ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งวิ่งไปบนพื้นถนนเฉอะแฉะ แสงอาทิตย์จืดจางลงและเริ่มถูกแทนด้วยความมืด เมฆครึ้มของฟ้าฝนที่แปรปรวนลอยอ้อยอิ่งราวกับกำลังมองดูเด็กสาวผู้โชคร้าย ว่าชีวิตและลมหายใจจะไปจบลงที่ใด บรรยากาศรอบตัวของเธอดูเงียบไปหมดทั้งที่วิ่งผ่านย่านครัวเรือนหลายครอบครัว

แสงสว่างของเสาไฟฟ้าติดโดยอัตโนมัติ เด็กสาวจับเสาร่างกายหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ใบหน้าสวยประดับด้วยความหวาดกลัว ดวงตากวาดมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง เธอค้นหามือถือในกระเป๋านักเรียน ฝ่ามือสั่นด้วยความเหนื่อยกดเบอร์สายด่วนแล้วยกขึ้นแนบหูทันที

‘เจ้าหน้าที่ตำรวจค่ะ’

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วยมีคนกำลังตามฆ่าฉันค่ะ”

น้ำเสียงตื่นตระหนกพูดอย่างรัวเร็ว สายตายังคงหันมองรอบข้าง ไม่มีเงาใดแปลกประหลาดมีเพียงกำแพงบ้านและความเงียบเท่านั้น

‘ขอทราบที่อยู่ค่ะ เราจะรีบส่งกำลังไป’

“อยู่ถนน…”

เหมือนเงาบางอย่างวูบไหวผ่านหางตา ริมฝีปากที่เตรียมร้องขอความช่วยเหลือ ถูกความกลัวผลักเสียงลงคอไปเสียแล้ว เสียงปลายสายดังแว่วออกมาจากมือถือ เด็กสาวหันไปมองทางซ้ายของตัวเอง มัน กำลังยืนมองเธออยู่ เสื้อกันฝนสีดำและมีดยาวในมือยิ่งทำให้มันไม่ต่างอะไรจากมัจจุราช

‘คุณคะ คุณคะ!’

เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจปลุกสติที่แตกกระเจิง เด็กสาวกำมือถือแน่นแล้วออกวิ่งต่อโดยไม่สนอะไร มันเองก็ออกตัวเร็วพอกัน สมองสั่งการให้หนีขาทั้งสองก็พาวิ่งอย่างไม่รู้ทิศทาง ป้อมตำรวจที่ใกล้ที่สุดก็ไม่รู้ สายตามองเห็นสวนสาธารณะอยู่ไม่ไกล ต้นไม้และความมืดอาจจะพอต่อชีวิตได้ หรือไม่แน่อาจจะมีใครที่ช่วยชีวิตเธอได้

โชคไม่ได้เข้าข้างเธอแม้แต่น้อย

สวนสาธารณะกลับว่างเปล่าไร้ผู้คน เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นก่นด่าตัวเองในใจว่าโง่บัดซบ ฝนตั้งเค้าจะเทซ้ำอีกรอบอยู่รอมร่อ ใครจะมาเดินเล่นกัน เสียงฝีเท้าหนักๆ ใกล้เข้ามาแล้ว ขาทั้งสองข้างวิ่งเข้าไปในสวนสาธารณะ เธอมองเห็นเครื่องเล่นอยู่ไม่ไกลสายตาอุโมงค์น้อยๆ นั่นอาจพอกำบังได้

หมับ!

มือหนาในถุงมือยางสีขาวคว้าที่คอเสื้อเหยื่ออย่างทันท่วงที เด็กสาวรู้สึกเหมือนความหวังพังทลายลงทันที ริมฝีปากเตรียมส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ก็ถูกปิดด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดลากเด็กสาวเข้าไปในป่าข้างทาง

มันเหวี่ยงร่างของเธอลงกับพื้นหญ้าแฉะๆ เด็กสาวยังไม่ยอมแพ้เธอคว้ากระเป๋านักเรียนโยนใส่หน้าคนร้าย ได้ผลมันยกมือขึ้นปิดหน้า เด็กสาวฉวยโอกาสตั้งท่าจะวิ่งหนี ก่อนจะหน้าคว่ำลงเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมาจับข้อเท้าบางแล้วกระชากลง มันขึ้นคร่อมร่างที่ไร้ทางสู้ ดวงหน้านองไปด้วยน้ำตาและสายตาเว้าวอนขอชีวิต

“ทำไม ฉันไปทำอะไรให้แก แกถึงทำกับฉันแบบนี้”

คนร้ายเอามือปิดปากของเด็กสาวให้เงียบลง เสียงฟ้าคำรามเป็นคำเตือนกลิ่นไอดินโชยขึ้น มันส่ายหน้าให้กับเหยื่อ ใบหน้าของฆาตกรถูกฉาบด้วยเงาจากหมวกชุดกันฝน มืออีกข้างคว้าวัตถุแวววาว คมมีดกระทบกับแสงน้อยนิดจากเสาไฟฟ้า

“จำอะไรไม่ได้เหรอ” มันพูดพร้อมแสยะยิ้ม “งั้นก็ไประลึกความจำในนรกเถอะ”

เสียงเหี้ยมเกรียมนั่นเอ่ย พร้อมเงื้อมือขึ้นสุดแขน คมมีดส่องประกายมากขึ้น นัยน์ของเด็กสาวเบิกโพลงด้วยความกลัวสุดใจ เสียงอู้อี้ใต้ฝ่ามือพยายามร้องขอชีวิต ก่อนที่คมมีดจะพุ่งผ่านอากาศลงมา เสียงใต้ฝ่ามือกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฆาตกรโหดแสยะยิ้มอย่างชอบใจ มันดึงมีดออกเลือดสีเข้มสาดกระเซ็นไปทั่ว ก่อนที่จะแทงซ้ำลงไปด้วยความแค้น จนกระทั่งเสียงกรีดร้องนั่นเงียบไปพร้อมกับลมหายใจของเด็กสาวผู้โชคร้าย

กลิ่นคาวเลือดเคล้าไอดินช่างสดชื่น รอยยิ้มน่าสะอิดสะเอียนเหมือนศิลปินชื่นชมผลงานชั้นเอกปรากฏขึ้น ฆาตกรลุกขึ้นพร้อมเช็ดมีดที่เปรอะไปด้วยเลือดอย่างเบามือ มันมองร่างที่แน่นิ่งก่อนเอาเท้าเขี่ยขาของคนตายอีกครั้ง

“นั่นใครน่ะ!”

เสียงของชายมีอายุตะโกนขึ้นพร้อมแสงสว่างจากไฟฉายสาดทำลายความมืด ไร้ซึ่งเงาตะคุ่มที่สงสัย ตำราจสายตรวจเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปบริเวณสวน เมื่อเท้าเหยียบย่างเข้าไป ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง มือที่ถือไฟฉายสั่นไปหมด เมื่อภาพตรงหน้าช่างน่าสยดสยองเกินบรรยายในชีวิตสายตรวจ

“พระเจ้า…”