“ไม่มีอะไรจริงเหรอ ถ้าเป็นเรื่องงานบอกพี่ได้เลยนะ มันจะทำให้เราทำงานกันง่ายขึ้นไง”

         อิ๋งได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ เทียร์เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากทีเดียว จะมีนางเอกที่ไหนสักกี่คนมาให้ความสนใจสแตนด์อินอย่างเธอ แม้จะยอมรับว่าเธออาจจะต้องเล่นคู่กับเทียร์มากกว่าลิต้า (ซึ่งน้อยคนมากที่เป็นสแตนด์อินจะได้รับบทแบบนี้) เทียร์อยากทำให้งานมีประสิทธิภาพ สมกับเป็นมืออาชีพสุดๆ ไปเลย

         เธอนี่แหละประหม่าอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่เป็นเรื่องงานทั้งนั้น ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปมีหวังส่งผลต่อหน้าที่การงานแน่นอน ถ้ายังเป็นแบบนี้อาจจะเป็นสแตนด์อินครั้งเดียวจบเลยก็ได้

         “ว่าไง หนูบอกพี่ได้นะ”

         เทียร์เอ่ยด้วยความอยากรู้ แอบคิดในใจว่าใช่เรื่องเดียวกันหรือเปล่า แอบคาดหวังนิดหน่อย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร น้องอาจจะไม่ได้คิดอะไรเรื่องนั้นเลยก็ได้

         “เอ่อ ที่จริงแล้ว...อิ๋งแค่คิดว่าถ้าอิ๋งต้องเล่นคู่กับคุณเทียร์ก็อยากให้ทุกอย่างออกมาดีค่ะ คุณเทียร์จะได้ทำงานง่ายขึ้นด้วย...ถ้าคุณเทียร์มีอะไรก็บอกอิ๋งได้เลยนะคะ”

         อิ๋งตอบเลี่ยงในการพูดเรื่องจูบ แต่ที่เธอพูดก็หมายถึงจูบนั่นแหละ เธอจะทำให้ทุกอย่างออกมาดีแม้จะไม่เคยจูบกับใครเลยก็ตาม จูบแรกก็ดันเป็นนางเอกชื่อดังซะด้วย...เธอหวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี เธออยากให้งานออกมาดีที่สุดโดยไม่เป็นตัวถ่วงของเทียร์ และยังอยากได้งานในวงการอีกในอนาคต

         “อ๋อ”

         เทียร์ตอบรับ แอบผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าน้องจะพูดเรื่อง จูบ เพราะเห็นหน้าแดงๆ เลยคิดไปเอง เธอก็งงตัวเองว่ากำลังคาดหวังอะไร

         “หวังว่าอิ๋งจะไม่เป็นตัวถ่วงให้คุณเทียร์นะคะ”

         “ไม่อยู่แล้ว พี่ว่าหนูทำงานด้วยง่ายจะตาย”

         เพิ่งจะเริ่มงานด้วยกันวันแรก แถมเป็นฉากที่เพิ่งเจอกันของสองนางเอก ซึ่งแทบจะไม่ได้เรียกว่าร่วมงานด้วยกันด้วยซ้ำ (แถมตอนเข้าฉาก อิ๋งก็เกร็งอย่างกับอะไรดี) ไม่ได้เข้าเค้าเหตุการณ์ที่ชวนให้คิดว่า ทำงานด้วยง่าย ตรงไหนเลย

         “อิ๋งจะตั้งใจซ้อมบทอย่างดีเลยค่ะ”
         “เก่งมาก”

         เทียร์เอ่ยชื่นชม รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากเรียวสวยชวนมอง ปกติเทียร์ก็เป็นคนสวยเป็นทุนเดิมแล้ว ทั้งดวงตา จมูกโด่งสวย ริมฝีปากเรียวบาง ไฝใต้ตา...เธอชอบไฝใต้ตาของเทียร์มากที่สุด

         “ถ้าบทไหนต้องเข้าคู่กันมาซ้อมด้วยกันก็ได้ จะได้รู้จังหวะ”
         สาบานเลยว่าเธอไม่ได้หมายถึงจูบหรอกนะ เธอหมายถึงบททั่วไปที่ต้องเข้าคู่กับน้องแทนยัยลิต้าที่อยากจะถอนตัวจากการเป็นนางเอกเต็มที...แต่ที่จริงแล้วคำพูดก็ชวนให้คิดไปถึงบทจูบเหมือนกัน

         ปกติบทจูบเค้าต้องซ้อมคิวกันหรือเปล่านะ

         ต้องซ้อมแหละ

         “ซะ ซ้อม...ซ้อมด้วยกัน”

         อิ๋งไม่ได้ตั้งใจจะอึกอักขนาดนี้ แม้แต่ตัวเองยังหน้าตื่นที่เธอประหม่าได้ขนาดนี้ เมื่อกี้ก็อุตส่าห์พูดเลี่ยงแล้ว แต่ตอนที่เทียร์พูดว่าซ้อมด้วยกัน เธอก็กลับตื่นเต้นขึ้นมาอีกจนได้ คราวนี้เทียร์จะมองยังไง เด็กใหม่ที่ยังอ่อนหัดชั่วโมงบินงั้นสิ

         “ถ้าซ้อมเข้าคู่ก็จะทำงานง่ายกว่า ถ้ามัวแต่ไปเงอะงะที่หน้ากล้อง พี่อ๊อฟจะเปลี่ยนโหมด...คนนี้ตอนดุใช่ย่อยเลย”

         พูดไปแล้วก็แอบไขว้นิ้ว ผู้กำกับคนนี้เอาอะไรมาดุเธอ ออกจะเกรงใจเธอแทบจะยกไว้บนหิ้งด้วยซ้ำ แต่กับเด็กใหม่เธอไม่รู้ เธอต้องปกป้องน้องไว้ก่อน

         “เอ่อ พี่อ๊อฟดุเหรอคะ ถ้าอิ๋งเล่นแย่”
         “ถ้าไปเงอะงะก็คงขัดใจพี่อ๊อฟอยู่หรอก”

         พี่แค่อยากซ้อมบทกับน้อง อยากสนิทกันมากขึ้น แค่นั้นเอง เทียร์ก็ได้แต่คิดในใจแล้วโยนขี้ให้พี่อ๊อฟ ไว้คราวหน้าเธอจะเลี้ยงกาแฟผู้กำกับคนนี้เป็นการขอขมาลาโทษก็แล้วกัน

         “งั้น...แย่เลยนะคะ”

         “เพราะงั้น ถ้าจะซ้อมก็ไปที่ห้องพักนักแสดงได้เลย พี่มีห้องส่วนตัวเองไว้ซ้อมบท หนูซ้อมในกองคนจะเยอะ ไม่มีสมาธิ”

         อย่างน้อยคาดหวังเรื่องฉากจูบไม่ได้แล้วก็ขอคาดหวังความใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่านี้ก็ยังดี ซ้อมในห้องของเธอคงมีอะไรคุยกันมากกว่าเดิมแน่นอน อย่างน้อยก็คงไม่มีคนขัดเหมือนวันนี้ ขัดเก่งมาก กว่าเธอจะได้คุยกับอิ๋งจริงจังก็ต้องตะโกนเรียกที่ป้ายรถเมล์

         “อิ๋งจะไม่รบกวนคุณเทียร์ใช่มั้ยคะ”

         “รบกวนอะไร พี่จะได้ต่อบทด้วย”

         เทียร์ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด รบกวนอะไร เต็มใจอย่างกับอะไรดี อย่างน้อยก็จะได้ต่อบทกันเสริมสร้างความสนิทสนม

         “งั้นอิ๋งรบกวนล่วงหน้านะคะคุณเทียร์”

         เทียร์คลี่ยิ้มในทันที คราวนี้ไม่ผิดจากที่คาดหวังเอาไว้ น้องเต็มใจเข้าซ้อมที่ห้องพักนักแสดงของเธอแต่โดยดี อิ๋งเองก็คงอยากทำงานออกมาให้ดี ตั้งใจทำงานแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากร่วมงานด้วยทั้งนั้น

         ก่อนที่เทียร์จะยื่นมือออกไป อิ๋งเลิกคิ้วแปลกใจก่อนจะเอ่ยต่อ

         “เอ่อ ต้องเซ็นสัญญาด้วยเหรอคะ”

         มือเรียวสวยชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นเกี่ยวทัดปอยผมกับใบหูตัวเองแก้เก้อ อยากจะบอกน้องว่าไม่ได้จะเซ็นอะไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง แค่อยากจับมือเท่านั้น พูดไปน้องคงยิ่งงงหนักกว่าเดิม

         “งั้น...เดี๋ยวพี่ฝากตากผ้าไว้ก่อนนะหนู ไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยมาเอา”
         เจ้าตัวเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขณะที่บิดชุดที่เปียกชุ่มให้แห้งหมาด ก่อนจะออกไปตากผ้าที่ระเบียงห้องของอิ๋ง พร้อมกับสังเกตมองไปด้วยว่าบรรยากาศตรงนี้ดีหรือเปล่า...ที่จริงก็ไม่ได้ดีมากนักหรอก ออกจะอึดอัดด้วยซ้ำ แต่ยังอยากอยู่ที่นี่ต่อทั้งที่เป็นคนไม่ชอบที่แคบ ไม่รู้ทำไม

         “เดี๋ยวพรุ่งนี้อิ๋งเอาไปให้ที่กองก็ได้ค่ะ คุณเทียร์จะไม่ลำบาก”
         เทียร์ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงอาการว่าลำบากตอนไหน น้องถึงเข้าใจไปแบบนั้น แถมอิ๋งไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเลยสักนิด เธอแค่อยากมาส่งน้องเพื่อความสนิทสนม จะได้ทำงานกันง่ายก็เท่านั้นเอง

         “พกชุดไปที่นั่นจะลำบากหนูซะเปล่า...”

         “ไม่เลยค่ะ อิ๋งมีกระเป๋าใบใหญ่”

         ยอมแพ้

         “งั้นก็...พี่ไม่รบกวนดีกว่า หนูจะได้มีเวลาส่วนตัวทำนั่นนี่ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

         เมื่อไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ต่อแล้วเทียร์ก็เลยไม่มีข้ออ้างอยู่ที่ห้องอิ๋งอีกต่อไป กลัวว่าเดี๋ยวจากการเกร็งตอนแรกที่ตอนนี้เข้าขั้นเกรงใจ อนาคตจะกลายเป็นรำคาญเสียก่อน เพราะคนเพิ่งรู้จักกันคงไม่อยากให้มาอยู่ที่ห้องส่วนตัวนานเกินไปหรอก

         “ไม่รบกวนเลยค่ะคุณเทียร์...แต่ยังไงแล้ววันนี้ต้องขอบคุณด้วยนะคะที่มาส่ง แถมอิ๋งยังทำชุดเปื้อนด้วย”

         “เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก...งั้นไว้มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว”

         คำว่า ลงเรือลำเดียวกัน ทำให้อิ๋งคิดมากหนักกว่าเดิม ตอนแรกเธอก็กังวลอยู่ก่อนแล้วว่าจะเป็นตัวถ่วงให้กับเทียร์หรือเปล่า ตอนนี้อาจจะถ่วงขั้นสุดถ้ายังไม่ยอมบอกเทียร์ว่าที่จริงแล้วเธออ่อนหัดมากแค่ไหน

         “เอ่อ คือ คุณเทียร์คะ”

         อิ๋งเอ่ยเรียกเมื่อเทียร์ตั้งท่าจะเดินไปที่ประตูห้อง เจ้าของชื่อก็หันขวับทันที ราวกับคาดหวังไว้ว่าจะให้น้องเรียก แล้วน้องก็เรียกขึ้นมาจริงๆ

         “อิ๋ง...คิดว่าอิ๋งอาจจะทำให้คุณเทียร์ทำงานยากกว่าเดิมก็ได้ค่ะ ที่จริงแล้วอิ๋งใหม่กับเรื่องนี้มากเลย”

         “หนูเพิ่งจะมาทำงานวันแรก ปกติแล้วคนที่เพิ่งแสดงก็เกร็งแบบนี้ แถมพี่ยังแผลงฤทธิ์กับหนูอีก...จนแขนเป็นรอย”

         “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ”

         อิ๋งรีบปฏิเสธ ไม่อยากให้เทียร์กังวลกับสถานการณ์ช่วงแรกที่เจอ เพราะตอนนั้นเทียร์ไม่รู้ว่าเป็นเธอด้วยซ้ำ แต่ที่เธอบอกหมายถึงอีกเรื่องต่างหาก แต่กำลังประหม่าว่าจะพูดไปดีหรือเปล่า

         “คือว่า...อิ๋งกังวลว่าคุณเทียร์จะทำงานยากกว่าเดิมเพราะอิ๋งไม่เคย...เอ้อ ไม่เคยจูบเลยค่ะ”

         ใบหน้าของอิ๋งแดงก่ำหลังจากกลั้นใจพูดจนจบ ไม่รู้เพราะมันน่าอายที่อายุตั้งเท่าไหร่แล้วแต่ไม่เคยจูบกับเค้าสักครั้ง หรือเพราะน่าอายที่เธอจะต้องจูบกับนางเอกผู้มีประสบการณ์ทั้งที่เธออ่อนหัดสุดๆ ไปเลย

         ขณะเดียวกันสีหน้าของเทียร์ก็กระจ่างกว่าเดิม ที่คาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ สรุปแล้วไม่ได้ผิดหวังสินะ

         “ตั้งแต่ที่คุณเทียร์ตอบรับกับพี่แพม อิ๋งก็กังวลว่าถ้าต้องเข้าฉากจริงแล้วพี่อ๊อฟจะไม่โอเค แล้วคุณเทียร์จะเสียเวลาไปด้วย...อิ๋งเลยคิดว่าควรบอกคุณเทียร์ตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ แต่อิ๋งจะพยายามนะคะ มันก็อาจจะ เอ่อ ไม่ได้ยากเกินไป”
         เธอเอ่ยต่อท้ายเพราะกลัวว่าตัวเองจะยิ่งดูไม่เป็นมืออาชีพไปกันใหญ่ ยอมรับเลยว่าเธออ่อนประสบการณ์มาก โดยเฉพาะเรื่องการแสดงที่เพิ่งจะสมัครเข้ามาได้ไม่นานก็โดนเรียกตัวให้มาเป็นสแตนด์อินเลย

         ส่วนเทียร์ในตอนนี้ได้นิ่งงันไปเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากปิดสนิท เพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรออกมาในตอนนี้ก่อนดี แถมประโยคที่อยู่ในหัวตอนนี้ก็มีเยอะแยะไปหมดเลย