1 ตอน เพียงนาทีที่เราหากัน
โดย Princess with Soul
เสียงโน้ตที่ผิดจังหวะทำให้ผมชักสีหน้าก่อนจะเริ่มเกากีตาร์ใหม่อีกครั้ง
เครื่องดื่มรสโปรด กระดาษจดโน้ตดนตรี กีตาร์ กับการรอคอยมันโครตน่าเบื่อ
ผมหยิบทุกอย่างที่จะช่วยผลาญเวลามาทำแล้วมันก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก สมองเริ่มคิดถึงตอนที่อยู่คนเดียวเมื่อก่อนผมทำอะไรกันนะ?
ภาพแฟลชแบ็กกลับไปถึงตอนที่ยังอยู่กับความสัมพันธ์ประหลาดอยู่...กับแฟนคนแรกที่คบด้วย วางแผนทุกอย่างเพื่ออนาคตที่วาดฝันไว้
ถึงแม้มันจะพังทลายมาหลายครั้งแต่ผมก็หมั่นสร้างฝันเดิมขึ้นมาด้วยคำลวงตัวเอง
การถูกนอกใจมันแย่ และการที่เรายังไม่สามารถออกจากกระแสของความฝันได้นั้นทำให้แผลในใจมันยิ่งสาหัส
ผมกับเธอคบกันตั้งแต่มัธยม ใคร ๆ ก็ต่างอิจฉาถึงความสัมพันธ์ที่เพอร์เฟคของเรา
หลายคนมักจะพูดว่าคู่ของเรามันเหมือนนิยายรักหวานชื่น ตลอดการคบกันมาเราไม่มีปัญหากันเลยเพราะมักจะเปิดใจคุยและเคลียร์กันตลอด
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เธอเริ่มโหลดทินเดอร์มาหาคนอื่นคุยด้วย คนที่สามารถทะเลาะกับเธอเรื่องเล็กน้อยได้ คนที่สามารถตื๊อเวลาเธอต้องการอยู่คนเดียว หรือแม้แต่ทำให้เธอสนใจจนทิ้งงานของเธอมาตอบแชตได้เป็นชั่วโมง
ทุกครั้งที่ผมจับได้เธอมักจะพูดว่านี่คือครั้งสุดท้ายแล้ว เรื่องแบบนี้วนไปมามากกว่าห้าครั้ง
เธอไม่ปล่อย ผมไม่ไป ฉุดรั้งกันให้อยู่ในสถานะแปลกประหลาดจมอยู่กับภาพฝันที่คิดตลอดมา
จนในที่สุดเราทั้งคู่ก็เริ่มห่างกันเรื่อย ๆ จนไม่รู้สึกอะไรแล้วถึงได้นัดกันไปคุยเรื่องความสัมพันธ์และอดีตที่สวยงามในสวนสาธารณะจากนั้นจึงแยกกันไปตามทาง
เธอเปิดตัวคบกับใครคนหนึ่งที่สบายใจ ส่วนผมก็ใช้ชีวิตตามปรกติออกกำลังกาย ไปเรียน และปาร์ตี้
อารมณ์เศร้า เหงา หรือโดดเดี่ยวไม่เคยอยู่ในสมองผมเลยอาจจะเพราะเธอปรานีค่อย ๆ ห่างจากผมไปจนผมสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้
ผิดจากตอนนี้
มากกว่าสามปีที่ผมเริ่มเบื่อชีวิตตัวเองทีละนิด ชีวิตที่เคยคิดว่าอยากใช้แบบนี้ไปอีกนาน ๆ เริ่มเปลี่ยนไปเพราะคนคนเดียว
ไอ้คนบ้างานที่ตอบผมแค่ก่อนเริ่มงานและหลังเลิกงาน
มันอ่านทุกข้อความของผมแทบจะทันทีถึงเขาไม่เคยบอกแต่ผมก็เอาหัวตัวเองเป็นประกันได้เลยล่ะ
แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนเขาก็ไม่เคยมีการตอบกลับในเวลางานเลย ยังดีที่เขาปรานีตอบผมทันทีถ้าเขาตื่นในวันหยุดแค่เวลาที่ต่างกันเกือบสี่ถึงห้าชั่วโมงก็แย่มากพอแล้วผมยังต้องอดทนรออีก
และใช่...คนที่พูดถึงคือแฟนคนปัจจุบันของผมเอง
เขาบอกผมว่าผมเป็นแฟนคนแรกของเขาแต่กลับดูไม่ได้ยึดติดกับผมขนาดนั้นแตกต่างกับที่ผมคลั่งรักเขาตั้งแต่วันแรกที่เห็นจนทุกวันนี้
ถ้าแค่เขาบอกว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะผมวิ่งไปยื่นใบลาออกจากบริษัทตอนนี้ยังได้
ติดที่คนเอาแต่ใจนั่นแหละที่ไม่ยอมแล้วบอกว่าประเทศนี้มันไม่มีอนาคตมากพอให้ผมย้ายไป
แล้วยังไง? ก็ผมอยากอยู่ด้วยตลอดนี่
เขาทำยังไงถึงอยู่ได้ปรกติโดยที่ไม่มีผมอยู่ข้าง ๆ อยากทำได้บ้าง
กีตาร์ที่เล่นมานานนับชั่วโมงถูกวางลงมือของผมแทนที่ด้วยเครื่องดื่มสีสวยแทน
แล็บท็อปเครื่องบางถูกเปิดขึ้นมาเพื่อใช้เปิดเพลงป้องกันความเงียบปกคลุม
umeshu ที่ซื้อมารอมีเกลื่อนห้องจนผมต้องหยิบมันขึ้นมาดื่มแทน อันนี้เขาก็ไม่ได้ขอเหมือนกันผมเสนอหน้าซื้อรอเขาเองอีกนั่นแหละ
จากที่ไม่เคยลองเหล้าผลไม้ ก็เพิ่งได้มาหยิบมาจับตอนที่มีเขาเข้ามาในชีวิตนี่แหละ
คิดถึงเป็นบ้า
ตอนนี้ถ้าที่ไทยคงประมาณสามโมง...ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน
Do you miss me?:ur heart
ข้อความมันค้างตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว ไม่ขึ้นว่าอ่านแล้วด้วยซ้ำไอ้คนใจร้ายเอ๊ย
ผมยกแอลกอฮอล์หมดแก้ว ยังไงนี่ก็วันศุกร์ดื่มซักขวดจะเป็นอะไร
เคยคิดว่าจะหาสัตว์มาเลี้ยงดีมั้ยก็ไม่ใช่คนชอบสัตว์ ถึงขนาดเคยตัดสินใจจะซื้อปลาก็โดนพี่เขาห้ามเพราะเหตุผลว่าถ้าน้ำเย็นปลาจะตายง่าย ยิ่งผมมันเป็นพวกเปิดแอร์แทบจะตลอดเวลายกเว้นวันที่หิมะหรือฝนตก
เห็นมั้ยล่ะ? เขาใจร้ายจะตาย
เวลาค่อย ๆ ไหลไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเพลงในเพลย์ลิสต์และขวดเปล่าที่เพิ่มมากขึ้นทีละขวด
จนทุกอย่างชะงักลงเมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์
ใจผมเริ่มเต้นถี่ และเรื่องจริงคือผมตื่นเต้นทุกครั้งที่คิดว่าพี่เขาตอบหรือส่งข้อความมาหา
"ทำไมห้องมืดขนาดนั้น? ไม่เปิดไฟเดี๋ยวตาก็เสียหรอก" ปฏิกิริยาแรกที่เห็นผมผ่านกล้องคือการขมวดคิ้วแล้วถามเรื่องแสงไฟ...
"..." ใจร้ายชะมัด
"ทำไมเงียบจัง เป็นอะไร?" พี่เขาหันกลับมาเมื่อวางกระเป๋าสะพายไว้ที่โซฟาแล้ว
"พี่ครับ พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลย" ปลายทางขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมกับสรรพนามที่ผมเรียกออกไป
that is bad reaction! เมื่อนึกขึ้นได้ถึงสะดุ้งสุดตัวเหมือนเด็กที่ถูกแม่จับผิดได้
"ดื่มอีกแล้ว ได้กินอะไรรองท้องรึเปล่าน่ะ" พี่ ไม่เคยเป็นสรรพนามที่หลุดออกมาจากปากของผมถ้าผมไม่เมา
ความต่างของอายุที่เกิน2ปีทำให้ผมชอบเรียกเขาแบบนั้นในภาษาไทยและใช่ ต้องเมาด้วย
"กินข้าวเย็นไปแล้ว" ผมตอบปัดความผิดของตัวเอง
"งั้นก็ดี" ดีสิ ดีที่ผมยังไม่ถูกด่าตอนนี้ยังไงล่ะ
"What about you?"
"Remen."
"Why you love Japanese food, I'm so boring." พี่เขาหัวเราะร่ากับสิ่งที่ผมแสดงออก
"And I love Japanese man too.If you wanna know." ปั่นประสาทกันอีกครั้งด้วยสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว
"But now you are mine." พี่เขากลอกตาใส่ผมแล้วลุกไปหาอะไรทำทันที
1-1 เสมอกันในรอบแรก
พี่เขาไม่ชอบอะไรหวาน ๆ หรือการหยอกล้อของผมเพราะเขิน และพี่เขาที่ไม่ชินมาตลอดสามปีด้วยนี่แหละมุมที่ผมชอบพี่เขาล่ะ
"ไหนคำตอบผมล่ะ" ผมทวงถามคำตอบจากเมจเสจล่าสุดที่ส่งไปแล้วยังไม่ได้รับคำตอบ
"อะไร?"
"รู้หรอกว่าพี่เปิดอ่านแล้ว ตอบมาเลย" ภาพที่เห็นกลายเป็นเพดานสีขาวในห้อง
รู้เรื่อง...เขาหนีการตอบคำถามของผมอีกแล้ว
"คุณครับ ถ้ายังไม่ตอบเดี๋ยวผมก็บินไปเอาคำตอบที่ไทยหรอก" ผมงัดไม้ตายมาอีกครั้ง
อาจจะเพราะนิสัยบ้างานพี่เขาถึงไม่ชอบให้ผมลางานเพราะการไปหาพี่เขาด้วยล่ะ
"จะมาทำไมเดี๋ยวเดือนหน้าก็ไปหาแล้ว" แต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นผมเองที่นิ่งงันจนเหมือนถูกสตาฟ์ไว้
"ยังไงนะ? พี่จะมาหรอ? เอาจริงหรอ?" ทุกอย่างไหลเข้าหัว คำถามทุกอย่างถูกเอื้อนเอ่ยออกไปโดยไม่ได้ผ่านความคิดด้วยซ้ำ
ผมต้องซื้อเครื่องดื่มที่พี่เขาชอบมารอมั้ย?
ที่เที่ยวล่ะ มีที่ไหนที่เขาอยากไปรึเปล่า?
แล้วมานานมั้ยวันหยุดผมยังพอรึเปล่า?
"ใจเย็นไอ้หมาเด็ก เมาก็ไปนอน"
"อย่ามาปัดคำพูด เมื่อกี้พี่พูดออกมาแล้วรับผิดชอบหน่อยหลุดปากแล้วพูดเลย" ปลายสายหัวเราะร่าอีกครั้ง อาจจะเพราะผมพูดภาษาไทยยาวเหยียด
ถ้าเป็นปรกติก็อาจจะไม่กล้าขนาดนี้หรืออาจจะไม่ชัดขนาดนี้
"พูดไปจะจำได้มั้ยล่ะ? ไม่ใช่ว่าตื่นมาก็ถามซ้ำอีกรอบนะ" รอยยิ้มเอ็นดูถูกส่งมาให้ผ่านวิดีโอคอลจนผมต้องรีบแคปไว้
ภาพหายาก! ภาพหายากมาก ๆ!
หลังจากสร่างเมาหรือตื่นพรุ่งนี้เช้าผมจะกลับมาดูว่าพี่เขายิ้มและมองผมแบบนี้จริง ๆ
"ถ้าถามอีกจะรำคาญหรอ" แกล้งทำเป็นเสียงอ่อนเพื่อล่อให้เขาตามใจ
ถึงจะไม่ชอบตอนพี่เขาดุเมื่อรู้ว่าผมไม่ยอมกินอะไรรองท้องหรือกินมื้อใหญ่ ๆ ในวันหยุดที่พี่เขาไม่อยู่ด้วยแต่ผมกลับชอบที่สุดเลยเวลาพี่เขามองผมตอนเมาเนี่ย เสียดายกดอัดวิดีโอหน้าจอไม่ได้เพราะฟังก์ชันแอพ
"โอเค ยอมก็ได้" ผมหลุดยิ้มเมื่อเขาหลบตามองที่อื่นแล้วแอบยิ้ม
บอกแล้วว่าพี่เขาก็แพ้ผมแต่ตอนผมไม่เมาชอบทำตัว like I'm a tomboy
แต่สำหรับผมไม่ว่ายังไงก็น่ารักหมดนั่นแหละ
ผมตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อออกกำลังกายแต่เมื่อพลิกหน้าจอมือถือมาดูกลายเป็นว่าคอลกับแฟนทิ้งไว้ปลายสายยังเปิดไมค์อยู่ภาพรอบด้านมืดกับเขาที่หลับสนิท
ผมปิดไมค์เพื่อตัดเสียงรบกวนที่อาจทำให้เขาตื่นแล้วจึงออกไปวิ่งลู่ข้างนอกห้อง
ถ้าให้เดาเมื่อคืนเขาคงพูดจนเผลอหลับไม่ก็มองผมเมาหลับนั่นแหละ
หางตามองเห็นขวด umeshu มากกว่าสองขวดทำให้ผมรู้ทันทีว่าโดนเหล้ารสหวานเล่นงานอีกแล้ว
มันคือเหล้าที่กินได้เรื่อย ๆ เมาไม่รู้ตัวและกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ที่ผมตายน้ำตื้น
ถ้าเขารู้ว่าผมเมาเพราะกินแค่นี้คงส่ายหน้ากลับมาแน่
ไม่รู้ทำไมกับพวกเหล้าผลไม้ไหลง่ายนี่เขาถึงคอแข็งกว่าผมหลายเท่า
เคลียร์ขวดเหล้าทิ้งถังขยะแล้วก็เริ่มวิ่งจริง ๆ สักที
แต่เหมือนผมพลาดอะไรไป อาจเพราะแสงที่ขยับไปมาถึงทำให้เขาตื่น
"แสบตาหรอ ขอโทษครับ"
"เปล่า ตื่นนี่แหละดีแล้วยังไม่ได้อาบน้ำเลย"
"ตอนนี้เวลาเท่าไหร่"ที่นี่ตีห้าที่ไทยก็คงประมาณตีหนึ่ง?
"ตีหนึ่งยี่สิบ" เคยพลาดที่ไหนล่ะ
"งั้นก็ไปอาบน้ำแล้วมานอนต่อยาว ๆ" เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ดังนั้นเขาจึงได้รับอภิสิทธิ์การพักผ่อนทันที
"แล้วนั่นตื่นเช้ามาวิ่งน่ะนะ? วันเสาร์?" เขาเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นผมสภาพเสื้อกล้ามและอยู่บนลู่วิ่ง
"ชอบซิกแพ็กไม่ใช่หรอเราอะ" ผมหยอกทันทีที่ได้ยินคำถาม อย่างว่าแหละแค่กลับจากออฟฟิศเขาก็หมดเวลาบนถนนมากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วจะให้มาออกกำลังกายร่างคงพัง
"เออ แล้วแต่เถอะ ไปอาบน้ำละ" ดูสิ่งที่ผมได้รับตอบแทนสิ หนีไปหยิบเสื้อผ้าสะงั้น
"เอาโทรศัพท์เข้าไปด้วยดิ"
"ตลกละ รออยู่ข้างนอกนี่แหละ" แล้วเขาก็ทิ้งผมไปอาบน้ำจริง ๆ ครับ
หนีไปโดยที่โทรศัพท์ตั้งหน้าจอทิ้งไว้บนหมอน
ตื่นเช้ามาเจอเขาเป็นความสุขประจำวันของผมไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ผมไม่พูดให้ได้ยินหรอก ไม่งั้นคงได้ยินเขาบ่นว่าผมคลั่งรักเขาอีกแน่ ๆ :)
- Princess with soul -
from other story
วูบหนึ่งที่ฝันถึง