทั้งลุงมนัสและพวกข้างหลังนั้นไม่ต่างจากพวกบ้ากามในละครในบทฉากข่มขืน

“เอาเลย” ลุงมนัสกล่าวก่อนที่พวกชายข้างหลังลุงจะพุ้งเข้าหาลู่หยุ่นร์

กลุ่มชายฉกรรจ์โฉดรุมกระชาก

กางเกงขาดรุมโทรมตรงท่อนกลาง

โดนย่ำยีจิตใจอันบอบบาง

ความเป็นชายหมดสิ้นเวลานี้

 

โดนเข็มขัดรัดคอเป็นแถบม่วง

ใจสิ้นหน่วงขีดสุดเส้นแทบขาด

ในหัวคิดถึงคะนึงถึงมารดา

ชุดตะกายออกจากพวกคนโฉด

กลิ่นคาวจากน้ำกามแต่ละคนช่างพะอืดพะอมกลิ่นฟุ้งห้องกระจายกลิ่นไปทั่วใบหน้าชายวัยรุ่มธรรมดาเลอะไปด้วยน้ำขุ่นคาวร่างกายเปลือยไร้สิ้นอาภรณ์นอนแน่นิ่งตาเหม่อลอยมองไปยันเท้าของลุงและพวกเดินออกจากบ้านอย่างสุขอุรา เสียงหัวเราะคึกคักของคนโฉดกลับทำให้ลู่หยุ่นร์จิตใจนั้นเศร้าหมอง

ภาพนึกย้อนไปยันอดีตที่ฝ่ามือหยาบของลุงมนัสปิดปากเขาจนเขาแทบหายใจไม่ออก มือเริ่มกระชากกางเกง...หลังจากนั้นเขาก็สร้างปมใหญ่อันใหญ่หลวงให้เขายิ่ง

ตามองดูไปยันนาฬิกาเรือนเก่าๆ บนกำแพงสูงเวลานี้ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้วแต่ปกติแม่ของเขาจะกลับมาหกโมงเย็น ลู่หยุ่นร์ค่อยๆ ลุกออกจากพื้นที่เย็นเฉียบเจ็บทั้งใจและเจ็บที่ก้นพอลุกขึ้นได้ก็มีเลือดออกมาจากช่องทางเขาพยายามทำเรื่องทุกอย่างให้ปกติ

หยิบกางเกงนักเรียนที่ขาดมาเช็ดน้ำกามของพวกคนโฉดที่ตกตามพื้นเป็นหยดๆ บางหยดก็ผสมเลือดจากตัวเขาพอเช็ดเสร็จเขาก็รีบพับเอาด้านที่สะอาดอยู่ข้างนอกเผื่อแม่ของเขาจะมาเห็น ขาอ่อนแรงค่อยๆ เดินไปยันห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนเขา

รสชาติที่อธิบายยากของน้ำกามแต่กลิ่นช่างคาวและขมที่อยู่ในลำคอทำให้ลู่หยุ่นร์รู้สึกคลื่นไส้ยันไม่ทันที่มือจะไปหยิบที่ฝักบัวเขาก็พรวดอาหารที่อยู่ในกระเพาะออกมาจนหมดน้ำตาร่วงไหลรินออกมาทั้งความ เศร้า ความขมคอ ความกลัว อยู่ในหยดน้ำตาเม็ดหนึ่ง

ซากอ้วกไหลพรากลงท่อระบายน้ำ

เลือดก็ไหลตามเรียวขาไปกับน้ำบนฝักบัว

เสียงเปิดประตูเกิดขึ้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นมารดาของลู่หยุ่นร์กับชุดสาวโรงงานอย่างเดิมในทุกๆ วันเธอถอดรองเท้าเดินมายันใจกลางห้องรับแขกเธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของบ้าน เพราะบ้านของเธอมันโล่งและสะอาดอย่างผิดตาผิดกลิ่นจนตาชำเลืองมามองหยดเลือดที่แห้งเป็นคราบติดกับพื้น หญิงสาวจึงเลือกใช้ชายเสื้อของตัวเองมาเช็ดคราบเลือดนั้นโดยการถุยน้ำลายลงไปแทนน้ำเปล่า

ลู่หยุ่นร์ลูกชายของเธอเดินออกจากห้องนอนเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงขาสั้นสีดำเขาแววตาของลู่หยุ่นร์ลุกวาวเมื่อเห็นมารดาผู้เป็นที่รักเพราะเธอคือความหวังเดียวที่จะช่วยเขาได้ ปากกำลังเผยอเพื่อบอกกล่าว

แม่กล่าว “เรื่องในวันนี้แกลืมๆ มันไปเถอะนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่กล้าแม้แต่สบตากับลูกชาย

หมายความว่ายังไง ลืมๆ มันไปเถอะ งั้นเหรอ...ลู่หยุนร์ขบคิดในใจ ความรู้สึกมันอนาถาจนอธิบายออกมาไม่ออก จากหน้าตาที่กลับมาเป็นปกติได้แต่กลับตอนนี้สีหน้าของเขาจะเหมือนกับคราแรกที่อยู่ในห้องน้ำ ใจแทบสลาย...ความหวังเดียวที่จะช่วยเขาได้

อย่าบอกนะว่า แม่ของรู้อยู่แล้วว่าผม...จะเจอกับอะไร…

 

แม่ของเขาทำทุกอย่างให้ปกติ เดินไปห้องครัวทำกับข้าว เดินผ่านตัวเขาไปมาโดยไม่สบตาเขาแม้แต่น้อย

นี่แม่...กำลัง...ทิ้งผมอยู่ใช่ไหม...อะไรกัน...ความกระตือรือร้นตอนนั้นมันหายไปไหนหมด...อะไรกัน...แม่ครับ

ดวงตาหม่นหมองที่ไร้ทิศทางกำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตาเขายืนอยู่กลางใจห้องนั่งเล่นโดยยังไม่ก้าวไปไหนปต่ข้างในหัวนั้นคิดตาลปัตรหลายอย่างทั้งเรื่องในอดีตและกิริยาของแม่ในค่ำคืนนี้

 

 

TBC

rewrite(1) 12/2/2022