2 ตอน ตอนที่ 2
โดย ดวงดาหลา
แสงไฟข้างทางถูกแทนที่ด้วยแสงตะวัน ดวงอาทิตย์กลมโตดวงใหญ่ส่องประกายเจิดจ้า
บริษัท JERTINAI
สถาปัตยกรรมทรงสี่เหลี่ยมสูงระฟ้า บริษัทแห่งนี้ตั้งตระหง่านใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน เมืองที่ไม่มีวันหลับใหล
ชรัญญาถอดหมวกนิรภัยออกแล้วแหงนหน้ามองไปยังบริษัท JERTINAI ที่เรียกตัวหญิงสาวมาเพื่อสัมภาษณ์งานด้วยเงินเดือนที่มากกว่าที่เดิมถึงสองเท่า
หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นนกพิราบตัวใหญ่บินไปเกาะอยู่บนยอดสี่เหลี่ยมสมมาตร
บริเวณทางเข้ามีป้ายเขียนไว้เป็นตัวอักษรสามมิตินูนเป็นสันสีเงินวาววับดูแล้วงดงามจับตายิ่ง
บริเวณป้ายนั้นดับประดาด้วยพุ่มไม้กอใหญ่ ใบไม้สีเขียวสดโน้มเอนลงราวกับเชื้อเชิญให้หญิงสาวก้าวเข้าไปใกล้
“วันนี้พ่อไม่ได้มารับนะ” สารวัตรบวรกตบิดาของหญิงสาวเอ่ยขึ้น ขณะเก็บหมวกนิรภัยให้หญิงสาว
“ตั้งใจทำงานนะแอมป์” บิดาของเธอเอ่ยสั่งแกมกำชับราวกับเธอเป็นลูกน้อง
“ค่ะ คุณพ่อ” ชรัญญาเอ่ยขึ้นแล้วลอบมองสีหน้าสุขใจของ ‘สารวัตรบวรกต’ ผู้เป็นบิดา
“แอมป์กลับเองได้ค่ะ’ ชรัญญาเอ่ยอย่างมีความสุข หญิงสาวโบกมือให้กับบิดาของเธอ
ชรัญญาผลักประตูเข้าด้านไปในบริษัท JERTINAI ภาพตรงหน้าของชรัญญาเป็นสตรีวงหน้ารูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลหยักศกทิ้งตัวลงอย่างมีน้ำหนัก
“สวัสดีค่ะ ที่สมัครไว้ตำแหน่งหัวหน้ากราฟิกดีไซน์เนอร์ใช่ไหมคะ” โอเปอร์เรเตอร์คนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้ากำลังคิ้วขมวดปมใหญ่อยู่
“ใช่ค่ะ” ชรัญญาตอบเสียงหวาน หญิงสาวมองสบสายตากับพนักงานหญิงคนนั้นด้วยแววตากระฉับกระเฉงทันที
“เดี๋ยวนั่งรอสักครู่นะคะ” โอเปอร์เรเตอร์กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดูเป็นมิตรกว่าใครที่ชรัญญาเคยพบเคยเห็นมาก่อน
“ได้ค่ะ” ชรัญญาเอ่ยรับคำสั้นๆ
หญิงสาวกวาดสายตาสำรวจรอบห้องอย่างสังเกตสังกา ห้องรับแขกโอ่อ่าบรรจุคนได้มากกว่ายี่สิบคนในห้อง ผนังห้องทาสีเนื้อครีมสะอาดตา
ปลายเท้าคัชชูรองเท้าคู่ใจของชรัญญาพาหญิงสาวไปยังเก้าอี้บุนวมเนื้อดี ชรัญญานั่งลงตรงเก้าอี้รับแขกตัวยาว
มือเรียวบางของพนักงานสาวเอื้อมต่อสายโทรศัพท์ถึงท่านประธานผู้บริหารของบริษัทเครื่องสำอางแห่งนี้
“คุณชรัญญาคะเดี๋ยวเชิญเข้าพบท่านประธานก่อนนะคะ ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสิบเจ็ด เดินไปจนสุดทางนะคะ ห้องจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ” สตรีคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณค่ะ” ชรัญญาเอ่ยกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวล
ชรัญญาไม่รีรอมากนัก รองเท้าคัชชูคู่ดำตัวเก่งสาวเท้าไปยังลิฟต์แก้วที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวกดลิฟต์แก้วแล้วยืนรออยู่ตรงนั้นสักพักใหญ่ ไม่นานนักบุรุษคนหนึ่งก็สืบเท้าเข้ามาพร้อมกับเอกสารพะรุงพะรังกองใหญ่
“สวัสดีค่ะ พี่ภพ” เสียงของโอเปอร์เรเตอร์สาวทักทายอย่างอารมณ์ดี
ชรัญญาหันไปตามต้นเสียงทันที พลันหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างสุดขีดเมื่อพบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียดดุจหิมะ
ดวงหน้าคมคายมีเหงื่อซึมเล็กน้อย หากแต่ชรัญญากลับจำเขาได้ดี ชายหนุ่มตรงหน้าคือรุ่นพี่วรุณภพ สำราญ รุ่นพี่ที่เรียนโรงเรียนเดียวกันกับเธอตั้งแต่มัธยมต้น
วรุณภพเป็นรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโรงเรียนตอนนั้นเท่าที่หญิงสาวจำได้ เขาเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน ขณะเดียวกันวรุณภพก็เรียนเก่งเสียจนใครต่อใครอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถบๆ
รุ่นพี่ของชรัญญาเรียนได้เกรดสี่มาโดยตลอด ชรัญญาได้พบรุ่นพี่ผ่านเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอไม่อาจลืมเขาได้อีกเลย
“คุณครับลิฟต์มาแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยดึงสติหญิงสาวตรงหน้าให้กลับมาเผชิญความเป็นจริง
ไม่นานนักประตูลิฟต์ก็เปิดกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มคนดังกล่าวสาวเท้าเข้าไปด้านในลิฟต์แก้วก่อนแล้ว
ชรัญญาตัดสินใจรวบรวมความกล้า กลั้นหายใจสุดแรงเกิด สาวเท้าเดินตามเข้าไปด้านในลิฟต์ ดวงตาคู่หวานสวยเร้นรอยประหม่า
“ขอบคุณค่ะ” ประตูลิฟต์ปิดลงทิ้งความงุนงงของโอเปอร์เรเตอร์สาวไว้แต่เพียงเบื้องหลัง
ภายในลิฟต์มีเพียงลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างอึดอัด ดวงตาคู่คมกวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างคุ้นเคย ไม่นานนักวรุณภพก็ทักออกมา
“ชรัญญาใช่ไหม” เสียงเข้มเรียกทำเอาไหล่บางสะดุ้งไหวสุดตัว
ทั้งที่ๆ หญิงสาวยืนหันหน้าออกจากตัวลิฟต์แก้วแล้วแท้ๆ
“ค่ะ…ใช่ค่ะ” ชรัญญากลั้นใจตอบรุ่นพี่หนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นท้ายประโยคชรัญญาสัมผัสได้ว่าเขากำลังเย้ยหยันเธอในลำคอ
ชายหนุ่มแค่นยิ้มให้กับตนเองก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์ชั้นสามเปิดออกพอดี
“สวัสดีค่ะ พี่ภพ” เสียงหวานแหลมอย่างมีจริตเอ่ยขึ้นภายในลิฟต์
ชรัญญาเงยหน้ามองไปยังสตรีตรงหน้า เธอสวมชุดทำงานรัดรูปเสียจนเห็นสัดส่วนชัดเจน ดวงตาคู่สวยสบสายตาให้กับชายหนุ่มอย่างไม่ปิดบังในความรู้สึกของตนเอง
ดวงหน้าสวยหมดจดไร้ไฝฝ้า เรือนไหมสีน้ำตาลอ่อนดัดลอนเข้ารูป หญิงสาวผู้มาใหม่แต้มริมฝีปากสีแดงสด
วรุณภพหลุบสายตาลงทันที่หญิงสาวผู้มาใหม่สบสายตาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกของตนเอง
ดวงหน้าคมคายของวรุณภพแดงก่ำ ชายหนุ่มลอบมองปฏิกิริยาของชรัญญา หากแต่ก็พบกลับว่าชรัญญาตีสีหน้าเรียบเฉย
“สวัสดีค่ะ น้องเมย์” วรุณภพตอบกลับอย่างเสียไม่ได้ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ใครๆก็รู้กันว่า ‘ภาวดี ติรา’ เป็นผู้ทรงอิทธิพลในบริษัทเครื่องสำอางแห่งนี้นั่นก็เพราะหญิงสาวอยู่ในระบบอุปถัมป์ของคุณสุชลญาติห่างๆของคุณสุชาติประธานบริษัท JERTINAI แห่งนี้
ภาวดีส่งสายตาหวานเสียจนชรัญญารู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ หญิงสาวเพียงเหลือบมองไปยังลิฟต์ที่กำลังไต่ระดับไปสูงจนถึงชั้นสิบเจ็ด
ชรัญญาแอบสืบรู้มาอย่างลับๆว่า ‘ภาวดี ติรา’ เป็นแฟนเก่าของวรุณภพจากเฟสบุ๊คส่วนตัวของชายหนุ่ม รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบ ทำให้เธออดช้ำใจไม่ได้จนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน
บรรยากาศในลิฟต์ชวนอึดอัดกว่าเดิม ชรัญญาแอบถอนใจออกมาเล็กน้อยเมื่อพบกับรุ่นพี่ที่แอบชอบในที่ทำงานใหม่
หญิงสาวมองเห็นอนาคตความวิบัติแต่เพียงรำไร จากนี้ไปเธอคงต้องทำงานร่วมกับวรุณภพแน่นอน เพราะเธอรับรู้ว่าเขาน่าจะเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดจากป้ายชื่อที่ทำงานของเขา
ประตูลิฟต์ชั้นสิบเจ็ดเปิดออก หญิงสาวสาวเท้าออกมาอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวไม่แม้แต่เอ่ยลาวรุณภพ รุ่นพี่หนุ่มที่โรงเรียนมัธยมเก่า ชรัญญาเดินไปตามทางที่โอเปอร์เรเตอร์สาวบอก
‘ตรงไปด้านซ้ายจะเจอห้องอยู่ค่ะ คุณชรัญญาเคาะประตูเข้าไปได้เลย ท่านประธานรออยู่ข้างในเรียบร้อยแล้วค่ะ’
มือเรียวสวยเคาประตูอย่างแผ่วเบาสามครั้ง หญิงสาวเปิดเข้าไปด้านในด้วยใจที่เต้นระส่ำราวกลองรบ
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าชรัญญาเป็นภาพบุรุษวัยกลางคน ชายหนุ่มคนนั้นสวมสูทสีดำสนิทยาวพอตัว เสื้อเชิ้ตสีแดงสดซ่อนอยู่ด้านใน เขาเชื้อเชิญให้เธอนั่งลงอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ” ชรัญญาไหว้อย่างนอบน้อม แล้วเอ่ยคำทักทายขึ้นอย่างสุภาพ
บุรุษตรงหน้ามีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วเข้ม จมูกโด่งรั้นเชิดขึ้น ดวงตาคู่คมฉายรอยมั่นใจเด่นชัด จนชรัญญาอดสัมผัสไม่ได้
“สวัสดีครับ...คุณชรัญญา” เสียงทุ้มของบุรุษตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเธอ
“สวัสดีค่ะ” ชรัญญากล่าวแล้วพนมมือไหว้อย่างสุภาพอีกคำรบ
“นามสกุล จงเลิศจิตรากุลนะครับ” ซีอีโอหนุ่มของบริษัทเครื่องสำอางเอ่ยทวนชื่อของเธอ
“ตำแหน่ง…หัวหน้ากราฟิกดีไซน์เนอร์ใช่ไหมครับ”
ชายหนุ่มเว้นวรรคเล็กน้อยให้หญิงสาวตื่นเต้นนิดหน่อยแล้วจึงเอ่ยคำต่อไป
“ค่ะ...ใช่ค่ะ” ชรัญญาตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ครับ ผมสุชาตินะครับเป็นประธานบริษัทแบรนด์เครื่องสำอาง JERTINAI ครับซึ่งเป็นเครื่องสำอางสำหรับกลุ่มสุภาพสตรี” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ที่เก่าทำงานที่ไหนมาครับ” สุชาติเอ่ยถามพลางอ่านกระดาษใบสมัครงานในมือของเขา
“ค่ะที่เก่าแอมป์ทำ Start Up เกี่ยวกับหนังสือมาค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย
“โอเค เดี๋ยวผมจะพาไปรู้จักทีมของคุณ และคุณแอมป์ต่อไปนี้คุณขึ้นตรงกับผม” คุณสุชาติเอ่ยขึ้น
“ค่ะ” ชรัญญาขานรับคำหนักแน่น
“งั้นผมขออธิบายหน้าที่ของคุณแอมป์ให้ฟังก่อน” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ได้ค่ะ” หญิงสาวขานตอบ
“หน้าที่ของคุณคือบริหารจัดการบุคลากรทีมอาร์ตขององค์กรเราให้เป็นไปตามเป้าหมายของ JERTINAI” เสียงของคุณสุชาติเอ่ยอย่างภาคภูมิใจเมื่อกล่าวถึงแบรนด์ของเขาที่ปั้นมาด้วยตนเอง
“ค่ะ ดิฉันจะทำให้เต็มที่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างหนักแน่นกว่าเดิม
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะพาคุณไปอีกห้องหนึ่งที่มีฝ่ายการตลาดอยู่ด้วย” คุณสุชาติเอ่ยขึ้น
“ค่ะ” หญิงสาวเพียงรับคำสั้นๆ
“มา…ตามผมมา” คุณสุชาติเอ่ยพลางเดินนำหน้าออกจากห้องไป
ฝ่ายการตลาด
“อ้าวพี่” เสียงเรียกของชายหนุ่มรุ่นน้องทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาการเขียนงานฝ่ายการตลาด
“ว่า” วรุณภพเอ่ยตอบเสียงดังชัด
“วันนี้คุณสุชาตินัดประชุมทีมการตลาดรวมกับทีมฝ่ายอาร์ต” เสียงของลูกน้องหนุ่มดังขึ้นใกล้ชายหนุ่ม
“อืม” วรุณภพรับคำสั้นๆ
วรุณภพตอบสั้นแล้วก้มหน้าก้มตากับโปรเจ็คงานใหญ่ต่อ หากแต่หูสองข้างของเขายังคงแอบฟังบทสนทนาของลูกน้องหนุ่มอย่างสังเกตสังกา
“พี่เห็นเขาว่าได้หัวหน้าฝ่ายอาร์ตมาใหม่” มอสเอ่ยขึ้น
“รู้แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยพลางเอื้อมมือเปิดกระดาษหน้าถัดไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“โห...พี่เห็นเขาว่า คนนี้คุณสุชาติไปหามาเองเลยนะ การันตีนักเรียนทุนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังด้วยนี่” เสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ก็คนนี้แหละที่คุณสุชาติเขาแบบ”ท้ายประโยค
เอ่ยแกมเย้ยหยัน
“แบบอะไร” วรุณภพเงยหน้ามองคนพูดอย่างลืมตัวแล้วนึกโมโหตนเองที่เงยหน้าใส่ใจเรื่องราวของเด็กสาวคนนั้น
“แบบเต้ได้ยินข่าวมาว่าแบบคนที่ใช่ไงครับ”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเลิกลั่ก
“คนที่ใช่…ไปไปทำงานได้แล้ว”
เสียงเข้มของวรุณภพเอ่ยขึ้นเป็นสัญญาณให้เด็กหนุ่มไปทำงานได้แล้ว
“มอสไปเอาแฟ้มราคาหัตถการมาให้พี่หน่อย”
วรุณภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“สม” เต้เอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง
“เต้ไปกับมอสไป” หัวหน้าฝ่ายการตลาดเอ่ยแกม
สั่ง
“มาด้วยกันเลยไอ้คุณเต้” มอสเอ่ยขึ้นแล้วเดิน
ออกจากโต๊ะทำงานไป
“ครับคุณเพื่อน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแล้วเดินออกไป
พร้อมกับเพื่อนร่วมงานของเขา
วรุณภพนั่งนิ่งงัน ในหัวสมองของเขากำลังประมวลผลอย่างหนัก
ภาพที่ปรากฎคือรุ่นน้องที่เขาเคยได้ยินข่าวมาว่าแอบชอบเขา หากแต่ทุกครั้งที่เจอกันหญิงสาวกลับไม่เคยแม้แต่จะสบตา
แม้แต่เสียงหวานใสที่ควรจะเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นบุญหูสักนิดยังไม่มีเลย สงสัยคงกลัวดอกพิกุลเงินพิกุลทองหลุดออกจากปาก
ชรัญญาเป็นรุ่นน้องที่ศึกษาในโรงเรียนมัธยมเดียวกันกับเขา หากแต่เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาไม่คิดจะลืมเลือน...แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตาม
ภาพเรียวขาและผิวขาวนวลละเอียดดุจนางสวรรค์ปรากฎขึ้นในหัวของชายหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้ง
วรุณภพสะบัดไล่ความคิดในหัวที่มีทั้งหมดออกไป เพียงแค่เห็นหน้าก็เป็นเอามากได้ขนาดนี้เชียวหรือ
มือหนาเอื้อมหยิบจับปากกาอีกครั้งเพื่อขีดเขียนแผนการตลาดที่ได้รับโจทย์มาอย่างละเอียด
แบรนด์ JERTINAI เครื่องสำอางที่เขาปั้นมากำลังจะตีตลาดไฮเอ็นเพื่อทัดเทียมแบรนด์เครื่องสำอางอื่นๆ หากแต่ตอนนี้วรุณภพไม่มีเวลามาคำนึงเรื่องอื่นมากนัก เพราะเขาต้องทำแผนการตลาดนอกเหนือจากศึกษาคู่แข่งรายอื่นๆ
“พี่อีกสิบนาทีนะ เดี๋ยวคุณสุชาติเรียกประชุม” มอสเดินออกมาบอกเขาพร้อมถือแฟ้มออกมาด้วย
“อืม” วรุณภพเพียงครางเบาๆ ในลำคอแล้วพยักหน้ารับรู้
“พี่อันนี้แฟ้มเอกสารงานหัตถการ” มอสเอ่ยขึ้นแล้วสบสายตาคู่คมเข้มของหัวหน้าหนุ่มวรุณภพอย่าตั้งใจ
“แล้วอันนี้แฟ้มรวบรวมรายชื่อนักแสดง” เต้ยื่นแฟ้มเอกสารหน้าปกเขียนไว้ว่า Micro Influencer ให้กับหัวหน้าหนุ่ม
“อันนี้เขาไม่เรียกนักแสดง” วรุณภพเอ่ยเสียงเข้ม
“แล้วเขาเรียกอะไรล่ะพี่” หนุ่มรุ่นน้องถามด้วยความอยากรู้กว่าเดิม
“เขาเรียกไมโครอินฟลูเอนเซอร์” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“จริงเหรอ” หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยถามทีเล่นทีจริง
“ใช่” วรุณภพเอ่ยเสียงเข้มกว่าเดิม
“พี่แล้วโปรโมชั่นใหม่ล่ะ” เสียงเรียกนั้นทำให้วรุณภพหันมาสบตาคนพูด
“พี่กำลังทำอยู่” วรุณภพตอบอย่างเมื่อยล้า เขาประสานมือสองข้างไว้บนหัว
“ได้ อีกสิบนาทีเจอกันที่ห้องประชุม มอสและเต้ล่วงหน้าไปก่อนได้เลย” เสียงเข้มของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นท้ายประโยควรุณภพสั่งให้เต้และมอสไปรอเขาล่วงหน้าได้เลย
“ได้ครับ” หนุ่มรุ่นน้องสองคนขานรับ
+++
Comments (0)