ยามราตรีที่ท้องนภาอาบย้อมไปด้วยสีหมึก หยาดฝนโปรยปรายน้อยลงทุกทีเพราะมันตกลงมาครึ่งค่อนคืนแล้ว สตรีรูปร่างผอมบางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่กระทบกันไปมาตามแรงลม ละอองฝนสาดกระเซ็นเข้ามาประพรมตามผิวกายจนขนชันเพราะความหนาวเย็น

ซูซินเหมย หลับตาลงเมื่อร่างกายเริ่มทานทนไม่ไหวอีกต่อไป ความเจ็บปวดในกายกำลังทรมานนางจนอยากหยุดหายใจทุกเวลา น้ำตาเม็ดใสไหลหล่นอาบแก้มที่ซูบตอบลงไปเนื่องจากขาดสารอาหาร

หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงบัดนี้ไม่ต่างอันใดจากซากศพที่ยังพอหายใจได้อยู่ ซูซินเหมยเหยียดยิ้มสมเพชให้แก่ชะตาของนางบางเบา หวนคิดไปถึงผู้ที่อยู่ห่างไกลถึงชายแดน หากเขากลับมาจะเสียใจหรือไม่ที่นางจากไป

หรือยินดีปรีดาที่ไม่มีสตรีไร้ค่าอยู่ข้างกาย

ซูซินเหมยหลับตาลงหุบรอยยิ้มลง มันก็คงจะเป็นอย่างหลังกระมัง นางปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกระลอกก่อนจะปาดมันทิ้งทุกหยาดหยดอย่างยากลำบาก

แรงจะยกแขนก็ยังแทบไม่มี

ดวงตาที่เคยสุกใสบัดนี้มันไร้แวว จ้องมองสายฝนพรำอีกครั้งแล้วพรั่งพรูทุกอย่างขึ้นมาภายในใจอยู่เงียบๆ เพียงผู้เดียว

อดสงสัยไม่ได้ว่าหากนางไม่ทำตัวไร้เดียงสาเพื่อเอาใจแม่สามีตั้งแต่แรกจะเป็นแบบนี้หรือไม่ หากไม่ยอมรับฮูหยินรองและอนุให้เขานางจะต้องมีจุดจบเช่นนี้หรือเปล่า

อยากจะรู้

...แต่คงไม่มีโอกาส

นึกเสียใจอีกครั้งที่นางมัวแต่เป็นห่วงชีวิตของตนเองจนซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้มาตลอด หากนางแผลงฤทธิ์ให้รู้ว่านางหาใช่ผู้ที่จะมารังแกกันได้ง่ายๆ บ้างเล่า

แต่คิดอยากทำตอนนี้ก็สายเกินไป

ซูซินเหมยปิดเปลือกตาลงเมื่อมันเริ่มหนักอึ้ง ลมหายใจแผ่วเบาลงทุกทีคล้ายว่าหากฝืนดันทุรังต่อไปก็เหนื่อยเปล่า

ก่อนจะไม่ได้รับรู้อะไรอีกซูซินเหมยทันเห็นประกายแสงจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาจนสั่นสะเทือนทั้งๆ ที่หาได้มีพายุและฝนก็เกือบหยุดแล้ว

คงอยากสมน้ำหน้านางกระมัง

...สตรีไร้เดียงสาน่าสมเพช

 

 

 

"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินน้อย" เสียงร้องเรียกพร้อมเขย่าตัวนายหญิงของตนเบาๆ ไม่ขาดสายดังขึ้นเนื่องจากตอนนี้เลยเวลาที่เหมาะสมแก่การตื่นนอนมามากพอสมควรแล้ว "ฮูหยินน้อยตื่นเถิดเจ้าค่ะ"

"..." เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ขยับเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกปวดระบมไม่น้อยและปูดบวมอย่างไม่ต้องส่องคันฉ่องทอดมอง

"ฮูหยินน้อยมารับสำรับเถิดเจ้าค่ะจะได้กินยา" เสียงสาวใช้คนสนิทนามว่าเสี่ยวชุ่นดังขึ้นอย่างห่วงใย

"..." ซูซินเหมยกะพริบตาถี่ปรับการรับแสง ความปวดหัวแล่นเข้ามาตามหลังอาการปวดตา นางมองเพดานด้านบนอย่างไม่เข้าใจ

ยังไม่ตายอีกหรือ?

"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ทานอาหารสักหน่อยเถิดแล้วค่อยมานอนต่อ ฮูหยินใหญ่ละเว้นการยกน้ำชาให้แล้วเจ้าค่ะ"

"เสี่ยวชุ่น?"

เสี่ยวชุ่นของนาง...

ซูซินเหมยยื่นมือเข้าไปประคองใบหน้าของเสี่ยวชุ่นที่นั่งอยู่ข้างเตียง พินิจพิจารณาอีกฝ่ายอย่างตั้งใจเพื่อทดสอบว่านางฝันไปหรือไม่

เป็นเสี่ยวชุ่นจริงๆ

"เป็นเสี่ยวชุ่นเจ้าค่ะ" ว่าพร้อมลุกขึ้นมาประคองนายหญิงของตนให้ลุกลงจากเตียง จับผ้าคลุมไหล่เอาไว้ให้อย่างใส่ใจ

"...เสี่ยวชุ่น" ซูซินเหมยพึมพำออกมาเบาๆ คล้ายคนไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งก้มลงมองร่างกายและผิวพรรณของตนที่ยังคงเปล่งปลั่งดังเดิมยิ่งทำความเข้าใจไม่ได้เสียที

นี่นางยังไม่ตาย?

หรือนางแค่ฝันร้ายไปเอง?

"ฮูหยินน้อยรับสำรับก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะไปให้คนตักน้ำเข้ามาให้อาบเจ้าค่ะ" ว่าแล้วก็รีบเดินออกไปทันทีไม่รอให้ซูซินเหมยทักท้วง

ซูซินเหมยมองตามหลังสาวใช้ของนางที่ควรจะตายไปตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้ว เป็นนางที่ไม่ยอมปกป้องเสี่ยวชุ่นเอาอย่างโง่เง่าถึงทำให้สาวใช้ผู้เปรียบเสมือนสหายที่ภักดีต้องตกตายโดยน้ำมือของผู้อื่น

เป็นเพราะนางอีกแล้ว

หญิงสาวก้มหน้าลงซ่อนหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาเงียบๆ อาการปวดตาของนางบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่คล้ายว่ามันจะไม่ใช่การร้องไห้ก่อนตาย

แต่ร้องไห้เพราะอย่างอื่น...

ซูซินเหมยมองไปรอบห้องที่ถือว่ากว้างพอตัว การประดับตกแต่งงดงามอย่างใส่ใจเช่นนี้เป็นห้องของนางในเรือนเหมยหลงไม่ผิดแน่

แต่ก่อนตายนางถูกจับไปยัดเอาไว้ยังเรือนเล็กห่างไกลผู้คนที่ท้ายจวนมิใช่หรือ

เสียงท้องร้องขึ้นมาอย่างน่าอายพาให้ซูซินเหมยหลุดออกจากความงุนงง นางกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า ค่อยๆ หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วกินทีละคำ

นานแล้วที่ไม่ได้ทานอาหารดีๆ เช่นนี้

ยามที่เสี่ยวชุ่นเดินนำบ่าวคนอื่นตักน้ำเข้ามาซูซินเหมยก็เงยหน้ามองนางอีกครั้งเหมือนกลัวว่าภาพตรงหน้าจะมลายหายไปก็ไม่ปาน

ในใจมีคำถามมากมายทว่านางรู้ดีว่าควรรอเวลาเสียก่อน กระทั่งกินจนอิ่มแล้วนางจึงเรียกเสี่ยวชุ่นมาเก็บสำรับไป

"ฮูหยินน้อยทานเยอะกว่าเมื่อวานอีกนะเจ้าคะ ดียิ่ง" เสี่ยวชุ่นยิ้มแย้มสดใสจนซูซินเหมยอยากเก็บมันเอาไว้ประดับใบหน้าสาวใช้ของนางให้คงอยู่ตลอดไปเหลือเกิน

ไม่ชมเปล่าเสี่ยวชุ่นยังวางถ้วยยาสีเข้มลงบนโต๊ะอีกเกือบเต็มถ้วยพร้อมถือสำรับที่พร่องไปแล้วยืนนิ่งรอดูนายหญิงของนางกินมันให้หมด

"นี่คือยาอะไร"

"ยาบำรุงเจ้าค่ะ ร่างกายฮูหยินน้อยจะได้แข็งแรง" แม้งุนงงแต่เสี่ยวชุ่นก็ตอบออกไปโดยละเว้นคำพูดที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจนายหญิง

"บำรุงทำไม" ซูซินเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเริ่มแน่ใจแล้วว่าตอนนี้นางไม่เหมือนเก่า นางอาจตายไปแล้วหรือถ้าไม่ตายก็คงนอนติดเตียงแค่กินยาบำรุงมันไม่เพียงพอฟื้นฟูร่างกาย

แต่ตอนนี้นางอยู่ในช่วงเวลาไหน

"..." เสี่ยวชุ่นเม้มปากแน่น ไม่เข้าใจว่าฮูหยินน้อยจะถามถึงเรื่องนั้นทำไม

ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วหรือ?

"เสี่ยวชุ่น เหตุใดไม่ตอบข้าเล่า"

"ก็ฮูหยินน้อยต้องบำรุงร่างกายเป็นพิเศษ หากไม่กินยานี่แล้วโอกาสในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปคงน้อย...เจ้าค่ะ" เสี่ยวชุ่นก้มหน้าเอ่ยอ้อมแอ้มเกรงกลัวว่าคำพูดของนางจะไปสะกิดต่อมจนซูซินเหมยน้ำตาไหลนอนซมอีก

ซูซินเหมยนิ่งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเข้าใจในทันทีว่าตอนนี้สถานการณ์ของนางเป็นเช่นไร

นางแค่อยากรู้เพียงเท่านั้นว่าหากนางปฏิบัติตัวแตกต่างจากที่เคยทำทุกอย่างจะเป็นอย่างไร ไม่คิดว่าสวรรค์จะเมตตาให้นางได้ย้อนกลับมารับรู้มันด้วยตัวเอง

แล้วยังย้อนมาในช่วงเวลาแสนย่ำแย่อีกด้วย

ซูซินเหมยก้มลงมองท้องของนาง แบบนี้แล้วแสดงว่าเมื่อสองเดือนก่อนในท้องนี้เคยมีลูกของนางกับ หานเฟยหลง อยู่

นางย้อนกลับมาในตอนที่แท้งลูกไปแล้ว...

หญิงสาววัยสิบเจ็ดหนาวเหม่อมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้โอกาสนางมากกว่านี้สักหน่อยเล่า ให้นางย้อนกลับมาเร็วขึ้นอีกสักสามวันนางก็จะรักษาลูกเอาไว้ได้แล้วแท้ๆ

แต่ซูซินเหมยก็ลืมไป

กาลก่อนนางเป็นสตรีเห็นแก่ตัวนัก ภายนอกดูไร้เดียงสาทว่าทำไปก็เพื่อปกป้องตัวเองทั้งนั้นจนไม่สนใจความรู้สึกคนอื่นแม้แต่สามีของนางเอง

ก็สมควรแล้ว

...ที่จุดจบของนางจะโดดเดี่ยวเช่นนั้น