ตอนที่ 1 แม่มดและเอลฟ์

 

ในช่วงบ่ายของวันที่บรรยากาศค่อนข้างครึกครื้นนั้น ผู้คนบางส่วนในที่แห่งหนึ่งต่างพากันให้ความสนใจกับหญิงสาวต่างแดนคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในหมู่บ้านขนาดกลางแห่งนี้ เนื่องจากที่นี่เป็นหมู่บ้านของเหล่ามนุษย์จึงทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษเพราะเธอคนนี้มีใบหูที่แหลมยาวซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอคนนี้เป็นชาวเผ่าเอลฟ์ ไหนจะดวงตาสีเขียวดั่งมรกตและผมสีทองยาวมัดรวบปลายที่ดูสง่างามนั่นอีก มันจึงทำให้เธอเป็นที่น่าจับตามองว่าทำไมคนจากชนเผ่านี้ถึงมาถึงที่นี่ได้

ในระหว่างที่เอลฟ์สาวคนนั้นกำลังเดินเข้ามาพลางสำรวจสถานที่แห่งนี้อยู่นั้นก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายด้วยความแปลกใจและเป็นกังวล แต่เธอไม่ได้สนใจเรื่องที่มีเอลฟ์มาที่หมู่บ้านนี้หรอกแต่เป็นเพราะท่าทางของสาวต่างแดนมีท่าทีคล้ายไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ขณะที่เดินก็ดูเหมือนคนไม่ค่อยมีแรงด้วยเธอจึงเข้ามาถามไว้เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง

“ไหวหรือเปล่าจ๊ะ ท่าทางไม่ค่อยสบายเลยนะ” หญิงชราถามขึ้นพลางเดินเข้ามาใกล้เอลฟ์สาวในระดับหนึ่ง อาการของอีกฝ่ายดูน่าเป็นห่วงมากเลยทีเดียว

“นิดหน่อยน่ะค่ะพอดีมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างทาง รู้สึกว่าจะเสียพลังเวทไปเยอะเลย” เอลฟ์สาวตอบกลับทันทีอย่างไม่คิดจะปิดบัง เธอเองก็มีท่าทีมาดีและเป็นมิตรอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

“ถ้างั้นจะเช่าที่พักแถวท้ายหมู่บ้านก็ได้นะจ๊ะ หรือถ้าสนใจจะลองไปซื้อยาบำรุงของแม่มดดูไหม แม่มดคนนั้นน่าจะมียาฟื้นฟูพลังเวทอยู่นะ”

“ยาของแม่มดงั้นเหรอ...”

พอได้ยินในสิ่งที่หญิงชราพูด เอลฟ์สาวก็บ่นพึมพำเบาๆ ออกมาเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ความจริงเธอก็เคยกินยาของพวกแม่มดมาบ้างอยู่นะแต่ขอบอกเลยว่ารสชาติมันค่อนข้างแย่มาก กว่าจะกลั้นใจกินให้หมดได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ ดังนั้นถ้าหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ เธอจะพยายามหลีกเลี่ยงของพวกนั้นอย่างเต็มที่เลย

แต่ในครั้งนี้เธอคิดว่ามันคงจำเป็นอยู่นะเพราะเธอเองก็ใช้พลังเวทไปค่อนข้างเยอะจนส่งผลทำให้ร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย กว่าพลังเวทจะฟื้นฟูเองได้ก็ต้องใช้เวลานานด้วย ขืนยังปล่อยไว้แบบนี้เธออาจจะนอนเปื่อยเป็นผักไปเกือบสองวันไม่ก็อาจจะสลบไปก่อนฟ้ามืดเลยก็ได้

“งั้นช่วยแนะนำร้านยาที่ว่าให้ได้ไหมคะ” เอลฟ์สาวถามออกไปทันทีที่ตัดสินใจได้

“เดินไปตามทางใหญ่นี่เลยจ้ะ ร้านหรือบ้านของแม่มดคนนั้นอยู่นอกหมู่บ้านเวลล่าห่างไปแค่หนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น แต่ถ้ากลัวไปไม่ไหวเดี๋ยวช่วยหาคนพาไปให้ได้นะจ๊ะ” หญิงชราตอบพร้อมกับหันไปชี้ทางที่ต้องไปซึ่งสาวต่างแดนมองเห็นเพียงแค่ทางออกจากหมู่บ้านเท่านั้น

“ไม่เป็นไรค่ะแค่กิโลเดียวเอง ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะคะ”

หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว เอลฟ์สาวก็ได้ขอตัวออกมาก่อนจะค่อยๆ เดินไปตามถนนใหญ่เพื่อไปยังร้านยาของแม่มดที่หญิงชราแนะนำไว้ ฟังจากระยะทางที่อีกฝ่ายบอกแล้วเธอไม่มีปัญหากับมันหรอกตราบใดที่ไม่ได้ออกแรงเยอะหรือใช้พลังมากเกินไปละนะ

 

เมื่อเอลฟ์สาวเดินมาตามทางได้สักพักหนึ่งเธอก็เริ่มมองเห็นบ้านหลังหนึ่งใกล้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก ดูท่าทางจะเป็นบ้านที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลยแถมตัวบ้านเองก็มีสองชั้นด้วย ให้เดาว่าต้องเป็นกลุ่มหรือไม่ก็ครอบครัวของแม่มดอย่างแน่นอน แต่แม่มดที่มาอาศัยอยู่ใกล้มนุษย์แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เช่นกันถ้าไม่นับพวกที่ตั้งใจมาขายของในเมืองอยู่แล้ว นั่นจึงทำให้เธอสงสัยปนสนใจมากเลยทีเดียว

พอเดินมาถึงที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว เอลฟ์สาวก็ทำการสำรวจที่แห่งนี้เล็กน้อยก่อนจะเดินมาที่ประตูทางเข้า ซึ่งที่หน้าประตูเองก็มีแผ่นป้ายไม้ขนาดใหญ่แปะเอาไว้พร้อมกับข้อความว่า ‘หากต้องการยาหรือสมุนไพรให้เปิดประตูเข้ามาเลย’ นั่นจึงทำให้เธอมั่นใจได้ว่าเธอมาถูกที่แล้วจริงๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เข้ามาข้างในบ้านเธอก็ได้เห็นบรรยากาศภายในที่ตกแต่งออกมาค่อนข้างสวยงามและเต็มไปด้วยพืชพรรณมากมาย แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจปนผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในถิ่นของแม่มดจริงๆ เลยล่ะ

ในขณะนั้นเองเธอได้เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนปรุงอะไรบางอย่างในหม้อขนาดใหญ่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ อีกฝ่ายมีผมยาวสีเงินประกายและมีดวงตาสีส้มคล้ายแสงตะวัน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรหญิงสาวที่ดูเหมือนวัยแรกรุ่นได้หันมาทางเธอพอดีก่อนจะเอ่ยกล่าวต้อนรับขึ้น

“ยินดีต้อนรับจ้า... เอลฟ์เหรอ”

พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นเอลฟ์สาวก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งตอบกลับเนื่องจากเจอแบบนี้มาบ่อยจนไม่รู้จะตอบรับคำถามนี้ยังไงดี เธอเลยเลือกที่จะยิ้มตอบก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงสิ่งที่เธอต้องการแทน

“อะฮะๆ พอดีมีคนในหมู่บ้านเวลล่าแนะนำมาน่ะ เธอพอจะมีพวกยาบำรุงหรือฟื้นฟูพลังเวทบ้างไหม ตอนนี้ฉันแทบจะไม่เหลือแรงแล้วด้วยสิ”

“งั้นขอถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะได้เลือกยาให้ได้ถูก” แม่มดสาวถามกลับทันที

“ระหว่างทางมาที่หมู่บ้านเวลล่าฉันเจอมอนสเตอร์กลุ่มหนึ่งเข้าโจมตีใส่น่ะ กว่าจะฝ่าดงพวกมันมาได้เล่นทำเอาฉันแทบไม่มีแรงเหลือเลย”

พูดได้เพียงเท่านั้นแม่มดสาวก็เดินไปที่หลังเคาน์เตอร์ทันทีก่อนจะยืนมองขวดยาทั้งหลายที่ตั้งอยู่บนชั้นวางขนาดใหญ่ ดูจากปริมาณของยาพวกนั้นแล้วแทบจะเทียบเท่ากับร้านยาของแม่มดในเมืองใหญ่เลยนะนั่น แต่มาขายในที่แบบนี้มันจะคุ้มจริงๆ เหรอน่ะ

ไม่นานนักคุณแม่มดก็ได้หยิบยาขวดหนึ่งออกมาจากชั้นวางก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยื่นขวดยาที่ว่าให้ ดูจากสีของมันแล้วมันดูธรรมดามากจนไม่เหมือนยาที่เอลฟ์สาวเคยฝืนกินมาก่อนเลยล่ะ ควรจะดีใจหรือสงสัยดีนะ

“นี่เป็นยาบำรุงร่างกายพร้อมกับฟื้นฟูพลังเวทนะ ถ้าเธอยังเหนื่อยอยู่จะดื่มเลยก็ได้แล้วก็อย่าลืมพักผ่อนด้วยล่ะ ส่วนราคาฉันคิดแค่สามเหรียญพอ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณแม่มดพูด เอลฟ์สาวถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายทันทีอย่างรวดเร็ว ลักษณะยาก็ว่าดูแปลกๆ แล้วยังคิดราคาถูกด้วยอีกอย่างนั้นเหรอ แค่ห้าเหรียญนี่ก็ว่าถูกสุดๆ เท่าที่เคยเจอมาแล้วนะ

“ระ... ราคาถูกกว่าที่เคยซื้ออีกแฮะ เธอพูดจริงเหรอ” สาวต่างแดนถามออกมาพร้อมกับแสดงท่าทีตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่ได้ไปขายแข่งกับใครด้วยนี่นะ บวกกับทำมาเพื่อเน้นขายให้คนในหมู่บ้านด้วยเลยไม่ได้คิดราคาสูงมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรด้วย”

พอได้ฟังอย่างนั้นแล้วเอลฟ์สาวก็ค้นหาเงินในกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะยื่นเงินจำนวนสามเหรียญไปให้คุณแม่มดอย่างว่องไว จากนั้นก็รีบเปิดขวดแล้วดื่มยาเข้าไปทันทีเพื่อให้ตัวเองได้สัมผัสกับรสชาติของมันน้อยที่สุด

แต่ระหว่างนั้นเองเธอก็เริ่มรู้สึกถึงรสชาติบางอย่างก่อนจะค่อยๆ ลองลิ้มรสมันอย่างตั้งใจดู นอกจากจะไม่มีรสชาติแปลกๆ แบบที่เคยกินแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรชนิดหนึ่งด้วย ถึงจะไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรแต่มันทำให้ยานี้ดื่มง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย

“เพิ่งเคยเจอยาดื่มง่ายขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย แถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย” เอลฟ์สาวพูดขึ้นทันทีอย่างประหลาดใจ แต่ก็มีท่าทีพอใจกับมันมากด้วยเช่นเดียวกัน

“ฉันผสมเปปเปอร์มิ้นต์เข้าไปด้วยเล็กน้อยน่ะเพื่อให้ตัวยามันดื่มง่ายขึ้น แต่มันก็ไม่ลดประสิทธิภาพของตัวยาด้วยนะ”

ทางแม่มดสาวเองได้ตอบกลับพร้อมกับอธิบายสรรพคุณยาของตัวเองออกมาด้วยความภาคภูมิใจ กว่าเธอจะคิดค้นวิธีนี้ขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะขายยาในราคาที่สูงอยู่แล้ว ยังไงซะมันก็เป็นสิ่งที่เธอชอบทำด้วยจึงเน้นขายในราคาที่เหมาะสมกับคนในพื้นที่มากกว่า

ส่วนสาวต่างแดนในตอนนี้ได้ดื่มยาในขวดไปจนหมดเรียบร้อย ถือว่ารอบนี้เธอโชคดีมากเลยล่ะที่ได้มาเจอแม่มดคนนี้น่ะไม่งั้นป่านนี้เธอคงหน้ามืดไปกับรสชาติของยาจนต้องรีบเผ่นออกไปโวยวายคนเดียวอยู่ข้างนอกร้านแล้ว

ระหว่างนั้นแม่มดสาวได้ลอบมองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงมีเอลฟ์เดินทางมาที่นี่แล้วไหนจะกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายไว้อยู่อีก เนื่องจากเอลฟ์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอาณาจักรของตัวเองและยังห่างไกลจากอาณาจักรแห่งนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากที่จะเจอเอลฟ์นอกอาณาจักรดังกล่าว

“ว่าแต่เธอมาทำอะไรแถวนี้เหรอ ตั้งแต่อยู่มาฉันยังไม่เคยเห็นเอลฟ์มาที่อาณาจักรเมริเดียมเลยนะ” แม่มดสาวถามทันทีเพื่อคลายความสงสัย

“สถานะตอนนี้คงต้องเรียกว่านักเดินทางสินะ ช่วงนี้ฉันว่างเลยออกเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆ น่ะ ไว้หลังพักผ่อนฉันจะเข้าเมืองมิเนราลิสต่อด้วย”

“เมืองหลวงของอาณาจักรนี้สินะ พอดีเลยที่หมู่บ้านเวลล่ามีคนเปิดที่พักให้เช่าอยู่ได้ด้วย เธอสามารถไปพักที่นั่นได้นะแถมราคาค่อนข้างถูกด้วย”

เมื่อได้ฟังที่เอลฟ์สาวเล่า คุณแม่มดก็แนะนำเรื่องที่พักในหมู่บ้านให้ทันทีซึ่งก็น่าจะเป็นที่เดียวกันกับที่หญิงชราได้แนะนำสาวต่างแดนเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ บางทีถ้าเธอจะพักที่นั่นสักหน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ผู้คนที่นี่ก็ดูเป็นมิตรและไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ด้วย

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ อ๊ะ ไหนๆ แล้วฉันขอถามชื่อเธอไว้ได้ไหมเผื่ออยากแวะมาอุดหนุนยาอีก” สาวต่างแดนตอบรับก่อนจะถามกลับอย่างรวดเร็ว

“ฉันชื่อ ลูซีน เป็นแม่มดก็จริงแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่นานแล้วล่ะ ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะ”

“ฉัน ฟลาเวีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนละกันนะ ขอบคุณสำหรับยาดีๆ ด้วยล่ะ”

“อื้ม!ไว้มีโอกาสก็แวะมาอีกได้นะ เดินทางปลอดภัยล่ะ”

 

หลังจากที่พูดคุยและแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว ฟลาเวียก็ได้ออกมาจากร้านยาของลูซีนก่อนจะเดินทางกลับมายังหมู่บ้านเวลล่าที่เคยมาก่อนหน้านี้

สำหรับแผนการเดินทางในวันนี้ของฟลาเวียนั้นก็คงต้องไปเช่าที่พักอยู่หนึ่งคืนก่อนนั่นแหละนะ ถึงจะได้ยาดีจากคุณแม่มดมาแต่ถ้ายังฝืนเดินทางต่อทันทีเธออาจจะเผลอวูบไปตอนไหนก็ได้ ยังไงซะเธอก็ไม่ได้รีบเดินทางไปต่ออยู่แล้วสู้พักผ่อนให้ร่างกายได้ฟื้นพลังยังจะดีกว่าอีก

แน่นอนว่าหลังจากเช่าที่พักในหมู่บ้านนี้ได้แล้วเธอก็เข้ามาในห้องก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปล้มใส่เตียงนอนทันทีอย่างรวดเร็ว ใครจะไปคิดละว่าแค่สู้กับมอนสเตอร์ในป่าระหว่างทางจะกินพลังงานเธอไปได้ขนาดนี้ ถ้ามันมาแค่สองถึงสามตัวก็ยังพอว่าแต่นี่รุมเข้ามาเกือบยี่สิบตัวเชียว แถมทุกทีก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนด้วย รอดมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญสุดๆ แล้วล่ะ

ส่วนแผนการของวันพรุ่งนี้ก็คงไม่พ้นการเข้าไปในเมืองมิเนราลิสแหละนะแต่เธอก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากครอบครัวดี แต่เรื่องที่เธออยากจะทำก่อนไปก็คงเป็นการแวะไปหาคุณแม่มดอีกครั้งละนะ ดีไม่ดีอาจจะซื้อยาติดตัวไว้เผื่อระหว่างทางที่ไปในเมืองด้วย ถ้าที่หมู่บ้านนี้มีรถม้าพาไปก็ดีนะจะได้ไม่ต้องเดินไปเองเลย

พอวางแผนการของวันนี้และพรุ่งนี้ไว้ในหัวเรียบร้อย ฟลาเวียก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ ผล็อยหลับไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว บางทีร่างกายเธออาจจะต้องการการนอนพักผ่อนก็ได้นะ