2 ตอน เพื่อนเก่า
โดย แคทลีน
เพชร
“สวัสดีครับ พี่เพชร เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮะ” เสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มมาจากเจ้าของสายตานั้น เป็นรอยยิ้มที่ผมดูออกว่าต้องฝืน ไม่ใช่ยิ้มธรรมชาติในแบบของเขา เขาเดินเข้ามาพร้อมยื่นมือออกมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เคอะๆ เขินๆ มีความประหม่าอยู่ในที
ผมตื่นจากภวังค์เพราะเสียงเขา ยื่นมือไปจับทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับเก่ง ใช่เราไม่ได้เจอกันนานเลย กลับมาเมืองไทยแล้วเหรอ” ผมเองก็พยายามทำเสียงให้เป็นปกติทั้งที่ในใจนั้นระส่ำ เราทั้งคู่โน้มตัวเข้าหา ตบบ่าของอีกฝ่าย เหมือนเพื่อนสนิททักทายกัน แต่เราไม่ใช่ วันนี้เราไม่ใช่คนที่สนิทกันแล้ว ผมรู้ว่าท่าทางของเราทั้งคู่คงดูแปลกๆ เพราะความรู้สึกกระอักกระอ่วน ทำตัวไม่ถูกกับสถาณการณ์นี้ และมันต้องแสดงออกมาชัดเจนผ่านทางภาษากายอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วสายตาของผมก็เลื่อนไปเจอคนที่มาด้วยกัน หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนข้างๆเขา ผมยาวประบ่า แต่งตัวทันสมัยตามวัย ถือว่าเป็นผู้หญิงสวยคนนึงทีเดียว ‘คงจะเป็นแฟนของเก่ง’ ความคิดนี้ทำให้หัวใจผมยิ่งเต้นกระตุกแรงกว่าเก่าและตามมาด้วยก้อนจุกที่คอเกินจะเอ่ยอะไรออกไปได้
“ครับ กลับมาเยี่ยมบ้าน พี่มาทานข้าวกับครอบครัวเหรอฮะ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว ไว้มีโอกาสเจอกันอีกนะครับ” เก่งยิ้ม ก้มหัวเล็กน้อยให้กับคนที่นั่งอยู่โต๊ะผม เป็นการทักทายตามมารยาทแล้วหันเดินจากไป ไปกับผู้หญิงคนนั้นที่มาด้วยกัน พนักงานเดินนำทั้งสองคนไปที่โต๊ะอาหาร ผมมองตามจนเก่งเดินลับสายตาไป ถึงได้หันกลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ยิ้มให้กับลูกชายตัวน้อยที่นั่งข้างๆ
“ใครเหรอคะ เพื่อนเก่าคุณเหรอ เมย์ไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย” เสียงเมย์ถามถึงคนที่ทักทายเมื่อกี้นี้
“ทำไมคุณต้องตกใจที่เจอเขาขนาดนั้นคะ”
“จริงๆ ผมไม่คิดว่าผมจำเป็นต้องตอบคำถามนี้กับคุณนะเมย์ แต่ก็นะ ใช่ เขาเป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนอยู่อเมริกาเราไม่ได้เจอกันตั้งเกือบสิบปีแล้ว เท่านี้ที่ผมจะตอบและหวังว่านี่คงตอบข้อสงสัยของคุณได้”
ผมตอบด้วยเสียงที่พยายามทำให้ราบเรียบที่สุด ในใจผมตอนนี้มันไม่สงบนิ่งเอาซะเลย ทั้งเพราะชายหนุ่มคนเมื่อกี้และเพราะคำถามที่น่าหงุดหงิดจนไม่อยากตอบ
เมย์นิ่งไป ชักสีหน้าไม่พอใจ คงเพราะไม่คิดว่าผมจะเคืองกับการคำถามธรรมดาๆ แบบนี้
ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็เห็นเก่งเดินลิ่ว ท่าทางกำลังคุยโทรศัพท์เดินออกไปจากร้าน ‘คงจะมีธุระสำคัญ’ ผมมองตามเก่งเดินออกจากร้านไป
☁️
เก่ง
ผมกับหวานมาทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารจีนในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางกรุง ระหว่างเดินตามพนักงานที่พาไปนั่งที่โต๊ะ ผมก็มองรอบๆ ร้านเพื่อมองหาที่นั่งที่ถูกใจ แต่แล้วสายตาผมก็ต้องหยุดเมื่อได้เห็นด้านข้างของคนคนหนึ่ง
คนที่เคยเป็นคนคุ้นเคย ไม่ต้องใช้การสังเกตใดๆเลย แค่มองผ่านแวบเดียวผมก็รู้ว่าเป็นเขาคนนั้น ผมตัวแข็งขาชา ใจเต้นระส่ำ อยากจะดึงสายตาไปที่อื่นแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนมองด้วยความตื่นตะลึง กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เห็นภาพด้านข้างนี้ที่เคยเห็นทุกวัน
พลังจิตของผมคงส่งออกไปโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงหันมามองผมเหมือนกัน ความประหลาดใจไม่แพ้กันเพราะเขาถึงกับลุกขึ้นยืน จ้องมาที่ผม เราประสานตากันโดยไม่ได้เอ่ยอะไรเหมือนอยู่ในภวังค์
“เก่งคะ” เสียงเรียกจากหวานทำให้ผมได้สติ ผมจำเป็นต้องเดินเข้าไปทักทายตามมารยาทเพราะเรามองเห็นกันและกันแล้ว แต่มันก็ใช้เวลาพักนึงเลยกว่าผมจะขยับเท้าเดินเข้าไปหาเขาได้
ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยทักยังไงให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ‘พี่เพชร’ ชื่อนี้ผมไมได้เรียกมาเกือบสิบปีแล้วสินะ วันนี้ได้เรียกอีกครั้งก็ต้องยอมรับว่าผมไม่สามารถทำใจให้นิ่งได้ ดีเท่าไรแล้วที่ผมบังคับเสียงผมให้ปกติไม่แสดงพิรุธออกไป
ระหว่างที่ทักทายกันผมก็เหลือบไปเห็นเด็กชายตัวน้อยกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวดี ภาพที่เห็นนั้นผมประมวลผลได้ไม่ยากว่าเป็นครอบครัวของพี่เพชร เพราะภาพนี้ใจผมกระตุกกระวนกระวายจนผมกลัวว่าจะแสดงพิรุธออกไป ผมรีบขอตัวออกมาก่อน ผมกับหวานเดินมานั่งที่โต๊ะตามที่พนักงานพามา ถึงจะค่อนข้างไกลและมองไม่เห็นเขาคนนั้นอีก แต่ใจผมนี่สิผมบังคับมันให้อยู่กับผมยังไม่ได้ ความคิดในหัววนเวียนอยู่กับโต๊ะตรงนั้นตลอด
“หวาน ผมขอโทษนะ เผอิญผมมีเรื่องนิดหน่อย มันค่อนข้างด่วน ผมเพิ่งได้รับข้อความ เราคงต้องกลับแล้วหล่ะ ผมขอโทษจริงๆ ไว้คราวหน้าผมจะพามาเลี้ยงไถ่โทษนะครับ” ผมแกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนหน้านั้นไม่นาน พร้อมข้ออ้างต่างๆ นาๆ เท่าที่สมองตื้อๆ ของผมจะคิดออก
“คะ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามีธุระด่วนก็รีบไปเถอะค่ะ หวานไม่เป็นไรเลย”
“ขอโทษจริงๆ นะครับ”
หวานเป็นผู้หญิงที่เพื่อนผมแนะนำให้รู้จักตอนกลับมาครั้งนี้ เราเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ยังอยู่ในช่วงทำความรู้จักกัน ผมเลยต้องขอเสียมารยาทเพราะตอนนี้ผมไม่สามารถทำใจให้นิ่งพอที่จะพูดคุยอะไรด้วยได้ ผมจำเป็นต้องอ้างเรื่องข้อความเร่งด่วนที่ตัวเองไม่ได้รับ และทำทีเป็นยุ่งเดินคุยโทรศัพท์จ้ำอ้าวออกจากร้านไปโดยไม่ต้องหันไปมองเขาคนนั้นอีก
TBC