1 ตอน 00 | cake
โดย passiongood
00
“เพื่อนนน .. ปฏิเสธแบบนั้นมันเป็นการหักหน้าเขาหรือเปล่าวะ?”
“มึงไม่เห็นเหรอว่าเขาหน้าเจื่อนเลย”
“กลับไปร้องไห้ซบอกเพื่อนด้วย สัด!”
เขาควงแก้วเหล้าในมือ แล้วก็ได้แต่คิดว่าน่ารำคาญชะมัด ทำไมเราต้องคอยรักษาน้ำใจใครมากมายหรือสำนึกผิดว่าการตอบออกไปตรงๆ ว่าไม่สนใจมันเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ เขาก็ทำถูกแล้วไม่ใช่หรือไง
ในเมื่อไม่ได้สนใจ
จะมีความจำเป็นอะไรต้องลองคุย
“you are heartless.”
“เสียดายหน้าตามึงจริง เป็นมึงนะจะพรินต์ไอดีไลน์มาโปรยแม่ง”
“เช่าป้ายบนทางด่วนแล้วแปะแม่งทุกป้ายเลยดีกว่า!”
“รำคาญ”
“พอเลย ยังไม่ชินอีกเหรอวะพวกมึง”
นั่นน่ะสิ ..
ยังไม่ชินกันอีกเหรอ
ก็เป็นมาตั้งนานแล้ว
“ไปสูบบุหรี่แป๊บนะ”
“เออครับ”
เจ้าของใบหน้าคมคายกระดกเหล้าอึกใหญ่ๆ ก่อนปลีกตัวออกมา
ผ่านหลายสายตาที่จดจ้อง
สายตาที่เขาไม่เคยเข้าใจ
ความสัมพันธ์ฉาบฉวยน่าคว้ามาครอบครองขนาดนั้นเลยเหรอ ..
รักมันก็แค่เรื่องประโลมโลกที่คนดันให้ค่าว่ามีความหมายต่อหัวใจ สำหรับเขาแล้วไม่จำเป็นเลย ไม่ใช่ว่ารักเป็นเรื่องขลาดเขลา เพราะเขาก็เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ แต่รักดีๆ ที่มีแต่ความสบายใจมันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เขาอยู่ได้โดยไม่ต้องมีพันธะผูกมัดในชีวิต ขอแค่เพื่อนไม่กี่คนที่จริงใจต่อกันก็พอแล้ว เปล่าประโยชน์ที่จะเดินเข้าไปในวัฏจักรที่มักเริ่มต้นอย่างสวยงาม แต่สุดท้ายกลับจบลงแบบเจ็บปวดปางตาย แตกสลายและกลายเป็นแผลในหัวใจไปตลอด
โคตรไร้สาระ
ถึงได้พนันกับตัวเองไว้แล้ว
ชาตินี้คงไม่มีวันย่างกรายเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่า ‘รัก’ เด็ดขาด
ไม่มีวัน
มือขาวที่มองเห็นเส้นเลือดปูดโปนอย่างชัดเจนหยิบบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นมาจุด พ่นกลุ่มควันสีขาวขุ่นออกจากปากให้ลอยตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนกลุ่มเมฆขมุกขมัว เขาทิ้งสายตาแต่ไม่ได้โฟกัสตรงไหนเป็นพิเศษ เลยไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนนั่งยองๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน
จนกระทั่งเสียงกระแทกกระทั้นดังขึ้นมา
“ไปตายที่ไหนก็ไป!”
“...”
“เออ! ชีวิตที่เคยมีคุณแม่งโคตรเฮงซวย!”
“...”
ควันบุหรี่ที่ถูกพ่นออกจากปากพัดพาเอาความเหนื่อยหน่ายและเรื่องน่าหงุดหงิดรำคาญใจออกไปด้วย มันถูกแทนที่ด้วยนิโคตินที่ทำให้สมองเขารู้สึกโปร่ง คลายปมหว่างคิ้วออกจากกันได้บ้าง และมันคงจะดีหากมีเวลาสักห้านาทีให้สมองเขาได้พักผ่อน .. แล้วนี่คืออะไร เขาไม่ได้ตั้งใจมานั่งฟังปัญหาชีวิตของใคร ไม่ได้ตั้งใจจะมานั่งเป็นสักขีพยานในการแตกสลายเป็นเสี่ยงของใครโดยบังเอิญเลย
แต่จะทำยังไงได้วะ
ไม่ทันแล้ว
“go fuck yourself! I don’ t give a shit!”
“...”
“thank you for all damn thing! and being such a bad ex!”
ดวงตาคมๆ เหลือบหางตามองผ่านม่านควันบุหรี่พลางคิดในใจ
เป็นคนแบบไหนวะ
ด่าไฟแล่บ แต่ก็ขอบคุณปิดท้าย
“no way! go to fucking hell!”
เนี่ยแหละจุดจบของวัฏจักรที่ว่า
“อึก! ไอ้บ้าเอ๊ยย เสียเวลาชีวิต!”
“...”
ใครบางคนที่นั่งพ่นควันเงียบๆ เขยิบตัวแชร์พื้นที่ที่มีอย่างจำกัดให้อีกคนนั่ง ปกติเขาจะลุกเดินหนีไปเฉยๆ หากเป็นเรื่องอะไรที่ไม่อยากยุ่ง แต่คนที่เพิ่งหย่อนตัวดันฟูมฟายเหมือนจะตายและต้องการใครสักคนรับฟัง
“มันช่วยจริง ฮึก .. จริงปะครับ”
“...”
“บุหรี่เนี่ย ช่วยให้ลืมเรื่องเหี้ยๆ ได้หรือเปล่า”
“...”
“I’ m sorry for using thai, it’ s ma— ma my mother tongue.”
คนฟังชะงักมือที่กำลังจะจรดบุหรี่ที่ปาก
เมื่อเพิ่งตระหนักได้ว่าที่ตรงนี้ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากเขาคนเดียว
กับอีกคนที่เพิ่งปาของแข็งบางอย่างกระแทกกับผนังจนเกิดเสียง
“ฮึก”
“...”
“ca— can I borrow for a while?”
“!!!”
และเขาเพิ่งจะเข้าใจว่านั่นไม่ใช่ประโยคคำถามก็ตอนที่ใครบางคนดึงบุหรี่ไปจากมือ สัมผัสฉิวเฉียดตอนมือพวกเขาแตะโดนกันทิ้งทวนความงุนงงไว้ให้เจ้าของบุหรี่จนต้องขมวดคิ้วมองหน้าตัวการที่ริบมันไปสูบอย่างหนักหน่วงจนสำลัก
“แค่กๆ ... ฮึก แค่ก!”
“...”
เหอะ
อ่อน
“fuck!”
“!!!”
แย่งไปจากมือก็ว่าแย่แล้ว แต่คนที่ยังสำลักควันขว้างบุหรี่ของเขาลงบนพื้น มันจุดชนวนให้ซากกระดาษทิชชูที่พวกมือบอนทิ้งเกลื่อนกลาดเอาไว้ตรงนั้นค่อยๆ ติดไฟเป็นเปลวเพลิงขนาดย่อม เผาไหม้ทุกอย่างรอบตัวจนมอด เช่นเดียวกันกับความรัก ความเชื่อใจของใครบางคนที่เพิ่งถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นซากปรักหักพัง จนมองไม่ออกว่าก่อนหน้ามันเคยเป็นอะไรและสวยงามแค่ไหน
เป็นคนที่มีแต่ความงุนงงในหัวที่ลุกไปดับเพลิงเล็กๆ ด้วยรองเท้า
เขาเหยียบ บดขยี้ จนมันมอดดับ
แสงไฟสลัวจากหน้าร้านทำให้มองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเจนนัก และปกติเขาไม่ใช่คนที่จะมายืนพินิจพิจารณาใคร แต่ด้วยแสงที่มีอย่างจำกัดกับความมืดสลัวยามราตรีที่ไร้การปรากฏตัวของพระจันทร์ทำให้เขามองเห็นลางๆ ว่าใครคนนั้นตัวผอมและสูง ใส่เชิ้ตขาวแขนยาวพับแขนกับยีนส์ขาสั้นขาดๆ และรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ ผิวขาวเหมือนเปล่งแสงได้ท่ามกลางความมืด แม้จะเห็นหน้าตาไม่ค่อยชัด แต่แปลกที่เขาดันเห็นความเจ็บปวด ความรวดร้าว และการแตกละเอียดของบางอย่างชัดเจน
ใครคนนั้นแค่นหัวเราะทั้งน้ำตาในขณะที่เขาเก็บซากไหม้ๆ ไปทิ้งลงถังขยะ
และกลับมายืนกอดอกข้างม้านั่งตัวเดิม
ทั้งที่ความจริงควรเดินจากไป เพราะไม่มีธุระอะไรหลงเหลือแล้ว
“ถ้าความรักแม่งจะเฮงซวย ..”
“...”
“ไม่มี อึก— ก็ดีเนอะ”
มันเป็นประโยคเจือความเจ็บปวดที่เขาคาดเดาไม่ได้เลยว่าอีกคนไปพบเจอความรักในรูปแบบไหนมาถึงได้นิยามมันว่าเฮงซวยได้เต็มปาก ความรวดร้าวและเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดที่แสดงออกผ่านสีหน้ามันสะเทือนใจคนที่ไม่เคยคิดจะเข้าไปเกี่ยวพันกับสิ่งสวยงามจอมปลอมที่เพิ่งตลบหลังทำร้ายใครคนนึงให้ร้องไห้เหมือนกำลังจะขาดใจตายอย่างเขา
เหมือนกับโลกกำลังถล่มลงมา
“แค่ยังไม่ถึงเวลายอมให้เอา— ต้องไปเอากับคนอื่นด้วยเหรอวะ”
“...”
“แค่นอกกายแต่ไม่เคยนอกใจ”
“...”
“นิสัยโคตรเลว”
“แล้วการโยนบุหรี่คนอื่นทิ้งนี่เรียกว่านิสัยยังไงเหรอ?”
“คะ คุณ— อึก ผะ ผมขอโทษ”
ท่าปาดน้ำตาลวกๆ การกล่าวคำขอโทษปนเสียงสะอื้นกับใบหน้าสำนึกผิดที่หันมามองกันชัดๆ อยู่ในสายตาคนที่ไม่เคยคิดจะยุ่งเรื่องของใครแต่แรก ใบหน้าที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตา แววตาเศร้าๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปวดร้าวกับความรักที่เพิ่งพังทลายลงหรือรู้สึกผิดที่ปาบุหรี่นั่นทิ้งไป
ตรึงสายตาเขาเอาไว้
เนิ่นนาน
“คุณพูดไทยได้เหรอ— นั่งมั้ย”
“อืม”
เป็นครั้งแรกเลยที่เขาตอบรับคำเชิญชวนของคนแปลกหน้า บางคนขยับตัวไปนั่งตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ก่อนเพื่อแบ่งพื้นที่ให้กัน กลิ่นควันบุหรี่เจือจางไปกับสายลมเอื่อยๆ ที่พัดผ่านพวกเขาไปในค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้ดาวและเงาจันทร์ เหลือเอาไว้เพียงกลิ่นหอมอ่อนจางที่น่าจะมาจากตัวคนข้างๆ และเสียงดนตรีสดที่ดังคลอจากในร้าน
พวกเขานั่งเงียบ มองความมืดมนบนผืนฟ้า
และไร้ซึ่งบทสนทนาใด
‘อยากให้ลมหายใจ สุดท้าย
ได้หมดไป ... ในตอนนี้
มันเจ็บจนเกินรับไหว
หัวใจ’
“โคตรเสียใจเลยว่ะ ..”
ผืนฟ้ากว้างที่มืดมิดค่อยๆ พร่ามัวเมื่อหยาดน้ำตาเอ่อล้น
แม้ว่าจะเงยหน้าต้านทานแรงโน้มถ่วง
แต่พายุฝนก็ยังคงตกหนัก กลางใจเขา
เปียกปอน ชุ่มโชกไปด้วยความผิดหวัง
หากใครสักคนต้องเป็นคนผิดในเรื่องนี้
คงเป็นเขา .. ที่ผิดเอง
‘มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป ..
มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้
มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ
ผิดตรงที่ไว้ใจ’
มนุษย์เราบางทีก็โง่เขลา
เอาหัวใจไปมอบให้ใครย่ำยีเพื่อแลกกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่าง ‘ความรัก’
จะโทษใครได้
เต็มใจให้เอง
คนที่จุดไฟแช็กเล่นเงียบๆ มองภาพคนข้างกายที่ปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่คิดจะซับออก เขาไม่รู้ว่าวิธีการที่อีกคนกำลังทำมันช่วยชะล้างความเจ็บปวด เยียวยาความเสียหายภายใน และประกอบสิ่งที่แหลกละเอียดเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงเดิมได้มั้ย เขาไม่เข้าใจความรู้สึกใดๆ ของคนที่นั่งข้างกายเพราะไม่เคย ..ไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองเฉียดเข้าใกล้
สิ่งที่เรียกว่ารัก
หลุมพรางขนาดใหญ่
ที่ใครต่อใครต่างยินดี
ยินดีล่วงหล่นลงไป
“ขอบคุณ”
“...”
และไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมถึงยื่นมือออกไปซับน้ำจากลำธารเล็กๆ นั่นให้ ลำธารแห่งความโศกเศร้าของคนแปลกหน้าที่เขาคิดว่ามันคงไม่ได้ช่วยเยียวยาสิ่งใด ยิ่งปล่อยให้ไหลยิ่งจมดิ่งลงไปในแหล่งน้ำที่ตัวเองสร้างขึ้น ล่วงลึกจนถึงก้นบึ้งที่มืดมิด เคว้งคว้าง และว่างเปล่า ไม่มีที่สิ้นสุด
“มหาสมุทรมีน้ำมากพอแล้ว”
“...”
“คุณไม่ต้องไปเพิ่มปริมาณให้มันหรอก”
“บ้าจริง”
คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแต่นัยน์ตายังเศร้า
สายลมของฤดูฝนพัดผ่านพวกเขาไป หยาดน้ำตาสิ้นสุดลงแล้ว พร้อมๆ กับท้องฟ้าที่เปิดออก เมฆขมุกขมัวก่อนหน้านั้นเคลื่อนตัวแยกออกจากกันเปิดทางให้พระจันทร์ดวงใหญ่ออกมาทำหน้าที่ปลอบใจใครบางคน
“ขอบคุณนะ คุณ ..”
“...”
อีกสิ่งที่เขาไม่เคยทำ
การแนะนำตัวกับคนแปลกหน้า
ไม่เคยเลย ..
“เค้ก”
“เป็นชื่อที่น่ารักดีนะ”
“...”
“เรา ทอย”
“...”
“ทอยที่แปลว่าของเล่นนั่นแหละ”
แสงนวลๆ ที่ส่องสว่างไม่มากจากเก่าไล้กรอบหน้าทอยจนเค้กสามารถมองเห็นและเก็บรายละเอียดบนใบหน้าของอีกคนได้คร่าวๆ ในเวลาที่พวกเขาหันมาสบสายตากันอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาเศร้าๆ สะท้อนเงาของเขาในความมืด ร่องรอยความเจ็บปวดยังคงมองเห็นได้ประปรายจากรอยยิ้มที่ดูฝืนกำลังแรงเต็มทน
“แต่ตอนนี้ไม่พร้อมจะเป็นของเล่นให้ใครแล้ว”
พวกเขาสบตากันเพียงแค่ชั่วขณะและผละไปมองฟ้าเช่นเคย ดวงจันทร์หายไปอีกครั้งด้วยการบดบังของเมฆก้อนใหญ่ .. ผ่านมาและผ่านไป เหมือนแค่ต้องการสาดแสงลงมาชั่วคราว ไม่ถาวร เฉกเช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์นี้ที่ต่อให้พวกเขาทำความรู้จักกันไปก็เท่านั้น เพราะเขาแค่ผ่านมารับฟังโดยบังเอิญ ผ่านมาให้เกิดกระบวนการทางความคิดบางอย่างในหัวว่าไม่ควรเอาใจไปให้ใครทำลายเล่น และไม่ควรเป็นใครคนนั้นที่เข้าไปสร้างความบอบช้ำให้กับคนที่ศรัทธาในรัก
คนที่ศรัทธา
หรือเคยศรัทธา
“ขอบคุณที่รับฟังนะครับ”
“...”
“ผมต้องไปละ”
“...”
ดวงตาสีสวยมองตามคนที่ลุกเดินไปเก็บซากโทรศัพท์มือถือที่ตัวเองเป็นคนปากระแทกผนังร้านเหล้าจนแหลกไว้ในมือ เขาอยากตอบอีกคนกลับไปเหลือเกินว่าไม่ได้รับฟังอะไรเลย แต่มันก็ดันขัดกับสิ่งที่เพิ่งจะทำ
“บาย”
แผ่นหลังของคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ก่อนหน้าค่อยๆ ไกลออกไป ไม่ได้เดินเลี้ยวกลับเข้าร้าน หากแต่เดินออกไปไกลเรื่อยๆ จนเค้กเดาเอาว่าทอยน่าจะมาคนเดียวหรือไม่ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องกลับเข้าไปนั่งกระดกแอลกอฮอล์ฟังเพลงในร้านเหล้าที่มีแต่จะเศร้าขึ้นเรื่อยๆ
จากที่เห็นการแตกสลายกับตาตัวเอง
มันทำให้เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เชื่อมั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ชาตินี้เขาคงไม่รักใคร ..
ไม่มีวัน
เพราะวางเดิมพันไว้สูง
เดิมพันด้วยตัวและหัวใจไปหมดแล้ว
tbc.
#เดิมพันของเค้ก
genre : feel good 1,000,000%
there are not too much drama.
I do promise you guys! ദ്ദി •᷄ɞ•᷅
this story could be s h o w n you
the steps of falling for someone,
unconsciously :•)
Comments (0)