สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนออกมาช้าๆ ถอดสมองก่อนอ่านเน้นความบันเทิง เพราะเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงสิ่งที่ไรต์จินตนาการขึ้นมาเท่านั้น

พระเอก : เชรย์ ชนทัต กาญจนะตากร

นายเอก : ชอน ชาคริยา ขัตติยาณะวงศ์ 

ถ้าพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันได้เลย enjoy reading นะคะ


หากพูดถึงตระกูลใหญ่ที่กำลังขยับขยายคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย คงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูล ‘กาญจนะตากร’ และตระกูล ‘ขัตติยาณะวงศ์’ เริ่มต้นที่ตระกูลแรกทำธุรกิจครอบคลุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ของประเทศไทยและในกลุ่มอาเซียน ส่วนตระกูลขัตติยาณะวงศ์ทำธุรกิจค้าปลีก ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าชื่อดังทั่วประเทศไทย

แม้ผู้บริหารสูงสุดของทั้งสองตระกูลจะทำธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทว่าคนในแวดวงธุรกิจต่างรู้กันดีว่าทั้งสองตระกูลเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมายาวนาน เนื่องจาก ‘ชลันธร’ และ ‘ชวาล’ ผู้ก่อตั้งทั้งสองบริษัทเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่วัยเยาว์ สนิทถึงขั้นอยากเกี่ยวดองกันด้วยการสนับสนุนให้ทายาทของตนเองร่วมหอลงโรงเข้าสู่พิธีวิวาห์

 

ดังคำสุภาษิตที่ว่า เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน

 

ครั้นจะให้ทุกอย่างเป็นดั่งที่ต้องการก็คงง่ายเกินไปหน่อย ทางฝั่งตระกูลกาญจนะตากรมีทายาทที่เป็นบุรุษถึงสองคน ทายาทคนโต ‘ชัต ชนกฤติ’ รายนี้พ่อแม่คงฝากความหวังไว้ไม่ได้เพราะชิงเลือกคู่ครองและเพิ่งแต่งงานไปหมาดๆ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

เหลือเพียง ‘เชรย์ ชนทัต’ ทายาทอันดับสองวัย 25 ปี ที่ยังครองโสดแถมเขายังเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ สาวๆ รวมไปถึง ‘ชอน ชาคริยา’ หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักในวัย 22 ปี และเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลขัตติยาณะวงศ์

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายที่ชอนเองก็หมายปองเชรย์ ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลคงได้ร้องเฮพร้อมจัดพิธีแต่งงานสุดอลังการไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนยังต้องกุมขมับและใช้คำว่าสนับสนุนอย่างเต็มกำลังเป็นเพราะเชรย์ไม่ได้มีความรักใคร่หรือพิศวาสน้องน้อยแม้แต่นิดเดียว

หากมีนักข่าวมาจ่อไมค์สัมภาษณ์ว่าใครคือบุคคลที่เชรย์เบื่อหน่ายที่สุดในโลก เขาคงทุบสถิติการตอบคำถามเร็วภายในเสี้ยววินาทีว่าคนนั้นคือชอน

 

ทายาททั้งสองตระกูลสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยอายุของชอนที่เป็นน้องน้อยสุดบวกกับหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนเด็กผู้หญิง จึงถูกผู้ใหญ่รวมไปถึงพี่ชายคนโตอย่างชัตสปอยล์มากกว่าคนอื่น

แตกต่างจากเชรย์ที่มีนิสัยมาดแมนชอบเล่นโลดโผนเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป ครั้นพ่อแม่สั่งให้นั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้เป็นเพื่อนน้อง เขามักหงุดหงิดและรำคาญชอนแทบทุกครั้ง

เชรย์ไม่พอใจที่ทุกคนประคบประหงมชอนจนพาลเดือดร้อนมาถึงเขา แม้กระทั่งช่วงเรียนระดับมัธยมแทนที่จะได้ไปสนุกสนานกับเพื่อนอย่างสุดเหวี่ยงเพราะเป็นวัยที่กำลังคึกคะนอง แต่เชรย์กลับต้องมานั่งเล่นเป็นเพื่อนชอนเพราะน้องน้อยติดเขาแจยิ่งกว่าปาท่องโก๋

หลายครั้งที่ชอนร้องไห้เพราะถูกเชรย์แกล้ง แต่เด็กน้อยไม่เคยถือโทษโกรธพี่ชายต่างพ่อแม่ เพราะเมื่อไรที่ถูกแกล้งชอนก็จะแกล้งคนพี่กลับ มิหนำซ้ำยังแสร้งบีบน้ำตาวิ่งแจ้นไปฟ้องผู้ใหญ่จนเชรย์ถูกดุเป็นประจำ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เชรย์ไม่ชอบชอน

เชรย์คิดมาตลอดว่าชาติที่แล้วคงเคยทำบาปหนักกับชอนเอาไว้ ชาตินี้เด็กน้อยถึงตามเบียดเบียนเกาะแข้งเกาะขาเขาราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวร

สำหรับเชรย์ยังถือว่าเป็นโชคดีที่ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลไม่ได้หัวโบราณถึงขั้นบังคับให้คลุมถุงชน แม้จะเชียร์ให้ทายาทเกี่ยวดองกันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ให้สิทธิ์ในการเลือกคู่ครองของบุตรในตระกูลอยู่ดี

 

15.38 น.

แอปพลิเคชันไลน์

 

ชัต : ทำไมมึงไม่รับสายพ่อ

ขี้เกียจรับ : CHEY

ชัต : ขี้เกียจหรือรู้ว่าพ่อจะคุยอะไร

เพราะรู้ไงถึงไม่รับ : CHEY

ไม่พ้นเรื่องไอ้ผีเด็กอีกตามเคย : CHEY

ชัต : อย่าเรียกชอนแบบนี้ต่อหน้าพ่อเด็ดขาด

ชัต : มึงไม่ได้มรดกแน่

ชัต : กูเตือนครั้งที่หนึ่ง

เซ็ง : CHEY

มันจะกลับมาทำไมวะ : CHEY

น่าจะอยู่อังกฤษไปตลอดชีวิต : CHEY

ชัต : น้องคงคิดถึงมึงมั้ง

ฆ ว ย ครับพี่ชัต : CHEY

ชัต : 555555555

ชัต : เย็นนี้มึงกลับบ้านด้วย

ชัต : พ่อฝากบอก

ชัต : ชอนแลนดิ่งแล้วน่าจะแวะบ้านเราก่อน

ซอรี่ว่ะ : CHEY

เย็นนี้ผมมีนัดแล้ว : CHEY

ชัต : นัดกับเบลล์?

ใช่ : CHEY

เบลล์ยอมไปเดทกับผมแล้วด้วย : CHEY

ชัต : ไม่ธรรมดา

ชัต : เดทกับสาวทั้งที

ชัต : ถ้าให้กูเดา

ชัต : มึงคงพาเบลล์ไป Rooftop ที่โรงแรม

แน่นอน : CHEY

ชัต : อ่า

ชัต : โชคดีน้องรัก

 

“ไอ้เชรย์นัดเดทกับเบลล์ที่รูฟทอบ เฮียว่าน่าจะเป็นโรงแรมที่พ่อเพิ่งเทกโอเวอร์มา”

ชัตกดปิดแอปพลิเคชันไลน์พลางเงยหน้าพูดกับบุคคลที่นั่งไขว่ห้างอย่างสง่าผ่าเผยอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของเขา ซึ่งข้อมูลที่ชัตบอกเป็นที่น่าพอใจจนคนฟังยกยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยชื่นชมเสียงหวาน

“เฮียชัตของอินชอนยังเก่งเหมือนเดิม”

“แต่เฮียคงไม่สู้ชอนหรอก รู้ทันไอ้เชรย์ทุกเรื่องจนน่ากลัว”

“น่ากลัวอะไรกัน อินชอนเป็นคนน่ารักต่างหาก”

ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลขัตติยาณะวงศ์ไม่พูดเปล่า สองมือน้อยยกขึ้นไปดึงพวงแก้มของตนเองพลางยิ้มตาหยีจนชัตหลุดขำด้วยความเอ็นดู

หากชัตต้องเลือกระหว่างเชรย์น้องชายร่วมสายเลือดกับชอนน้องชายต่างพ่อแม่ที่เขาเห็นมาตั้งแต่แบเบาะ คำตอบแรกของชัตคงเป็นชอนอย่างแน่นอน เพราะนอกจากน้องน้อยจะหน้าตาน่ารักยังออดอ้อนฉอเลาะเขาเก่งตั้งแต่เด็กจนโต

ส่วนเชรย์น่ะเหรอ นิสัยแข็งกระด้างแถมยังดื้อรั้นจนทำพี่ชายอย่างเขาปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ชัตคิดปรปักษ์กับน้องชายแล้วเลือกอยู่ทีมชอนมาโดยตลอด

แต่ชัตจะบอกเชรย์ไม่ได้ว่าเขาเป็นไส้ศึกให้ชอน เพราะ..

“เฮียห้ามบอกเชรย์นะว่าอินชอนถึงไทยแล้ว”

พี่คนโตรูดซิปปากทุกครั้งเมื่อชอนร้องขอ ก็เขาแพ้ลูกอ้อนของน้องน้อยนี่นา

คนอยู่เป็นและฉลาดหลักแหลมที่สุดคงหนีไม่พ้นชอน ชาคริยา หนุ่มน้อยหน้าหวานแต่แอบซ่อนเขี้ยวเล็บไม่ต่างจากลูกแมว ในแวดวงไฮโซเม้าท์มอยกันสนั่นว่าชอนเป็นคุณหนูผู้เอาแต่ใจแถมยังเย่อหยิ่ง ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่เชิดใส่ทุกคนราวกับนางพญา เพราะชอนถือคติไม่สนิทไม่จำเป็นต้องคลุกคลี

นอกจากครอบครัวและคนสนิท คงไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชอนก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งที่คลั่งไคล้ทุกอย่างที่เป็นเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง ซีรีส์หรือแม้กระทั่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ชอบถึงขั้นเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่า ‘อินชอน’ หากย้ายสัญชาติไปเป็นคนเกาหลีได้ก็คงทำไปแล้ว

แม้อยากไปอยู่ประเทศเกาหลีสักแค่ไหนแต่ครอบครัวกลับไม่สนับสนุน ทั้งพ่อและแม่ต้องการให้ชอนรับช่วงต่อทำธุรกิจของตระกูลที่ประเทศไทย จึงส่งลูกชายเพียงคนเดียวไปเรียนทางด้านบริหารโดยตรงที่มหา’ลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

ซึ่งตอนนี้ชอนเรียนจบระดับปริญญาตรีเป็นที่เรียบร้อย หลังจากห่างหายจากบ้านเกิดบินไปเรียนที่เคมบริดจ์นานถึงสี่ปี

แล้วปัจจุบันที่ชอนมาปรากฏตัวในห้องทำงานของชัตก่อนเวลาที่แจ้งเอาไว้ เพราะตั้งใจสับขาหลอกทุกคนด้วยการบอกว่าไฟลท์บินจากอังกฤษมาถึงไทยประมาณหกโมงเย็น แต่ความจริงไฟลท์บินที่นั่งมาเครื่องแลนดิ่งตั้งแต่บ่ายโมง เด็กน้อยเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าเชรย์ต้องไม่ยอมมาต้อนรับการกลับมาของตนเอง

แต่ไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวอินชอนจะไปเซอร์ไพรส์เชรย์เอง!

 

19.03 น.

บรรยากาศยามค่ำคืนของร้านอาหารบนดาดฟ้าโรงแรมที่ตึกสูงระฟ้าถึง 90 ชั้น ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟอันสวยงามชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและเมืองกรุงเทพฯ ในยามราตรีได้แบบจุตาจุใจ

หากใครพาคู่รักมาดินเนอร์คงรู้สึกประทับใจอย่างไม่รู้ลืม นอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารหลากหลายสัญชาติ จิบค็อกเทลเบาๆ ยังมีดนตรีสุดแสนไพเราะให้ฟังอีกด้วย

“เบลล์ชอบมั้ยคะ”

“เบลล์อาจจะชอบมากกว่านี้ ถ้าไม่เคยมาที่นี่แล้ว”

‘เบลล์ อัมพิกา’ เอ่ยตอบเชรย์ด้วยน้ำเสียงพราวเสน่ห์ หญิงสาววัย 25 ปีที่มีใบหน้าสวยคมราวกับเป็นนางแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร เธอเป็นเลขาส่วนตัวของชัตและปัจจุบันยังมีศักดิ์เป็นเพื่อนเรียนปริญญาโทคลาสเดียวกับเชรย์

เบลล์เป็นทายาทของตระกูลที่ทำธุรกิจส่งออกอาหารแปรรูป แต่ที่เธอมาสมัครงานเป็นเลขาของชัตเพราะอยากเรียนรู้การเป็นลูกน้องก่อนจะขึ้นบริหารงานที่บริษัทของตัวเอง เบลล์สวย เก่ง ฉลาด เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ รวมไปถึงทายาทอันดับสองของตระกูลกาญจนะตากร

ชายหนุ่มประทับใจเบลล์ตั้งแต่แรกเห็น ท่วงท่าที่ดูนิ่งขรึมและงามระหงทุกกิริยายิ่งดึงดูดให้เชรย์อยากเข้าหาเธอ เขาเฝ้าตามจีบเบลล์มาหลายเดือนทว่าหญิงสาวกลับจีบยากกว่าที่คิด

แต่เป็นเพราะเธอวางตัวดียิ่งทำให้เชรย์รู้สึกท้าทาย เขาหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้วว่าแม่ของลูกในอนาคตต้องเป็นเบลล์ อัมพิกาเท่านั้น

ส่วนเด็กผีอย่างชอน อินชอนที่พ่อแม่เขาอยากให้แต่งงานด้วยน่ะเหรอ ไปอยู่กับโอปป้าที่เกาหลีเลยไป!

“ทำไมเบลล์ไม่บอกเชรย์ล่ะคะ ว่าเคยมาที่นี่แล้ว”

“เบลล์ก็แค่อยากรู้ว่าคนระดับเชรย์ จะพาสาวมาเดทที่ไหน”

“เชรย์ทำให้เบลล์ผิดหวังหรือเปล่า”

“เกินคาด เชรย์รสนิยมดีสมคมร่ำรือ”

ใบหน้าเจ้าเล่ห์ส่งยิ้มมุมปากเพื่อน้อมรับคำชม เธอทำให้เขารู้สึกประทับใจได้เสมอ

“เบลล์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะคะ”

“เชิญครับ” ชายหนุ่มมองตามหลังหญิงสาวที่เดินออกไปจนละสายตา เชรย์ได้แต่คิดในใจว่าตามจีบคนไม่ผิดจริงๆ เบลล์ช่างเหมาะสมและคู่ควรกับเขาไปหมดซะทุกอย่าง

“ค็อกเทลที่คุณเชรย์สั่งเพิ่มได้แล้วครับ”

“ขอบใจมาก” ร่างสูงปลายตามองแก้วค็อกเทลราคาแพงที่พนักงานเพิ่งเดินมาเสิร์ฟพลางยิ้มย่อง คืนนี้ตั้งใจว่าจะทำให้เบลล์ประทับใจในตัวเขาให้มากที่สุด

บรรยากาศสุดโรแมนติกบนดาดฟ้าก็ช่างเป็นใจ เขานั่งจิบค็อกเทลรอเบลล์กลับมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

ทว่าผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีก็ยังไม่มีวี่แววว่าหญิงสาวจะกลับมา อีกทั้งตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายตนเองเริ่มผิดปกติ ใจสั่น วาบหวิว รุ่มร้อนตรงอวัยวะส่วนล่างจนอยากปลดปล่อย จู่ๆ ความต้องการทางเพศพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน

สัดเอ้ย ใครใส่ยาปลุกเซ็กซ์ในค็อกเทลให้กูวะ!

ชายหนุ่มสบถในใจด้วยความโมโห ประสบการณ์บนเตียงผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนจนรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ตัวเองถูกวางยา เขาอยากไปตามหาเบลล์ที่จู่ๆ ก็หายตัวไปแต่ร่างกายกลับไม่เอื้ออำนวยเอาซะเลย

เชรย์จำเป็นต้องเช็กบิลและสั่งเปิดห้องกับพนักงานโรงแรมอย่างด่วนจี๋ ตอนนี้เขาต้องรีบไปจัดการกับอารมณ์กามของตัวเองเสียก่อน

 

แอ๊ด

“เชี่ย!!!” ใบหน้าหล่อเหลาเบิกตาโพลงพลางอุทานเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วพบว่ามีชายหนุ่มร่างอรชรสวมชุดคลุมอาบน้ำกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงขอบเตียงพร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้เขาอย่างเป็นมิตร

“เซอร์ไพรส์” แต่สำหรับเชรย์ไม่เคยอยากผูกมิตรกับเด็กผี!

“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ไง!?”

“อินชอนก็จองห้องกับโรงแรมน่ะสิ ทำไมเชรย์ถามเหมือนคนโง่อีกแล้ว”

“เชรย์อะไร กูเป็นพี่มึงตั้งสามปี”

“ก็อินชอนไม่ได้อยากให้เชรย์เป็นพี่อะ อยากได้เป็นผัว”

“ไปหาโอปป้ามาเป็นผัวเหอะเด็กผี กูไม่เอามึงแน่นอน”

“ไม่เอาจริงเหรอ”

“มะ มึงจะทำอะไร!?” เชรย์เดินถอยกรูดจนหลังชนกับประตูห้อง เมื่อชอนเดินเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว

“อินชอนช่วยเชรย์ได้น้า..”

“อ่าส์ มะ มึงอย่าจับตรงนั้น!” เชรย์เชิดหน้าสูดปากด้วยความเสียวกระสัน สัมผัสจากฝ่ามือน้อยของอินชอนที่กำลังลูบไล้ไปตรงเป้ากางเกงยิ่งกระตุ้นอารมณ์จนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้

“น้องชายของเชรย์ดิ้นใหญ่เลย สงสัยชอบให้อินชอนลูบ”

“มะ ไม่ กูไม่ชอบ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูกำลังต้องการเซ็กซ์”

“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็อินชอนเป็นคนใส่ยาปลุกเซ็กซ์ในแก้วค็อกเทลของเชรย์เองกับมือ”

ไอ้เด็กผีเอ้ย เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ สุดจะทนกับคนอย่างมึง!

 

 #เมียผมเป็นเจ้ากรรมนายเวร